ตอนที่ 41 ทุกอย่างขึ้นอยู่กับเธอ   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 41 ทุกอย่างขึ้นอยู่กับเธอ
ต๭นที่ 41 ทุกอย่างขึ้นอยู่กับเธอ ถึงแม้ว่านภทีป์จะเปลี่ยนเรื่องคุย แต่ว่าเรื่องที่เขาพูด ก็เป็นเรื่องที่ต้องคุยกันต่อหน้าตรงๆ ในวันนี้หลังจากที่เอ่ยปากพูดถึงความสัมพันธ์ของพวกเราต่อหน้าเพื่อนร่วมงานจำนวนมาก ก็เหมือนกับได้บอกทุกอย่างแล้ว เพียงแต่ว่า… “ขอโทษนะ” ฉันคิดมาแล้วทั้งวันท้ายที่สุดแล้วก็ยังคงสามารถตอบได้แค่นี้เท่านั้น เมื่อเอ่ยสามคำนี้ออกจากปากไป นภทีป์ใช้นิ้วกดลงบนริมฝีปากฉัน “เฮ้ ฉันรู้ว่าเธอกังวลใจเรื่องอะไร ขอเพียงแค่เธอยืนอยู่ข้างหลังฉันก็ไม่ต้องกลัวสิ่งใด ฉันจะดูแลรักษาตัวเองให้ดี เพราะเช่นนี้แล้วฉันยังจะสามารถปกป้องดูแลเธอได้ด้วย” คำตอบของเขา ทำให้ฉันตกตะลึงไปชั่วขณะ “แต่ว่า…” ฉันคิดจะบอกว่า ดนุนัยคงไม่มีทางปล่อยไปได้ แต่นภทีป์กลับชิงพูดก่อนว่า “เธอไม่ได้ทำร้ายอะไรฉัน” จำเป็นจะต้องพูดว่า นภทีป์ทำให้ฉันประทับใจจริงๆ ฉันไม่แน่ใจว่าเช่นนี้แล้วนับว่าเรามีความสัมพันธ์ที่แน่นอนแล้วหรือไม่ แต่ว่า หลังจากนั้น ฉันจะไปกินข้าวกับนภทีป์สองวันในทุกสัปดาห์ แต่ทว่าเพื่อนร่วมงานในบริษัทยังคงทำไม่ดีต่อฉัน และยังคงมีข่าวลือมากมายเกี่ยวกับสาเหตุที่ทำให้ฉันถูกจำคุก ฉันแกล้งทำเป็นไม่รู้ ไม่สังเกตเห็น แต่ว่า ฉันไม่สามารถเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ที่น่าอับอายได้ เพราะว่าตำแหน่งของฉันคือผู้ช่วยของดวิษี แต่เพราะเรื่องของฉันกับนภทีป์ ดวิษีจึงจับฉันอยู่ในกลุ่มบัญชีดำไปแล้ว แม้แต่เดินไปคุยกับหล่อน หล่อนก็ไม่ปรายตามองฉันเลย ฉันไม่มีอะไรทำมาตลอดสองสัปดาห์ ทำได้แค่เรียนรู้ด้วยตัวเอง แต่ว่า ฉันเองก็รู้ว่าจะปล่อยให้เป็นแบบนี้ไม่ได้ ฉันต้องดูแลเงินของบริษัท แต่กลับไม่ได้ทำอะไร ฉันตัดสินใจเด็ดขาด เริ่มตามติดดวิษีในวันรุ่งขึ้น ถึงแม้ว่าหล่อนจะเมินเฉยใส่ฉัน ฉันก็ตามหล่อนไปทุกที่ เป็นเช่นนี้อยู่สามวัน ในวันที่สาม ดวิษีจงใจหลบเลี่ยงฉัน เมื่อฉันเห็นเธอเข้าไปในลิฟท์ ฉันตามไป หล่อนก็เข้าไปในรถและขับออกไปแล้ว ตอนที่ฉันยืนอยู่หน้าอาคารสำนักงาน กำลังเลิ่กลั่กจะทำอย่างไรต่อดีนั้น รถของดนุนัยขับมาจอดตรงหน้าฉัน ฉันคิดจะไปจากตรงนั้น แต่กลับถูกเขาคว้าข้อมือไว้ บังคับให้เข้าไปนั่งเบาะหลัง! แต่ว่าก่อนหน้านี้ดนุนัยไม่ได้สนใจอะไรฉันเลยนะ! คนขับรถสตาร์ทรถ ฉันไม่รู้ว่าเขาต้องการจะพาฉันไปที่ไหน ตลอดทาง ฉันใช้คำเลวทรามทั้งหมดเท่าที่นึกออกด่าทอเขา แต่ดนุนัยไม่สะทกสะท้านแม้แต่น้อย เมื่อรถหยุดลงอีกครั้ง ดนุนัยลดหน้าต่างลง หันหน้าไปมองด้านนอก แล้วถามฉัน “ดูสิ ว่านี่คือที่ไหน?” ฉันหันไปมองนอกหน้าต่าง ใช้เวลาอยู่นานถึงจะตอบสนองได้ว่าที่นี่คือที่ไหน ใบหน้าขาวซีดในชั่วพริบตา ไม่รู้ว่ารถขับเข้ามาถึงบ้านเด็กพร้าตอนไหน อย่างไรก็ตามบ้านเด็กกำพร้ากับที่มีในความทรงจำของฉันนั้นไม่เหมือนกันอีกแล้ว ถ้าหากตรงปากทางไม่เขียนป้ายไว้ว่า “บ้านดวงดาว” ฉันคงไม่อยากเชื่อว่านี่คือบ้านเด็กกำพร้าที่อยู่มาแต่เล็กจนโต ในตอนนี้เอง ดนุนัยลงจากรถเรียบร้อยแล้ว และพูดกับฉันว่า “ไปเถอะ เข้าไปดูข้างใน” พอฉันตามเขาเข้าไปในบ้านเด็กกำพร้า อธิการบดีบ้านเด็กกำพร้าก็ออกมาต้อนรับ เมื่อเขามองเห็นดนุนัยก็รีบเข้ามา และพูดด้วยความเคารพว่า “ผู้จัดการดนุนัย คุณมาถึงแล้ว” ดนุนัยพยักหน้า เหลือบมองมาทางฉัน แล้วเอ่ยว่า “พาเธอมาเยี่ยมน่ะครับ” อธิการบดีมองมาที่ฉัน ทันใดนั้นก็นึกออก “นี่คือหนูณิใช่ไหม?” ชื่อของฉันที่บ้านเด็กกำพร้าคือ หนูณิ ส่วนชื่อณิชานั้น เป็นชื่อที่ชยานีตั้งให้เมื่อฉันไปอยู่ที่บ้านจันทร์ จากนั้น อธิการบดีพาพวกเราเดินเที่ยวชม ฉันถึงได้รู้ว่า เมื่อปีที่แล้วดนุนัยออกเงินทุนสร้างบ้านเด็กกำพร้าใหม่ทั้งหลัง ตอนนี้ในบ้านเด็กกำพร้า ไม่เพียงแต่จะมีหอพักและห้องเรียน แต่ยังมีห้องเด็กเล่น ห้องมัลติมีเดียสำหรับเด็กโต และห้องคอมพิวเตอร์ ในเวลาเดียวกันดนุนัยยังเชิญครูต่างชาติมาสอนเด็กๆทุกสัปดาห์ ตลอดทางเที่ยวชม ฉันพูดไม่ออกเลยสักคำ เมื่อการเที่ยวชมสิ้นสุดลง กลับมานั่งบนรถแล้ว ฉันอดไม่ได้ที่จะเอ่ยมาคำหนึ่ง “ขอบคุณนะคะ” ดนุนัยเหลือบมองมาที่ฉันแล้วพูดด้วยสีหน้าว่างเปล่าไร้อารมณ์ใดๆว่า “ฉันสามารถสร้างที่นี่ขึ้นมาใหม่ได้ ดังนั้นก็สามารถทำลายได้ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับเธอ”
已经是最新一章了
加载中