ตอนที่ 141 รีบไปกันเถอะ อย่าเข้าไปให้ขายหน้าเลย!   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 141 รีบไปกันเถอะ อย่าเข้าไปให้ขายหน้าเลย!
ต๭นที่ 141 รีบไปกันเถอะ อย่าเข้าไปให้ขายหน้าเลย! ปัณฑาและตมิสาออกไปแล้ว เวทนมองดูฉันและพูดย้ำซ้ำๆว่า “ผลงานนี้เป็นของคุณจริงๆใช่ไหม?” “ใช่ค่ะ” ฉันตอบเพียงสองคำเท่านั้น เวทนไม่มีทางเลือก นอกจากพยักหน้าเท่านั้น “ถ้าอย่างนั้นก็ได้ ช่วงนี้คุณก็พักงานไว้ก่อนก็ได้ คิดให้ดีว่าทำอย่างไรจึงจะพิสูจน์ได้ว่างานนออกแบบเป็นของคุณ ถ้าต้องการให้ฉันช่วยอะไร ก็มาหาแล้วกัน” ฉันรับคำตามนั้น กลับมาที่ออฟฟิศ เพื่อนร่วมงานมองดูฉัน ด้วยสายตาที่มีความสะใจบนความทุกข์ของฉัน โดยพาะอย่างยิ่งชวารี เห็นฉันเดินเข้ามา รีบฉีกยิ้มแล้วเดินมาหาทันที “ให้ตายเถอะ ณิชา เธอพูดจามั่วซั่วอย่างนั้นได้อย่างไร ทำเรื่องไม่ดีอย่างลอกเลียนแบบงานจริงหรือเปล่า? นี่มันเรื่องใหญ่ลเยนะ จะถูกไล่ออกมั๊ยยังไม่แน่เลย แถมพอถึงเวลานั้นก็คงไม่สามารถปกปิดเบื้องหลังของเธอได้” ฉันไม่ได้สนใจเธอเลย เพียงแค่นั่งเก็บของ และพิจารณาถึงการบีบอัดเวลาทำงานในช่วงนี้อย่างไรดี จากนั้น จากก็จดจ่อกับการหาหลักฐานมาพิสูจน์ผลงานของตัวเอง ชวารีเห็นฉันไม่สนใจเธอ ก็เกิดความไม่พอใจ “ทำไมเธอไม่พูดอะไรเลยล่ะ? หรือว่าผู้จัดการเวทนไล่เธอออกแล้ว?” “เธอเสียงดังมากเลยนะ” ฉันหันไปเหยียดมองเธอแว้บหนึ่ง ชวารีตกใจไปชั่วขณะ แต่ยังคงพูดว่า “โอ้ ตอนนี้เธอยังทำอวดเก่งได้ อีกไม่กี่วันพอโดนไล่ออกแล้วจะมาทำเก่งไม่ออก” เธอไปแล้ว หูของฉันจึงสงบได้ เพื่อนร่วมงานทุกคนในออฟฟิศถูกคัดออกจากการแข่งขันจนหมดแล้ว มีแต่ฉันเท่านั้นที่ยังอยู่ พวกเธอต่างมีอารมณ์ร่วมจับจ้องการแข่งขันนี้ ฉันเองก็ขี้เกียจที่จะจัดการอะไรมากขนาดนี้แล้ว ทำตารางเวลาและการติดต่อลูกค้าสามสี่ราย และติดต่อคนของแผนก วิศวกรรมสักพัก ทำกำหนดต่างๆเสร็จแล้วจึงเริ่มทำงาน ต้องติดต่อสื่อสารกับ ลูกค้าหรือแผนกวิศวกรรม และฝ่ายการจัดการ ฉันจะทำในช่วงเวลากลางวัน แก้ไขเปลี่ยนแปลง หรือ ทำภาพเร็นเดอร์แบบร่าง ฉันจะทำในเวลากลางคืน ปริมาณงานในหนึ่งสัปดาห์ ฉันอัดแน่นจนเสร็จในสี่วัน ตอนเย็นวันที่สี่ ฉันพูดคุยกับกับแผนกวิศวกรรมเสร็จแล้ว แล้วก็วิเคราะห์ภาพรวมงานออกแบบทั้งหมด จากนั้นกลับไปที่ออฟฟิศเปิดคอมพิวเตอร์ส่วนตัว แล้วเริ่มคิดวิธีที่จะพิสูจน์ว่าผลงานออกแบบนี้เป็นของฉัน ฉันดูงานในคอมพิวเตอร์ แล้วพัวพันอยู่กับความคิดไปชั่วขณะ ว่างานนี้ ฉันจะพิสูจน์ได้อย่างไร? แม้จะมีแบบร่างก็ยังไม่พอ ฉันเปิดภาพแบบร่าง ถึงแม้ว่าข้างในมีเลเยอร์ และรายละเอียด แต่สิ่งนี้ก็นับว่าเป็นการลอกเลียนแบบ สามรถวาดตามออกมาได้อยู่ดี โดยพื้นฐานไม่มีหลักฐานพิสูจน์ว่างานออกแบบเป็นของตัวเอง ฉันใช้เวลาไตร่ตรองหมดไปสองวัน หาหลักฐานให้ตัวเองได้อย่างหนึ่ง ก็หักล้างลงด้วยตัวเอง เห็นว่ายังเหลือเวลาอีกหนึ่งวัน จะต้องรีบไปที่ห้องประชุมของบริษัทนภาฯ มันเป็นเวลาที่ฉันจะได้พิสูจน์ว่าผลงานชิ้นนี้เป็นของฉัน แต่ทว่า มันกลับไม่มีความคืบหน้าแม้แต่น้อย ที่จริงฉันเองก็เข้าใจว่า ถ้าหากปัณฑาเหมือนกับฉัน ไม่มีวิธีที่จะพิสูจน์ว่าผลงานชิ้นนี้เป็นของตัวเองเช่นกัน คนอื่นก็ยังเชื่อเธออยู่ดี ฉันนั่งอยู่ตรงหน้าคอมพิวเตอร์ ในขณะกำลังเผชิญหน้ากับปัญหาและไม่สามารถทำอะไรได้นั้น โทรศัพท์ก็ดังขึ้น ฉันก้มหน้า เป็นเบอร์นภทีป์ที่โทรมา เมื่อกดรับสาย เรื่องแรกที่เขาพูดกับฉันคือกล่าวขอโทษ “ขอโทษด้วยนะ ตอนแรกฉันนึกว่าเธอไม่ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศ เลยไม่ได้สนใจจะเข้าไปดูเวบไซต์เลย วันนี้เปิดดู เลยเพิ่งจะเห็นเรื่องลอกเลียนผลงาน” “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ” อันที่จริงถ้าหากไม่มีนภทีป์ให้คำแนะนำผลงานในรอบแรก แม้แต่รอบแรกฉันก็คงไม่ผ่านเข้ารอบ นภทีป์ถามฉันว่า “ตอนนี้แก้ไขปัญหาได้หรือยัง?” ฉันพยายามที่จะมีสติ แล้วบอกกับเขาเรื่องที่ฉันกับปัณฑาจะต้องทำการพิสูจน์ว่าผลงานเป็นของตัวเองที่ห้องประชุมของบริษัทนภากรุ๊ปฯในวันพรุ่งนี้ ในเวลาเดียวกัน ฉันก็บอกเขาถึงสถานการณ์ของตัวฉัน ณ ตอนนี้ด้วย ว่าฉันไม่มีวิธีที่จะพิสูจน์ว่างานชิ้นนี้เป็นผลงานของฉันโดยสมบูรณ์ หลังจากนภทีป์ฟังจบก็เงียบไปชั่วครู่ แล้วเอ่ยว่า “ฉันจะช่วยเธอคิดดู” ที่จริงในตอนนี้ ฉันก็ไม่มีหวังอะไรแล้ว ทำได้เพียงแค่กล่าวขอบคุณ ถึงตอนดึกเวลาห้าทุ่ม ฉันนั่งอยู่หน้าคอมมาทั้งวันแล้ว และยังคงนึกไม่ออกว่าจะมีวิธีใดที่จะพิสูจน์ว่างานออกแบบชิ้นนี้ฉันทำด้วยตัวเอง ถ้ามันจะพังก็ให้มันพังไปเถอะทำอะไรไม่ได้แล้ว นอนหลับได้แล้ว! เช้าวันรุ่งขึ้น ฉันตื่นขึ้นมาและมองดูคอมพิวเตอร์ที่เปิดอยู่ ก็มีความรู้สึกสำนึกผิด บางที เวลาหนึ่งคืนอาจจะคิดวิธีที่ดีออก แต่ว่ามาเสียใจตอนนี้ก็ไม่ทันแล้ว ฉันเก็บแล็ปท๊อปแล้ว เอาไปที่ห้องประชุมของบริษัทนภาฯ ในตอนที่ฉันมาถึงประตูห้องประชุมของบริษัทนภาฯ เวทนก็มารอฉันอยู่ก่อนแล้ว วันนี้เขาสวมชุดสูทสีดำที่ดูดี ดูแล้วเป็นชุดที่มีคุณภาพยอดเยี่ยม เขามองเห็นฉัน รีบตรงเข้ามาถามอย่างกังวลใจทันทีว่า “เป็นอย่างไรบ้าง? คุณมีความมั่นใจที่จะโน้มน้าวทุกคนหรือเปล่า?” “เข้าไปแล้วค่อยพูดเถอะค่ะ” นี่คือการมาอภิปรายโต้แย้ง ยังไงฉันก็ไม่มีสามารถเริ่มพูดถึงความอับโชคตั้งแต่เริ่มต้นได้ ถึงแม้ว่าฉันในเวลานี้เดี๋ยวนี้ ดูเหมือนจะมองเห็นถึงตอนจบแล้วก็ตาม เวทนฟังคำพูดของฉันที่ไม่มีความมั่นใจเลยแม้แต่นิด ยิ่งไม่วางใจ “ทำไมถึงว่าเดี๋ยวค่อยพูดล่ะ? นี่คุณมีความมั่นใจหรือเปล่า? ผลงานชิ้นนี้จริงๆแล้วเป็นของคุณหรือไม่? อย่าให้พอถึงเวลาแล้วให้ฉันขายหน้านะ?” “…” ภายในใจของฉันสับสนวุ่นวาย ไม่อยากจะพูดอะไร เวทนกลับไม่ยอมลดละ “ถ้าหากผลงานนี้ไม่ใช่ของคุณ พวกเรารีบไปกันเถอะ อย่าเข้าไปให้ขายหน้าเลย!” “เฮ้ เกิดอะไรขึ้นล่ะ? ยังไม่ทันเริ่มก็ขัดแย้งภายในกันก่อนแล้วเหรอ?” ในขณะที่เวทนถามฉัน ก็ได้ยินเสียงแหลมปรี๊ดของหญิงสาวดังขึ้น ฉันเงยหน้ามอง เห็นสมิตาและปัณฑายืนอยู่หน้าประตูลิฟท์ ห้องประชุมอยู่ที่ชั้นเจ็ด การขึ้นลิฟท์ย่อมเป็นวิธีเดียวที่จะขึ้นไป เวทนเห็นพวกเธอ เดิมก็รู้สึกไม่สบายใจอยู่แล้ว คราวนี้ทำได้เพียงบังคับไม่ให้แสดงออกไปว่ากำลังกลุ้มใจ จึงเหยียดหลังตรง รวมเป็นหนึ่งกับชุดสูท แล้วพูดอย่างใจเย็น “ผลงานชิ้นนี้เป็นงานออกแบบของณิชา พวกเราทำการเตรียมพร้อมมาอย่างเต็มที่” “ใช่เหรอ? ถ้าอย่างนั้นจะรอดูอย่างกระตือรือร้นเลยล่ะ” ตมิสาหันมามองฉันแว้บหนึ่ง สายตาเต็มไปด้วยความดูถูกดูแคลน ลิฟท์มาถึงพอดี เราทั้งสี่คนขึ้นลิฟต์ไปด้วยกัน เมื่อมาถึงชั้นเจ็ด ภายในห้องประชุมมีคนนั่งอยู่ไม่น้อย ฉันกวาดสายตามองหนึ่งครั้ง หลายคนไม่คุ้นหน้า แต่ก็มีหลายคนที่คุ้นเคยอยู่ หนึ่งคือผุสดี และอีกคนคือปรวัน ผุสดีมาฉันก็เข้าใจได้ แต่ปรวันเป็นผู้ช่วยของดนุนัย ฉันไม่ค่อยแน่ใจว่าเพราะอะไรเขาถึงมาที่นี่ การประชุมจะเริ่มเวลาเก้าโมง ตอนนี้เพิ่งจะแปดโมงครึ่ง พวกเราสองคนต่างนั่งอยู่อีกด้านที่เต็มไปด้วยสิ่งของ เวทนถามที่ข้างหูฉันไม่หยุดว่า “เอาจริงๆคุณมั่นใจหรือเปล่า? มีความเชื่อมั่นไหม? ถ้าคุณทำให้ฉันขายหน้า ฉันจะไล่คุณออกเลยนะ!” “วางใจเถอะค่ะ ผู้จัดการเวทน ผลงานนั้นเป็นของฉัน ฉันไม่ได้ลอกเลียนแบบ” นอกจากนี้แล้ว ฉันก็ไม่รู้จะพูดอะไรกับเวทนได้ ในที่สุด ก็ถึงเวลาเก้าโมง ปรวันลุกขึ้น เดินไปยังกลางห้องประชุม แล้วเอ่ยว่า “สวัสดีครับทุกท่าน ผมเป็นผู้ช่วยของท่านประธานดนุนัย ชื่อว่าปรวัน ในช่วงเช้าวันนี้ท่านประธานติดธุระบางอย่าง ดังนั้นในการะประชุมครั้งนี้ผมจึงรับผิดชอบแทนชั่วคราว” เวทนและตมิสา แล้วก็ยังมีผุสดี และคนอื่นๆอีกหลายคนล้วนแต่แสดงความเกรงใจต่อปรวัน ในตอนที่กำลังเริ่มต้นพูด ปัณฑาก็อดไม่ได้ที่จะเปิดแล็บท๊อปของตัวเอง จากนั้นก็แสดงแบบร่างผลงานของตัวเองทีละขั้นตอน รวมถึงการสร้างแบบจำลองสามมิติในคอมพิวเตอร์เป็นต้น เห็นอย่างนี้แล้ว ฉันก็อดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจเย็นเยียบ ต้นฉบับแบบร่างนั้นเห็นได้ชัดว่าเธอวาดเอง แต่ว่าแบบจำลองที่เธอแสดงให้ดูนั้น เหมือนกับของฉันทุกอย่าง รวมถึงจุดตัดของภาพก็เหมือนกันทุกจุด อาจจะกล่าวได้ว่าเธอมีช่องทางอะไรสักอย่าง ที่ทำให้ได้รับเอกสารงานต้นแบบของฉันโดยตรง ความหมายเช่นนี้มันเป็นมากกว่าการลอกเลียนแบบงานแล้ว 
已经是最新一章了
加载中