ตอนที่ 128 ไม่สามารถกลับไปได้อีกแล้ว   1/1  7:56 
已经是第一章了
ตอนที่ 128 ไม่สามารถกลับไปได้อีกแล้ว

ต๭นที่128ไม่สามารถกลับไปได้อีกแล้ว

คนที่แก้ไขงานของฉันได้วาดวงกลมไว้ตรงจุดที่แก้ไข

ทำเครื่องหมายขนาดเล็ก

วิธีการวาดวงกลมนั้นไม่เหมือนกับฉันนั้นก็คือเส้นทั้งสองไม่ได้ปิดสนิทจะมีช่องว่างเล็กๆเหมือนกับการเขียนตัวX

คนที่มีนิสัยวาดรูปแบบนี้มีเพียงคนเดียวที่ฉันรู้จัก…

นภทีป์

คิดถึงเขาหัวใจของฉันก็รัดแน่น

เขาไม่ได้อยู่ที่บ้านหรอกหรือ?ครั้งสุดท้ายเขาพูดว่าอยากจะเปิดบริษัทที่บ้านเกิด

ทำไมถึงมาอยู่ที่เมืองดรัล?

แล้วยังช่วยฉันแก้ไขงาน?

เป็นแบบนี้ได้ยังไง

แต่ว่าถ้าไม่ใช่เขาแล้วจะเป็นใครได้?

สไตล์การทำงานที่เชี่ยวชาญเทคนิคที่แม่นยำไม่ใช่นภทีป์แล้วจะเป็นใครได้อีก?

ในสมองของฉันเต็มไปด้วยข้อสงสัย

เลิกงานวันนั้นฉันไปถึงโรงพยาบาลสอบถามอาการชยานีกับหมอคุณยายยังคงอยู่ในอาการโคม่า

ตามที่หมอพูดนั้นถ้าหากชยานียังคงโคม่าต่อไปชยานีจะถูกตัดสินว่าอยู่ในสภาพเจ้าหญิงนิทรา

ฉันเข้าใจความหมายของเจ้าหญิงนิทรา

ถึงแม้ว่าละครที่ฉายในโทรทัศน์จะมีปาฏิหาริย์คนที่เป็นเจ้าหญิงนิทราฟื้นขึ้นมาแต่สุดท้ายก็คือละครในความเป็นจริงผู้ที่เป็นเจ้าหญิงนิทราจะฟื้นขึ้นมาได้จริงๆเปอร์เซนต์แทบจะเป็นหนึ่งในหมื่น

ฉันยืนอยู่หน้าหน้ากระจกห้องผู้ป่วยICUของชยานีในใจเต็มไปด้วยความเจ็บปวด

คิดถึงปีนั้นตอนที่ฉันมามาจากบ้านเด็กกำพร้าชยานีดึงมือฉันไปพูดด้วยว่า“นับจากวันนี้เป็นต้นไปเราเป็นครอบครัวเดียวกันแล้วนะจ๊ะ”

แม้ว่าทุกคนจะไม่ชอบฉันแต่ท่านยังคงดึงฉันไปพูดด้วยว่า“เธอคือหลานสาวของบ้านจันทร์”

ในขณะที่ฉันมองดูชยานีโทรศัพท์ก็ดังขึ้น

เป็นสายจากชยพล

“ทนายชยพลสวัสดีค่ะ”ฉันรับสาย

“คุณณิชาครับผมมีคำถามสองสามข้ออยากจะถามคุณ”

ชยพลไม่คุยกับฉันมากนักและถามคำถามฉันทันทีตรงประเด็นไม่อ้อมค้อม

จุดสำคัญคือคำถามว่าบัตรของฉันหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่

ฉันลองคิดอย่างรอบด้านแล้วแต่คิดไม่ออกจริงๆ

จากทั้งหมดฉันใช้การ์ดใบนี้น้อยมากพอมันหายไปฉันเองก็เลยไม่เคยสังเกตเห็น

หลังจากชยพลได้ฟังก็เงียบไปสักครู่แล้วพูดว่า“งั้นคุณลองคิดดูดีๆหลังจากคุณยายของคุณมาอยู่ที่โรงพยาบาลแล้วมีตอนไหนบ้างที่กระเป๋าไม่ได้อยู่กับคุณ”

ฉันรับปากว่าจะลองคิดดู

วางสายแล้วฉันกลับไปที่ห้องพักผู้ดูแลเพื่อทำภาพแบบร่างต่อ

เพื่อเป็นการพิสูจน์เรื่อง“แม่นางหอยโข่ง”วาดไปสักพักเกิดความคิดจะแกล้งหลับ

ฉันเหนื่อยกับงานในช่วงนี้จริงๆ

เพียงแค่เอนตัวลงนอนไปสักแป๊ปฉันก็หลับไปจริงๆ…

ฉันรู้สึกว่าตัวเองยืนอยู่ในความมืดอย่างเลือนรางในชั่วขณะนั้นฉันกลัวตัวสั่นไม่หยุด

มันเหมือนกับว่าฉันตกอยู่ท่ามกลางความมืดมิด

ในตอนที่ฉันกำลังกลัวและไม่สามารถก้าวเท้าเดินได้ฉันเห็นบางอย่างเคลื่อนไหวอยู่ข้างหน้า

พูดให้ถูกคือเห็นคนๆหนึ่ง

ฉันมองดูอย่างละเอียดพบว่าเป็นชยานี!

“คุณยาย!”

ในขณะที่ฉันเห็นท่านความกลัวทั้งหมดของฉันถูกขับออกไปฉันวิ่งไปหาท่านแต่ไม่ว่าฉันจะวิ่งไปอย่างไรชยานีก็ยิ่งไกลห่างจากฉัน!

“คุณยาย!”

ฉันวิ่งไปด้วยตะโกนไปด้วย

แต่ชยานียืนอยู่ที่นั่นห่างจากฉันไม่กี่ก้าวบนใบหน้ายังคงมีรอยยิ้มอบอุ่น

ฉันไม่รู้ว่าตัวเองวิ่งอยู่นานเท่าไหร่ตอนที่สายตาเห็นท่านอยู่ไม่ไกลมีของที่ไม่รู้ว่าปลิวมาจากที่ไหนทันใดนั้นมันก็ปักลงไปตรงหัวใจของชยานี!

สีหน้าของชยานีเปลี่ยนไปแล้วหายวับไปชั่วพริบตา…

“คุณยาย!”

ฉันตื่นกลัว!

แล้วกระพริบตา

ฉันอยู่ในห้องที่มืดสนิท

แสงจันทร์ที่เย็นยะเยือกจางๆส่องผ่านเข้ามาในห้องฉันคิดว่านี่คือห้องพักผู้ดูแล

ทว่า…

ขณะที่ฉันหันไปทางโต๊ะกินข้าวของตัวเองตรงหน้าก็มองเห็นคอมพิวเตอร์ตรงหน้ายังคงหน้าจอสว่างแสงหน้าจอที่ส่องผ่านทำให้ฉันสามารถมองเห็นว่ามีคนนั่งอยู่ตรงหน้าจอ

ตอนที่ฉันมองเขาเขาก็มองฉัน…

ท่าทีนั้นเหมือนกับว่าจะนึกไม่ถึงว่าฉันจะตื่น

“รุ่นพี่”

แม่นางหอยโข่งคือนภทีป์จริงๆ

ได้เห็นเขาฉันไม่ประหลาดใจเลยสักนิดมีแต่ความตื่นตัวและตื่นเต้น

นภทีป์เห็นฉันตื่นขึ้นมาไม่ได้เปิดไฟแต่ว่าเดินตรงมาอยู่ที่หน้าเตียงของฉันยกมือขึ้นจัดผมที่ยุ่งเหยิงจากการนอนของฉันพูดอย่างอ่อนโยนว่า“นอนหลับเถอะนะผมจะทำภาพนั้นให้เองนะ”

แสงไฟสลัวแต่ฉันกลับยังคงมองเห็นความทุกข์ใจในแววตาของเขา

“ไม่ต้องหรอกค่ะนี่เป็นงานของฉันเองจะรบกวนคุณได้อย่างไร”ฉันลุกขึ้นจากเตียงสะบัดหัวขับไล่ความง่วงออกไป

จากนั้นจึงเปิดไฟในห้อง

แล้วนั่งลงหน้าคอมพิวเตอร์

ตอนที่ฉันมองดูภาพรวมของแบบร่างนั้นแตกต่างจากก่อนหน้านี้เป็นอย่างมาก

เขายืนอยู่ข้างๆมองดูฉันปิดภาพในคอมฯนั้นลงแล้วเริ่มวาดภาพใหม่ฝืนยิ้มว่า“เธอนี่นะไม่เปลี่ยนไปเลยจริงๆฉันบันทึกภาพต้นฉบับเอาไว้ให้เธอแล้วนะ”

“ขอบคุณค่ะ”ฉันไปยังตำแหน่งที่เขาบอกและพบภาพต้นฉบับ

อันที่จริงถ้าหากเขาไม่บันทึกเอาไว้แทนที่จะทำใหม่อีกครั้งฉันก็อาจจะยอมแพ้การแข่งขันอย่างไรก็ไม่สามารถเอาภาพที่เขาทำไปเข้าร่วมการแข่งขันได้

เพราะมองดูงานที่นภทีป์แก้ไขให้และมองภาพต้นฉบับที่ตัวเองทำอีกครั้งช่างแตกต่างกันมากจริงๆ

ฉันยิ้มอย่างขมขื่นให้กับสิ่งที่ตัวเองทำ“หรือว่าฉันควรจะลบมันทิ้งดีคะ?”

นภทีป์ส่ายหน้านั่งลงข้างๆฉันแล้วพูดว่า“มาผมจะบอกเธอเองว่าปัญหาของงานเออยู่ตรงไหน”

คืนนั้นนภทีป์ให้คำแนะนำกับฉันมากมาย

ถึงแม้ว่าฉันจะทำการแก้ไขไม่ทันแต่ฉันก็จดเอาไว้ทีละข้อ

รอจนเขาบอกเกือบจะหมดแล้วฉันจึงถามเขาว่า“ทำไมเอถึงมาอยู่ที่นี่?”

นภทีป์มองฉันอย่างตั้งใจแสร้งพูดอย่างลึกซึ้งว่า“เพราะผมคิดว่าเธออาจต้องการความช่วยเหลือจากผมดังนั้นเลยมา”

“หรือว่าฉันไปเข้าฝันคุณ?”

ฉันพูดจบก็หัวเราะออกมา

นภทีป์มองดูฉันแล้วหัวเราะตาม

ลองคิดดูหนึ่งเดือนกว่าก่อนหน้านี้พวกเรายังเป็นคู่รักกันอยู่แต่ว่าตอนนี้นั่งหน้าต่อหน้ากันแบบนี้อยู่ใกล้กันมากแต่เหมือนกับมีบางอย่างกั้นไว้ตรงกลางไม่สามารถเชื่อมต่อกันได้

ต่อมานภทีป์จึงบอกฉันว่าเพราะเพื่อนคนหนึ่งของเขาล้มป่วยพักอยู่ที่นี่เขาจึงเห็นฉันตอนมาเยี่ยมเพื่อน

เดิมทีต้องการแค่แอบดูว่าฉันกำลังทำอะไรแต่สุดท้ายเห็นว่าภาพของฉันมันแย่เกินไปจึงอดไม่ไหวที่จะยื่นมือมาช่วยฉัน

พวกเราคุยกันจนหมดวันจนถึงครึ่งค่อนคืนเกือบจะตีสี่

ฉันให้เขาพักอยู่ด้วยหนึ่งคืน

ฉันนอนหลับบนเตียงเขานอนหลับบนโซฟา

เช้นวันรุ่งขึ้นในตอนที่ฉันตื่นขึ้นมานภทีป์แต่งตัวเรียบร้อยแล้วยังซื้ออาหารเช้ามาแล้ว

ในตอนที่กินข้าวฉันถามเขาว่า“คุณจะกลับเมื่อไหร่?”

นภทีป์เหลือบมองไปที่คอมพิวเตอร์ของฉันและพูดด้วยความผิดหวัง

“เดิมผมคิดจะกลับเมื่อวานนี้แล้วแต่งานออกแบบของเธอต้องการให้ฉันช่วยเลยยังอยู่”

“ไม่ต้องหรอกค่ะเมื่อวานนี้เธอบอกในสิ่งที่ควรจะทำแล้วใช่ไหม?ฉันจดไว้หมดแล้วที่หลือฉันทำเองได้ค่ะ”

“ไม่ได้ผมไม่วางใจ”

“ฉันทำได้จริงๆค่ะ”

ฉันซาบซึ้งใจที่นภทีป์จะทำเพื่อฉันแต่ฉันไม่ได้คาดหวังให้เขาทำอะไรเพื่อฉันอีก

เพราะถ้าหากไม่มีทางที่จะเป็นไปได้ก็ไม่ควรให้ความหวัง

หลังจากกินข้าวเสร็จพวกเราก็ออกจากโรงพยาบาลด้วยกันเมื่อฉันเข้าไปในสถานีรถไฟใต้ดินเขาดึงฉันไว้และถามว่า“ตอนนี้เธอกับดนุนัยเป็นอะไรกัน?”



已经是最新一章了
加载中