ตอนที่ 96 ขอเพียงมีเธออยู่ที่นี่ ไม่ว่าเธอจะพูดอะไรฉันตอบตกลงทั้งนั้น
1/
ตอนที่ 96 ขอเพียงมีเธออยู่ที่นี่ ไม่ว่าเธอจะพูดอะไรฉันตอบตกลงทั้งนั้น
สยบรักประธานปีศาจ
(
)
已经是第一章了
ตอนที่ 96 ขอเพียงมีเธออยู่ที่นี่ ไม่ว่าเธอจะพูดอะไรฉันตอบตกลงทั้งนั้น
ตนที่ 96 ขอเพียงมีเธออยู่ที่นี่ ไม่ว่าเธอจะพูดอะไรฉันตอบตกลงทั้งนั้น นภทีป์ได้ยินคำตอบของฉัน ก็อ้าแขนออกแล้วดึงฉันเข้าไปในอ้อมกอด เอ่ยว่า “ดีจังเลย” ฉันได้ยินเสียงเขาหัวเราะเหมือนเด็กๆ ในใจที่ยุ่งเหยิงนั้นผ่อนคลายลง เพียงมีเขาอยู่ ฉันก็รู้สึกปลอดภัย ถึงแม้ฉันจะรู้ตัวดีว่าไม่ได้รักนภทีป์ แต่เวลาที่ฉันอยู่กับเขาแล้วรู้สึกสบาย เป็นเช่นนี้ก็เพียงพอแล้ว ฉันรักดนุนัย แต่ว่าฉันต้องคอยเป็นทุกข์กับการสูญเสีย เป็นแบบนั้นมันก็ไม่ดี นภทีป์ส่งฉันกลับบ้าน ฉันเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว เขาเสนอออกไปกินข้าวข้างนอก ฉันคิดว่าในตู้เย็นของยังอาหารอยู่ จึงพูดกับเขาว่า “กินที่บ้านกันเถอะค่ะ เดี๋ยวฉันทำให้ทานเอง” “จริงเหรอ?” นภทีป์มองดูฉัน ในดวงตาของเขามีความไม่อยากเชื่อ ฉันหัวเราะ “จริงสิคะ วางใจเถอะฉันทำอาหารเก่งนะ และไม่วางยาเธอด้วย” “ถึงแม้ว่าที่เธอทำจะใส่ยาพิษลงไปก็ตาม ฉันก็จะกินมันด้วยรอยยิ้ม” นภทีป์กล่าว แล้วยังตามฉันเข้าไปในห้องครัว เลิกแขนเสื้อเชิ้ตขึ้นแล้วถามฉันว่า “มีอะไรให้ฉันช่วยไหม?” พวกเรายุ่งอยู่ในครัวกันชั่วโมงกว่า ก็ทำอาหารเสร็จสองจานน้ำซุปอีกหนึ่งชาม หลังจากกินข้าวเสร็จแล้ว นภทีป์เสนอที่จะล้างจาน ฉันปฏิเสธแต่เขากลับดึงมือฉันไปวางไว้ในมือของเขา แล้วยกขึ้นใช้ริมฝีปากจูบเบาๆ และเอ่ยว่า “ฉันอยากจะอยู่กับเธอ ไม่ใช่ให้เธอมาคอยทำกับข้าว ไม่ใช่ให้เธอมาล้างจาน ฉันแค่อยากดูแลเธอให้ดี” ใบหน้าของฉันเปลี่ยนเป็นสีแดงทันที ไม่รู้จะพูดอย่างไรดี ทำได้เพียงสะบัดมืออก “งั้นฉันไม่ล้างแล้ว” จากนั้น ฉันยืนดูทักษะการล้างจานอย่างชำนาญของนภทีป์อยู่ข้างๆ จนถึงเวลาห้าทุ่มกว่าเขาก็ไป ตอนที่เขาจะไปแล้วนั้น เขาหยิบหนังสือเดินทางของฉันไปด้วย และพูดว่าจะช่วยฉันทำวีซ่า ใช้เวลาครึ่งเดือนก็เสร็จแล้ว นั่นแปลว่าฉันมีเวลาอยู่ที่เมืองดรัลอีกครึ่งเดือน วันต่อมาฉันก็ไปแจ้งลาออก ดนุนัยไม่เห็นด้วย แต่ว่าฉันยังคงเก็บข้าวของและไม่ย้อนกลับไป หลายวันมานี้ ฉันอยู่แต่บ้าน โทรคุยกับติณณาเป็นบางครั้ง เวลาผ่านไปทุกวัน สองสัปดาห์หลังจากนั้น นภทีป์บอกกับฉันว่า เขาทำวีซ่าเสร็จแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นยังได้ติดต่อบริษัทท้องถิ่นไว้แล้ว เมื่อเขาทำงานที่นั่นแล้ว เขาจะสามารถเปลี่ยนวีซ่านักท่องเที่ยวเป็นใบอนุญาตทำงานได้โดยตรง ในเวลาเดียวกัน เขาก็ได้ซื้อตั๋วเครื่องบินไว้แล้ว คือ สามวันหลังจากนี้ ฉันถามเขาว่าเขาได้บอกพ่อกับแม่ของเขาหรือยัง นภทีป์เงียบไปสักพักแล้วตอบว่า “ไว้ค่อยบอกหลังจากไปแล้วละกัน” ฉันแนะนำกับเขาทางโทรศัพท์ว่าเขาควรบอกพ่อแม่ไว้ซักหน่อย พ่อแม่ของนภทีป์ท่านเป็นคนดีทั้งคู่ หากพวกท่านรู้ว่าลูกชายของตัวเองจะไปอยู่ต่างประเทศ จะต้องกังวลใจอย่างแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้นผู้สูงอายุย่อมไม่อยากจะแยกจากลูกๆอยู่แล้ว ฉันยังคงแนะนำซ้ำๆ นภทีป์ก็พูดแค่ว่า “รู้แล้ว” ฉันรู้ เขาไม่สามารถพูดได้ ในคืนที่นภทีป์โทรหาฉัน ฉันอยู่ที่บ้าน และก็ได้ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้น! ดนุนัย ในใจฉันปรากฏเพียงชื่อนี้! “เปิดประตู!” เสียงของดนุนัยดังขึ้นจากปากประตูอย่างรวดเร็ว เสียงนั้นเดือดดาลอย่างมาก แต่เสียงนั้นไม่ชัด ฉันคิดว่าเขาเมาแล้ว ความรู้สึกของฉันบอกฉันว่า อย่างไรก็ห้ามเปิดประตู! “เปิดประตู เปิดสิ!” เสียงของดนุนัยนั้นดังมาก ประกอบกับในบ้านยังว่างเปล่า ฉันจึงได้ยินเสียงของเขาได้ชัดเจนเป็นอย่างยิ่ง ต่อมาเมื่อฉันไม่เปิดประตู เขาจึงกดกริ่งอินเตอร์คอมตรงประตู เสียงกริ่งดังสนั่นไปทั่วทั้งห้อง อย่างไม่มีทางเลือก ฉันจึงต้องกดรับที่ประตู คำแรกที่พูดกับเขาก็คือ “คุณไปเถอะค่ะ ฉันไม่เปิดประตูหรอก” ถ้าเปิดประตูแล้ว ค่ำนี้ฉันก็คงต้องสูญเสียจิตวิญญาณของตัวเองไปอย่างไม่ต้องสงสัย มองผ่านหน้าจอของระบบอินเตอร์คอมแล้ว ที่นอกประตูฉันมองเห็นดนุนัยสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวเพียงตัวเดียว กระดุมไม่ได้ติดอยู่หลายเม็ด ผมเผ้ายุ่งเหยิง ใบหน้าก็แดงก่ำ เห็นก็เข้าใจแล้ว ตอนนี้คือต้นเดือนมีนาคม ถ้าเขามาในสภาพแบบนี้แล้วล่ะก็ จะต้องตัวแข็งไปแล้ว เห็นเขาเป็นแบบนี้แล้ว ฉันก็อดปวดใจไม่ได้ แต่ฉันบอกตัวเองอย่างรวดเร็วว่า จะต้องไม่ถูกภาพที่ปรากฏตรงหน้าทำให้สับสน ฉันปิดระบบการสนทนาทางวิดิโออย่างใจร้าย แต่กริ่งก็ดังขึ้นอีกครั้งอย่างรวดเร็ว ฉันกดรับ แล้วเสแสร้งแสดงพูดว่าฉันหมดความอดทนแล้ว “ผู้จัดการดนุนัย คุณต้องการจะทำอะไร! ถ้าทำแบบนี้อีกฉันจะแจ้งตำรวจแล้วนะ!” “เดี๋ยวก่อน! อย่างเพิ่งวาง! ฉันจะไม่เคาะประตูแล้ว ฉันจะไม่กดกริ่งแล้ว ฉันเพียงแค่ต้องการจะบอกบางอย่างกับเธอ” ดนุนัยกล่าว เสียงของเขานุ่มนวลลงอย่างเห็นได้ชัด ดนุนัยที่เป็นเช่นนี้ น้อยครั้งจะได้เห็นจริงๆ ในตอนแรกมือของฉันตกลงไปอยู่ข้างลำตัว แต่แล้วก็ดึงกลับมา ฉันลดสายตาลง และเอ่ยว่า “คุณพูดมาเถอะ” อีกไม่กี่วันก็ไปแล้ว หลังจากนี้ก็จะไม่เจอกันแล้ว ไม่ว่าจะได้ยินว่าเขาพูดอะไร นี่ก็จะเป็นครั้งสุดท้ายอยู่แล้วนี่ ฉันเกลี้ยกล่อมตัวเอง ดนุนัยยืนอยู่ตรงปากประตู และมองตรงมาที่วิดีโอคอล มันเหมือนกับว่าเขากำลังมองฉันอยู่ เขาพูดว่า “ณิชา ฉันเป็นบ้าไปแล้ว” “อะไรนะคะ?” ประโยคนี้ไม่มีหัวไม่มีท้าย ฉันฟังไม่เข้าใจเลย “ฉันรู้ว่าฉันรักเธอไม่ได้ แล้วก็ไม่ควรจะรักเธอ ; แต่เพียงแค่ฉันตื่นขึ้น ในสมองของฉันก็มีแต่เธอ ฉันรู้สึกว่าฉันเป็นบ้าไปแล้ว ฉันเข้าใจดีว่าที่ฉันทำมันไม่ถูกต้อง แต่ฉันก็ยังหลอกตัวเองทำมันต่อไป ฉันรู้ดีว่าการที่ฉันซื้อบริษัทของเธอ บังคับให้เธอเป็นผู้ช่วยของฉัน เธอจะต้องเกลียดฉันอย่างแน่นอน แต่ฉันก็อดไม่ได้ ฉันเป็นบ้าอย่างที่สุด แม้กระทั่งคิดว่า ขอเพียงมีเธออยู่ข้างกายฉัน ถึงเธอจะต้องเกลียดฉันเข้ากระดูกดำก็ไม่เป็นไร” ความละเอียดภาพของอินเตอร์คอมนั้นสูงมาก ฉันสามารถมองเห็นแววตาของดนุนัยได้อย่างชัดเจน และการแสดงออกของเขา เป็นการแสดงออกถึงความรักแสนเจ็บปวดอย่างแท้จริง และยังแสดงถึงความสำนึกผิดขั้นสูงสุดอีกด้วย มีอยู่วินาทีหนึ่ง ที่มือของฉันจับอยู่ที่ประตู และฉันอยากเปิดประตูให้เขา ฉันรู้ว่า จะให้เป็นอย่างนี้ไม่ได้ ดนุนัยทำร้ายฉันขนาดนี้ ฉันกลับจะให้โอกาสเขา แล้วฉันจะใช้อะไรตอบแทนนภทีป์ได้? ฉันหลับตาลง ตัดใจพูดอย่างใจร้ายว่า “ที่คุณรักไม่ใช่ฉัน คุณเพียงแค่รักความรู้สึกที่ไม่สามารถทำได้เท่านั้น” “ไม่ใช่นะ!” ดนุนัยปฏิเสธทันที “ฉันเองก็เคยคิดว่าเป็นแบบนี้ ดังนั้นตอนที่ฉันรู้ว่าเธอกับนภทีป์จะย้ายไปอยู่ต่างประเทศ ฉันรู้ แต่ฉันพยายามที่จะไม่ให้ตัวเองเข้ามาแทรกแซง” คำพูดของเขาทำให้ฉันอดไม่ได้ที่จะสูดอากาศหนาวเหน็บเข้าไป ปรากฏว่า เขารู้ทุกอย่างมาตั้งแต่แรกแล้ว ดนุนัยเห็นว่าฉันไม่พูดอะไร ก็ยิ้มอย่างขมขื่น แล้วเอามือวางบนกำแพง “กลัวใช่ไหมล่ะ? เธอรู้ไหม? ฉันอดทนอย่างทุกข์ใจมากขนาดไหน จนกระทั่งฉันรู้ว่าพวกเธอจองตั๋วแล้วนั้นแหละ ฉันถึงได้รู้ตัวว่าฉันไม่ได้เป็นเจ้าของเธออีกต่อไปแล้ว…” “ผู้จัดการดนุนัย คุณเมาแล้วค่ะ” ฉันขัดจังหวะเขา ฉันแน่ใจมากๆว่าเขาเมา เพราะถ้าดนุนัยมีสติแล้วเขาก็จะเต็มไปด้วยศักดิ์ศรี เขาไม่มีทางพูดอย่างนี้ออกมาแน่ๆ ดนุนัยจ้องมองจอวิดีโอคอลเป็นเวลานาน แล้วจึงพูดว่า “อยู่ที่นี่เถอะนะ ณิชา ฉันไม่แต่งกับกับจิณณาแล้ว ฉันจะส่งเธอเข้าคุก ขอแค่เธออยู่ที่นี่ไม่ว่าอะไรฉันก็รับปาก” ฉันจ้องมองหน้าจออย่างงุนงง ฉันไม่รู้ว่าดนุนัยพูดโกหกหรือไม่ แต่ว่ามันทำให้ใจของฉันขมขื่นหาใดเปรียบ ดนุนัยนั้นน่าทึ่งจริงๆ เขาสามารถรบกวนจิตใจฉันได้อย่างง่ายดายเสมอ ฉันเงียบไปนาน ภายในใจก็โน้มน้าวใจตนเองซ้ำแล้วซ้ำอีก แล้วพูดกับดนุนัยว่า “ไม่ล่ะค่ะ ผู้จัดการดนุนัยคะ ฉันเคยรักคุณ แต่คุณที่ฉันรักคือดนุนัยที่วางตัวอยู่สูงกว่าเสมอ และไม่ใช่ดนุนัยคนที่ใช้เสียงอ่อนนุ่มจีบฉันอยู่ที่ประตูบ้านฉัน” เมื่อพูดจบฉันก็กดปุ่มปิด ในเวลาเดียวกันฉันก็เปิดโหมดป้องกันการถูกรบกวน
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
ตอนที่ 96 ขอเพียงมีเธออยู่ที่นี่ ไม่ว่าเธอจะพูดอะไรฉันตอบตกลงทั้งนั้น
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A