​ตอนที่98ส่งรูปภาพไปที่เวบ   1/    
已经是第一章了
​ตอนที่98ส่งรูปภาพไปที่เวบ
ต๭นที่98ส่งรูปภาพไปที่เวบ ฉันมองไปที่นภทีป์ เขาพยักหน้า ฉันจึงกดรับ ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อเปิดเสียง ปลายสายคือโรงพยาบาลในเมืองของบ้านเกิดนภทีป์ อีกด้านบอกพวกเราว่า แม่ของนภทีป์ได้ดื่มยาฆ่าแมลงตอนนี้กำลังช่วยชีวิตอยู่! ตอนที่ปลายสายพูดจบ นภทีป์ไม่หันกลับมามองและวิ่งตรงไปยังทางออกทันที! ฉันตามไปด้านหลัง แต่ว่าฉันรีบไปที่เคาท์เตอร์ผู้จัดการอีกด้านก่อน และให้บัตรผ่านขึ้นเครื่องกับเขา โดยบอกเขาว่าเราอาจจะไม่ได้ขึ้นเครื่องแล้ว อีกสองสามวันจะกลับมารับสัมภาระ ตอนที่ฉันวิ่งออกมา ก็มองไม่เห็นเงาของนภทีป์แล้ว ฉันโทรหาเขา ผ่านไปนานมากนภทีป์จึงรับสาย เขาพูดว่า เขาอยู่บนรถแทกซี่เรียบร้อยแล้ว และยิ่งไปกว่านั้นยังซื้อตั๋วรถไฟเที่ยวล่าสุดแล้วด้วย เขาพูดจบก็พูดอีกว่า “เธอไม่ต้องไปหรอก” “ฉันจะไป” ฉันพูดอย่างเด็ดขาด เรื่องนี้ฉันมีส่วนเกี่ยวข้อง ฉันจำเป็นต้องไป และถ้าแม่ของนภทีป์มีเหตุถึงแก่ชีวิตจริงๆล่ะก็ ฉันกลัวว่าตัวเองจะต้องทนแบกรับความเสียใจไปตลอดชีวิต โชคดีที่ฉันและนภทีป์นั่งรถถัดกันแค่ก่อนหลัง เมื่อฉันถึงสถานีรถไฟและลงจากรถ ก็เห็นเขายืนอยู่ตรงหน้า ฉันตามขึ้นไป นภทีป์เห็นฉัน สีหน้าเต็มไปด้วยคำขอโทษ “ขอโทษด้วยนะ ฉันคิดไม่ถึงว่าแม่ของฉันจะหุนหันพลันแล่น” “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ท่านแค่รักเธอ” ฉันกระซิบ “ฉันอิจฉานะคะที่เธอสามารถมีแม่ที่รักเธอได้ขนาดนี้” ถึงแม้ว่าความรักของแม่จะดูแปลกไปสักหน่อยสำหรับสถานการณ์เช่นนี้ ฉันกับนภทีป์นั่งรถไฟไปจนถึงเมืองบ้านเกิดของเขา ลงจากรถแล้วก็รีบเรียกแทกซี่ไปโรงพยาบาล ตอนที่เดินเข้าไปนั้น พ่อของเขานั่งอยู่ตรงโถงทางเดิน “พ่อ” นภทีป์รีบเดินเข้าไป พ่อของเขานึกว่าเขามาคนเดียว เช็คน้ำตาบนหน้าแล้วพูดว่า “ลูกเอ๋ย ลูกกลับมาแล้ว! ช้ากว่านี้อีกนิดแม้แต่จะได้เห็นแม่ครั้งสุดท้ายก็อาจจะไม่ทัน!” คำพูดของเขาทำให้ใจของฉันดัง “ตึกตัก” ขึ้นมา “คุณลุงคะ…” ฉันยืนอยู่อีกด้านและเอ่ยขึ้น ในตอนนี้เองพ่อของนภทีป์เห็นว่าฉันก็อยู่ด้วย ใบหน้าที่โศกเศร้าเปลี่ยนเป็นโกรธแค้นทันที ลุกขึ้นและกำหมัดจะเข้ามาตีฉัน! นภทีป์สะดุ้งไปทั้งตัวและเข้ามาช่วยหยุดพ่อของเขา ดวงตาพ่อของนภทีป์นั้นแดงเถือก ถึงแม้ว่าจะถูกนภทีป์หยุดไว้ แต่ยังคงด่าฉันเสียงดังลั่นว่า “เพราะเธอเป็นนังสุนัขจิ้งจอกยั่วสวาท มาล่อลวงลูกชายของฉัน ให้เขาพาเธอไปต่างประเทศ! ทั้งหมดเป็นเพราะเธอ!” “พ่อ มันไม่เกี่ยวอะไรกับเธอเลย” แต่เพราะว่าชีวิตแม่ของนทภทีป์อยู่ในขั้นวิกฤต พ่อของเขาจึงไม่ฟังอะไรทั้งนั้น ชี้มาที่ฉันแล้วพูดว่า “ตอนนี้แกถูกเธอเกี่ยววิญญาณเอาไว้แล้ว อะไรก็ไม่รับฟังทั้งนั้น! ครั้งก่อนเธอมาที่บ้าน ฉันก็คิดว่าว่าหน้าตาผู้หญิงคนนี้เหมือนสุนัขจิ้งจอก! ไม่ใช่คนธรรมดา!” “พ่อ อย่าพูดอีกเลย!” นภทีป์ยับยั้งไม่ให้พ่อพูดต่อ แต่ว่าพ่อของเขากลับตื่นเต้นมากขึ้นเรื่อยๆ ฉันมองดูอย่างมึนงงอยู่สักพัก แล้วเริ่มสงสัยว่า ที่ฉันได้พบก่อนหน้านี้ในตอนวันปีใหม่ใช่คนสองคนนี้จริงหรือเปล่านะ? ทำไมเวลาผ่านมาเพียงแค่ช่วงสั้นๆ ทัศนคติที่พวกเขามีต่อฉันถึงได้เปลี่ยนไปมากขนาดนี้… พ่อถูกเขาหยุดเอาไว้ ในที่สุดก็นั่งลงบนเก้าอี้ แต่ยังคงพูดว่า “นภทีป์ ฉันจะบอกแกเอาไว้ ถ้าหากแม่ของแกตายลงในวันนี้ ฉันจะต้องทำให้ผู้หญิงคนนี้ตายฝังดินลงไปด้วย ต่อให้ต้องติดคุกฉันก็ไม่กลัว!” “ไม่หรอก แม่ไม่เป็นไรหรอกครับ” นภทีป์ตบมือพ่อเพื่อปลอบโยน ฉันเห็นว่าใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความลำบากใจ พวกเรานั่งอยู่ตรงทางเดินของห้องไอซียูอยู่ครึ่งชั่วโมง ไฟหน้าห้องไอซียูก็ดับลง คุณหมอเดินออกมา นภทีป์เป็นคนแรกที่ลุกขึ้น แล้วเอ่ยถาม “คุณหมอครับ คุณแม่ของผมเป็นอย่างไรบ้าง?” คุณหมอมองนภทีป์ แล้วมองมาที่พวกเราด้านหลัง เขาถอนหายใจและพูดว่า “ช่วยชีวิตคนไข้กลับมาได้แล้ว แต่ว่าจะต้องนอนพักฟื้น ไม่สามารถลุกจากเตียงได้ซักระยะ” “พวกเราจะดูแลคุณแม่เองครับ!” นภทีป์ให้สัญญา ได้ยินคำพูดของคุณหมอแล้ว ฉันก็เบาใจขึ้นมาก ไม่อย่างนั้นแล้วฉันกลัวจริงๆว่าจะไม่ได้มีชีวิตอยู่ต่อไปอีก ต่อมา แม่ของนภทีป์ย้ายไปอยู่ห้องผู้ป่วย เขากับพ่อต่างเดินเข้าไป พ่อของเขาปฏิเสธไม่ยอมให้ฉันเข้าไปด้วย ฉันจึงได้แต่รออยู่ด้านนอก จนถึงตอนเย็น นภทีป์ออกมาพบฉันที่ด้านนอกและพูดว่า”ฉันจะอยู่เป็นเพื่อนแม่ในวันนี้ เธอไปพักอยู่ที่โรงแรมก่อนเถอะนะ” “ได้ค่ะ” ฉันพยักหน้า และเอ่ยถามอย่างกังวลใจว่า “ตอนนี้คุณป้าอาการเป็นอย่างไรบ้างคะ?” นภทีป์ใบหน้าปรากฏความลำบากใจ และส่ายหัว “ไม่ดีมากๆ การฟื้นตัวต้องมีขั้นตอนจริงๆ” “นั่นก็ดีแล้วค่ะ” ฉันหมุนตัวเดินจากไป ได้ยินนภทีป์พูดอยู่ด้านหลังว่า “ขอโทษด้วย เรื่องไปต่างประเทศอาจจะต้องเลื่อนออกไป…” ฉันรู้ว่าเขาเองก็กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ในเวลานี้ ฉันไม่ได้คิดจะไปต่างประเทศแล้ว ฉันส่ายหน้า หันกลับมาพูดว่า “ไม่ล่ะค่ะ ไม่ต้องไปต่างประเทศแล้ว คนในครอบครัวสำคัญนะคะ” เย็นวันนั้นฉันคิดมากมายอยู่ที่โรงแรม ฉันรู้สึกว่า ฉันกับนภทีป์เราไม่สามารถจะเห็นแก่ตัวได้ อยากจะเข้าใจเรื่องราวทั้งหมด เช้าวันรุ่งขึ้น ฉันก็ซื้อตั๋วรถไฟกลับเมืองดรัล ก่อนที่จะถึงเวลาเดินทาง ฉันส่งข้อความถึงนภทีป์ บอกเขาว่า [ฉันกลับดรัลแล้วค่ะ จัดการเรื่องที่บ้านให้ดีนะคะ] ส่วนที่เหลือแม้ฉันไม่ได้พูด ฉันคิดว่าเขาก็เข้าใจ ฉันกลับไปยังเมืองดรัลเพราะว่าฉันได้ลาออกจากงานก่อนหน้านี้แล้ว และยังหางานใหม่ไม่ได้ จึงทำได้เพียงติดต่อไปยังร้านกาแฟที่เคยทำ โชคดีที่พวกเขายังคงรับสมัครคน ฉันกลับมาได้สองสามวัน ก็ได้รับข้อความจากพ่อของนภทีป์ เขาขอร้อง ไม่ต้องการให้ฉันเข้าใกล้นภทีป์อีก ตอนนี้แม่ของนภทีป์ยังไม่พ้นจากขีดอันตรายอย่างสมบูรณ์ ถ้าหากฉันกลับไป จะต้องเกิดการต่อต้านอย่างรุนแรงในครอบครัวเขาแน่นอน ฉันจึงได้สัญญาไป บางทีมันอาจจะเป็นเรื่องบังเอิญ ขณะที่ฉันกลับบ้านในวันนั้น ฉันก็ได้พบกับจิณณาอีกครั้งที่ชุมชน เธอมองดูฉันราวกับเห็นผี “เธอไม่ได้ไปต่างประเทศหรอกเหรอ?” “เธอยังมีชีวิตที่ดีแบบนี้ ฉันจะตัดใจไปได้อย่างไรล่ะ?” ฉันมองดูเธอ แล้วหัวเราะเยาะ อันที่จริงในเวลานี้ ฉันไม่มีความหลงใหลอยากจะรู้ชีวิตดีร้ายอะไรของจิณณาอีกแล้ว แต่ว่าจิณณากลับไม่ได้คิดอย่างนั้น เธอมองมาที่ฉันอย่างระแวดระวัง “แกหมายความอะไร!? บอกฉันมา แกควรจะลบรูปพวกนั้นออกให้เร็วที่สุดนะ ไม่อย่างนั้นถ้าฉันต้องเสียทั้งโชคลาภและเกียรติยศล่ะก็ ฉันก็จะลากให้แกหงายหลังลงมาด้วย!” ตอนที่จิณณาพูด ใบหน้าเต็มไปด้วยความโหดร้าย ในความเป็นจริงฉันเองก็ได้เห็นบ้างเป็นบางครั้งในโทรทัศน์ เธอในตอนนี้ก็เจริญก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว ถึงแม้ว่าจะมีผลงานการออกแบบแค่ชุดเดียว แต่ว่าก็ได้รับการชื่นชมยกย่อง และยิ่งไปกว่านั้นเธอก็ได้อาศัยชุดนั้นไปงานมิลานแฟชั่นวีค แต่ว่าหลังจากนั้นแล้ว เธอก็ไม่ได้ทำอะไรเลย จนมาถึงตอนนี้ก็เดือนมีนาคมแล้ว แต่เธอกลับไม่ได้ความคิดอะไรเสนอออกมาสำหรับเสื้อผ้าฤดูร้อนเลย ฉันทายว่า เธอคิดจะหยุดในช่วงเวลาที่อยู่จุดสูงสุด จะได้เป็นคนดังตลอดไป “งั้นก็ดี” ฉันมองดูเธอแล้วยิ้มจางๆ “พวกเราเป็นพี่น้องที่ดีมากๆเลยนะ เกิดวันเดียวกัน พอจะตายก็ยังจะตายพร้อมกัน” ฉันในตอนนี้ ตัวคนเดียวแล้วจริงๆ ไม่มีอะไรต้องกลัวแล้ว แต่ว่าจิณณาต้องคิดให้มาก เธอได้ยินคำพูดของฉัน ก็ยิ้มอย่างรังเกียจ “ใครอยากจะตายกับแก ฉันจะต้องเป็นคุณนายแห่งบ้านสุทรรศน์ฯ อยู่ในบ้านที่ดีที่สุด กับคนที่หล่อที่สุดในดรัล มีสามีที่รวยที่สุด ถึงเวลานั้น ฉันก็จะมีวิธีเอารูปภาพวกนั้นกลับมา” “เธอแน่ใจนะ?” ฉันคิดถึงคำพูดของดนุนัยที่เคยพูดไว้ขึ้นมา ดูแล้วจิณณาไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับสิ่งที่ดนุนัยทำ แต่ว่าเรื่องเหล่านี้มันไม่ได้สำคัญอะไร ฉันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา กดปุ่มคัดลอกแล้วส่งภาพออกไปโดยตรงที่เว่ยป๋อทันที เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เรื่องยืดเยื้อยาวนานจนเกิดการเปลี่ยนแปลงที่ไม่ดี
已经是最新一章了
加载中