ตอนที่ 74 ถูกปลุกให้ตื่นด้วยการตบหน้า   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 74 ถูกปลุกให้ตื่นด้วยการตบหน้า
ต๭นที่ 74 ถูกปลุกให้ตื่นด้วยการตบหน้า นี่ก็เป็นอีกประโยคหนึ่ง! ก่อนหน้านี้คือบ้านเด็กกำพร้า ตอนนี้คือบริษัทเตชิตออกแบบ "ประธานดนุนัยคะ คุณอยู่เหนือทุกคนอยู่แล้ว อย่าพูดว่าทำลายบริษัทเตชิตฯเลยค่ะ แม้ว่าคุณจะฆ่านภทีป์ ฉันก็ไม่แปลกใจเลย" ฉันพูดจบ ก็หยิบตุ๊กตาเสือดาวที่ฉันคิดจะวางทิ้งไว้ขึ้นมา กอดไว้แล้วเดินเข้านอนแขก ดนุนัยไล่ตามเข้ามา แล้วดึงตุ๊กตาเสือดาวด้วยแขนข้างเดียว ฉันถือตุ๊กตาไว้แน่น และเราทั้งคู่ก็ถกเถียงกัน เมื่อเขาออกแรง แขนของตุ๊กตาเสือดาวก็ขาดออก! ฉันเสียศูนย์ เอนไปทางด้านหลัง ทั้งตัวล้มลงไปบนพื้น ดนุนัยเดินมาข้างหน้า โอบฉันที่อยู่บนพื้นเอาไว้ "เธอไม่เป็นไรนะ?" น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความเป็นห่วง ภายในดวงตาดำขลับก็มีความกังวลใจเช่นกัน ชั่วขณะที่มองเขารู้สึกมึนงง เหมือนว่าเขาจะเป็นห่วงฉันจริงๆ แต่เมื่อฉันคิดถึงคำพูดเหล่านั้นของเขาเมื่อวานนี้ เขาพูดว่าชั่วชีวิตนี้ไม่สามารถไม่มีจิณณาได้ ฉันรู้สึกราวกับว่าถูกปลุกให้ตื่นด้วยการตบหน้า ฉันดิ้นรนออกจากอ้อมแขนของชายหนุ่ม พูดอย่างหมางเมินว่า "ขอบคุณสำหรับความห่วงใยค่ะประธานดนุนัย ฉันไม่เป็นไร" ฉันลุกขึ้น แล้วหยิบแขนของตุ๊กตาเสือดาวที่ชายหนุ่มโยนทิ้งไว้ขึ้นมา แล้วหยิบส่วนตัวขึ้นมาเย็บเข้าด้วยกัน ยังดีที่ส่วนที่ขาด แค่เย็บติดกันก็ใช้ได้แล้ว ดนุนัยมองฉันอยู่นานจึงเปล่งเสียงออกมาว่า "เธอชอบตัวนี้เหรอ? อย่างนั้นผมซื้อให้เธอเต็มบ้านเลยก็ได้" ฉันได้ยินชายหนุ่มพูด ก็คิดถึงคำพูดของเขาเมื่อวานนี้ เขาไม่ละทิ้งจิณณา แต่กลับยังจะใช้วิธีนี้มาหลอกล่อฉัน บางทีมันอาจจะเป็นกระบวนการของการตอบโต้ ฉันหยิบตุ๊กตาเอาไว้ในมือแล้วพูดกับเขาว่า "ฉันไม่ได้ชอบเสือดาวสีชมพู แต่ว่าฉันชอบตัวนี้" ฉันไม่ได้พูดต่อ แต่ดนุนัยฉลาดขนาดนี้ เขาย่อมเข้าใจความหมายแล้ว สีหน้าของดนุนัยเปลี่ยนเป็นเย็นชา "ณิชา เธอลืมไปแล้วเหรอไง ข้อตกลงการแต่งงานของเราเขียนไว้ว่ายังไง เธอไม่สามารถมีความสัมพันธ์ที่ไม่ถูกต้องกับชายอื่นได้!" "เหรอคะ? ฉันกับเขาไม่ได้มีความสัมพันธ์ไม่ถูกต้อง พวกเราเปิดเผยบริสุทธิ์และถูกต้องในความเป็น...เพื่อน" ฉันพูดย้ำทีละคำ "เป็นอย่างนั้นก็ดี" คืนนั้น ฉันและดนุนัยต่างไม่มีความสุข เราแยกเตียงกันนอน วันรุ่งขึ้น ฉันได้รับข้อความใหม่ ทั้งหมดส่งมาจากจิณณา โทรศัพท์ของจิณณาถูกฉันบล๊อคในแบล็คลิสต์นานแล้ว เธอจึงโทรหาฉันไม่ได้ ทำได้แต่ส่งข้อความ ฉันเหลือบดูเนื้อหาข้อความ ทั้งหมดคือเขียนด่าฉัน เนื้อหานั้นดูเหมือนว่าเธอจะเช็คดูจนเจอแล้วว่าฉันมีบ้านอยู่ที่นี่ และคิดว่าชยานีซื้อให้ฉัน จึงด่าฉันอย่างรุนแรงสุดชีวิต ใช้แต่คำที่น่าขยะแขยง ฉันคิดว่า เป็นเพราะเธอมั่นใจว่าดนุนัยต้องการเธอ ดังนั้นจึงกล้าที่จะทำแบบนี้เพราะถือว่ามีคนหนุนหลัง ฉันอ่านอย่างรวดเร็วและจัดเก็บข้อความทั้งหมด เมื่อออกมาที่ประตูห้อง ก็ได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวในห้องน้ำของห้องนอนใหญ่ และเห็นดนุนัยตื่นนอนเรียบร้อยแล้ว บางทีอาจจะเป็นความเคยชินของฉัน ฉันอบขนมปังสองก้อนอย่างรวดเร็ว โจ๊กในหม้อที่ทำเมื่อวานนี้ก็อุ่นเสร็จแล้ว ฉันกินส่วนของฉันโดยไม่สนใจใคร ตอนที่ออกไป ดนุนัยเพิ่งจะออกมาจากห้องนอน ฉันออกไปอย่างรวดเร็วโดยไม่ทักทายเขา ที่จริงวันนี้ฉันไม่ได้ทำงาน แต่ฉันก็ไม่อยากเจอดนุนัย ฉันอยู่ข้างนอกก็ไม่มีที่จะไป ทันใดนั้นก็นึกอยากจะไปเยี่ยมเด็กๆที่บ้านเด็กกำพร้า ฉันจึงนั่งรถไปที่บ้านดวงดาว ที่นี่ยังเป็นเหมือนตอนที่ฉันมากับดนุนัย เด็กๆมีความสุขมากในบ้านใหม่ของพวกเขา เด็กหลายคนกำลังเล่นบาสเกตบอลอยู่ในสนาม ฉันเข้าไปข้างใน อธิบดีบ้านเด็กกำพร้าก็ออกมาต้อนรับ ฉันกับเขาได้พูดคุยกัน ฉันบอกเขาว่าวันนี้เป็นวันหยุดของฉัน อธิบดีฯจึงเอ่ยปากอย่างไม่ตั้งใจว่า "หากเธอว่าง ก็สามารถมาทำงานเป็นอาสาสมัครกับเราที่นี่ได้นะ ถึงแม้ว่าจะไม่มีเงินให้เธอ แต่เราก็เลี้ยงข้าว" คำพูดของเขากระตุ้นฉันให้ตื่น ฉันตกลงที่จะมาทันที ฉันใช้เวลาทั้งวันกับเด็กๆ ที่บ้านเด็กกำพร้ามีเด็กทุกวัย วันนี้ที่ฉันเล่นด้วยส่วนใหญ่จะเป็นวัยสามสี่ขวบ มองดูพวกเขาแล้วฉันก็อดคิดไม่ได้ ถ้าหากว่าลูกของฉันยังมีชีวิตอยู่ ตอนนี้ควรจะมีอายุราวปีครึ่งแล้ว ตอนที่ฉันออกมานั้น ได้บอกกับอธิบดีฯว่า หลังจากนี้ฉันจะมาอยู่กับเด็กๆทุกสัปดาห์ที่สองและสาม หลังจากนั้นวันและเวลาของฉันก็เป็นเช่นนี้ ถึงแม้ว่าฉันและดนุนัยเราจะอยู่ที่เดียวกัน แต่ว่าพวกเราคุยกันแบบนับคำได้ มาถึงสัปดาห์ที่สามอีกครั้ง เมื่อฉันไปถึงบ้านดวงดาวตามเวลา ก็เห็นรถของดนุนัยจอดอยู่ที่นั่น เขายืนอยู่ตรงปากทางเข้า เห็นฉันเดินเข้ามาใกล้ ชายหนุ่มเอ่ยถามฉันว่า "เธอยอมมาที่นี่แทนที่จะอยู่ใกล้ๆผมใช่ไหม?" "อะไรคือยอมมาที่นี่คะ? ฉันมีความสุขมากเวลามาที่นี่ค่ะ" และฉันก็ไม่ได้ถามว่าเขารู้ได้อย่างไรว่าฉันมาที่นี่ เพราะฉันรู้ว่ามันเป็นเรื่องง่ายสำหรับเขา ฉันเดินผ่านเขาไป ต้องการจะเข้าไปในบ้านเด็กกำพร้า แต่ที่ฉันไม่เคยจินตนาการถึงเลยก็คือ ดนุนัยที่อยู่ด้านหลังจู่ๆก็เอ่ยว่า "วันนี้ผมว่างพอดี ผมจะอยู่เป็นเพื่อนเธอ" ฉันคิดว่าเขาเข้าใจผิดว่าฉันมาทำอะไร จึงเตือนเขาว่า "ประธานดนุนัยคะ ฉันไม่ได้มาเยี่ยมชมค่ะ ฉันมาเป็นอาสาสมัคร" "ผมรู้" ตอนที่ดนุนัยพูดนั้นสีหน้าของเขาไม่เปลี่ยนเลย เห็นได้ชัดมากว่าเขาไม่ได้เข้าใจผิด ตลอดทั้งวันฉันอยู่กับเด็กๆ ออกมาบ้างเป็นครั้งคราว มองเห็นดนุนัยได้ถอดตำแหน่งท่านประธานของบริษัทนภากรุ๊ปฯออก และเล่นบาสเกตบอลกับเด็กๆ ตอนเที่ยงเวลาทานข้าวกลางวัน ฉันพาเหล่าเด็กๆไปที่โรงอาหาร มองเห็นกลุ่มเด็กผู้ชายเล็กใหญ่ล้อมรอบดนุนัยฟังเขาเล่าเรื่องด้วยความเพลิดเพลิน ฉันอดไม่ได้ที่จะเดินผ่าน ได้ยินที่เขาพูดไม่ใช่เรื่องพลังแห่งชีวิตอะไรเลย แต่เป็นนิทานเรื่องหนึ่งเท่านั้น ฉันมองดูดนุนัยที่อยู่ท่ามกลางเด็กๆจากอีกด้านหนึ่ง อดไม่ได้ที่จะสับสน เขาต้องการจะทำอะไรกันแน่? เขาทำให้ฉันประทับใจ แต่กลับทำร้ายฉันซ้ำแล้วซ้ำอีก เขาคิดจะทำอะไรกันแน่? ในตอนท้ายของค่ำวันนั้น ฉันและดนุนัยออกจากบ้านเด็กกำพร้า นั่งบนรถแล้วฉันถามเขาว่า "ต้องการจะทำอะไรกันแน่คะ?" "ทำเรื่องที่ผมอยากทำ" เขาตอบมาสั้นๆไม่กี่คำ "ไม่ใช่เพื่อฉันใช่ไหมคะ?" ฉันนั่งที่นั่งข้างคนขับ สายตามองตรงไปข้างหน้า ไม่กล้ามองเขา "คุณทำเรื่องที่ทำให้ฉันประทับใจ ทำให้คิดว่าคุณมีความรู้สึกกับฉัน แต่ว่าสิ่งที่คุณกำลังทำจริงๆ นั่นกลับทำให้ฉันหมดหวัง" วินาทีต่อมา ฉันได้ยินคำตอบที่ทำให้ฉันไม่รู้จะทำเช่นไรดี "เรื่องที่ผมต้องการทำก็คือ การได้ใกล้เธอและได้อยู่กับเธอ ไปเป็นเพื่อนเธอ" ทุกคำ ล้วนทำให้ฉันสิ้นหวัง ฉันหันไปมองเขา ชายหนุ่มมองที่รถ สายตาไม่ได้มาทางฉัน สายของเขาแน่วแน่มากๆ ทำให้ฉันเกิดภาพลวงตาว่า มันเหมือนกับเขากำลังพูดความจริง เขารู้สึกกับฉันจริงๆ แต่ทว่าเมื่อฉันคิดถึงจิณณา ฉันก็รู้สึกตลกสิ้นดี ฉันลดสายตาลง "ดนุนัยคะ ระหว่างเรามีจิณณาขวางอยู่ตรงกลาง คุณจะไม่มีวันแตะถึงฉันได้หรอกค่ะ" ฉันพูดโกหก ความรู้สึกของเขามาถึงฉันแล้ว แต่เป็นฉันเองที่ไม่กล้าแตะต้อง เมื่อฉันก้มหน้าลง สายตาก็มองเห็นฝ่ามือใหญ่ยื่นเข้ามจับมือฉันวางไว้บนตัก จากนั้นฉันก็ได้ยินดนุนัยพูดว่า "เรื่องนี้ผมแก้ปัญหาได้ ให้เวลาผมสักหน่อยนะ" ฉันไม่จะเชื่อหูตัวเอง ฉันมองไปที่เขาและถามว่า "คุณพูดอีกครั้งได้ไหมคะ?" 
已经是最新一章了
加载中