ตอนที่ 51 ตอนอยู่ในคุกฉันได้เสียลูกไปแล้ว   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 51 ตอนอยู่ในคุกฉันได้เสียลูกไปแล้ว
ต๭นที่ 51 ตอนอยู่ในคุกฉันได้เสียลูกไปแล้ว จิณณานั่งอยู่ที่อีกด้านของผนังกระจก ไม่ขยับเขยื้อน มุมปากปรากฏรอยยิ้มเยาะออกมาอย่างจงใจ “เหรอ? ถ้าอย่างนั้นเธอก็ออกมาก่อนละกันนะ” ตำรวจเห็นฉันตื่นเต้นจนออกกอาการ จึงเข้ามาระงับทันที และเตือนว่า “ทำตัวดีๆหน่อย!” ทั้งที่ฉันถูกตำรวจควบคุมตัวและไม่สามารถกระดิกตัวได้แท้ๆ แต่จิณณากลับยังเสแสร้งพูดว่า “คุณตำรวจคะ ณิชาเพียงแค่สับสนไปชั่วครู่ คุณอย่าทำให้เธอลำบากใจเลยค่ะ” ต่อมา ฉันนั่งลงบนเก้าอี้ แต่ว่าตำรวจยืนก็ยืนอยู่ข้างหลังฉัน ห่างไปหนึ่งก้าว “จิณณา ฉันบอกไปแล้วนะว่า ฉันไม่คิดอยากเป็นนายหญิงบ้านสุทรรศน์ฯ” เสียงของฉันเริ่มอ่อนลง จนถึงตอนนี้ฉันยังคงคิดว่า ให้จิณณาถอนแจ้งความ บางทีเรื่องนี้อาจเป็นวิธีการแก้ไขที่ดีที่สุด จิณณาย่อมรู้ว่าฉันคิดอย่างไรแน่นอน เธอนั่งอยู่ด้านนอก เป็นอีกครั้งที่แสดงท่าทางสงสารเกินจริง “ณิชา ความเป็นพี่น้องของเราน่ะ ฉันเอาใจใส่ความสัมพันธ์พี่น้องของเราอย่างที่สุดแล้ว แต่ทว่า เธอลงมือกับฉันซ้ำแล้วซ้ำอีก ตอนนี้ครอบครัวผิดหวังกับเธอกันมาก ฉันกลัวว่าถ้าฉันใจอ่อน แล้วฉันเกิดโชคร้ายมีเหตุเภทภัยอะไรขึ้นอีก คุณพ่อคุณแม่ ไหนจะคุณยาย ท่านคงทนไม่ได้ที่จะต้องถูกโจมตีด้วยเรื่องนี้อีกแล้ว” เธอพูดถึงคุณยาย ราวกับคว้าเชือกช่วยชีวิตไว้ได้! “คุณยาย? คุณยายรู้เรื่องนี้เหรอ?” ฉันถามหล่อน “เรื่องนี้…” ราวกับว่าจิณณาคิดไม่ถึงว่าฉันจะถามถึงข้อนี้รีบพยักหน้าอย่างรวดเร็ว “อืม รู้แล้ว คราวก่อนฉันกับดนุนัยช่วยเธอปกปิดผ่านมาได้ แต่ว่าครั้งนี้ ตบตาท่านไม่ได้แล้ว ผู้ใหญ่ทั้งสองบ้านต่างรู้เรื่องหมดแล้ว” ฟังที่จิณณาพูดแล้ว ฉันอยากจะหัวเราะเยาะเสียจริง หล่อนช่วยปิดบังให้ฉัน? ครั้งที่แล้วย่อมเป็นดนุนัยแน่นอนที่ปกปิดให้ ครั้งนี้เห็นอยู่ชัดๆว่าหล่อนได้ลงมือฆ่าฉันก่อนแล้วค่อยไปรายงาน พูดได้เลยว่า จิณณานั้นโหดร้ายมาก ถ้าหากว่าครั้งนี้ ชยานีและทินบัติ สามารถรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างซ่อนเร้นอยู่ แต่ว่านี่เป็นครั้งที่สองแล้ว ใครเล่าจะเชื่อว่าฉันเป็นผู้บริสุทธิ์ได้อีก คำพูดของจิณณาทำให้ฉันยิ่งแน่ใจว่าเธอจะไม่ช่วยฉัน ฉันเองก็ไม่อยากจะเสียเวลาทะเลาะกับหล่อนให้มากอีก จึงหมุนตัวเดินกลับไปที่สถานกักกัน ในการสอบสวนครั้งต่อมา ฉันได้ยินว่าทางตำรวจได้ใช้เครื่องจับเท็จกับคนงานที่ชี้ตัวฉันสำหรับจับโกหก ผลลัพธ์คือ เขาไม่ได้โกหก ในไม่ช้าการสอบสวนก็สิ้นสุดลงภายในหนึ่งเดือนอย่างรวดเร็ว แม้ว่าฉันจะปฏิเสธนภทีป์ไปแล้ว แต่เขาก็ยังคงช่วยหาทนายให้ฉัน แต่อย่างไรก็ตาม เป็นเพราะคำให้การของคนงานบวกกับผลการตรวจสอบด้วยเครื่องจับเท็จ ฉันจึงถูกนำตัวไปที่คอกจำเลย และเข้าฟังการพิจารณาคดี และมีดนุนัยกับจิณณากำลังนั่งฟังด้วย กระบวนการนี้ช่างมีความคุ้นเคยเหลือเกิน และฉันรู้ว่า ฉันจะไม่มีทางลบล้างมันได้ ผลการพิจารณาคดีก็คือ ฉันแพ้คดี ผู้พากษาประกาศว่าฉันถูกตัดสินโทษเป็นเวลา 6 เดือน เมื่อฉันถูกพัศดีเรือนจำนำตัวออกจากห้องโถงพิจารณาคดี ฉันรู้สึกว่าตัวเองได้ย้อนกลับไปเมื่อสองปีก่อน ฉันมองดูกุญแจมือบนข้อมือตัวเอง ยังคงคิดว่า ถ้าหากครั้งนี้ฉันได้เข้าคุกอีกครั้ง ฉันอาจจะไม่โชคดีเหมือนครั้งที่แล้ว ฉันจะต้องตายอยู่ข้างในนี้อย่างแน่นอน! ในตอนนี้เอง หัวใจของฉันได้ตกอยู่ในความตื่นตระหนกอย่างไม่มีที่สิ้นสุด! แขนขาฉันไม่หยุดสั่นเลย “ไม่เอา...ไม่เอา...” ฉันบ่นพึมพำแล้วเงยหน้าขึ้น มองไปไม่ไกลนัก ก็เห็นดนุนัยและจิณณายืนอยู่ตรงหน้าฉัน! ทันใดนั้น ฉันก็วิ่งไปหาดนุนัยอย่างบ้าคลั่ง! “ตุ้บ” ทันใดนั้นฉันก็คุกเข่าลงตรงหน้าเขา คว้ากางเกงของเขาไว้แล้วขอร้อง “ผู้จัดการดนุนัยคะ ฉันไม่ได้ทำร้ายเธอนะคะ ฉันไม่ได้ทำอะไรเลย ฉันขอร้องเถอะค่ะ เชื่อฉันสักครั้ง ขอเพียงคุณยอมถอนคดี ฉันสัญญา ฉันจะไม่กลับมาที่เมืองดรัลอีกตลอดชีวิต รับรองได้ว่าตลอดชีวิตนี้ฉันจะไม่โผล่มาให้คุณเห็นอีกเลย” ฉันไม่ใช่คนไม่รู้สึกรู้สาอะไร ความหวาดกลัวกับการติดคุกเมื่อครั้งก่อนได้ย้อนกลับมา รวมไปถึงความตื่นตระหนกที่ต้องเข้าคุกอีกครั้งทำให้ฉันควบคุมตัวเองไม่ได้ ในตอนนี้ความขลาดกลัวของฉันได้ระเบิดออกมาหมดแล้ว! ตำรวจตามมาอย่างรวดเร็ว และต้องการดึงฉันออกไป แต่ว่าฉันกอดขาดนุนัยแน่นไม่ยอมปล่อย อ้อนวอนเขา “ผู้จัดการดนุนัยคะ ฉันรับปากนะคะ ขอให้คุณถอนคดีเถอะค่ะ ขอร้องพวกคุณนะคะ ตอนที่อยู่ในคุกฉันได้เสียลูกไปแล้ว ฉันไม่อยากเข้าไปในนั้นอีก ฉันขอร้องเถอะค่ะ!” ฉันพูดไปอย่างไม่คิดเลย แต่ทว่า ในตอนที่ฉันกำลังพูดอยู่นั้น ฉันเห็นดนุนัยหรี่ม่านตาของเขาอย่างรุนแรง ท่าทีเห็นได้ชัดว่ามีความลังเล ดูเหมือนว่าจิณณาเองก็สังเกตเห็น เธอรีบมาจับเขาไว้ พูดจาอย่างเฉลียวฉลาดว่า “ดนุนัยคะ ถ้าหากจะปล่อยณิชาออกมาล่ะก็ ฉันกลัวจริงๆว่าฉันจะไม่โชคดีขนาดนี้อีกในครั้งต่อไป...” ทันทีที่หล่อนพูดออกมา ดนุนัยก็ยกขาขึ้น แล้วกระแทกใส่ฉันโดยตรง ตำรวจใช้โอกาสนี้เข้ามากดฉันลง ตอนที่ฉันถูกตำรวจนำตัวไป ได้หันไปมองดนุนัยด้วยแววตาสิ้นหวัง กลับไปถึงสถานกักกัน ฉันดูเหมือนจะล้มป่วยลง ไม่ว่าฉันจะทำอะไรที่ไหน ก็สั่นสะท้านอย่างห้ามไม่ได้ ความหวาดกลัวข้างในนั้นราวกับกำลังมีมดหนึ่งหมื่นตัวรุมกัดกินใจฉันอยู่ ก่อนหน้านี้ฉันเป็นคนที่ยังไงก็ไม่ร้องไห้ แต่ว่าหลายวันมานี้ น้ำตาไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว ฉันไม่กิน ไม่ดื่ม ฉันคิดว่า ตายที่นี่ยังดีเสียกว่าที่จะกลับเข้าไปในคุกอีก ฉันสังหรณ์ใจอย่างรุนแรงว่า ถ้าได้กลับไปอีก จะไม่ได้ออกมาอย่างแน่นอน ในขณะที่ฉันหมดหวังและปล่อยเวลาผ่านไปอย่างไร้จุดหมายมาสามวัน ตำรวจก็เข้ามาบอกฉันว่า “ณิชา คุณไปได้แล้ว” ฉันคิดว่าหูของฉันมีปัญหาเสียแล้วล่ะ ฉันมองคุณตำรวจ และตอบรับว่า “อะไรนะคะ?” ตัวฉันไม่มีแรงเลย จึงสามารถพูดอะไรได้มากตามปกติ “คุณออกไปได้แล้ว” ตำรวจกล่าวอีกครั้ง ฉันไม่ผิด! ฉันตื่นเต้นเหลือเกิน! แต่ทว่าในตอนที่ฉันลุกยืนขึ้นมานั้น กลับล้มลงบนพื้นอย่างแรง! ตำรวจมองดูฉัน ใบหน้าเต็มไปด้วยความรังเกียจ และเย้ยหยันว่า “คุณไม่ผิด? เพราะน้องสาวของคุณสงสารคุณหรอกนะเลยถอนคดีไปน่ะ!” ไม่มีใครเชื่อฉันเลย แต่ฉันก็ยังตื่นเต้นอย่างมากอยู่ดี เพราะฉันไม่ต้องกลับไปติดคุกอีกแล้ว ตำรวจรอให้ฉันออกไปด้านนอก แต่เพราะสามวันมานี้ฉันไม่ดื่มไม่กิน ร่างกายจึงไม่มีเรี่ยวแรงเลย แม้แต่จะลุกขึ้นยังลำบาก ต่อมา ตำรวจบังคับฉัน จนแทบจะลากฉันออกไป พอฉันออกไปถึงปากประตูสถานกักกัน ก็มองเห็นรถที่คุ้นตา ดนุนัย ฉันคิดไม่ถึงเลยว่า คนที่มารับฉันจะเป็นดนุนัยจริงๆหรือ? ทันที่ฉันออกมา ตำรวจใช้มือผลักฉันราวกับหลบเลี่ยงโรคระบาด เป็นเพราะว่าศูนย์เสียการทรงตัว ทั้งตัวของฉันจึงล้มลงไปบนพื้น ฉันใช้มือค้ำยันไว้ แต่เพราะแขนไม่มีแรง ฉันจึงล้มลงไปอย่างแรง หน้าผากกระแทกพื้นคอนกรีต เหมือนว่าจะแตก แต่ถึงอย่างนั้น ฉันก็มีความสุขมากอยู่ดี ดนุนัยมองดูฉันที่กำลังหัวเราะเบาๆบนพื้น ใบหน้าหล่อเหลานั้นมีสีหน้าซับซ้อน เดิมฉันคิดว่าเขาจะคิดว่าฉันบ้า และจากไป แต่ว่าเขากลับเข้ามาหาฉัน เอนตัวลง อุ้มฉันขึ้นแล้วไปยังรถของเขา การเคลื่อนไหวของเขาเบามาก จนทำให้ฉันรู้สึกได้ถึงความอ่อนโยน ฉันอยู่ในอ้อมกอดเขา มองดูเขา พึ่งพิงแผงอกกว้างอันแข็งแรง ความพยายามอย่างหนักหน่วง ใช้แรงอย่างมากถึงจะพูดคำสองคำออกมาได้ว่า “ขอบคุณ” พูดจบ น้ำตาก็ร่วงลงมาอย่างไม่รู้ตัว แล้วก็ไม่รู้ว่าเป็นภาพหลอนของฉันเอง หรือเพราะฉันกลัวมากเกินไปตอนที่อยู่ในสถานกักกัน ฉันรู้สึกว่าสายตาของดนุนัยที่มองฉันไม่เย็นชาอีกแล้ว และยังมีความอบอุ่นอีกด้วย เขาวางฉันไว้ที่นั่งข้างคนขับ รัดเข็มขัดให้ฉัน จากนั้นจึงไปนั่งที่เบาะคนขับ ดนุนัยพาฉันมาส่งถึงวิลล่า มีคนรับใช้ทำอาหารไว้ให้ฉันเรียบร้อยแล้ว ตัวฉันยังกินเองไม่ได้ คนรับใช้จึงป้อนโจ๊กให้ฉัน และฉันก็หลับไป 
已经是最新一章了
加载中