ตอนที่ 76 การลงอาญาด้วยไฟ
1/
ตอนที่ 76 การลงอาญาด้วยไฟ
หมอยาไร้ใจ
(
)
已经是第一章了
ตอนที่ 76 การลงอาญาด้วยไฟ
ตนที่ 76 การลงอาญาด้วยไฟ เห็นท่าทีเฉินฮ่าวเป็นกังวลในเรื่องการหายตัวไปของเหลียงซิน ในใจเหลียงอิ่งเต็มไปด้วยความสงสัย นางค่อย ๆ เดินเข้ามาข้างพระวรกายพระองค์ ดวงตาที่สดใสแฝงด้วยแววสอบถาม “อ๋องสิง ท่านทรงใส่พระทัยต่อซินซินมากใช่ไหมเพค่ะ?” เฉินฮ่าวกำลังจะขึ้นไปบนม้า มือที่ถือบังเหียนเกร็งแข็งไปครั้ง คำพูดประโยคเดียวของนาง ดูเหมือนจะทะลุทะลวงความคิดของเขาทั้งหมดไปแล้ว ทุกอย่างในคืนนี้ ก็เพื่อความปลอดภัยของเหลียงซิน และแม้กระทั่งไม่เสียดายที่จะบุกเข้าถ้ำเสือด้วยตนเอง หัวใจของเขาเต้นแรง คืนนี้เมื่อเขาได้ยินเหลียงซินเกิดเหตุ ไม่เพียงแต่เป็นกังวลมาก แต่ยังเกิดรู้สึกกลัวการสูญเสียอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน เขาออกศึกทำการรอบไปทั่วสารทิศตั้วแต่วัยเยาว์ ฆ่ามานับไม่ถ้วน เห็นชีวิตความตายและปล้นสะดมภ์จนจืดชืด เดิมคิดว่าไม่หวั่นไหวต่อสิ่งใดทั้งสิ้น แต่เพื่อเหลียงซินกลับยกเว้นครั้งแล้วครั้งเล่า “เปิ่นหวังรู้ว่าเจ้าเป็นคนฉลาด แต่ยังต้องเตือนเจ้าสักคำว่าอย่าเดาความคิดของเปิ่นหวังส่งเดช” เฉินฮ่าวเกลียดความรู้สึกที่ถูกคนมองทะลุเรื่องในใจ โดยเฉพาะหญิงสาวคนหนึ่ง จริงดั่งคาด เหลียงอิ่งเดาได้ถูกต้องแล้ว ตั้งแต่ครั้งแรกขณะที่เฉินฮ่าวเหยียบเข้าตำหนักเจิ้นอันเพื่อค้นหาเหลียงซิน นางก็มองออกแล้วตั้งแต่ต้นจนจบ คืนนั้น สายตาที่เฉินฮ่าวมองเหลียงซิน ก็เหมือนเซี่ยฮวานจรือมองดูนางราวกับพิมพ์เดียวกัน เต็มไปด้วยความรักปรนเปรอและตามใจ เพียงแต่สายตาของเซี่ยฮวานจรือเปิดเผยไม่เกรงกลัว แต่เฉินฮ่าวอดกลั้นยับยั้งชั่งใจ นางยิ้มโค้งริมฝีปากครั้งหนึ่ง พร้อมกับถอนหายใจโล่งอกไปครั้ง “ถ้าเป็นเช่นนี้ ข้าเชื่อ อ๋องสิงท่านสามารถพาซินวินกลับมาอย่างปลอดภัยแน่นอนเพค่ะ” เฉินฮ่าวได้ยินคำพูด ไม่แสดงความคิดเห็นว่าใช่หรือไม่ใช่ เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วพลิกตัวขึ้นหลังม้า สะบัดแส้ไปครั้ง วิ่ง ตะบึงไปในทิศของเสี่ยวไป๋ เห็นลักษณะกลุ่มคนและม้าวิ่งตะบึงออกไป การแสดงออกของเหลียงอิ่งผ่อนคลายลงเล็กน้อย แต่ในใจยังคงแบกภาระไว้อย่างเหนียวแน่นเหมือนเดิม ช่วงวินาทีที่ไม่เห็นเหลียงซินปลอดภัยไร้เรื่องราว นางก็มิอาจวางใจลงได้ ข้างกายเงาร่างที่คุ้นเคยเงาหนึ่งได้ขยับเขามาใกล้นาง เซี่ยฮวานจรือขมวดคิ้วไว้แน่น ในค่ำคืนที่มืดมิดนี้ เห็นได้ว่าค่อนข้างกังวลและเย็นชา “อิ่งเอ่อร์ ข้าจะพาเจ้ากลับตำหนักก่อน รอจนได้ข่าวซินซินแล้ว ข้าจะส่งคนไปบอกเจ้า” คิ้วของเขาดูจริงจังหนักแน่น โชคดี เหลียงอิ่งดูอะไรไม่ออกเลยท่ามกลางคืนอันมืด รอจนส่งนางกลับไปยังตำหนักเจิ้นอัน เซี่ยฮวานจรือมองดูนางอย่างไม่อาจตัดใจ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้พบหน้านาง ในเวลาไม่กี่เดือนมานี้ ครั้งต่อไปพบหน้า ก็ไม่รู้ว่าจะเป็นเมื่อไหร่ “อิ่งเอ่อร์ ครั้งก่อนที่ข้าขอให้ซินซินส่งจดหมายให้เจ้า เจ้าได้อ่านไหม? เจ้าเต็มใจที่จะตามข้าไปไหม?” เขาลังเลสักพัก ในที่สุดก็เอ่ยปากถามขึ้น ในที่สุด นั่นเป็นโครงการหนีตามคนรักที่เขาคิดไปคิดมาจนวางแผนขึ้นมาอย่างประณีต เขาสามารถสละทิ้งทุกอย่าง หันหลังให้กับความเชื่อในใจลึก ๆ ทรยศหักหลังทุกคนในโลกนี้ เพียงแค่เพื่อนางเท่านั้น ภายใต้แสงเทียนที่สลัวลางเลือน เหลียงอิ่งผลักมือเขาออกไป ค่อย ๆ ถอยหลังไปอย่างช้า ๆ ตัดรักไม่เหลือเยื่อใยเย็นชา “ฮวานจรือ ในชีวิตนี้เรามิอาจเป็นไปได้อีก เจ้าโปรดอย่ามายุ่งกับข้าอีกในวันหน้า” นางรู้ว่าถ้านางไม่พูดเช่นนี้ เซี่ยฮวานจรือจะไม่มีวันตายใจตลอดกาล และนางมิอาจแต่งงานเข้าพระตำหนักอ่องซีหนิงอย่างไร้กังวล “ข้าไม่เชื่อ เจ้ามองตาข้า พูดอีกครั้ง!” เซี่ยฮวานจรือกุมไหล่ของนางไว้แน่น พลันสายตาเย็นยะเยือกอำมหิต “เซี่ยฮวานจรือ พ่อข้าได้รับคำสั่งแล้ว ข้าก็ได้ตกลงแต่งกับเสี่ยวเทียนเยวียนแห่งพระตำหนักอ๋องซีหนิง ถ้าเจ้ายังพัวพันข้าไม่เลิกอีกชั่วชีวิตนี้ไม่เป็นเพื่อนก็ต้องเป็นศัตรูได้เท่านั้น” คำพูดของนางหนึ่งอักษรหนึ่งประโยค บีบคั้นให้เซี่ยฮวานจรือต้องจนมุมตายอย่างเย็นชาและโหดร้าย ทุกตัวอักษรของนางเฉกเช่นการประทับตราที่จารึกลงลึกเข้าไปในใจของเขา โจมตีเขาจนทั้งร่างปราศจากผิวที่สมบูรณ์ เมื่อได้ยินคำว่าศัตรูสองคำนี้ เขาหวาดกลัวจนปล่อยมือ เขาเข้าใจเหลียงอิ่ง นางเอ่ยออกมาได้ก็สามารถทำได้ สิ่งที่รับไว้แน่แท้ จะไม่มีวันเปลี่ยนแปลงอีกเลย เพียงแต่ นางตัดสินใจยอมรับแน่แท้ทุกอย่าง แต่ไม่เคยยอมรับเขามาก่อน ต่อให้รักอย่างลึกซึ้ง ไม่ยินยอมเพียงไร ก็ได้แต่ค่อย ๆ ปล่อยมือ เซี่ยฮวานจรือก็เป็นแบบนี้ ตาจ้องมองเงาหลังของเหลียงอิ่งหายลับไปในประตู มิอาจทำอะไรได้ โศกนาฏกรรมที่คืนนี้เปิดการแสดงขึ้น “ซู่” น้ำเย็นเจี๊ยบอ่างหนึ่ง สาดใส่ร่างเหลียงซินโดยไม่มีการเตือนล่วงหน้า นางถูกกระตุ้นไปครั้งก็ตื่นขึ้นมาจากภวังค์ทันที เวียนศีรษะมาก วิสัยทัศน์ไม่ชัดไปบ้าง ทั้งร่างชาเมื่อยไปหมดทั้งตัว น่าจะเป็นอาการข้างเคียงที่ผงหอมหลงวิญญาณทิ้งไว้ รอบด้านมืดมิดคลุมเครือ นอกจากโคมไฟสองดวงที่แขวนในที่สูง แสงสว่างเล็กน้อยก็ไม่มี เหลียงซินไม่อาจเห็นสภาพแวดล้อมโดยรอบได้ชัด แต่ยังรู้สึกสัมผัสถึงความกว้างใหญ่ เย็นยะเยือก เย็นดุจน้ำแข็ง นี่น่าจะเป็นห้องใต้ดิน นางยังไม่ทันรู้แน่ชัดถึงสภาพแวดล้อมในปัจจุบัน ข้างหูก็ได้ยินเสียงหยาบคายขุ่นมัวเสียงหนึ่ง “ทำไมจับผู้หญิงมา? แล้วองค์รัชทายาทล่ะ?” อีกเสียงหนึ่งตอบทุ้มต่ำ “หลังจากองค์รัชทายาทรับพิษกู่ก็อยู่แต่ในพระตำหนักองค์รัชทายาทมาตลอด คนของเราไม่มีโอกาสที่จะเข้าไป แต่ได้เห็นพระสนมสิงที่นอกประตู ดังนั้นจึงได้จับมา ก็ไม่นับว่าไม่ได้อะไรเลย!” “เจ้ารู้อะไร เป็นเพียงนางสนมสิงคนเดียว เปรียบกับองค์รัชทายาทได้หรือ? อย่าว่าแต่คนในราชสำนักจะยอมแลกเปลี่ยนกับพวกเราไหม ถ้าเจ้าสำนักรู้ว่าเจ้าลักพาตัวผู้บริสุทธิ์ ต้องลงโทษเจ้าตามกฎของสำนักแน่นอน” เสียงขุ่นมัวเฒ่าชรานั้นพูดอีก แต่อีกคนกลับหยุดไปสักครู่ ไม่ได้พูดจาอีก หลังจากนั้นไม่นาน ก็เริ่มพูดอย่างระมัดระวัง “ม่อเหล่า ฟังว่าองค์ชายห้าอ๋องสิงก็เป็นราชโอรสที่องค์จักรพรรดิหมิงจ้าวทรงโปรดปราน ถ้านำพระสนมสิงไปข่มขู่เขา ไม่แน่ว่าอาจจะใช้ได้?” เหลียงซินฟังการสนทนาของพวกเขา วิเคราะห์อย่างใจเย็น ที่แท้คนเหล่านี้มีเป้าหมายเดิมคือองค์รัชทายาท แต่กลับจับผลัดจับพลูจับนางมาโดยบังเอิญ พวกเขาคิดใช้องค์รัชทายาทไปข่มขู่จักรพรรดิหมิงจ้าว เป้าหมายคืออะไรอีก? จนเมื่อนางได้ยินคำสุดท้าย อดที่จะหัวเราะเยาะให้กับตัวเองไม่ได้ “ไม่มีประโยชน์ที่จะใช้ข้าไปข่มขู่อ๋องสิง พวกเจ้าฆ่าข้าเสียตอนนี้กลับทำตามพระประสงค์ของเขาแล้ว” ทั้งสองคนนั้นเดินตามแสงเทียนสลัวในห้องใต้ดินเข้ามาใกล้ หนึ่งเฒ่าชรา หนึ่งหนุ่ม เงาร่างไหวไปมาตรงหน้าของเหลียงซิน เมื่อนางได้เห็นรูปร่างหน้าตาพวกเขาอย่างชัดเจน ต้องหยุดชะงักตะลึงนิ่งไป เค้าหน้าพวกเขาไม่เหมือนคนประเทศเย่ว์ทักษิณ ดวงตาทั้งคู่สีน้ำตาลเข้มดำดิ่งลึกมาก ขนคิ้วดกดำ ผิวออกสีดำ ริมฝีปากหนามาก ดูไปแล้วค่อนข้างซื่อสัตย์ ทรงผมของพวกเขาหงิกงอหยิกหยอง ไม่คล้ายสีดำแต่เป็นสีน้ำตาลอ่อน ในความทรงจำของเจ้าของเดิม ดูเหมือนว่าจะค่อนข้างคุ้นเคยกับลักษณะของคนเหล่านี้ พวกเขาเป็นชาวหลึงในซีอวี้ แต่เมื่อห้าปีก่อนถูกประเทศเย่ว์ทักษิณทำลายล้างในคราเดียว ตั้งแต่นั้นมาสิ้นชาติ ตอนนั้น ชาวหลึงที่โชคดีรอดชีวิตกลุ่มน้อยกลุ่มหนึ่ง ถูกจับเป็นทาสแรงงานในพื้นที่ห่างไกลของประเทศเย่ว์ทักษิณ ยังมีเชื้อพระราชวงศ์บางส่วนสาบสูญไป จนถึงวันนี้ยังไม่เคยได้พบผู้คนเลย เหลียงซินดูคนที่อยู่ข้างหน้าอย่างตกใจบ้าง พวกเขาคงไม่ใช่...กลุ่มเชื้อพระราชวงศ์ที่หายตัวไปกลุ่มนั้น “เจ้าเป็นพระสนมเอกอ๋องสิงแท้ ๆ เพื่อไม่ให้เป็นที่หัวเราะเยาะของคนทั่วหล้า อ๋องสิงต้องส่งคนมาช่วยเจ้า อย่าโทษตัวเองเช่นนี้เลย ชาวเย่ว์ทักษิณแม้จะโหดร้ายอำมหิต แต่ก็รักษาหน้าอย่างยิ่งยวด จะไม่ยอมอับอายปวงชนทั่วใต้หล้าหรอก” คนนั้นที่ชื่อม่อเหล่า ดูเหมือนจะเข้าใจสถานการณ์ปัจจุบันของประเทศเย่ว์ทักษิณ ราวกับทุกอย่างอยู่ภายใต้การควบคุมของเขา “ถ้าเจ้าไม่เชื่อคำพูดของข้า รอดูกันว่าเฉินฮ่าวจะเห็นแก่การที่เรียกว่ารักษาหน้าหรือไม่ มาที่นี่เพื่อช่วยข้า” เหลียงซิน ส่งเสียงฮึ่มอย่างเย็นชาไปครั้ง เกรงว่าคนเหล่านี้จะดีดลูกคิดผิดไปแล้ว ถ้าคนที่ถูกจับมาในวันนี้คือเหลียงอิน แม้ว่าเขาจะต้องทุ่มเทชีวิตไป เขาอาจจะมาที่นี่เพื่อช่วยนาง แต่ดันเป็นนางเหลียงซินคนนี้ซึ่งไม่ได้รับความโปรดปรานจากอ๋องสิงมากที่สุด คนนั้นที่อายุน้อยกว่ามองไปยังม่อเหล่า ราวกับไม่เชื่อ “ม่อเหล่า แม้ว่าพระสนมสิงนี้จะไม่ได้รับความโปรดปราน ดีชั่วอย่างไรก็เป็นคนในราชนิกูล ถ้าใช้เชือดไก่ให้ลิงดู ชาวเย่ว์ทักษิณก็ไม่กล้าดูถูกเรา!” ม่อเหล่าลูบคาง รู้สึกว่าค่อนข้างสมเหตุสมผล จึงสั่งการลูกมือที่ปิดบังใบหน้าหลายคนข้าง ๆ เขา “พวกเจ้าจงก่อแท่นไฟแท่นหนึ่งนอกป่า มัดวางพระสนมสิงไว้บนนั้น ยามจื่อประหารด้วยไฟ”” “ขอรับ” คนนั้นตอบ แล้วกระซิบถามว่า “เรื่องนี้ต้องแจ้งเจ้าสำนักก่อนไหม?” ม่อเหล่าครุ่นคิดเล็กน้อยไปที ในที่สุด สั่นศีรษะ “ไม่กี่วันนี้เจ้าสำนักปิดด่านฝึกเคล็ดวิชา ยังคงอย่าไปรบกวนท่านเลย” กล่าวจบ คนคลุมชุดสีดำปกปิดใบหน้าสีดำหลายคนที่ข้างกายก็เดินมาหาเหลียงซินทันที “ออกไป! อย่าแตะต้องข้า!” ดวงตาอำมหิตโหดเหี้ยมทั้งคู่ของเหลียงซินจ้องพวกเขาไว้ ทำท่าเตรียมป้องกัน แต่คนเหล่านั้นพละกำลังมือมหาศาลอย่างประหลาด กระชากนางไว้แน่น ศอกนางกระทุ้งไปครั้งอย่างแรง คนเหล่านั้นหลบเลี่ยงไปได้อย่างง่ายดาย จับนางเดินไปที่ประตูห้องใต้ดิน ออกจากห้องใต้ดินที่มืดมน เดินออกมาจึงเห็นสภาพแวดล้อมภายนอกได้อย่างชัดเจน ที่นี่เป็นวัดปรักหักพังที่ถูกทิ้งร้าง ล้อมรอบด้วยเขาแห้งแล้งเนินเขาทุรกันดาร คนที่ได้เหยียบเท้ามาน้อยมาก และคนเหล่านั้น ขุดห้องลับแห่งหนึ่งใต้วัดปรักหักพัง ให้พวกเขาอาศัยอยู่ เพราะทั้งประเทศเย่ว์ทักษิณ ห้ามคนจากประเทศหลึงเข้ามา เหยียบเข้าประเทศหลึงเองโดยพลการ ถ้าไม่ตายก็ถูกจับตัวส่งไปเป็นทาสอย่างต่อเนื่องยังพื้นที่ห่างไกล ไม่มีโอกาสจากไปได้ นอกจากต้องตาย เหตุผลที่คนเหล่านี้คลุมหน้าสวมหมวก แต่งตัวอย่างเข้มงวด เพราะพวกเขาไม่ต้องการให้คนอื่นเห็นใบหน้าที่มีลักษณะพิเศษของพวกเขา ในที่สุดเหลียงซินก็เข้าใจแล้ว คนเหล่านี้คิดจะลักพาตัวองค์รัชทายาท ก็เพื่อผู้ที่ยังรอดชีวิตของประเทศหลึง และวันนี้นางทราบตัวตนของคนเหล่านี้จึงต้องตายแน่ ๆ ! “วางนางไว้บนชั้น รอยามจื่อมาถึงประหารนางทันที” ม่อเหล่าบัญชา หลังจากนั้นเหลียงซินก็เหมือนหมูย่างตัวหนึ่งแบบนั้น ถูกมัดไว้บนชั้นเหนือกองไฟ ตอนนี้นางไร้ความสามารถที่จะต่อต้านและหนีโดยแท้จริง ตั้งแต่ข้ามมิติมายังประเทศเย่ว์ทักษิณ นางได้ประสบสิ่งต่าง ๆ มากเกินไป ไม่เป็นตัวของตนเอง เรื่องราวยอมรับความลำบากอย่างไม่ขัดขืน ก็เข้าใจ เรื่องราวมากมายล้วนไม่ใช่นางพูดแล้วนับได้ วันนี้ถูกลักพาตัวมาที่นี่ นอกจากความตายแล้ว ไร้จินตนาการว่าจะมีผู้ใดมาช่วยนางได้ แต่นางไม่เคยละทิ้งการช่วยเหลือตนเองเลย แต่นี่เป็นสิ่งที่แทบจะเป็นไปไม่ได้ ดวงจันทราลอยเด่นกลางนภา เวลาไหลรินผ่านไปอย่างเงียบ ๆ แสงไฟในค่ำคืนที่เงียบสงบยิ่งฉายยิ่งสว่าง เสียงเผาไหม้เปี๊ยะ ๆ ทำให้คนกลัวมาก ยามจื่อ ใกล้จะมาถึงแล้ว เหลียงซินพยายามสงบสติอารมณ์ของตนเอง คิดจะพูดคุยต่อรองกับพวกเขา “ม่อเหล่าใช่ไหม? ถึงแม้ข้าจะไม่ใช่พระสนมคนโปรดของอ๋องสิง แต่ยังสามารถเข้าใจว่าพวกเจ้าต้องการอะไร ถ้าพวกเจ้าปล่อยข้าไป ข้าจะไปขอร้องจักรพรรดิแน่นอน ให้ทรงปลดปล่อยทาสแรงงานของประเทศหลึงเหล่านั้นไปซะ!”
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
ตอนที่ 76 การลงอาญาด้วยไฟ
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A