ตอนที่94เธอยอมไปจากที่นี่กับฉันไหม   1/    
已经是第一章了
ตอนที่94เธอยอมไปจากที่นี่กับฉันไหม
ต๭นที่94เธอยอมไปจากที่นี่กับฉันไหม มองเห็นแววตาของชายหนุ่ม ฉันอดไม่ได้ที่จะหน้าแดง ฉันอยู่ที่เมืองเล็กๆบ้านของนภทีป์ตลอดปีใหม่ หลายวันมานี้นภทีป์แสดงความรักและใส่ใจห่วงใยฉันอย่างดีพ่อแม่ของเขาก็ดีกับฉันมาก ทำให้ฉันรู้สึกถึงความอบอุ่นของครอบครัวและจากผู้สูงวัยเป็นครั้งแรก ความอบอุ่นแบบนี้ของทินบัติและชยานีนั้น ฉันปรารถนาที่จะได้รับอย่างมาก แต่ถ้อยคำที่ใช้นั้นต่างกันออกไป ฉันรู้สึกได้ว่า พ่อแม่ของนภทีป์เป็นคนดี และที่ดีกับฉันอาจเป็นเพราะลูกชายของพวกเขารักฉัน ถึงแม้ว่าพวกเราจะไม่ได้กำหนดชั้นความสัมพัน์ชายหญิงระหว่างกันและกัน แต่ว่าที่พวกเราเป็นอยู่ตอนนี้ ก็เป็นเหมือนขอบหน้าต่างที่ทำจากกระดาษ ถ้าต้องการจะผ่านไป ก็สามารถทำลายได้เลย ฉันคิดว่า ฉันได้กลายเป็นแฟนของเขาจริงๆ และอาจจะเป็นเพียงโอกาสเดียว วันหยุดปีใหม่สิ้นสุดลงแล้ว ในตอนที่ฉันไปถึงบริษัทนั้นเพื่อนร่วมงานหลายคนก็ไปถึงแล้ว ทุกคนต่างจับกลุ่มพูดคุยกันถึงเรื่องวันปีใหม่ ฉันเดินเข้าไปคนเดียว มีคนทักทายฉันและถามฉันว่าปีใหม่ที่ผ่านมาเป็นอย่างไรบ้าง ปีใหม่ปีนี้เป็นอะไรที่คาดไม่ถึงมาก่อนสำหรับฉัน ฉันคิดอยู่ชั่วครู่ แล้วยิ้มออกมา ตอบเพื่อนร่วมงานว่า “ดีมากเลย” ดูเหมือนว่าเพื่อนร่วมงานฉันจะได้กลิ่นซุบซิบนินทามาก่อนหน้า ดวงตาจึงเป็นประกาย แล้วถามฉันว่า “โอ้โฮ ยิ้มหวานอะไรอย่างนี้ ไม่ใช่ว่าไปกับรองผู้จัดการนภฯมาหรอกนะ?” “อะไรอะไร? เธอไปพบพ่อแม่ของรองผู้จัดการนภฯมาแล้วเหรอ?” เพื่อนร่วมงานคนอื่นได้ยิน ก็ต่างพากันเข้ามารายล้อม เพราะว่าก่อนหน้านี้นภทีป์ได้พูดเรื่องที่ชอบฉันมาก่อน ทุกคนต่างรู้เรื่องนี้ ดังนั้นเรื่องของฉันกับเขาเลยไม่ทำให้พวกเขาแปลกประหลาดใจมากนัก ตอนที่ฉันลังเลที่จะตอบอยู่นั้น ข้างหลังฝูงชนก็มีเสียงดังขึ้น “คุยเรื่องอะไรกันอยู่เหรอ?” นภทีป์มาถึงแล้ว เมื่อเขามาถึง เหล่าเพื่อนร่วมงานทั้งหมดต่างก็เปลี่ยนเป้าหมายทันที ต่างไปอยู่รอบตัวเขาเพื่ออวยพรปีใหม่ จากนั้นก็รีบเปลี่ยนหัวข้อ ถามเขาว่าช่วงปีใหม่ไปกับใคร ตอนนี้เอง นภทีป์เงยหน้าขึ้น ดวงตาสีดำขลับวาววับมองมาที่ฉัน พร้อมรอยยิ้มบนริมฝีปากเขา ทุกคนต่างเข้าใจ พอเห็นการกระทำนี้ บางคนบ่นว่า “ว้า ดูเหมือนฉันจะไม่มีโอกาสแล้ว” “จริงด้วยอ่ะ ไปพบพ่อแม่แล้ว ฉันก็ต้องเปลี่ยนเป้าหมายแล้ว” ทุกคนบ่นแล้วก็พากันสลายตัว นภทีป์เดินมาอยู่ข้างๆฉัน ใช้น้ำเสียงอ่อนโยนถามฉันว่า “ตอนเย็นอยากจะกินอะไร?” “คิดถึงเรื่องตอนเย็นในตอนนี้เลยเหรอคะ?” ฉันเงยหน้าขึ้น กระพริบตาใส่เขา “หรือว่าเธอจะพูดเรื่องอื่นก็ได้นะ” นภทีป์นั่งลง เปลี่ยนจากมองลงเป็นมองขึ้นมาดูฉัน “ที่จริงฉันแค่อยากจะพูดกับเธอ พูดอะไรก็ได้ทั้งนั้นแหละ” คำพูดของเขาทำให้ฉันละอายใจเล็กน้อย ตอนที่พวกเรากำลังพูดคุยกันอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงเจี๊ยวจ๊าวด้านนอกสำนักงาน เหมือนว่าผุสดีมาแล้ว เพื่อนร่วมงานต่างยุ่งวุ่นวายกับการสวัสดีปีใหม่ผุสดี ในตอนแรกฉันไม่ได้ใส่ใจ แต่ทันใดนั้นผุสดีก็มายืนอยู่ตรงปากประตูสำนักงาน มองเห็นนภทีป์ที่นั่งอยู่แล้วเอ่ยว่า “ไม่ต้องมานั่งสวีทกัน มาที่ห้องประชุมด้วย มีประชุม” พูดจบก็รีบไปเลย แต่ฉันฟังออกว่า น้ำเสียงของเธอจริงจังมาก หลังจากนภทีป์ไปแล้ว เหล่าเพื่อนร่วมงานก็กลับมาจากด้านนอก และพูดคุยกัน ดูเหมือนว่าผ้บริหารระดับกลางทุกคนจะถูกเรียกประชุม ยิ่งไปกว่านั้นท่าทางของผุสดีอาจจะเป็นเรื่องใหญ่ จากนั้น ทุกคนต่างถกกันว่ามีเรื่องใหญ่อะไร มีคนถามขึ้นว่า “หรือว่าบริษัทจะปิดตัวลงแล้ว” มีคนในกลุ่มพูดความลับอย่างนึงออกมาว่า “ลุงของฉันรู้จักกับผู้ถือหุ้นในบริษัท ตอนปีใหม่เขาพูดว่า ไม่กี่วันมานี้หุ้นในมือพวกเขาพุ่งแตะราคาสูงสุด น่ากลัวที่จะเปลี่ยนมือ” ทันทีที่ข่าวอันหนักหน่วงนี้หลุดออกมา ทุกคนยิ่งถกกันอย่างเข้มข้น ทุกคนต่างคิดถึงเส้นทางสำหรับตัวเองต่อจากนี้ ฉันไม่ได้สนใจและส่งอีเมลไปหาลูกค้าที่เคยปรึกษาฉันเมื่อปีที่แล้ว ทักทายแล้วถามถึงเรื่องการซ่อมแซมว่าพิจารณาแล้วว่าอย่างไร ท้ายที่สุดบริษัทก็ไม่ได้เต็มใจที่จะจ้างฉันไว้อยู่แล้ว ดังนั้นไม่ว่ะยกบริษัทให้ใคร ฉันจะทำอะไรได้? การประชุมเริ่มในตอนเช้า จนเที่ยงถึงจบลง ฉันพบกับนภทีป์ที่โรงอาหาร สีหน้าของเขาดูสง่างาม ฉันถามเขาถึงเนื้อหาในการประชุม เขาเพียงแค่ยิ้มแล้วพูดว่า “เป็นการประชุมประจำวัน” หลังจากพูดคำพูดนี้ออกมาแล้ว ตลอดช่วงพักทานข้าวเที่ยง นภทีป์ไม่ได้พูดอะไรอีก ก้มหน้าก้มตากินข้าวอย่างเดียว และกินไม่เยอะ สุดท้ายต้องทิ้งไปเสียส่วนใหญ่ นี่ต่างจากลักษณะของนภทีป์มาก ฉันมองดูเขาทิ้งอาหารลง อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามว่า “มีเรื่องเกิดขึ้นใช่ไหมคะ?” “ไม่มี” นภทีป์ยกมือขึ้น และลูบผมของฉัน “มันเป็นเรื่องเล็กน้อยชั่วคราวเท่านั้น เย็นนี้อาจจะไปกินข้าวกับเธอไม่ได้แล้วนะ เธอต้องกินข้าวให้ตรงเวลา ช่วงปีใหม่มันยังอีกยาว ไม่ต้องทำงานล่วงเวลาให้ตัวเองเหนื่อยล้า” ถึงแม้ว่านภทีป์จะเป็นห่วงฉันดังเช่นเคย แต่น้อยครั้งมากที่เค้าจะพูดเยอะขนาดนี้ ราวกับว่าเขาจะไปไกลอย่างไรอย่างนั้น ฉันมองเขาอย่างสงสัย และต้องการถามอะไรบางอย่าง ชายหนุ่มกลับหันหลังแล้วเดินจากไปโดยไม่รอฉัน เพราะว่าปีใหม่งานยังไม่ยุ่ง ฉันจึงเลิกงานตรงเวลา ใกล้เวลาที่จะกลับฉันเดินไปเคาะประตูห้องทำงานของนภทีป์ ไม่ใครขานตอบ ฉันเลยผลักประตู ปรากฏว่าประตูถูกล๊อค ตามหลักการในวันแรกของวันขึ้นปีใหม่ไม่มีงานอะไรถึงจะถูก… ฉันจากมาด้วยความสงสัย ในตอนเย็นฉันกินข้าวคนเดียว ในใจเต็มไปด้วยความแปลกใจ ดังนั้นฉันจึงโทรศัพท์เป็นครั้งคราวเพื่อดูว่านภทีป์ส่งข้อความมาบ้างหรือไม่ โดยปกติเขาจะเป็นคนติดต่อฉัน จนกระทั่งเวลาห้าทุ่ม ฉันยังไม่ได้รับข้อความจากนภทีป์ ฉันคิดจะส่งข้อความไป แต่คิดว่าดึกมากแล้ว เผื่อว่าเขาจะหลับไปแล้ว… ในขณะที่ฉันกำลังคิดสับสนปนเป เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น บนหน้าจอสว่างเป็นชื่อนภทีป์ ฉันรีบรับโทรศัพท์แล้วพูดออกไปคำหนึ่งว่า “ฮัลโหล” แต่ว่าปลายสายกลับมีแต่ความเงียบ ฉันจึงพูดอีกครั้ง “ฮัลโหล” มีเพียงเสียงถอนหายใจดังออกมา มันเบามาก แต่ฉันฟังอย่างจริงจัง ใจของฉันรัดแน่นขึ้นมา เอ่ยถามว่า “รุ่นพี่คะ ยังอยู่รึเปล่า?” “อื้ม ฉันยังอยู่” ฉันเรียกชื่อเขา นภทีป์จึงพูดออกมาแล้ว แต่ว่าเสียงของชยหนุ่มนั้นทุ้มต่ำและแหบพร่า ไม่อ่อนโยนนุ่มนวลเช่นปกติ “เธอเป็นอะไรหรือเปล่า?” ฉันเกิดความกังวลใจ ชายหนุ่มเงียบไปนานจึงเอ่ยขึ้นว่า “รุ่นน้อง เธอเคยคิดจะไปจากที่นี่บ้างไหม?” “อะไรนะ?” “ไปจากที่นี่ ไปจากประเทศนี้ เราไปอยู่ด้วยกันที่ประเทศอื่น” ฉันไม่ได้มีปฏิกิริยาตอบสนองว่าเหตุใดนภทีป์จึงพูดเช่นนี้ และก็พูดถึงสิ่งที่ตัวฉันเองคำนึงถึง “ฉันตัวคนเดียวค่ะ จะไปที่ไหนก็ได้ แต่ว่าเธอมีพ่อมีแม่ ถ้าไปอยู่ต่างประเทศ พวกท่านจะไม่…” “พาพวกท่านไปด้วย” “แต่ว่าวงจรชีวิตทั้งหมดของพวกท่านอยู่ที่นี่ ไปต่างประเทศพวกท่านก็พูดไม่ได้ จะเหงามากนะคะ” ฉันหยุดไปชั่วครู่ แล้วู้สึกได้ว่านภทีป์น่าจะได้พบเจอกับเรื่องอะไรมา จึงถามเขาว่า “เกิดเรื่องอะไรขึ้นแล้วใช่ไหมคะ?” มีความเงียบอันยาวนานเกิดขึ้นที่ปลายสายนั้นอีกครั้ง หลังจากนั้น นภทีป์จึงเปิดปากพูดอีกครั้งว่า “ฉันอยากจะไปจากที่นี่ เลยอยากถามเธอว่าเธอยอมไปจากที่นี่กับฉันไหม” ไปจากเมืองดรัล ฉันไม่เคยคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้มาก่อน ถึงแม้ว่าตัวฉันจะไม่มีเพื่อนเลย แต่ว่าฉันก็คุ้นเคยกับชีวิตที่นี่มาก การที่จะก้าวเข้าสู่สภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นเคยจะต้องใช้ความกล้าอย่างมาก ไม่ได้ยินฉันตอบ นภทีป์ก็หัวเราะแบบเย้ยหยันขึ้นมา “ไม่อยากไปใช่ไหม? ฉันมันดึงดูดใจไม่พออย่างที่คิดไว้เลย” 
已经是最新一章了
加载中