ตอนที่ 137 ความแข็งแรงของเขามีพลังมากเกินไป   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 137 ความแข็งแรงของเขามีพลังมากเกินไป
ต๭นที่ 137 ความแข็งแรงของเขามีพลังมากเกินไป “เป็นไปไม่ได้!”จิณณาร้องไห้หนักขึ้น“ถ้าหากว่าฉันสูญเสียความทรงจำสามปีที่ผ่าน มา แต่ว่าความทรงจำก่อนหน้านนั้น ฉันยังจำได้ดี ไม่มีวันลืม ฉันไม่ได้จำไม่ได้!” พูดถึงตรงนี้ เธอก็สะอื้นจนจะพูดไม่ได้อยู่แล้ว! เธอพูดพร้อมกับใช้มือลูบผ้าพันแผลบนหัวของเธอ“ฮือฮือ ฉันปวดหัวเหลือเกิน ฉันจำได้แน่นอน ว่าคุณเคยพูดกับฉัน…” จิณณาร้องไห้อย่างเจ็บปวดอย่างมาก ตลอดทั้งโถงทางเดินล้วนได้ยินเสียงร้องไห้ของเธอ ในที่สุดพยาบาลก็เข้ามา เมื่อเห็นภาพสถานการณ์ตรงหน้า ก็อารมณ์เสียทันที“คนไข้เพิ่งจะตื่นขึ้นมา สถานการณ์ก็ยังไม่มั่นคง พวกคุณอย่าได้กระตุ้นอะไรเธออีกเลย!” “คือ…” ใบหน้าของชวลัยมีแต่ความเสียใจ พยาบาลเข้าไปดูอาการของจิณณาอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดอย่างไม่พอใจว่า “พวกคุณไปเถอะค่ะ ไม่ต้องอยู่เฝ้าตรงนี้แล้ว” พวกเราทั้งสามถูกขับออกมาอย่างรวดเร็ว หลังจากออกมาแล้ว ชวลัยก็ตรงเข้ามาด่าทอฉัน“ณิชา แกทำร้ายครอบครัวและลูกจิณของฉันอย่างโหดร้ายเหลือเกิน! ตอนนี้เธอก็สูญเสียความทรงจำไปแล้ว ทำไมแกยังให้คุณดนุนัยสมรู้ร่วมคิดกับแกพูดแบบนั้น!” “ถ้าอย่างนั้นจะให้พูดยังไงดีล่ะคะ?”ฉันมองชวลัยอย่างมึนงง“ให้พูดว่าเพื่อหุ้นแล้วถึงกับวางแผนใส่ร้ายฉัน ให้ฉันออกจากบ้านจันทร์อย่างง่ายดาย ร่วมกันวางแผนให้ฉันไปแต่งงานแทน? ไม่เพียงแต่ดนุนัยไม่ตกหลุมพราง แต่กลับรักฉันแทนเหรอคะ?” “แก…” “หรือผลลัพธ์ยังเลวร้ายไม่พอ?” ฉันหัวเราะเยาะ “ถ้าหากเธอความจำเสื่อมจริงๆ ก็ทำตามที่ฉันเพิ่งจะพูดเถอะนะ ฉันหวังว่าเธอจะหลบหนีจากความวุ่นวายนี้ได้โดยเร็ว แล้วได้เริ่มต้นชีวิตใหม่”ดนุนัยพูดถึงตรงนี้แล้วหยุดไปชั่วขณะ “ถ้าหากต้องการเงิน ฉันสามารถมอบจำนวนที่เหมาะสมได้” “พวกเราไม่ต้องการเงิน! พวกเราเพียงแค่ต้องการจิณณาที่มีความสุข!”ชวลัยพูดอย่างแน่วแน่ว่า “คุณดนุนัย ทำไมไม่เอาเงินให้ณิชา จากนั้นก็มาอยู่กับหนูจิณล่ะ?” “เรื่องนี้ไม่ใช่สิ่งที่จะบังคับกันได้”ดนุนัยกล่าว “แต่พวกเขาทั้งคู่ก็เหมือนกันทุกอย่าง คุณจะอยู่กับใครก็ไม่ต่างกันนี่คะ?” ชวลัยไม่ยอม ดูเหมือนว่าเริ่มต้นก็พูดแบบไม่รับผิดชอบคำพูดแล้ว คำพูดของเธอต้องการจะเย้ยหยันฉัน ในตอนที่ฉันกำลังจะเอ่ยปากโต้แย้ง ก็ได้ยินดนุนัยพูดว่า “ไม่เลย ผมไม่รู้สึกว่าทั้งคู่มีตรงไหนที่เหมือนกันแม้แต่น้อย” คำพูดนี้ พูดออกมาแล้วอาจจะทำให้ชวลัยโกรธ แต่ฉันกลับรู้สึกเบิกบานใจ ดนุนัยพาฉันออกมา ในตอนที่พวกเรามาถึงชั้นล่าง ด้านล่างตึกก็มีรถมาจอดรออยู่แล้ว เดิมฉันคิดว่าเป็นปรวันขับมา แต่เมื่อถึงด้านหน้ารถกลับพบว่าที่นั่งอยู่ด้านในเป็นคนขับอายุสี่สิบกว่าปี ดูแล้วเป็นผู้ใหญ่สุขุมใจเย็น “ไม่ใช่ผู้ช่วยปรวันเหรอคะ?” ฉันถามสบายๆ ดนุนัยมองฉันแว้บหนึ่ง แล้วยิ้มนิดๆ “จากนี้เขาต้องเปลี่ยนไปรับผิดชอบเรื่องอื่นแล้ว” ฉันฟังแล้วไม่เข้าใจ แต่ก็ไม่ได้สนใจ เมื่อคนขับรถส่งฉันที่บริษัท ฉันลงจากรถแล้วเข้าไปนั่งในห้องทำงาน ทันใดนั้นรู้สึกได้ว่าอารมณ์ของฉันจะไม่เหมือนเดิมแล้ว บางทีอาจเป็นเพราะความสัมพันธ์ของดนุนัย ท้ายที่สุดถ้าจิณณาความจำเสื่อมจริงๆ ความสัมพันธ์ของคนสามคนก็เหมือนล้างไพ่ใหม่ บางทีฉันกับดนุนัยอาจะสามารถ… “ณิชา แข่งรอบรองชนะเลิศ เธอคิดจะทำอะไร?” ในตอนที่ฉันกำลังคิดฟุ้งซ่าน เสียงของนลินีก็เข้ามาขัดจังหวะความคิดของฉัน “อ่า?”ฉันมองเธอ บนใบหน้าความสับสน นลินีบอกฉันว่า คำถามของรอบรองชนะเลิศส่งมาหลายวันแล้ว อยู่ในอีเมลของที่ทำงาน ฉันเพิ่งจะเปิดกล่องจดหมาย แล้วมองเห็นว่ามีเมลจากบริษัทนอนสงบนิ่งอยู่ ชื่อเมลก็คือ [หัวข้อรอบรองชนะเลิศ] คลิกเปิดดู ด้านหลังของคำว่าหัวข้อมีคำอยู่เพียงสองคำ โรงพยาบาล ฉันอดยิ้มไม่ได้ มันช่างเป็นเรื่องบังเอิญที่ช่วงนี้ฉันอยู่โรงพยาบาลทุกวัน และคำสองคำนี้ก็เชื่อมโยงกับฉันอย่างแยกไม่ออกจริงๆ “เธอยิ้มอะไร? หรือว่าเธอคิดว่ามันง่ายมากๆเลยเหรอ?”นลินีพูด“ฉันจะบอกเธอให้นะ เธออย่าได้ชะล่าใจไปนะ หัวข้อง่ายที่สุดแบบนี้อาจจะยากก็ได้นะ!” “อื้ม…” ฉันพยักหน้า แล้วเงยหน้าถามนลินี “เธอก็เข้าแข่งรอบนี้เหรอ?” ฉันจำได้ว่าครั้งแรกที่ดูอันดับรายชื่อ 50อันดับแรกไม่มีชื่อเธอ ทันทีที่ฉันพูด นลินีก็หน้านิ่วคิ้วขมวดตอบว่า“อ้า นี่เธอยังไม่รู้เหรอ?” “อืม?” ฉันพูดอย่างจริงจังว่า“ครั้งที่แล้วที่ฉันตรวจดูรายชื่อ 50ชื่อแรก ไม่มีเธอ แล้วก็ไม่มีฉันด้วยนี่นา” ในตอนนี้มีชื่อที่คุ้นเคยอยู่เพียงชื่อเดียว ชวารี แต่เธอก็ถุกตัดออกไปแล้ว นลินีมุ่ยปากแล้วพูดว่า “เฮ้ เธอไม่ได้สนใจสักนิดเลยสินะ ตอนนั้นฉันอันดับ 51 และเธอ 52 นะ!” พอฉันได้ยิน ก็เข้าใจได้พริบตา มีสองคนลอกเลียนแบบงานผู้อื่น คนที่ได้เข้ามาแทนในรอบรองชนะเลิศก็คือ นลินี นลินีไม่มีอะไรสลับซับซ้อน เธอหมอบลงกับโต๊ะ และพูดคุยแนวคิดของตัวเองกับฉัน แต่เพราะสมองของฉันยังว่างเปล่า ก็เลยพูดวนอยู่ไม่กี่คำ แต่ว่า ถึงจะเข้ามารอบรองชนะเลิศแล้ว แม้ว่าจะเป็นชื่ออันดับสุดท้าย ก็ต้องพยายาม เข้าไปถึงรอบชิงชนะเลิศก็มีเงินรางวัลแล้ว ในตอนที่ฉันกับนิลินีถกเถียงกันอยู่ ชวารีก็เดินเข้ามา มองฉันอย่างเหยียดๆ “ฉันแนะนำว่าพวกเธอทั้งสองคนอย่าเสียแรงเปล่าเลย ถึงแม้จะมีโควต้าถึงหกคน แต่พวกเธอทั้งสองคนก็ไม่ได้เข้าไปหรอก” “แต่นั่นก็ยังดีกว่าการลอกเลียนแบบงานคนอื่นเยอะ!” นลินีตอกกลับเธอ ชั่วพริบตาใบหน้าของชวารีกลายเป็นน่ากลัว “เฮ้!ฉันเหมือนแค่องค์ประกอบ!เห็นได้ชัดว่าผู้ตัดสินไม่ได้ดูให้ดีเลย! ใครจะรู้อาจเป็นเพราะต้องการณิชาเข้ารอบผู้เชี่ยวชาญเลยต้องหาแพะรับบาปสองคน!” “แพะรับบาป?” เดิมที่ฉันไม่ได้ต้องการตอบกลับชวารี แต่ถ้าเธอพูดเช่นนี้ ฉันย่อมต้องการคุยถึงสมติฐานของเธออย่างละเอียด“ถ้าหากเธอไม่มั่นใจ สามารถไปค้นหาในอินเตอร์เนตได้นะ ท้ายที่สุดงานของเธอและงานที่ถูกลอกเลียนแบบต่างก็อยู่บนอินเตอร์เนตแล้ว ทุกคนต่างเห็นพ้อง ลอกเลียนแบบหรือไม่ ใครจะดูไม่ออกกันล่ะ?” “เธอ!” “เธอไปหาดูสิ” ชวารีรู้ว่าตัวเองยังไงก็ผิด เดินจากไปอย่างไม่พอใจทันที เมื่อเธอไปแล้ว คนอื่นๆในห้องทำงานก็เริ่มพูดคุยกัน เกี่ยวกับการลอกเลียนแบบผลงานของเธอ หลังจากนั้นอาทิตย์หนึ่งของฉันนอกจากยุ่งเรื่องทำงานแล้วก็ต้องยุ่งเรื่องการแข่งขันด้วย ถึงแม้ว่าดนุนัยจะได้รับบาดเจ็บ แต่ในตอนที่เข้ามาพัวพันกับฉัน เขาก็มีพละกำลังมากเกินไป ท้ายที่สุดฉันไม่มีวิธีใดแล้ว นอกจากต้องใช้กฎหมายตราสามดวงกับเขา ในข้อตกลงแรกก็คือ จันทร์ พุธ ศุกร์ สามารถทำได้ ส่วนอังคาร พฤหัส เสาร์นั้นต้องพักผ่อน! ในตอนแรกจะพันจะหมื่นเหตุผลยังไง ดนุนัยก็ไม่ยอม แต่เมื่อเห็นว่าฉันต้องการที่จะทำผลงานสำหรับการแข่งขันรอบรองฯ จึงต้องเห็นด้วย เวลาผ่านไปแล้วสองสัปดาห์ สองสัปดาห์ที่ผ่านมาชีวิตของฉันเป็นไปตามปกติ ในวันนี้มีประชุมประจำสัปดาห์ ฉันรีบไปจากไซต์งานก่อสร้างเพื่อไปยังบริษัท พอประะชุมเสร็จแล้วฉันก็เตรียมตัวที่จะกลับไปที่ไซต์งานอีก ที่ประตูทางเข้าก็ได้พบกับจิณณา ผมของเธอยุ่งเหยิง บนศรีษะสวมหมวกหนึ่งใบ อากาศร้อนอบอ้าว บนตัวสวมกระโปรงยาวสีชมพู แต่งหน้าอ่อนๆ ภาพนี้เหมือนเธอสมัยเรียนมหาวิทยาลัย ในตอนที่เรียนมหาวิทยาลัยนั้น ถึงแม้ว่าจิณณาจะมีแฟชั่นที่ล้าสมัยมาก แต่เธอก็แต่งตัวที่ดูเป็นสุภาพสตรีอย่างแน่นอน เธอมองเห็นฉัน ก็ยกมือขึ้นนิดๆ แล้วเรียกชื่อฉัน ถึงแม้ว่าฉันไม่ค่อยพอใจนัก แต่ฉันก็ยังมีความสงสัยว่าเธอความจำเสื่อมแล้วจริงๆหรือไม่ เลยเดินเข้าไปหา เดินเข้าไปใกล้ ถึงมองเห็นว่า บนหน้าผากจิณณามีรอยแผลเป็นที่ถูกปล่อยไว้ ไม่ได้รับการรักษา เมื่อเธอเห็นฉัน ดวงตาก็โค้งเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยว พูดอย่างรักใคร่ว่า“ไปทำงานเหรอ? เหนื่อยไหม? ตอนบ่ายอยากไปกินข้าวที่ไหน? ให้ฉันไปด้วยได้ไหม?” สามสี่คำถามในครั้งเดียว “ไม่ล่ะ ฉันมีงานต้องทำ เธอพูดธุระมาเถอะ” ฉันตอบ บอกตามตรง ไม่ว่าจิณณาจะความจำเสื่อมหรือไม่ แต่เรื่องมากมายที่เกิดขึ้นนั้น ฉันกับเธอไม่สามารถกลับไปเหมือนเมื่อก่อนได้อีกแล้ว 
已经是最新一章了
加载中