ตอนที่ 77 เลือดต้องล้างด้วยเลือด   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 77 เลือดต้องล้างด้วยเลือด
ต๭นที่ 77 เลือดต้องล้างด้วยเลือด สองคนนั้นต่างมองหน้ากันและกัน ครุ่นคิดเป็นเวลานาน แต่ชายหนุ่มอีกคนกล่าวอย่างดุร้าย “ม่อเหล่า ชาวเย่ว์ทักษิณไม่มีคนใดเป็นคนดี โกหกหลอกลวงทั้งเพ นางเป็นเพียงหญิงคนหนึ่งเท่านั้น ทำไมสามารถพูดโน้มน้าวจักรพรรดิหมิงจ้าวได้ ยังคงอย่าได้ฟังนางพูดจาไร้สาระ!” ศัตรูที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของประเทศหลึงคือประเทศเย่ว์ทักษิณ เมื่อเผชิญหน้าประเทศที่เคยยิ่งใหญ่จนถูกทำลายล้างในคราเดียว ในใจม่อเหล่ายังคงกังวลบ้างว่าถ้าเหลียงซินสามารถโน้มน้าวจักรพรรดิหมิงจ้าวให้ปล่อยเหล่าทาสแรงงานแล้ว ก็เป็นสิ่งที่ดี แต่ถ้าไม่ได้ งั้นร่องรอยของพวกเขาก็ต้องถูกเปิดเผยออกมาด้วย ถึงเวลานั้นแม้แต่พวกเขาก็คงรอดได้ยาก ขณะนี้เจ้าสำนักยังปิดด่านอยู่ ทุกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการฟื้นฟูพรรคหลึงล้วนเป็นเขาจัดการ ถ้าเขาทำการตัดสินใจผิดก็จะทำร้ายทุกคน แม้ว่าเขาตายก็มิอาจพ้นตราบาปได้! แม้ว่ามีโอกาสหนึ่งอยู่ตรงหน้า เขาก็ไม่กล้าใช้ “เจ้าพูดได้ถูก คืนนี้ฆ่าพระสนมสิงเตือนให้จักรพรรดิหมิงจ้าวและเชื้อพระวงศ์ว่าครั้งต่อไปที่ตายจะไม่ใช่เพียงแค่พระสนมองค์หนึ่งเท่านั้นแล้ว!” ม่อเหล่าพยักหน้าอย่างมีสติและได้ทำการตัดสินใจแล้ว ไม่มีประโยชน์ที่จะโน้มน้าว เหลียงซินไม่สามารถคิดวิธีที่ดีกว่าออกมาได้ชั่วขณะ เพียงแค่กัดฟันรอโอกาส เวลาผ่านไปทุก ๆ วินาที บรรยากาศที่เงียบสงบ ไม่รู้ว่าใครตะโกนออกมาประโยคหนึ่งว่า “ยามจื่อได้ถึงแล้ว” คนรอบข้างต่างถือคบเพลิง เดินเข้าหาเหลียงซิน ม่อเหล่ายืนอยู่ตรงกลาง สั่งการครั้งเดียว เพียงเห็นผู้คนรอบ ๆ ตัวต่างแยกย้ายเข้าใกล้เหลียงซิน ท่ามกลางคืนอันมืดมิดแสงไฟที่น่าตื่นตาตื่นใจนั้นระเบิดรัศมีการฆ่าฟันเล็กน้อยออกมา เต้นไหวระริกอย่างบ้าคลั่งรุนแรง บรรยากาศ แปลกประหลาดน่ากลัวสุด ๆ เหลียงซินริมฝีปากเกือบจะถูกกัดเละแล้ว ในปากเต็มไปด้วยกลิ่นเลือด ตาทั้งคู่ของนางจ้องมองทุกสิ่งตรงหน้าอย่างวิงเวียน ชั่วขณะฟ้าผ่า หินอัคนี กลับคิดถึงเฉินฮ่าวขึ้นมา เมื่อใดก็ตามที่นางตกอยู่ในอันตราย เฉินฮ่าวก็มักจะปรากฏขึ้นข้างกายนางทันที เพื่อปกป้องนางจากลมและฝน ทนรับการบาดเจ็บแต่เขาก็ได้เปลี่ยนวิธีทำร้ายนาง เมื่อยามที่นางใจอ่อน ก็จะจู่โจมใส่นางอย่างสาหัสสักครั้ง... จู่ ๆ นางก็ได้สติขึ้นมา ขณะนี้เป็นเวลาอะไรแล้ว กลับยังมัวแต่คิดถึงเฉินฮ่าว! “จุดไฟ!” เสียงขุ่นมัวของม่อเหล่ากรัดข้ามท้องฟ้ายามค่ำคืน เสียงดังสนั่นชัดปรากฏในหูของทุกคน คบเพลิงสั่นไหวอยู่ตรงหน้าของเหลียงซิน สิบกว่าคนล้อมวงเข้ามา รอบทิศกองฟืน จุดเปลวไฟที่รุนแรงขึ้นมาทั้งหมด ส่งเสียงเปี๊ยะ ๆ ระเบิดแตกออก ตั้งแต่ครั้งที่แล้วช่วยชีวิตเฉินเชร้อในพระราชวังชูอิง โชคดีที่ยังรอดชีวิตได้ หลังจากนั้นเหลียงซินก็กลัวไฟมากยิ่ง แม้แต่เวลาปกติจุดเทียนก็มักจะระมัดระวัง ตอนนี้ต้องเผชิญกับไฟโหมรอบด้าน ได้แต่รอความตายท่าเดียว ยิ่งทำให้จิตใจมนุษย์ยากที่จะรับไหว “แค๊ก ๆ” เหลียงซินถูกควันหนาสุมรมไว้ ไฟโหมร้อนแรงกระจายออกไป หายใจลำบาก ถ้ามิใช่นางหยิกฝ่ามือไว้แน่น เกรงว่าอาจจะหมดสติไปนานแล้ว บางทีครั้งนี้ อาจยืนหยัดต้านไม่ไว้แล้ว ทันใดนั้น เสียงเกือกเท้าม้าระลอกหนึ่งกรีดร้องมาแต่ไกล เสียงเกือกเท้าม้าบ้าคลั่งสับสนดังสนั่น สร้างลักษณะทหารเป็นพันม้าเป็นหมื่นออกมา หลายร้อยคนล้อมรอบภูเขาลูกนี้ไว้แน่นหนา ไม่อนุญาตให้ผู้ใดหายใจได้ ม่อเหล่าและชายหนุ่มหัวคิ้วกระโดดขึ้นทันที รีบให้ผู้คนในชุดสีดำที่ด้านข้างวางกำลังแหฟ้าตะข่ายดิน เตรียมพร้อมอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามที่สามารถหาถึงที่นี่ในวันนี้ นั่นก็อย่าหมายคิดมีชีวิตออกไปจากที่นี่ เพิ่งจะวางกำลังเสร็จ ลูกธนูคมกริบดอกหนึ่งก็แล่น “เฟี้ยว” เสียงหนึ่ง ผ่านตรงทะลุเข้ามาแล้ว ปักใส่ต้นไม้ที่อยู่ด้านหลังของม่อเหล่า เขาแข็งทื่อไปทั้งตัวทันที ชายหนุ่มคนนั้นรีบตะโกนว่า “ปกป้องม่อเหล่า!” คนอีกกลุ่มก็ล้อมม่อเหล่าไว้แน่นหนา ปกป้องไว้ตรงกลาง ในความสับสนวุ่นวาย ชายในชุดสีม่วงปลายเท้าสะกิดเบา ๆ เหยียบกิ่งไม้แล้วเหินบินจากที่สูงเข้ามา หยั่งลงข้างกายเหลียงซิน มีดกริชในมือของเขาฟันไปครั้ง กรีดเชือกขาดออกจากกันทันที อุ้มนางที่หมดสติไว้กระโดดลงไป ชั่วขณะ เขาก็ได้ยืนอยู่ข้างกายคนในชุดสีดำเหล่านั้น แล้วถูกล้อมรอบด้วยคนในชุดสีดำสองสามคน ในฝูงชนเฉินฮ่าวใส่เสื้อคลุมสีม่วง ร่างสูงตรง ผมยาวมัดสูงไว้ คิ้วขมวดแน่น ริมฝีปากยังประดับด้วยรอยยิ้มที่น่ากลัว ในอ้อมแขนยังอุ้มเหลียงซินที่หมดสติไปแล้ว ช่างน่าตื่นเต้นเขย่าขวัญเป็นอีกรสชาติหนึ่ง “อ๋องสิงเฉินฮ่าว!”ม่ออเหล่าสองตาเป็นประกาย เสียงสั่นอย่างมิอาจควบคุมไว้ได้ไปบ้าง “เจ้ามาพอดี วันนี้จะเอาชีวิตของเจ้าเซ่นไหว้ประชาชนเผ่าข้าที่ถูกเจ้าสังหารตายไปนับพันนับหมื่น!” “โอ้ เปิ่นหวังนึกว่าใคร ที่แท้เป็นกากเดนประเทศหลึง! ครั้งก่อนไม่ได้กวาดล้างพวกเจ้าให้สิ้นซาก ยังหลงเหลือเศษกากชั่วร้ายเป็นภัยไว้ ข้าจะตัดรากถอนโค่นพวกเจ้าในวันนี้!” ประกายเย็นยะเยือกในตาเฉินฮ่าวปรากฎขึ้น จ้องม่อเหล่าอย่างโหดเหี้ยม เมื่อห้าปีก่อน เขานำกองทหารบุกเข้าไปในประเทศหลึง จากแม่น้ำฝ้อซัวไปจนถึงเมืองหลวงประเทศหลึง ในที่สุดประเทศหลึงก็ยอมแพ้ ปวงชนเป็นทาสเป็นทาสี ทั้งหมดกระจายไปสิ้น จวบจนกระทั่งประเทศหลึงสิ้นชาติ แต่เขา ก็เพราะเหตุนี้ ถูกองค์รัชทายาทเพ็ดทูลต่อจักรพรรดิหมิงจ้าว ถูกริบคืนอำนาจทางทหาร จากแม่ทัพเทพสงครามที่ลือนามทั่วจักรภพกลายเป็นท่านอ๋องธรรมดาไปแล้ว วันนี้ศัตรูเจอกัน เกลียดนักที่มิอาจต่อสู้กันอีกครั้ง “เจ้าอย่าอวดดีไปหน่อยเลย วันนี้เจ้าตกอยู่ในมือของเรา ต้องเด็ดเอาศีรษะของเจ้าแน่นอน ล้างแค้นให้คนเผ่าข้า!” ม่อเหล่าชี้ไปที่เฉินฮ่าว ก่อนทำท่ามือแล้วพุ่งกระโจนใส่เขา “เจ้าลองดูเต็มที่ ข้าจะให้เจ้าเห็นคนเผ่าเจ้าตายไปทั้งหมดด้วยตาตนเอง ให้โลกใบนี้ไม่มีชาวประเทศหลึงอีก!” ในตาเฉินฮ่าวปรากฏเจตนาฆ่าขึ้นทันที เขามือหนึ่งแบกเหลียงซินไว้บนไหล่ อีกมือหนึ่งชักดาบเทพเจ้าแห่งสงครามออกมา ภายใต้แสงจันทร์คมดาบที่คมเฉียบยิ่งเพิ่มความเยือกแข็งเล็กน้อย ในเปลวไฟอันร้อนแรงเพิ่มความระอุอีกเล็กน้อย ดาบเทพเจ้าเช่นนี้ มีเพียงเขาเท่านั้นที่สามารถใช้อย่างเป็นธรรมชาติ การต่อสู้สงครามเมื่อเริ่มขึ้นก็ปะทุทันที เขาสะบัดดาบยาว ท่องเคล็ดกระบี่อย่างเงียบ ๆ ทันใดรอบด้านเกิดลมพายุพัดกระหน่ำขึ้นระลอกหนึ่งจากใต้ฝ่าเท้าขึ้นมา กระจายอย่างไร้ความปรานีในค่ายกลกระบี่นี้ ลมอำหิตเป็นระลอก ๆ เต็มไปด้วยความบ้าคลั่งชั่วขณะ กวาดไปครั้ง รอบ ๆ ค่ายกลกระบี่บังเกิดลมเย็นที่รุนแรงปะทุขึ้น แต่คนที่ยืนอยู่ตรงนั้นในค่ายกลกระบี่กลับยังคงไม่เคลื่อนไหว เฉินฮ่าวขมวดคิ้วเล็กน้อย แอบโคจรพลังเอง แต่ค่ายกลกระบี่นั้นบีบคั้นมาทางเขาก้าวต่อก้าว เขาทะลวงขึ้นบนไป ทุกคนก็ตามเขาไปทันใด ตามติดอย่างไม่ลดละ เขาพะวงห่วงเหลียงซินซึ่งหมดสติอยู่บนบ่าของเขา ไม่กล้าใช้กำลังภายในที่มากกว่าระดับแปดขึ้นไป เพียงเล่นเกมนกอินทรีจับลูกไก่กับพวกเขาในป่าทึบ ให้โอกาสกองกำลังภายนอกเข้ามา “ค่ายกลเก้าเก้าเป็นหนึ่ง กระจายเปิดออก!” ม่อเหล่าตะโกนเสียงดังจากด้านล่าง ท่าทางทุลักทุเลโกรธจัด กองกำลังกองหนึ่งที่เขาฝึกอย่างพิถีพิถัน กลับถูกเฉินฮ่าวคนเดียวทำจนปั่นป่วนไปหมด! ทันใดนั้น ค่ายกลก็กระจายไปทั่ว อุดกั้นทางที่จะไปของเฉินฮ่าวไว้ทั้งหมด ขณะช่วงเส้นยาแดงผ่าแปด เพียงได้ยินเสียงของจุยเฟิง จรู๋เย่ว์ตะโกนอย่างเย็นชามาจากข้างหลัง “จงถอยไปทั้งหมดให้ข้า มิฉะนั้นผู้พิทักษ์กฏของพวกเจ้าจะต้องตาย!” คมดาบ ขวางใส่ก้านคอของม่อเหล่าแล้ว แม้แต่เขาเองไม่คิดว่ายังมีตั๊กแตนจ้องจับจักจั่น ไม่รู้ภัยใกล้ตัวจากนกขมิ้น มือชั้นนี้ด้วย คนชุดดำของค่ายกลต่างจ้องมองหน้าซึ่งกันและกันทันใด กังวลเรื่องความปลอดภัยในชีวิตของม่อเหล่า ไม่กล้าลงมือ “ทิ้งอาวุธพวกเจ้าเสีย ไปนั่งยอง ๆที่มุมกำแพง ห้ามสักคนเคลื่อนไหว!” จรู๋เย่ว์สั่งการ คนสองสามคนนั้นทิ้งอาวุธทันที เฉินฮ่าวหัวเราะเสียงเย็นชามองดูคนรอบ ๆ ทรงตรัสทีละอักษรทีละประโยคว่า “วันนี้พวกเจ้าทำสิ่งผิดพลาดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือลอบจับพระสนมของเปิ่นหวังมา เหตุผลที่พวกเจ้าต้องตายคือพยายามสังหารพระสนมของเปิ่นหวังด้วยการเผาไฟ ไม่ว่าเป็นข้อไหน ก็เพียงพอที่จะให้พวกเจ้าตายเป็นพันครั้งหมื่นครั้ง” โชคดีที่เหลียงซินไม่เป็นไร มิเช่นนั้นเขาไม่รู้ว่าตนเองจะทำความบ้าอะไรออกมา หัวใจของเขาได้หยุดเต้นไปแล้วเมื่อมองเห็นแสงไฟทั้งแถบจากที่นี่ได้แต่ไกลเมื่อครู่ เมื่อเขาช่วยชีวิตเหลียงซินที่กำลังจะตาย ในใจยังกลัว ไม่กล้าคิดจินตนาการถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นถ้าเขามาสายไปก้าวหนึ่ง ม่อเหล่าได้ยินวาจา ในใจสะดุ้งไปครั้ง เมื่อสักพักในห้องลับนั่น เหลียงซินไม่ได้พูดกับเขาเช่นนี้ ดูแล้ว เฉินฮ่าวยังใส่ใจนางมากจริง ๆ ถ้ารู้แต่แรก ก็เอานางไปแลกเฉินฮ่าวแล้ว! เวลานี้ เสียง “เบิ้ม” ดังสนั่นขึ้นมาเสียงหนึ่ง ภายในวัดปรักหักพังเหมือนระเบิดแตกออก พลันชายในเสื้อคลุมสีดำมิดชิดคนหนึ่งก็โผล่ออกมาจากหลังคา ลงยืนตรงข้าง ๆม่อเหล่าแล้ว จุยเฟิงพร้อมด้วยสายลมเย็นกรรโชกอย่างรุนแรง กดดันจนม่อเหล่าเพียงรู้สึกเจ็บหน้าอกไปครั้ง ในช่วงเวลานั้น ทั้งคนก็ได้ปลิวออกไปไกลสิบเมตร ปากพ่นเลือดสด “แตะต้องคนเผ่าข้า เลือดต้องล้างด้วยเลือด” ชายลึกลับคนนั้น ท่องประโยคนี้ เสียงอันเยือกเย็นสังเวชดังขึ้นในฟากฟ้าอันกว้างใหญ่ นี่คือคนลึกลับที่เพิ่งออกจากด่าน ชั่วขณะ คนรอบข้างพากันหลั่งไหลคุกเข่าลง ยอมศิโรราบต่อเขา เฉินฮ่าวตาทั้งคู่หรี่ลงเล็กน้อย “ที่แท้ ทุกวันสอดแนมดูความเป็นส่วนตัวของพระตำหนักอ๋องสิงข้า ก็คือชาวหลึง! วรยุทธ์ซีอวี้ เปิ่นหวังกลับได้เห็นเป็นครั้งแรก” ตอนนั้น ขณะที่เขาและคนลึกลับประมือกันในพระตำหนักอ๋องสิง ก็ถูกวรยุทธ์ซีอวี้โจมตี วิชาที่คนลึกลับฝึกคือวิชาเคล็ดประหลาดลึกลับของซีอวี้ หรืออาจกล่าวได้ว่าเป็นเวทมนตร์ แม้ว่าจะร้ายแรง แต่เป็นเรื่องง่ายที่จะธาตุไฟแตกได้ ซึ่งเมื่อก่อนเขาปิดด่าน ก็เพื่อฝึกฝนวิทยายุทธ์นี้เอง “วรยุทธ์ซีอวี้ฆ่าคนไร้ร่องรอย ใช้พิชิตเชื้อพระวงศ์ประเทศเย่ว์ทักษิณโดยเฉพาะ ครั้งแรกประทานรางวัลแก่เจ้าแล้ว” ดวงตาสีน้ำตาลเข้มทั้งคู่ของชายลึกลับก็มัวลงมาทันที มือทั้งคู่โน้มไปข้างหน้า ปลดปล่อยพลังภายในทั้งร่างออกมา เล็งยิงไปที่เฉินฮ่าว พลันฟ้าดินเปลี่ยนสีในทันใด ฟ้าร้องฟ้าผ่ามาพร้อมสรรพ ราวกับมีอันตรายจากเมฆครึ้มกดทับ สีหน้าเฉินฮ่าวจริงจังขึ้นมาทันใด เขากระชับเหลียงซินบนไหล่ ก่อนที่อันตรายมาถึง ก็รีบกระโดดเหินขึ้นอย่างรวดเร็ว วิชาตัวเบาของเขายอดเยี่ยม บวกกับมีกำลังภายในร่างหนึ่งช่วยป้องกันเขาจากการบาดเจ็บ ดังนั้นได้แต่ยังคงสามารถยืนหยัดต่อไปได้ คนลึกลับต้องการชีวิตของเขาแน่ ๆ ชักกระบี่ยาวออกมา กระโดดเหินขึ้น บินไปยังเขา ขณะนี้ องครักษ์หลวงที่ด้านล่างก็ได้พุ่งตรงไปข้างหน้า ชูกระบี่ยาวขึ้นต่อชาวหลึง...ฆ่าฟันทันที! ช้าสุดสามวินาที ชาวหลึงทั้งหมดก็จะสูญเสียศีรษะและชีวิตไปจนหมดสิ้น คนลึกลับไม่อาจลืมตาโตมองดูคนของตนตายต่อหน้าเขา พลันหมุนเปลี่ยนทิศทางชั่วขณะ พุ่งเข้าไปด้านหน้าเผ่าเขาช่วยคน เฉินฮ่าวหัวเราะอย่างเย็นชาไปครั้ง มีโยงใย ต้องไม่ใช่เรื่องดีอะไรแน่ ๆ เขาสั่งการบัญชา “ประชาชนชาวหลึงทั่วไปฆ่าทิ้งกับที่ทันทีทั้งหมด สามคนนั้นจับเป็นกลับไป!” สามคนนี้หมายถึงคนลึกลับ ม่อเหล่าและชายหนุ่มคนนั้น เห็นได้ชัดว่าสามคนนี้เป็นบุคคลสำคัญในเชื้อพระวงศ์ประเทศหลึง ยังเป็นบุคคลสำคัญที่เป็นศูนย์รวมใจ จึงได้แต่ต้องจับเป็น! ทันใด กององครักษ์หลวงก็มุ่งหน้าไปเข่นฆ่าชาวหลึงเหล่านั้นจนหมดสิ้น ฉากชุลมุนวุ่นวายมาก คนม้าทั้งสองฝ่ายก็เข่นฆ่าสังหารอย่างสุดฤทธิ์เช่นนี้ แม้ว่าคนลึกลับมีวิทยายุทธ์ยิ่งใหญ่อีกมาก แต่มิอาจจัดการแก้ไขหลายร้อยคนได้ในทันที ดังนั้น พวกเขาจึงหนีไปยังที่รกร้าง
已经是最新一章了
加载中