ตอนที่ 54 เป็นเพราะฉันกับดนุนัยเลือกจะให้อภัยเธอ   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 54 เป็นเพราะฉันกับดนุนัยเลือกจะให้อภัยเธอ
ต๭นที่ 54 เป็นเพราะฉันกับดนุนัยเลือกจะให้อภัยเธอ แต่จิณณาไม่ได้โจมตีอะไร เดินไปตรงที่หน้าโต๊ะกินข้าว แล้วนั่งลงตรงที่นั่งของฉันก่อนเอ่ยว่า “ฉันยังไม่ได้กินข้าวเช้าเลยค่ะ” “ไปเตรียมมาให้เธออีกชุด เอาของภรรยาฉันวางไว้ข้างๆฉันนี่แหละ” ดนุนัยหันไปสั่งคนรับใช้โดยอัตโนมัติ ฉันมองดนุนัยที่เพิ่งจะพูดจบ จิณณาวางมือลงบนโต๊ะ กำหมัดแน่น จนเส้นเลือดปูดนูนขึ้นมา ถึงแม้ว่าฉันจะไม่เข้าใจความหมายของดนุนัย แต่ฉันก็ยังเดินลงมาด้านล่างอย่างสงบเยือกเย็นไม่รีบร้อน แล้วนั่งลงข้างๆดนุนัย เห็นคนรับใช้นำชุดชามอาหารเช้ามาให้ ฉันนั่งเคียงข้างดนุนัย ก้มหน้าก้มตากินมื้อเช้า คนรับใช้นำชุดชามอาหารออกมาอย่างรวดเร็ว จิณณาไม่ขยับ ก่อนจะพูดว่า “ณิชา ครั้งนี้เป็นเพราะฉันกับดนุนัยเลือกที่จะให้อภัยเธอ บวกกับเธอเป็นคนที่คุณยายและยังมีคุณปู่บ้านสุทรรศน์ฯเป็นคนเลือกมา พวกเราจึงไม่อยากทำให้พวกท่านต้องลำบากใจ” “อ้อ” ฉันกินมื้อเช้า แล้วคิดถึงเช้านี้ที่หล่อนโทรมาซักถาม ก็รู้สึกช่างไร้สาระ จิณณาไม่รู้เรื่องพวกนี้ ยังคงพูดต่อไปว่า “ดังนั้นฉันหวังว่าความสัมพัน์ของพวกเราต่อไปนี้จะเป็นไปด้วยดี ไม่อยากให้ดนุนัย และท่านผุ้อาวุโสทั้งสองบ้านต้องลำบากใจอีก ตกลงไหม?” เธอคิดจะเป็นคนดี? แต่ฉันตั้งใจจะเปิดโปงหล่อน “อย่างนั้นเหรอ? แต่ว่าทำไมฉันถึงได้ยินว่ามีคนโทรศัพท์มาซักถามสามีของฉันในเช้าวันนี้ ทำไมถึงอยากจะให้ฉันออกไปล่ะ” พอฉันพูดจบก็หันไปทางดนุนัย เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย แล้วแสดงท่าทางหยอกเย้า “ใช่ไหมคะ? ที่รัก” จิณณากลับมีสีหน้าซีดเผือดหันไปมองดนุนัย ราวกับอยากให้เขาช่วยพูดโกหก แต่ว่า ดนุนัยมีสมาธิอยู่กับการทานมื้อเช้าของตัวเอง หลังจากที่เขากลืนอาหารในปากแล้ว ก็เช็ดมุมปาก ถึงจะตอบว่า “ใช่” ฉันประหลาดใจมาก ที่เขาช่วยฉัน เพียงแค่คำเดียวสีหน้าของจิณณาก็ตึงจนแทบจะทนไม่ไหวแล้ว เธอก้มหน้ากินมื้อเช้าเงียบๆ พอกินเสร็จก็จากไปทันที ฉันหามือถือของตัวเองที่ชั้นบน นึกขึ้นมาได้ว่ากระเป๋าและโทรศัพท์มือถือของฉันถูกดนุนัยโยนเข้าไปในรถ และไม่ได้หยิบมา หลังจากที่ฉันบอกเขา เขาก็เอากุญแจรถให้ฉัน ฉันหยิบโทรศัพท์มาและพบว่ามันดับไปแล้ว แบตเตอรี่หมดแล้ว จนเมื่อเปิดโทรศัพท์อีกครั้ง พบว่าเมื่อวานนี้ทั้งติณณาและนภทีป์ต่างโทรหาฉันจำนวนนับไม่ถ้วน และยังฝากข้อความไว้ด้วย ฉันรีบกลับไปที่ห้องแล้วโทรกลับหาเธอ ปรากฏว่า เมื่อวานตอนที่ฉันถูกดนุนัยชิงตัวมา ติณณาได้เห็นเข้า เมื่อเธอตามไปถึง ดนุนัยก็ขับรถออกไปแล้ว หลังจากนั้นธอก็พยายามโทรอย่างสุดชีวิต และยังติดต่อนภทีป์ด้วย นภทีป์ค้นหาจนเจอข้อมูลติดต่อดนุนัย ในตอนแรกที่โทรนั้น ดนุนัยไม่รับสาย คาดไม่ถึงกลางดึกเมื่อคืนนี้ ดนุนัยโทรหานภทีป์โดยไม่คาดคิด แล้วพูดว่า “ณิชาไม่เป็นไรแล้ว หลังจากนี้เรื่องของเธอ คุณไม่ต้องเข้ามายุ่งเกี่ยวอีก ผมจะรับผิดชอบทั้งหมดเอง” ถึงแม้ว่านภทีป์จะไม่เต็มใจ แต่เมื่อรู้ว่าฉันไม่เป็นไรแล้ว ก็ไม่ได้ติดต่ออีก เล่าเรื่องนี้จบ ติณณาก็ใช้น้ำเสียงซุบซิบถามฉันว่า “ดนุนัยพูดแบบนี้หมายความว่ายังไงเหรอ? เป็นไปได้ไหมว่าเพราะเกือบจะสูญเสียเธอไปจึงเพิ่งรู้ตัวว่ารักเธอน่ะ?” “เขารักฉัน? จะเป็นไปได้ยังไงคะ เขาเคยพูดไว้นานแล้วว่า ชั่วชีวิตนี้จะไม่มีวันรักฉัน” ฉันขำตัวเอง “ไม่ใช่สิน่า ความรู้สึกแบบนี้ใครเขาจะพูดดีๆกันเล่า?” ดูเหมือนติณณาจะไม่เชื่อ ฉันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วส่ายหัว “เขาแค่มองว่าฉันเป็นเหมือนข้าวของของเขาที่ไม่ต้องการแล้ว เขาเกลียด เขารังเกียจซึ่งแน่นอนว่าเขาย่อมไม่ยอมถ้าเขาไม่ได้ควบคุมฉัน” ติณณาฟังจนจบ ดูเหมือนเธอเองก็คิดว่าคำพูดของฉันมีเหตุผล แล้วแขวะว่า “นี่เขาคิดว่าตัวเองเป็นจักรพรรดิสิเนอะ?” เมื่อฉันหมุนตัวหลังจากวางสายก็เห็นดนุนัยยืนอยู่ตรงปากประตูห้องนอน ฉันสะดุ้งตกใจ ไม่รู้ว่เขาเข้ามาในห้องตั้งแต่เมื่อไหร่ จึงถามเขาว่า “ผู้จัดการดนุนัย มีอะไรหรือเปล่าคะ?” ได้ยินคำเรียกชื่อนี้ ดนุนัยอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว “ผู้จัดการดนุนัย? ภรรยาบ้านไหนเรียกสามีแบบนี้กัน?” “สามีบ้านไหนช่วยคนรักปกปิดความชั่ว แล้วส่งภรรยาของตัวเองเข้าคุกล่ะคะ?” ฉันตอบโต้ ในความเป็นจริงฉันก็ไม่ใช่คนโง่ ดนุนัยเป็นผู้บริหารระดับสูงของบริษัทนภากรุ๊ป จำกัด ตามปกติแล้วไม่น่าจะมาเปลืองเวลาคิดทำหลุมพรางใส่ฉัน ทั้งหมดล้วนมากจากจิณณาเป็นคนวางแผน แต่ว่า เขากลับทำเป็นมองไม่เห็นในสิ่งที่จิณณาทำ แม้กระทั่งช่วยเหลือเธอด้วย ดนุนัยหยุดไปครู่หนึ่ง แล้วพูดว่า “วันนี้เธอพักผ่อนเถอะอยากจะไปไหนก็บอกฉัน วันนี้ฉันว่างไปกับเธอได้” พูดจบก็เดินออกไปแล้วปิดประตู ฉันจ้องมองประตูที่ปิดลง ชั่วขณะนั้นนึกว่าตัวเองประสาทหลอนไปเอง เขาพูดว่าจะไปกับฉัน? แต่แล้วฉันก็เข้าใจอย่างรวดเร็ว เขาแค่กลัวว่าฉันจะหนีไปอีก เลยต้องการเฝ้าระวังฉัน ฉันไล่ตามออกไป เห็นดนุนัยอยู่ที่ชั้นล่าง เลยพูดว่า “ไม่ต้องหรอกค่ะ ผู้จัดการดนุนัย ฉันไม่อยากไปที่ไหนทั้งนั้น คุณวางใจเถอะค่ะ” ฉันย้ำคำสามคำ “คุณวางใจเถอะ” อย่างหนัก จากนั้น ก็กลับมาที่ห้องนอน ในวันนั้นดนุนัยอยู่บ้านหนึ่งวัน ฉันเองก็อยู่ทั้งวัน แต่แม้แต่คำเดียวเราทั้งสองคนก็ไม่คุยกัน เดิมทีฉันคิดว่าเราจะผ่านวันนี้ไปเช่นนี้ จนถึงตอนเย็น คนรับใช้ทำอาหารเสร็จแล้ว ฉันเพิ่งจะนั่งลง โทรศัพท์ของดนุนัยก็ดังขึ้น เขาหยิบขึ้นมา ฉันได้ยินเขาเปล่งเสียงว่า “คุณปู่ครับ” จากนั้นก็ลุกขึ้นไปรับสายที่ห้องนั่งเล่น ฉันมองสีหน้าของดนุนัยเมื่อเขารับโทรศัพท์แล้วเดินผ่านไป ฉันดูอยู่สักพัก ตอนที่กำลังหยิบตะเกียบขึ้นมาเพื่อทานอาหารนั้นเอง ดนุนัยก็วางสายและเดินเข้ามาบอกว่า “เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วไปบ้านคุณปู่กับฉัน” “ฉันกับคุณ?” เมื่อฉันตอบกลับ ก็ตระหนักได้ทันทีว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ฉันเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างรวดเร็วแล้วนั่งรถของดนุนัยไปยังบ้านของทินบัติ เมื่อเดินเข้าไป สิ่งแรกที่สายตาฉันสังเกตเห็นไม่ใช่ทินบัติ แต่เป็นคนที่นั่งอยู่ข้างกายทินบัติ จิณณาที่นั่งอย่างสุภาพเรียบร้อย และแต่งหน้าแต่งกายได้พอเหมาะกำลังดี เธอมองเห็นฉัน แววตาไม่สามารถซ่อนเจตนาของเธอไว้ได้ แต่ก็ยังคงลุกขึ้นและพูดว่า “ณิชา เธอมาแล้ว” เมื่อฉันและดนุนัยเข้าไปด้านใน ทินบัติที่กำลังยิ้มแย้มอยู่ก็ลุกขึ้นมา แล้วตบโต๊ะ “ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะหล่อนมาบอกฉัน แกคิดจะปิดบังฉันอีกกี่เรื่อง!” “คุณปู่ครับ ปู่เคยพูดว่าเธอคือภรรยาของผม ให้ผมดูแลเธอให้ดี ผมก็กำลังทำอยู่นี่ไงล่ะครับ” ดนุนัยยืนอยู่ข้างหน้าฉันเล็กน้อย ฉันมองไม่เห็นสีหน้าของเขา แต่ถ้าเขาจะพูดคำนี้ ฉันก็ยืนรับฟังอย่างสงบ เป็นเพราะว่าเวลาที่อยู่ในบ้านสุทรรรศน์รังสสี ดนุนัยก็ทำตัวเป็นสามีที่ดีเช่นนี้มาตลอด ดูแลปกป้องฉัน ดังนั้นในช่วงเวลานี้ตอนนี้ เขาจะพูดแบบนั้นเพื่อฉัน ฉันก็ไม่แปลกใจ “เมียของแก เมียของแก หล่อนได้ทำเรื่องชั่วช้าขนาดนี้แล้ว ยังเป็นเมียของแกอีกเหรอ?! ฉันจะบอกแกไว้ ฉันไม่รู้จักหลานสะใภ้ที่ทำตัวแปดเปื้อนต่ำช้าแบบนี้!” ทินบัตินั่งอยู่บนโซฟาแล้วมองมาที่ฉันด้วยแววตารังเกียจ แววตาเช่นนี้ฉันเคยเห็นมาก่อน ตอนที่เข้าไปอยู่ในคุกครั้งแรก ตอนที่ถูกคนงานผู้รับเงินใต้โต๊ะฟ้องว่าชีวิตครอบครัวของตนทุกข์ยากลำบาก ตำรวจคนนั้นก็มองฉันแบบนี้ “คุณปู่ครับ ปู่แน่ใจได้อย่างไรว่าที่จิณณาพูดเป็นเรื่องจริง?” ฉันมองเห็นว่าคุณปู่บ้านสุทรรศน์ฯมีความรู้สึกผิดหวัง เป็นเพราะก่อนกน้านี้เขาดีกับฉันมากจริงๆ “ฉันเชื่อตำรวจ” ตอนที่ทินบัติพูด ไม่ได้มองฉันอีก “แต่ตำรวจก็ทำผิดพลาดได้นี่คะ” ฉันก้าวไปข้างหน้าอีกหนึ่งก้าว เมื่อจิณณาได้ยิน เห็นได้ชัดว่าหล่อนอดทนที่จะไม่หัวเราะ แล้วพูดว่า “ณิชา ตำรวจน่ะไม่ได้ทำอะไรผิดพลาดเลยนะ ยิ่งไปกว่านั้นการดำเนินคดีนี้ มีการใช้เครื่องจับเท็จกับคนที่เกี่ยวข้องด้วยไม่ใช่เหรอ? ถึงคิดว่าตำรวจผิดพลาด แต่เครื่องจับเท็จคงผิดพลาดไม่ได้กระมัง” คำพูดของหล่อนปลุกฉันให้ตื่น ถ้าหากเครื่องจับเท็จไม่มีทางผิดพลาดได้อย่างที่ว่า…
已经是最新一章了
加载中