ตอนที่109 ฉันแบกเธอขึ้นหลัง   1/    
已经是第一章了
ตอนที่109 ฉันแบกเธอขึ้นหลัง
ต๭นที่109 ฉันแบกเธอขึ้นหลัง “งั้นพวกแกก็ลองดู”จรณ์ไม่มีความคิดที่จะถอยเลยสักนิด ตอนที่จิ๊กโก๋ไม่กี่คนกำลังลังเลว่าจะลงมือดีหรือไม่ คนหนึ่งก็ร้องขึ้นว่า“พี่เสือ เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังเดินมาทางนี้” “บ้าเอ๊ย! ถือว่าพวกแกโชคดี” พี่เสือคนนั้นพูดจบก็ขึ้นควบมอเตอร์ไซค์ที่จอดอยู่ด้านข้าง จิ๊กโก๋ไม่กี่คนก็ออกไปแล้ว จรณ์หันมา “ขอบคุณค่ะ”ฉันยืนอยู่ตรงหน้าจรณ์ เขาเห็นฉันเป็นแบบนี้แล้ว ตัวฉันเองก็ทำตัวไม่ถูกเล็กน้อย พูดจบก็จะเดินออกไป จรณ์กลับตะโกนบอกฉันจากข้างหลัง“เธอยังไม่ได้ใส่รองเท้าเลยด้วยซ้ำ คิดจะออกไปยังไงหรือ?” “ฉัน...” ที่จริงแล้วเพราะฉันถอดรองเท้าวิ่ง บนถนนเหมือนมีแก้ว เวลานั้นทิ่มฝ่าเท้าของฉันแล้ว เมื่อครู่นี้มัวแค่สนใจที่จะวิ่งหนีเอาตัวรอดจึงไม่รู้สึก คราวนี้ยืนเท้าติดพื้น จึงพบว่ายังไม่ทันได้เดินสักก้าวก็เจ็บ ฝ่าเท้าอย่างรุนแรงจนทะลุถึงหัวใจ “ขึ้นรถเถอะ”จรณ์พูดอย่างอ่อนโยน หลังจากนั้นเปิดประตูด้านข้างคนขับให้ฉัน ตัวเองขึ้นนั่งเบาะคนขับ หลังจากที่ฉันขึ้นไปนั่งบนรถ จรณ์พูดขึ้นก่อนว่า“ขอโทษนะ ที่จริงแล้วรถของฉันราคาถูก อาจนั่งไม่สบายเท่ารถของดนุนัย” “ไม่เลยค่ะ ไม่เลย แค่นี้ก็ดีมากแล้ว” ฉันรีบพูด จรณ์ออกรถแล้ว เพิ่งจะเริ่มขับออกไปก็ถามฉันว่า“วันนี้เป็นวันเกิดของเธอหรือ?” ฉันอึ้งไปสักพัก มองไปทางเขา ในดวงตามีความสงสัย ถามเขาว่า“คุณรู้ได้ยังไงคะ?” จรณ์เอียงศีรษะเล็กน้อยออกไปนอกหน้าต่างสักพัก พูดว่า“อาคารทุกแห่งที่ยอมให้เหมาได้ในวันนี้ ดนุนัยล้วน ซื้อไว้หมดแล้ว ไม่ใช่แค่ผมนะ เกรงว่าทั้งเมืองดรัลจะไม่มีใครที่ไม่รู้เรื่องนี้” ฉันบิดหัว มองแสงไฟอวยพรวันเกิดของฉันจากตึกสูงเสียดฟ้าด้านนอกที่ยังกะพริบระยิบระยับอยู่ นึกถึงดนุนัยที่เดินออกไปเพราะเรื่องที่จิณณาตั้งครรภ์ ช่างเป็นการประชดประชันครั้งใหญ่เสียจริง “เงินของเขาเยอะจนเผาได้”ฉันหลุบตาลง หัวเราะขมขื่นสักพัก “ดนุนัยเป็นนักธุรกิจ แต่ไม่ใช่ว่าจะยอมจ่ายเงินให้กับทุกคน”สายตาของจรณ์จับจ้องไปข้างหน้า ข้างหน้าก็มีแสงไฟสุขสันต์วันเกิดพอดี เขามองแล้วพูดว่า“เขายอมเสียเงินเพื่อเธอมากขนาดนี้ แสดงได้ว่าเขามีเธออยู่ในใจ” “เรื่องนี้ อาจไม่เคยเกิดขึ้น” ฉันหัวเราะขมขื่น เขามีฉันอยู่ในใจ? ในใจของเขาคงมีแค่จิณณาล่ะมั้ง ฉันเหม่อลอยอยู่บนรถ ไม่นานก็รับรู้ได้ว่า รถของจรณ์ไม่ได้มุ่งหน้าไปทางหมู่บ้านกรีนเฮ้าส์ ฉันมองทัศนียภาพไม่ คุ้นตานอกกระจก ถามเขาว่า“นี่เรากำลังจะไปไหนกันคะ?” บางทีอาจเป็นความเชื่อใจที่ฉันมีให้จรณ์ แม้ว่าถนนสายนี้จะไม่ใช่ทางกลับบ้าน ฉันก็ไม่ได้สงสัยว่าเขาจะทำร้ายฉัน จรณ์หัวเราะ“เท้าของเธอบาดเจ็บแล้วใช่มั้ยล่ะ เดิมทีผมเข้าเวรที่โรงพยาบาล ระหว่างนี้ก็กลับบ้านมาเอาของ รอบหนึ่ง กลับมาคิดไม่ถึงว่าจะเจอเธอ ฉันช่วยจัดการบาดแผลที่เท้าให้เธอ ถึงจะส่งเธอกลับบ้าน” การบาดเจ็บที่เท้าของฉันน่าจะรุนแรงมาก ต้องไปโรงพยาบาลจริงๆ ไม่นาน จรณ์ก็จอดรถบริเวณปากประตูโรงพยาบาลเอกชนเล็กๆแห่งหนึ่ง ฉันเห็นด้านบนเขียนไว้ว่าโรงพยาบาล นฤวัต รถจอดในที่ที่ใกล้ประตูที่สุด จรณ์เปิดประตูให้ฉัน ฉันลงจากรถ คิดว่าบาดแผลที่เท้าขวาค่อนข้างรุนแรง กำลังจะใช้เท้าซ้ายย่ำพื้น แต่ เท้า ซ้ายเพิ่งจะสัมผัสกับพื้น ก็เจ็บสาหัส ฉันหอบหายใจด้วยความกลัวเฮือกหนึ่ง ตอนที่กำลังปลุกความกล้าเพื่อเหยียบลงบนพื้น จรณ์หมอบลงตรงหน้า ฉัน พูดว่า “มา ฉันแบกเธอขึ้นหลัง” “ ไม่เป็นไรค่ะ ไม่ต้อง ” ฉันรีบพูดปฏิเสธ จรณ์กลับยังคงรักษาท่าทางหมอบลง เอียงศีรษะเล็กน้อย ใช้น้ำเสียงอ่อนโยนพูดว่า“เธอคิดจะทิ้งรอยเท้า เปื้อนเลือดชุดหนึ่งไว้บนโถงทางเดินที่โรงพยาบาลของผมหรือ?” คำพูดของเขา ทำให้ฉันอึดอัดเล็กน้อย ตอนนี้บนเท้าของฉันเต็มไปด้วยเลือดจริงๆ ลังเลสักพัก ฉันก็วางมือลงบนไหล่ของชายหนุ่ม ตลอดทาง ฉันถูกจรณ์แบกขึ้นหลังไปจนถึงห้องตรวจ โดยพยาบาลช่วยฉันจัดการกับการบาดเจ็บที่เท้า เท้าของฉันมีแก้วชิ้นเล็กชิ้นใหญ่ปักเข้าไปทั้งหมดสามชิ้น ตอนที่ดึงแก้วชิ้นนั้นที่ใหญ่ที่สุดออกมาคือ ไม่รู้ว่าจรณ์ไปเอาตุ๊กตาหมีมาจากไหน ยื่นให้ฉัน“จับมันไว้ ไม่ต้อง กลัว ประเดี๋ยวเดียวก็หายแล้ว” “ขอบคุณค่ะ” ฉันถือตุ๊กตาไว้ มองดูพยาบาลใช้คีมคีบแก้วชิ้นใหญ่ที่สุดนั้นออกมา หลังจากนั้น ฆ่าเชื้อให้เท้าของฉัน ก็พันผ้ากอซแล้ว จรณ์ให้พยาบาลไปหยิบรองเท้าพยาบาลคู่ใหม่มาให้ฉัน ส่งฉันกลับบ้าน ระหว่างทางกลับไป ฉันถามเขาว่า“คิดไม่ถึงว่าคุณจะเป็นหมอ” “อืม ก็เป็นหมอจนๆคนหนึ่ง” จรณ์เสริมอีกหนึ่งประโยค ฉันรีบพูดว่า“ไม่ใช่แบบนั้นค่ะ เป็นหมอดีมากๆ ช่วยชีวิตคนรักษาอาการบาดเจ็บ เป็นอาชีพที่ดีมากอย่างหนึ่ง” ในใจฉันก็คิดแบบนี้ จรณ์ใช้เสี้ยวสายตาเหลือบมองฉัน หัวเราะจืดชืด“ขอบคุณนะ ที่จริงแล้วผมชอบอาชีพตัวเองมาก” จรณ์ส่งฉันกลับบ้าน ฉันเพิ่งจะลงรถ เขาก็ตามออกมา“ของชิ้นนี้ให้เธอก็แล้วกัน” ฉันก้มลงมอง เป็นตุ๊กตาหมีตัวนั้นเมื่อครู่นี้ “ไม่เป็นไรค่ะ”ฉันปฏิเสธตามจิตใต้สำนึก “รับไว้เถอะ เป็นของที่คนไข้คนหนึ่งให้ฉันก่อนที่เขาจะออกจากโรงพยาบาล หนุ่มใหญ่คนหนึ่งอย่างผมเอาไปก็ ไม่มีประโยชน์ ก็ให้เธอนี่แหละ”เขาว่าแล้ว ก็ยัดตุ๊กตาใส่มือผมหลังจากนั้นก็เสริมอีกประโยค“ในความคิดของ ผมเธอก็เป็นเด็กคนหนึ่ง” พอเขาพุดจบ ก็กลับขึ้นรถไป ขับออกไปแล้ว ฉันมองตุ๊กตาหมี ยิ้มออกมาโดยที่ไม่รู้ตัว ถือตุ๊กตาเข้าบ้านไป คืนนั้น บางทีอาจเป็นเพราะมีตุ๊กตาหมี ฉันกลับนอนหลับสบาย วันที่สอง พอฉันมาถึงบริษัท ก็ถูกพนักงานกลุ่มหนึ่งหยุดไว้ “ณิชา! เมื่อวานเธอฉลองวันเกิดใช่มั้ย?” “แฟนหนุ่มของเธอช่างมีความเป็นวีรบุรุษเกินไปแล้วมั้ง เมื่อวานเหมาหน้าจอเรืองแสงตึกสูงเสียดฟ้าทุกแห่งใน เมือง” “ใช่แล้วๆ เธอมีแฟนหนุ่มร่ำรวยขนาดนี้ ก็ไม่เปิดเผยกับพวกเราสักนิด จะเก็บไว้กับตัวเองขนาดนี้ทำไมกัน” ทุกคนต่างก็พูดขึ้นในขณะที่ยืนล้อมฉัน เพียงได้ยินชวารีพูดว่า“แต่พี่สาวเธอเป็นบอสระดับสูงสุดของบริษัทเรา คู่หมั่นของประธานดนุนัย ความสามารถของเธออยู่ในระดับต่ำหรือ?” ประโยคเดียว ทุกคนในที่นี้พูดเป็นนกกระจอกแตกรัง เพื่อนร่วมงานอีกหลายคนเข้ามาล้อมฉันไว้ถามว่าแฟนหนุ่มของฉันคือใคร ฉันรู้ว่า ถ้าพูดว่านั่นเป็นสิ่งที่ดนุนัยซื้อให้ฉันก็จะไม่มีใครเชื่อ ฉันพูดตัดบทว่า“นั่นไม่ใช่ฉัน อาจเป็นคนชื่อเหมือนล่ะมั้ง” “เลิกโกหกได้แล้ว ฉันล้วนตรวจสอบกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคลแล้ว วันเกิดของเธอก็คือเมื่อวาน” เพื่อนร่วมงานไม่เชื่อเลยสักนิด ฉันหัวเราะขมขื่นมองเพื่อนร่วมงานกลุ่มหนึ่งที่ล้อมฉันไว้ ถามพวกเธอว่า“ถ้าเรื่องนี้เกิดขึ้นกับพวกเธอ พวกเธอ จะปฏิเสธมั้ย? ” ประโยคเดียว ทุกคนต่างก็เหมือนจะเข้าใจแล้ว พวกเพื่อนร่วมงานเดินออกไปด้วยสีหน้าหมดสนุก มีคนดึงชวารีไว้แล้วพูดว่า“ชิ ฉันนึกว่าเธอจะมีแฟนหนุ่มทายาทเศรษฐีอะไรนั่นจริงๆเสียอีก” ชวารีหัวเราะ“เธอเป็นขั้นตอนเล็กๆน้อยๆ ถูกผู้ชายหยอกล้อเล่นเท่านั้น ถ้าเธอหาแฟนหนุ่มที่เป็นทายาทเศรษฐี ได้จริงๆ งั้นฉันก็ไม่ต้องแต่งงานกับเศรษฐีอันดับต้นๆของโลกเลยหรือ?” เรื่องที่ฉันอยู่บริษัทเตชิตออกแบบในปีนั้น ชราวีเป็นคนเดียวในแผนกออกแบบที่รู้ เธอไม่พอใจฉันแต่ฉันก็เข้าใจได้ เวลาอาหารกลางวัน ตัวฉันนั่งที่โต๊ะคนเดียว ได้ยินเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆล้วนนั่งด้วยกัน แสดงความเห็นเกี่ยวกับ เรื่องเมื่อวาน คนในแผนกออกแบบนำคำพูดเมื่อเช้าของฉันพูดให้พวกเขาฟังอย่างไม่เกรงใจเลยสักนิด ทุกคนล้วนแสดงท่าทางที่ทั้งผิดหวังและพอใจชุดหนึ่ง เดิมทีฉันนึกว่าวันนี้จะสามารถทานข้าวกลางวันเงียบๆคนเดียวได้ กลับได้ยินเสียงคนถามขึ้นมาจากด้านข้างว่า“ไม่ทราบว่าที่นี่มีคนนั่งมั้ยคะ? ”
已经是最新一章了
加载中