ตอนที่ 59 ย้ายออกจากบ้านของเขา   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 59 ย้ายออกจากบ้านของเขา
ต๭นที่ 59 ย้ายออกจากบ้านของเขา ฉันมองดูเงินพวกนั้น แล้วส่ายหัว”คุณป้าชวลัย คุณน่าทึ่งมากจริงๆค่ะ นี่คุณเตรียมอุปกรณ์ทุกที่ทุกเวลา รอให้ฉันตกหลุมพรางเหรอคะ?” คุณป้าชวลัย คำเรียกสามคำนี้ ทำให้ใบหน้าชวลัยโกรธจนหน้าเขียว ในตอนที่ฉันยังไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองนั้นเอง ปณัยได้เดินเข้ามา ยกมือขึ้นแล้วตบดัง “เพี้ยะ” ลงบนหน้าฉัน! ชั่วพริบตา สายตาตรงหน้าของฉันก็พร่ามัว หูได้ยินเสียงหึ่งๆ แล้วก็ได้ยินเสียงปรัยลนลานด่าฉันว่า “พวกเราให้ชีวิตแก เลี้ยงดูแกมาสามปี แกขโมยเงินของพวกเรา แล้วยังจะเรียกเราแบบนี้?!” “ณิชา!” จิณณาเสแสร้งแสดงเข้ามาช่วยฉัน พูดกับปณัยว่า “พ่อคะ ตอนนี้ณิชาเป็นอดีตอาชญากรนะคะ ไม่ง่ายเลยที่จะหางานทำได้ บริษัทที่ไหนก็ไม่รับเธอ เธอย่อมถูกบังคับให้ไม่มีทางเลือก” ฉันยิ้มเยาะ แล้วใช้มือผลักจิณณาออกไป “อย่ามาเสแสร้งได้ไหม?” “ณิชา” “ลูกดูเอาเถอะ ลูกช่วยมันพูด นอกจากมันไม่จำแล้ว ยังเป็นพวกไม่มีสำนึกด้วย!” ชวลัยเข้ามาดึงจิณณาไปไว้ด้านหลังของตน “แกนี่มัน…” “พอได้แล้ว!” ตอนที่ปณัยยกมือขึ้นเพื่อที่จะตีฉัน ชยานีที่นั่งอยู่ข้างๆเขาในที่สุดก็พูดออกมา เธอโบกไม้โบกมือมาทางฉันเรียกฉันด้วยน้ำเสียงเมตตา “มา หนูณิ มานั่งกับฉันนี่มา” “แม่ แม่อย่าให้มันหลอกอีกสิครับ!” ปณัยเห็นแล้วว่า พวกเขาใช้ความพยายามในการแสดงละครเป็นเวลานาน แต่ทัศนคติที่ชยานีมีต่อฉันไม่เปลี่ยนแปลงเลย เส้นเลือดที่หน้าผากของเขาแทบจะระเบิดออกมา ฉันฟังคำพูดที่มีเมตตาของชยานีแล้วนั่งลงบนโซฟาข้างๆเธอ เธอแตะใบหน้าของฉัน ด้วยสีหน้ากังวลแล้วถามฉันว่า”เจ็บไหม?” ฉันพยักหน้าจากนั้นถามเธอว่า “คุณยายเชื่อหนูไหมคะ?” ครอบครัวนี้ มีชยานีเพียงคนเดียวยังคงเป็นที่รักของฉัน “หนูเป็นหลานสาวของฉัน ฉันไม่เชื่อได้อย่างไร” เธอพูดแล้วเอามือของฉันไปจับไว้ แล้วตบเบาๆ ทุกอย่างยังเหมือนที่เคยเป็นก่อนหน้านี้ ราวกับไม่เคยมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นมาก่อน ชวลัยเห็นแล้วก็ร้อนใจ “คุณแม่คะ แม่ลืมไปแล้วเหรอว่ามันทำร้ายจิณณาซ้ำแล้วซ้ำอีก เรื่องพวกนั้นมีหลักฐานยืนยันแน่ชัดนะคะ!” “คุณแม่ ช่างเถอะค่ะ” จิณณาดึงชวลัยไว้ ดวงตาของเธอกลับมีสีแดงก่ำ การแสดงของเธอเติบโตขึ้นมากจริงๆ “พอได้แล้ว ฉันไม่ได้เจอหนูณิมานานมากแล้ว อยากจะคุยกับเธอซักหน่อย พวกเธอกลับบ้านไปเถอะ” ชยานีขับไล่ทันทีทันใด ชวลัยและปณัยตกตะลึง โดยเฉพาะอย่างยิ่งชวลัย ดวงตาคู่นั้นจ้องมองฉันเขม็ง เกลียดจนอยากกลืนเอาชีวิตฉัน จากนั้นพวกเขาก็ยังบ่นพึมพำอีกสองสามคำ ชยานีให้น้าหมุยส่งพวกเขาออกไป รอจนเดินไปแล้ว ชยานีดึงฉันมาพูดว่า “หนูณิ พวกเขาปกปิดเรื่องทั้งหมดไว้เสียมิด ฉันเพิ่งรู้เรื่องที่หนูเข้าคุก ได้ทำผิดกับหนูแล้ว” เธอเอ่ยแล้วดวงตาของเธอมีสีแดง ฉันเชื่อว่าชยานีทะนุถนอมฉันด้วยใจจริง ฉันเปลี่ยนเป็นยกแขนของชยานีขึ้นมา แล้วเอนศรีษะซบลงตรงไหล่ของเธอ และส่ายหน้า “ทั้งหมดผ่านไปแล้วค่ะ คุณยาย หนูจะใช้ความพยายามเริ่มต้นชีวิตใหม่ค่ะ เพียงแต่ว่ามันเป็น…” ฉันชะงักชั่วครู่ “หนูถูกกล่าวหาน่ะค่ะ” เรื่องนี้ฉันจำเป็นต้องพูด “ฉันรู้ ฉันรู้ ถ้าหากฉันรู้เรื่องนี้เร็วกว่านี้ซักหน่อยล่ะก็ ย่อมไม่ยอมให้หนูต้องติดคุกอย่างแน่นอน! โทษฉันเถอะที่ตอนนี้ไม่ค่อยได้รับรู้เรื่องภายนอก ข่าวสารก็ไม่ค่อยรู้เท่าไหร่” ชยานีตบไหล่ฉัน ฉันสามารถได้ยินเสียงตำหนิตัวเองจากน้ำเสียงของเธอ หลังจากนั้นเราคุยกันเยอะมาก เธอถามเกี่ยวกับงานของฉัน ฉันเล่าให้เธอฟังเรื่องงานล่าสุดที่บริษัทของนภทีป์ เราคุยกันจนกระทั่งถึงช่วงเย็น เธอให้ฉันอยู่ทานมื้อเย็นด้วย ในตอนที่กินข้าว เธอถามฉันว่า “หนูยังไม่กลับบ้าน แล้วจะบอกหลานชายของบ้านสุทรรศน์ฯสักหน่อยไหม?” “เรื่องนี้…” คำพูดของเธอทำให้ฉันรู้สึกสับสันไปชั่วขณะ แต่ยังคงเลือกที่จะพูดโกหกว่า “ไม่ต้องหรอกค่ะ เขาไปเจรจาธุรกิจสองสามวัน” ชยานีมองฉัน และไม่ได้พูดอะไรในเวลานั้น แต่เมื่อทานมื้อเย็นเสร็จ เธอก็พูดกับฉันว่า “อันที่จริงฉันรู้เรื่องระหว่างหลานชายบ้านสุทรรศน์ฯกับหนูจิณแล้ว ถึงแม้ว่าหนูจิณจะเป็นคนไม่ค่อยฉลาด แต่เรื่องนี้ก็ไม่ควรจะทำให้มันเกิดขึ้นมา เรื่องทั้งหมดหลานชายบ้านสุทรรศน์ฯเป็นคนทำ ใช่ไหม!” “คุณยายคะ ไม่มีอะไร…” ฉันไม่ต้องการให้ชยานีต้องกังวลใจเรื่องการแต่งงานของฉันอีก แต่กลับคิดไม่ถึงว่า หลังจากเธอรู้ว่าเกิดเรื่อง ก็กลับไปตรวจสอบเรื่องทั้งหมดจนเข้าใจทุกอย่าง หลังจากเล่าเรื่องสองเรื่องนี้จบ ชยานีก็ส่ายหัว “อีตาแก่งี่เง่าบ้านสุทรรศน์ฯไม่เชื่อหนู แต่ว่า หนูเป็นหลานสาวของฉัน ฉันเข้าใจหนู ฉันเชื่อหนู!” เธอหยิบถุงกระดาษถุงหนึ่งและกุญแจดอกหนึ่งออกจากตู้ ก่อนที่เอามาวางไว้กลางมือฉัน “หลังจากเกิดเรื่องครั้งที่แล้ว ฉันยังไม่ได้ให้เงินปันผลในส่วนของหนู เพราะคิดว่าหนูไปเรียนต่อต่างประเทศแล้ว ไม่รู้ว่าหนูจะกลับมาเมื่อไหร่ เพื่อไม่ให้ค่าเงินมันเสื่อมราคาลง ปีนี้ฉันเลยเอาเงินไปซื้อห้องชุดไว้ชุดหนึ่ง หนูไปอยู่ที่นั่นนะ ไม่ต้องอยู่กับหลานชายบ้านสุทรรศน์ฯอีกแล้ว” “คุณยายคะ ไม่ต้องหรอกค่ะ หนู…” “รับไปเถอะ หนูเป็นหลานสาวของฉัน พวกเราอาจเทียบไม่ได้กับบ้านสุทรรศน์รังสสี แต่ว่ายังไม่ถึงขนาดต้องคอยพึ่งพาคนอื่นหรอกนะ!” รู้ว่าฉันจะปฏิเสธ ชยานีวางกุญแจห้องชุดลงกลางฝ่ามือฉันทันที จากนั้นยังหยิบการ์ดออกมาหนึ่งใบ พูดว่าในนี้คือเงินปันผลที่เหลือไว้ให้ฉัน ฉันปฏิเสธหลายครั้ง แต่ชยานียังคงมอบการ์ดนี้ให้ฉัน ในวันนั้นฉันอยู่จนถึงวลาสี่ทุ่ม รอจนฉันต้องไปแล้ว ชยานีจึงให้คนรับใช้หยิบกล่องใบหนึ่งออกมาจากที่เก็บของส่งให้ฉัน ฉันเปิดออกดู ข้างในกล่องเป็นคอมพิวเตอร์สมัยมหาวิทยาลัยของฉันจริงๆ แล้วยังมีอัลบั้มภาพจำนวนหนึ่ง เธอบอกว่า ตอนแรกที่ปณัยทิ้งข้าวของเหล่านี้ เธอให้คนใช้ที่บ้านจันทร์เก็บไว้ให้ เพราะรู้สึกว่าฉันอาจจะยังใช้ประโยชน์จากของเหล่านี้ เลยเก็บไว้ให้ฉัน ฉันซาบซึ้งใจชยานีอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ในเวลากันก็ได้รู้ด้วยว่า คนใช้ของบ้านปณัยเป็นสายสืบของเธอ ฉันออกไปพร้อมกับกล่อง กลับมาถึงบ้าน เมื่อลองเปิดคอมพิวเตอร์ดู กลับพบว่าตัวแล็ปท็อปคอมพิวเตอร์นี้พังแล้ว อย่างไม่มีทางเลือก ฉันทำได้เพียงวางคอมพิวเตอร์ไว้เท่านั้น ในช่วงสุดสัปดาห์ ฉันได้รับสายจากชยานี และเร่งให้ฉันย้ายบ้าน ฉันไม่มีสิ่งของมากมายอะไร แค่เอาเสื้อผ้าที่ใส่เป็นประจำของตัวเอง คอมพิวเตอร์เครื่องก่อนหน้า และเก็บแท็บเล็ตมาด้วย เมื่อเปิดสมุดทะเบียนบ้านดู สายตาเห็นป้ายชื่อบ้านด้านบน คางก็แทบจะร่วงกระแทกพื้น [หมู่บ้านกรีนเฮ้าส์] ถ้าถามว่าเขตพื้นที่ไหนของเมืองดรัลดีที่สุด เขตไหนราคาแพงที่สุด? จะต้องเป็นหมู่บ้านกรีนเฮ้าส์ เขตนี้ล้อมรอบด้วยน้ำทั้งสามด้าน คุณลักษณะเป็นเลิศ ถ้าไม่ใช่เพราะด้านบนสมุดทะเบียนบ้านนั้นเขียนชื่อฉันไว้ ฉันต้องคิดว่าชยานีหยิบผิดแน่ๆ เมื่อฉันนั่งแทกซี่ไปจนถึงปากทางเข้าเขตชุมชน เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจ้องมาที่ฉัน แล้วไล่อย่างไม่เกรงใจว่า “ไปไปไป เขตนี้ของเราปิดการขายแล้ว” “ฉันเป็นเจ้าของค่ะ เพิ่งย้ายมาอยู่วันนี้” ฉันรีบอธิบายอย่างรวดเร็ว “เจ้าของ? หลังไหน?เลขไหนล่ะ?” ชุมชนระดับสูงแบบนี้ แม้แต่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็ยังมองคนแบบเหยียดหยาม เขาดูท่าทางของฉัน คล้ายกับว่าแน่ใจแล้วว่าฉันเป็นพวกมาเร่ขาย สีหน้าเต็มไปด้วยความสะใจที่รอให้ฉันพ่ายแพ้ ในตอนที่ฉันกำลังจะวางกระเป๋าลงเพื่อหยิบทะเบียนบ้านให้เขาดู ด้านหลังก็มีเสียงที่อ่อนโยนและสุขุมเยือกเย็นดังขึ้น “ฉันยืนยันว่าเธอเป็นเจ้าของ” ฉันหันหัวไป มองเห็นคนที่ยืนอยู่ด้านหลังมีความคุ้นตา… แล้วก็นึกออกอย่างรวดเร็ว ถึงแม้ว่าจะไม่พอใจ แต่ยังคงร้องออกมาว่า “คุณอา…บ้านสุทรรศน์ฯ”
已经是最新一章了
加载中