ตนที่66เป็นคุณนายตระกูลสุทรรศน์รังสสีก็ไม่ได้ทุกข์ทรมานทั้งหมดใช่มั้ย?
“เป็นไปไม่ได้”
พอฉันเปิดปากดนุนัยปฏิเสธทันควันโดยไม่คิดเลยสักนิด
เรื่องนี้ฉันคิดได้ตั้งนานแล้วถ้าเขาอยากปล่อยฉันไปง่ายๆแบบนี้ก็ต้องตกลงตั้งนานแล้ว
แต่ครั้งนี้ฉันเตรียมตัวมาดี
ฉันหยิบมือถือตัวเองขึ้นมาเดินไปถึงหน้าโต๊ะทำงานตัวใหญ่เข้าแอพบันทึกเสียงในมือถือจากนั้นวางไว้ข้างบน
ไม่พูดพล่ามกดเปิดเสียงบันทึกที่ห้องทำงานของจิณณาเมื่อครู่นี้โดยพลัน
ใช่แล้วตอนที่ฉันเข้าไปก็เปิดฟังก์ชั่นบันทึกเสียงในมือถือ
คนฉลาดแบบนี้อย่างดนุนัยท่าทีนี้ของจิณณาท่าทีที่เรื่องนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเธออย่างแน่นอน
ฉันมองใบหน้านิ่งของดนุนัยหลุบรูม่านตาต่ำพูดช้าๆ“ประธานดนุนัยฉันเป็นเหมือนนกพิราบครองรังนกกางเขนคุณไม่อยากทำร้ายความรู้สึกของฉันแบบนี้ฉันเข้าใจถ้าเรื่องนี้คนที่ได้รับความทุกข์ทรมานมีแค่ฉันคนเดียวงั้นฉันยอมแล้วแต่จิณณาเพื่อให้ได้เป็นคุณนายตระกูลสุทรรศน์รังสสีดึงผู้บริสุทธิ์เข้ามาเกี่ยวข้องแล้ว”
“ทุกข์ทรทาน?”ดนุนัยได้ยินคำนี้เดินมาถึงตรงหน้าฉันทีละก้าว“ในสายตาของคุณเป็นคุณนายตระกูลสุทรรศน์รังสสีเป็นความทุกข์ทรมานงั้นหรือ?”
บนใบหน้าไม่มีการแสดงสีหน้าใดๆในรูม่านตาสีดำกลับเป็นเหมือนคลื่นโหมกระหน่ำที่ทำให้คนตกใจเกลียดชัง!
“ไม่ใช่หรือคะ?คุณรักจิณณาฉันแต่งงานกับคุณทั้งที่คนสามคนล้วนไม่มีความสุขคุณกลับไม่ยอมปล่อยมือก็ไม่ใช่เพราะอยากทรมานฉันหรือ?”
“เหอะๆๆ”ดนุนัยพลันหัวเราะขึ้นมา
เสียงหัวเราะนั่นไม่ใช่เสียงหัวเราะที่มีความสุขยังทำให้ฉันรู้สึกเหงื่อแตกตัวเย็น!
เขายกมือนิ้วมือเรียวยาวบีบคางฉันไว้โดยตรงเก็บรอยยิ้มไว้“ต้องการจะหย่าหรือ?อย่างนั้นก็ตั้งใจปรนนิบัติผมจนกว่าผมจะนอนกับคุณพอแล้วก็หย่าได้”
“ดนุนัยคุณมันไม่มีโลจิก!เธอฆ่าคนแล้ว!คุณเข้าใจมั้ยเธอฆ่าคนแล้ว!”
ฉันดึงมือเขาออกรวดเดียวจะโดนผู้ชายคนนี้ทำให้โกรธจนเป็นบ้าแล้วจริงๆ
แต่ทว่าดนุนัยกลับกดฉันไว้บนโต๊ะทำงานโดยตรงจากนั้นทั้งร่างก็กดลงมาพูดว่า“ผมบอกไปแล้วนอนพอแล้วจึงจะหย่าได้”
ว่าแล้วก็เริ่มดำเนินการกระทำขั้นต่อไป
ฉันอยากขัดขืนแต่ชายหนุ่มใช้มือเดียวควบคุมมือทั้งสองข้างของฉันไว้
“คุณบ้าไปแล้วหรือนี่มันห้องทำงานนะ!”
ฉันตะโกนลั่น!
แต่ทว่าดนุนัยกลับไม่สนใจเลยสักนิดริมฝีปากประทับที่ใบหูของฉันพูดว่า“นี่เป็นอาณาเขตของผมคนของผมล้วนเข้าใจดี”
ตลอดช่วงสายฉันโดนดนุนัยกดอยู่บนโต๊ะทำงานยอมให้เขาระบาย
เมื่อเสร็จแล้วดนุนัยลุกขึ้นจัดเสื้อผ้าฉันนอนแผ่บนโต๊ะทำงานเหม่อมองเพดาน
ในความสัมพันธ์รักสามเศร้าส่วนนี้ผู้แพ้มีแค่ฉันคนเดียว
“เหอะๆๆ”
เสียงเคาะประตูเบาๆช่วงหนึ่งแว่วมาจากปากประตู
ฉันตกใจจนรีบลุกขึ้นมาหันหลังให้ประตูกลัวว่าคนที่ปากประตูจะผลักประตูเข้ามาที่จริงแล้วเสื้อผ้าบนร่างของฉันโดนดนุนัยดึงจนขาดรุ่งริ่งแม้คลุมตัวก็ลำบากเล็กน้อย
ดนุนัยจัดเสื้อผ้าคร่าวๆสักพักไปที่ประตูไม่นานหยิบกระสอบไม่กี่ใบเข้ามายื่นให้ฉัน
ฉันมองแว็บหนึ่งข้างในเป็นเสื้อผ้าชุดหนึ่งยังมีเซ็ตบ็อกซ์อุปกรณ์บำรุงผิวกล่องหนึ่ง
เขาให้ฉันไปอาบน้ำในห้องเลานจ์ที่เป็นห้องในห้องทำงาน
ฉันเปิดประตู(บาน)ที่อยู่ด้านในห้องทำงานเดิมทีนึกว่าด้านในมีเพียงห้องน้ำหนึ่งห้องกลับพบว่าที่ตัวเองคิดง่ายเกินไปแล้ว
ด้านในพูดได้ว่าเป็นอพาร์ทเม้นท์ขนาดเล็กหลังหนึ่งมีห้องรับแขกมีห้องนอนยังมีห้องครัวแบบเปิดโล่งห้องหนึ่งและห้องอาบน้ำ
ฉันอาบน้ำเสร็จเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเพราะกีฬารุนแรงเมื่อครู่นี้ทั้งร่างขาล้วนอ่อนแรงแล้ว
ฉันนั่งบนเตียงอยากพักผ่อนสักพักกรอกตาไปด้านข้างเล็กน้อยมองเห็นบนผ้าคลุมสีขาวจัดผมยาวสีน้ำตาลแดงเส้นหนึ่งแผ่นิ่งอยู่ตรงนั้น
ช่วงเวลานั้นใจฉันเจ็บแสบอย่างบอกไม่ถูก
ก็เดาได้ว่านี่เป็นผมของใคร
แม้ฉันเข้าใจจิณณากับดนุนัยทั้งสองชอบพอกันเกิดอะไรขึ้นที่นี่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกแต่ฉันก็ออกจากเตียงหลังนั้นเหมือนหลีกหนีโรคระบาดยังจะดีกว่า
ฉันกำลังจะออกไปดนุนัยผลักประตูเข้ามาฉันตกใจจนถอยหลังไปหนึ่งก้าว
หลังจากนั้นจึงรู้ว่าชายหนุ่มแค่อยากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเท่านั้น
ฉันหลบรออยู่ด้านข้าง
ไม่นานดนุนัยก็จัดการตัวเองเสร็จพอออกมาแล้วเดินมาใกล้ฉันพูดว่า“หิวหรือยังไปเถอะผมพาคุณไปทานข้าว”
บนร่างชายหนุ่มยังส่งกลิ่นเจลอาบน้ำอ่อนๆหอมมากๆ
“ไม่ต้อง...”
“ทานที่โรงอาหารบริษัทนี่แหละ”
ฉันกำลังจะอยากปฏิเสธก็ถูกชายหนุ่มพูดแทรกดึงมือฉันไม่สนใจการต่อต้านของฉันโดยสิ้นเชิงก็พาฉันออกจากห้องทำงานไป
พอออกไปปรวันกับเลขาไม่กี่คนของเขาก็ล้วนอยู่ด้านนอก
โดยเฉพาะเลขาไม่กี่คนนั้นเห็นจับมือกันอยู่ด้านนอกในดวงตาก็ใกล้จะมีไฟลุกขึ้น
แต่ดนุนัยเมินเฉยโดยไม่คาดคิดลากฉันก็เข้าไปในลิฟต์
“ปล่อยฉัน”เข้าไปในลิฟต์แล้วฉันก็ดิ้นรนต่อไป
แต่ชายหนุ่มเพียงมองเลขชั้นในลิฟต์โดยไม่ตอบฉันสักนิด
จนกระทั่งลิฟต์มาถึงชั้นสาม
ชั้นสามเป็นชั้นล็อบบี้ของบริษัทนภากรุ๊ปจำกัดเขาพาฉันข้ามผ่านร้านกาแฟแห่งหนึ่งก้าวเข้าห้องอาหารพนักงานโดยตรง
สมแล้วที่เป็นจุดให้บริการอาหารพวกพนักงานเดินเข้าเดินออกสายตาทุกคู่ล้วนถูกดนุนัยและฉันที่อยู่ด้านหลังดึงดูด
ข้างหูฉันดังขึ้นอย่างไม่ขาดสาย—
“ประธานดนุนัยภรรยาท่านประธานสวัสดีตอนเที่ยงค่ะ”
“ว๊าวนี่ใครกัน?ภรรยาท่านประธานหรือนี่?”
“พระเจ้าท่านประธานพาภรรยามาทานข้าวที่ห้องอาหารอย่างคาดไม่ถึงหรือนี่?”
ภรรยาท่านประธานสี่คำเข้าที่ข้างหูฉันเต็มๆ...
ตลอดทางที่เดินมาแม้กระทั่งทำให้ฉัน(รู้สึก)ไม่เป็นธรรมชาติเล็กน้อย
เขาพาฉันมุ่งหน้าเดินไปถึงโต๊ะตัวหน้าสุดที่ตั้งอยู่โดดๆมีบริกรเปิดประตูให้พวกเรา
เขาพาฉันเข้าไปนั่งอยู่ที่นั่น
ไม่นานอาหารก็มาเสิร์ฟ
ทีละอย่างๆล้วนเป็นอาหารที่ฉันชอบทาน
ฉันมองเขาด้วยความสงสัย
ดนุนัยมองฉันแล้วพูดว่า“ผมถามคุณย่าของคุณแล้วท่านพูดว่าคุณชอบทานอาหารเหล่าพวกนี้”
ถามชยานีแล้ว
ฉันมองอาหารทั้งโต๊ะสงสัยอยู่เต็มตา
ไม่กล้าซาบซึ้งใจ
ใจฉันเพื่อไม่ให้ถูกดนุนัยทำร้ายสร้างกำแพงสูงขึ้นมาแล้วแต่กำแพงสูงนี้โอนเอนเกินทนฉันกลัวว่า(ถ้า)ซาบซึ้งใจครั้งหนึ่งจะทำให้กำแพงสูงลูกนี้พังทลายลงเผยความรู้สึกของฉันต่อหน้าเขา
อย่างนั้นแล้วเขาก็สามารถทำร้ายฉันได้โดยที่ไม่ต้องออกแรงเลย
ดนุนัยคีบซี่โครงหมูเปรี้ยวหวานชิ้นหนึ่งขึ้นมาทานเสร็จก็ขมวดคิ้ว“คุณก็ชอบทานแต่อาหารที่หวานแบบนี้หรือ?”
“...”
“ชิมดูเชฟของที่นี่ไม่ได้ด้อยไปกว่าเชฟภัตตาคารมิชลินเลย”
“...”
ฉันมองดนุนัย
เงียบไปนานมากนานจึงจะถามว่า“ทำไมหรือคะ?”
เขาดีกับฉันทำให้กลัว
ดนุนัยคีบอาหารเองกินเองไม่กี่คำจึงเงยหน้าสายตาลึกซึ้งมองฉันผ่านไปราวๆไม่กี่วินาทีจึงพูดว่า“เป็นคุณนายตระกูลสุทรรศน์รังสสีก็ไม่ได้ทุกข์ทรมานทั้งหมดใช่มั้ย?”
ใช่
นี่เป็นคำตอบในใจฉัน
ก็สมมุติว่าตอนนี้ก็ไม่ใช่
แต่ฉันไม่กล้าซาบซึ้งใจไม่กล้ายอมรับ
ฉันกลัวว่าพอเส้นกั้นของฉันปลดลงสิ่งที่ต้อนรับฉันคือการทำร้ายที่ไม่มีที่สิ้นสุด
“ไม่ใช่ทั้งหมดล้วนเป็นความทุกข์ทรมานแค่อยู่ข้างกายคุณอย่างนั้นแล้วเรื่องทั้งหมดล้วนเป็นความทุกข์ทรมาน”ฉันพูดชัดถ้อยชัดคำ
ฉันเห็นมือที่ดนุนัยถือตะเกียบออกแรงตามมาด้วยเสียงเพลี้ยะตะเกียบไม้ไผ่คู่หนึ่งหักลงตามเสียง
ครู่ต่อมาดนุนัยโยนตะเกียบที่หักแล้วคู่นั้นทิ้งไปออกจากห้องอาหารโดยไม่หันหน้ากลับมา
ทั้งที่ฉันพูดคำที่ทำร้ายเขาไปแล้ว
แต่ใจฉันเจ็บเหลือเกิน...
ฉันมองอาหารที่ฉันชอบกินทั้งโต๊ะกลับขอบตาแดงแล้ว
海量小说享免费阅读