ตอนที่ 74 ถูกคนลักพาตัวไป
1/
ตอนที่ 74 ถูกคนลักพาตัวไป
หมอยาไร้ใจ
(
)
已经是第一章了
ตอนที่ 74 ถูกคนลักพาตัวไป
ตนที่ 74 ถูกคนลักพาตัวไป เซี่ยฮวานจรือกำมือทั้งคู่แน่นเป็นกำปั้น การตัดสินใจที่ยากลำบากเช่นนี้ก็ใช้พละกำลังของเขาอย่างมาก เดิมองค์รัชทายาทถูกกำหนดมิอาจหนีรอดจากความตาย แต่เหลียงอิ่งมาเอง ทำให้เขาไม่สามารถปฏิเสธได้ เพื่อเหลียงอิ่ง เขาสามารถละทิ้งทุกอย่าง เสียสละทุกอย่าง จ่ายทุกอย่าง แม้แต่ความเชื่อศรัทธาในใจเขาที่แข็งแกร่งที่สุดก็สามารถละเว้นเมินเฉยได้ ช่วยองค์รัชทายาทรอดชีวิตแล้ว เขาค่อยไปรับการลงอาญาอีก สูญเสียโอกาสในครั้งนี้ ยังจะมีครั้งต่อไป แต่เขามิอาจให้เหลียงอิ่งเสียใจ เขาค่อย ๆ โบกพับจีบในมือครั้งหนึ่ง แววตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกลึกซึ้งมองไปยังเหลียงอิ่ง ยากมากที่จะเห็นนางเหลียวกลับมามอง “ไปกันเถอะ ไปพระตำหนักองค์รัชทายาท” เหลียงซินถอนหายใจโล่งอกไปที ในที่สุดได้รับสิ่งที่นางต้องการ นางจับแขนของเหลียงอิ่งไว้แน่น ทั้งสองตามหลังของเซี่ยฮวานจรือไปตลอดทาง ไปยังพระตำหนักองค์รัชทายาท โปร่งใสแจ่มชัด พระตำหนักองค์รัชทายาทที่เรียบง่ายไม่หวือหวาอยู่ไม่ไกลจากหอไป๋เซียง ไม่กี่คนนั่งรถม้ามาถึงพระตำหนักองค์รัชทายาทอย่างรวดเร็ว บ่าวรับใช้ที่ประตูเมื่อเห็นพวกเขา รีบเดินมาต้อนรับ “พระสนมสิง บ่าวรออยู่ที่นี่มานานแล้ว เชิญทางนี้ขอรับ” ตลอดทางบ่าวรับใช้นำคนทั้งสามเข้าไปในห้องขององค์รัชทายาท พระมเหสียังคงรอในห้องเหมือนเดิม ใจรีบร้อนดั่งไฟเผา เฝ้าดูธูปดอกนั้นไม่ห่างไปแม้สักก้าวเดียว เมื่อธูปกำลังใกล้จะมอดดับ เสียงประตูก็ดังขึ้น ได้เห็นเหลียงซิน เหลียงอิ่งและเซี่ยฮวานจรือเข้ามาแล้ว “นี่คือ...” พระเนตรกลมโตสวยงามของพระมเหสีทรงเลิกขึ้นเล็กน้อย ทอดพระเนตรผู้คนตรงหน้าแทบไม่กล้าที่จะเชื่อ เหลียงซินกราบทูลแนะนำว่า “พระมเหสีพระมารดา นี่เป็นพี่สาวคนโตของหม่อมฉัน นี่เป็นเพื่อนของพี่สาวหม่อมฉัน ได้เรียนรู้อย่างมากในศิลปะการใช้พิษกู่ หม่อมฉันจึงได้เชิญเขามาเป็นพิเศษเพื่อแก้คำสาปพิษกู่ขององค์รัชทายาทเพค่ะ” ขณะสายตาทั้งสี่ประสานกันชั่วพริบตานั้น ในดวงตาที่อ่อนโยนสุภาพของเซี่ยฮวานจรือกลับมีเจตนาฆ่ากระแสหนึ่งแวบผ่าน แต่เพียงชั่วแวบเดียวก็ถูกเขาฝืนบีบอัดกลับลงไป ดวงตาเย็นยะเยือกคู่นั้นยังคงจ้องมองพระมเหสีไว้เหมือนเดิมไม่ปล่อยวาง บรรยากาศในห้องพลันรู้สึกแปลก ๆ เล็กน้อย “ดี ขอเพียงสามารถรักษาองค์รัชทายาท คิดอยากได้ของกำนัลใดเปิ่นกงล้วนทรงอนุมัติแล้ว” พระมเหสียังไม่ได้เห็นการแสดงออกแปลก ๆ ของเซี่ยฮวานจรือ พระทัยพระนางมีเพียงทรงอยู่กับพระวรกายขององค์รัชทายาทเท่านั้น เซี่ยฮวานจรือ กล่าวอย่างเย็นชาว่า “ข้าไม่ขาดแคลนสิ่งใดทั้งนั้น วันนี้ข้ามาที่นี่ เพราะเพื่อนขอ ขอเชิญพวกเจ้าออกไปก่อนเถอะ” เขาส่งสัญญาณมือเชิญครั้งหนึ่ง มีความหมายให้ทุกคนในห้องออกไปหมด เพื่อองค์รัชทายาท ไม่กี่คนก็ไม่กล้าพูดอะไร ได้แต่ออกไปรอข้างนอก เวลาผ่านไปทุกนาทีทุกวินาที อากาศที่เงียบสงบถูกย้อมด้วยบรรยากาศที่วิตกกังวล การรอคอยที่ยาวนานทำให้ทุกคนไม่สบายใจโดยเฉพาะอย่างยิ่งพระมเหสี เหมือนมดในกะทะร้อน หมุนไปรอบ ๆอย่างรีบร้อน ไม่พักสักวินาทีเดียว ฟ้าเริ่มค่อย ๆ มืดลงแล้ว หลังจากเกือบสองชั่วยาม ในที่สุดประตูห้องถูกคนเปิดออกอย่างเงียบ ๆ เซี่ยฮวานจรือเหงื่อไหลท่วมตัว ใบหน้าเหนื่อยล้าเดินออกมา เสียงแหบแห้ง “พิษกู่ในพระวรกายขององค์รัชทายาทถูกกำจัดแล้ว ไม่กำเริบขึ้นมาอีก อีกสองสามชั่วยามก็จะทรงฟื้นแล้ว” พระมเหสีทรงโสมนัสยิ่ง รีบทรงวิ่งเข้าไปในห้องทันที เหลียงอิ่งดูเซี่ยฮวานจรือท่าทางเหนื่อยล้าทั่วหน้า เอาผ้าเช็ดหน้าออกมา ใส่ไว้ในมือของเขา ไม่ได้สัมผัสมากเกินไป ก็ถอนมือกลับทันที “เอาไปเช็ดเหงื่อ ไม่ต้องคืนให้ข้าแล้ว” นางกล่าวอย่างจืดจาง ผ้าเช็ดหน้าสีชมพูอ่อนเย็บปักถักร้อยด้วยดอกเหมยสีขาวซึ่งเบ่งบานในฤดูหนาวที่เย็นยะเยือกดอกหนึ่ง ดูมีเสน่ห์ยิ่ง บนนั้นยังเจือด้วยกลิ่นอันบริสุทธิ์ของนาง ไม่ได้ใช้เช็ดมา ราวกับได้รับของมีค่าที่น่าอัศจรรย์ในทั่วหล้าเช่นนั้น สมบัติหายากซึ่งหาที่เปรียบมิได้ “พี่ฮวานจรือ พิษกู่ที่องค์รัชทายาทได้รับแท้จริงคืออะไร? เจ้าใช้วิธีใดในการแก้พิษกู่หรือ?” เหลียงซินเพียงสนใจในเรื่องนี้เท่านั้น รีบเอ่ยปากถาม ดวงตาของเซี่ยฮวานจรือมืดสลัวลง ใบหน้าซีดเซียวจนดูน่าเกลียด เกือบจะไม่มีความรู้สึกใด ๆ “ศิลปะการถอนพิษกู่เป็นอาจารย์ข้าถ่ายทอดให้ข้า ไม่สะดวกที่จะแจงรายละเอียด แต่ว่าพิษกู่ที่องค์รัชทายาทได้รับ นับว่าไม่ร้ายแรง มิฉะนั้นคงตายแน่มิต้องสงสัย” เหลียงซินเข้าใจ จึงไม่ได้ถามต่อไป เขายินดีเต็มใจที่จะมาช่วยชีวิตองค์รัชทายาทในวันนี้ ก็ขอบคุณมากแล้ว ไม่กล้าถามอื่นๆ ใด ๆมากอีก เมื่อสามคนมาถึงนอกประตูพระตำหนักขององค์รัชทายาท ฟ้าก็ได้มืดสลัวลงมาทั้งหมดแล้ว แสงจันทร์อันสว่างสดใสพุ่งทะลุผ่านชั้นเมฆ ประกายแสงที่เจิดจ้าสาดส่องตกลงบนพื้นดิน สะท้อนไปบนร่างของทุกคน โคมไฟสีแดงขนาดใหญ่คู่หนึ่งนอกประตูพระตำหนักขององค์รัชทายาทส่องหน้าประตูจนสว่างไสว ในคืนดึกดื่นนี้ ได้รสชาติไปอีกแบบ เรื่องราวจบแล้ว เหลียงซินก็ไม่คิดรบกวนพวกเขาทั้งสอง ตั้งใจที่จะให้พวกเขาอยู่กันตามลำพังสักพัก จึงได้บอกลาที่หน้าประตู “พี่ฮวานจรือ ขอบคุณท่านสำหรับเรื่องในวันนี้ ฟ้ามืดแล้ว ขอรบกวนท่านส่งพี่สาวคนโตกลับจวน ข้าต้องกลับไปที่พระตำหนักอ๋องสิงก่อนแล้ว” เซี่ยฮวานจรือจึงเพิ่งแสดงรอยยิ้มที่อ่อนโยนออกมา “วางใจ” ขอเพียงเกี่ยวกับเหลียงอิ่ง มุมปากเขามักมีรอยยิ้มประดับ เหมือนในฤดูหนาวอันเย็นยะเยือกได้กอดกองไฟที่อบอุ่นเช่นนั้น มีเซี่ยหวนจรืออยู่ เหลียงซินรู้สึกวางใจที่จะเดินไปยังพระตำหนักอ่องสิง วันนี้ไม่เพียงให้เซี่ยฮวานจรือส่งเหลียงอิ่งกลับไป แต่ยังสร้างโอกาสให้พวกเขาได้อยู่ด้วยกันตามลำพังโอกาสหนึ่ง ยิ่งกว่านั้น เหลียงอิ่งก็จะแต่งไปไกลโพ้นถึงแคว้นซีหนิง แต่งงานกับคนที่ไม่เคยได้เห็นหน้ากันมาก่อน นางไม่วางใจมากจริง ๆ ถ้าเป็นไปได้ ในใจส่วนตัวของนางเองหวังว่าเหลียงอิ่งและเซี่ยฮวานจรือจะได้อยู่ด้วยกัน แต่ถ้าในอนาคตจะต้องแยกจากกันจริง ๆ มีคำพูดอะไร ได้พูดให้ชัดเจนก่อนแต่เนิ่น ๆก็ดี จะได้ไม่เสียใจในภายหลัง เหลียงซินทางหนึ่งคิด ทางหนึ่งมุ่งเดินไปข้างหน้าอย่างกล้าหาญ ทันใดนั้น บนรั้วสูงล้อมรอบมีคนสวมชุดสีดำโผล่ออกมาสิบกว่าคน พลันเหินฟ้าลงสู่พื้น ล้อมรอบนางไว้หนาแน่น สันดาบที่หนาวเหน็บส่องแสงวาววับภายใต้แสงจันทร์ ราวกับมีอันตรายดาบเดียวทะลุคอหอยได้ เหลียงซินประเมินวิทยายุทธ์ของตนเองไปครั้ง เคล็ดวิชานางยังท่องได้ไม่ชำนาญพอ เคล็ดวิชาเฉียนคุนของตระกูลเหลียงเพียงฝึกถึงชั้นที่สอง อย่างไรเสียก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของคนเหล่านี้ อีกอย่างนางมือเปล่ากำปั้นเปล่า ไม่ว่าจะต่อสู้อย่างไร แนวตั้งแนวนอนล้วนต้องตาย นางยืนอยู่กลางถนนอย่างใจเย็น ไม่ขยับเคลื่อนไหวสักนิด ลมปราณสะกดนิ่งไว้ที่ตันเถียน ถามเสียงทุ้มลึกว่า “ข้ากับทุกท่านไม่มีข้อพิพาทบาดหมางกันในอดีต ปัจจุบันไม่มีความแค้นกัน ยังคงขอให้ทุกท่านหลีกทางเถอะ!” คนที่เป็นผู้นำถามเสียงเย็นชาว่า “เจ้าคือพระสนมสิง เหลียงซินหรือไม่?” เหลียงซินขมวดคิ้ว ดูเหมือนว่าคนเหล่านี้รู้จักนาง ถ้าเช่นนั้น นางยอมรับ หรือไม่ยอมรับ? นางกัดฟันแน่น ไม่พูดจา และก็ไม่กล้าพูดจา หลังจากนั้นอีกนาน เสียงคมเฉียบของดาบกระบี่กระทบกันดังมาเข้าหู ในยามท้องฟ้ามืดมิด ดูเหมือนแสบแก้วหูและน่ากลัวเป็นพิเศษ เหมือนสิงโตโกรธอย่างรุนแรงตัวหนึ่ง ในวินาทีถัดไปก็บ้าคลั่ง “ไม่พูดจาก็ไม่เป็นไร! เอาตัวไปให้ข้า!” คนนั้นออกคำสั่ง โบกมือไปครั้ง คนชุดสีดำหลายคนวิ่งทะยานขึ้นหน้ามาทันที ซ้ายขวาโก่งคันธนู จะคุมตัวเหลียงซินไป ไม่อาจรู้ได้ ในช่วงพริบตาที่ประชิดนาง ฝ่ามือนางรวบรวมพลังอย่างลับ ๆ ซ่อนเข็มเงินสองสามเล่มไว้ที่ปลายนิ้ว ซัดแล่นบินไปยังคอหอยของสองสามคนนั้นอย่างโหดเหี้ยม “เฟี้ยว ๆ”สองเสียง สังหารคนชนิดไร้รูป ยอมเป็นชิ้นหยกสลาย ไม่ขอเป็นแผ่นกระเบื้องสมบูรณ์ แม้ว่าจะต่อสู้ฆ่าฟันกับพวกเขาจนถึงที่สุด แต่ก็จะไม่ยอมแพ้ เพราะในพจนานุกรมของชีวิตนาง ก็ไม่มีคำว่ายอมรับความพ่ายแพ้! “ยังพอมีฝีมือบ้าง” ผู้นำคนนั้นหัวเราะเบา ๆ ทำมือให้ลูกน้องที่ข้างกาย พยักหน้าครั้งหนึ่ง คนนั้นก็รีบพุ่งทะยานเข้าไป แต่น่าเสียดายที่ทั้งหมดนี้ตกอยู่ในสายตาของเหลียงซินอย่างสมบูรณ์แบบ สองคนที่ด้านหลังคิดจะลอบโจมตีนางจากด้านหลัง นางเบี่ยงตัวหลบไปด้านข้างเล็กน้อย ก็หลีกเลี่ยงจากคนนั้นอย่างหมดจด พลิกมือคว้าไปครั้ง คิดจะแบหักมือของคนนั้นโดยตรง แต่กลิ่นหอมสายหนึ่งจากฝ่ามือนั้นพุ่งใส่หน้า นางสูญเสียความรู้สึกทั้งหมดในทันใด ...ยาหอมหลงวิญญาณ พระตำหนักอ๋องสิง ท้องฟ้ามืดสลัวลงแล้ว แสงเทียนที่สดใสประกายหนึ่งสะท้อนส่องออกมาจากห้องหนังสือ เฉินฮ่าวไพล่พระหัตถ์ประทับยืนไว้ สีพระพักตร์ดูมืดครึ้มเหมือนน้ำค้างแข็ง ตั้งแต่เขาได้ยินว่าในที่สุดเหลียงซินก็ยังไปพระตำหนักองค์รัชทายาทเพื่อรักษาองค์รัชทายาท กระทั่งพระกระยาหารดึกยังไม่รับ ทรงประทับในห้องสมุดรอเหลียงซินสามชั่วยามเต็ม ๆ ความอดทนถูกลดทอนสูญสิ้นไปทีละเล็กทีละน้อย นางคนนี้ขวัญยิ่งมายิ่งกล้าแล้ว ไม่เพียงแต่ขัดพระมหาบัญชาของเขาไปรักษาอาการบาดเจ็บขององค์รัชทายาท ดึกปานนี้ยังกล้าที่จะยังไม่กลับพระตำหนัก! รอนางกลับมาแล้ว ต้องสอนบทเรียนดี ๆให้นางสักคราอย่างแน่นอน ให้นางได้เรียนรู้จักว่าที่แท้กฏของพระตำหนักสิงว่ามีความเข้มงวดเท่าใดสักครั้ง ขณะนี้ ประตูของห้องสมุดถูกผลักเปิดอย่างเบา ๆ จุยเฟิง จรู๋เย่ว์สองคนเข้ามาห้องสมุด เดินอย่างรวดเร็วมาที่เบื้องพระพักตร์รายงานว่า “ท่านอ๋อง ข้าน้อยได้รอที่พระตำหนักองค์รัชทายาทเป็นเวลานานมาก แต่ไม่เห็นเงาร่างของพระสนม แต่ข้าน้อยได้พบเข็มเงินซึ่งเป็นของพกติดตัวของพระสนมในตรอกที่ไม่ไกลจากพระตำหนักขององค์รัชทายาทเพค่ะ” กล่าวพลาง มอบถวายเข็มเงินในมือให้เฉินฮ่าว ประกายเข็มเงินเล่มหนึ่งวาววับภายใต้แสงเทียนส่องสว่างเล็กน้อย เขามองปราดเดียวก็จดจำออกว่านี่เป็นเข็มเงินของเหลียงซิน! เพราะ ขณะอยู่ที่สนามแข่งม้า นางเคยให้เข็มเงินแก่เขาเพื่อไว้ใช้ป้องกันตัวเอง เพียงแต่เวลานั้นเขาไม่ได้ใช้ หลังจากนั้นก็เก็บขึ้นมา “นางได้รับอันตรายแล้ว!” ประกายดวงเนตรคมเฉียบของเฉินฮ่าวกระพริบผ่านไป ในใจอดที่จะเครียดขึ้นมาไม่ได้ บ้าจริง เขากลับเป็นกังวลห่วงนางคนนั้น? เขารู้สึกในใจเฉกเช่นเหมือนถูกเข็มแทง เมื่อคิดว่านางอาจจะได้รับบาดเจ็บ อาจจะสูญเสียชีวิต เมื่อคิดว่าเขาจะไม่ได้เจอนางอีก ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถทำร้ายนาง ในโลกนี้คนเดียวที่สามารถทำร้ายนางได้ ก็มีเพียงเขาเฉินฮ่าวเท่านั้น! “จุยเฟิง จรู๋เย่ว์ พวกเจ้าไปสืบทันที ที่แท้ใครจับเอานางไป แล้วถ่ายทอดเรื่องนี้แก่หลินเยว่ ให้เขาส่งองครักษ์หลวงมาพันนายปิดล้อมเมืองหลวงทั้งหมด” เฉินฮ่าวบัญชาลงไป ทั้งสองรีบออกไปดำเนินการทันที เขาไม่เชื่อแล้วว่าทั้งเมืองหลวงมีใครขวัญกล้าเช่นนั้น แม้แต่พระสนมของเขายังกล้าจับ! สายตาของเขาจับจ้องเข็มเงินบนโต๊ะอย่างใกล้ชิด ในดวงตาที่มืดมนดิ่งลึก ค่อย ๆมีแววผิดปกติกระพริบผ่าน เข็มเงินสองเล่มนี้ เหตุใดจึงไม่ค่อยเหมือนเข็มเงินสองเล่มที่ทำให้เหลียงอินบาดเจ็บเมื่อครั้งก่อน? ถึงแม้ว่าเป็นเข็มเงินขนาดเดียวกัน แทบจะมองไม่ออกว่ามีความแตกต่างใด แต่ภายใต้แสงเทียน ดูอย่างถี่ถ้วน ยังสามารถเห็นถึงความแตกต่างได้ เข็มเงินที่เหลียงซินใช้ บนเข็มนั้นจะมีสีเหลืองอ่อน นั่นเป็นเพราะเหตุที่แช่ในน้ำยา ดังนั้นดูแล้วสีจะค่อนข้างเข้มหน่อย อย่างไรก็ตาม เข็มเงินที่ดึงจากแผ่นหลังของเหลียงอินเมื่อครั้งก่อน บนเข็มนั้นก็ไม่มีร่องรอยใด ๆ จริง ๆ สะอาดสะอ้าน ก็ เหมือนว่าเป็นของใหม่ทั้งหมดแบบนั้น! กล่าวเช่นนี้ เรื่องนั้นเมื่อครั้งก่อน ล้วนเป็นเขาเข้าใจผิดเหลียงซินไปแล้ว? แต่ว่า เข็มเงินสองสามเล่มนั้นบนหลังของเหลียงอิน เป็นเรื่องอะไรกันอีก? หรือว่า นางจงใจใส่เข็มเงินไม่กี่เล่มบนหลังนางเองแล้วรอที่จะใส่ร้ายเหลียงซิน?
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
ตอนที่ 74 ถูกคนลักพาตัวไป
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A