ตอนที่ 170 คนที่ฉันพบคือจรณ์   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 170 คนที่ฉันพบคือจรณ์
๕อนที่ 170 คนที่ฉันพบคือจรณ์ ดูเหมือนโรศนีรู้ตัวว่าฉันกำลังมองเธออยู่ ก็หันมาทางฉัน “มองอะไร ท่านก็เป็นแม่ของฉันนะ!” “ก่อนหน้านี้คุณยังร้อนใจจะปิดเครื่องช่วยหายใจอยู่เลยนะคะ?” ฉันเปิดเผยความรู้สึกกับเธออย่างโปร่งใส สีหน้าของโรศนีเปลี่ยนไปไม่เป็นเช่นปกติ ฮึดฮัดอยู่ชั่วครู่ก็ถอนใจยาว “ตอนนี้บ้านจันทร์ไม่ดีเลย คุณแม่ก็มาป่วย ผู้ถือหุ้นก็สับสนวุ่นวายจนเละทะ ถ้าหากว่าฉันมีเงิน ฉันจะไม่ยอมออกเงินงั้นเหรอ? ถ้าหากไม่ใช่เพราะบริษัทใกล้จะล้ม พนักงานเหล่านั้นอยู่กับเรามานานกว่าสิบปีแล้ว ถ้าพวกเราล้มพวกเจาก็จะไม่มีเงินกินข้าว!” ฉันเหล่มองไปที่โรศนี แต่ไม่พูดอะไร เธอเองก็มองฉัน ดูเหมือนจะกลัวฉันไม่เชื่อ ดึงทึ้งกระเป๋าแอร์เมสรุ่นหิมาลายันของตัวเองแล้วพูดว่า “เธอเห็นไหม? มันคือของปลอม! ของจริงขายทิ้งไปนานแล้ว!” พูดแล้วก็เอาป้ายในกระเป๋าให้ฉันดู อันที่จริง ฉันไม่รู้อะไรเกี่ยวกับกระเป๋ายี่ห้อนี้หรอกว่าปลอมหรือไม่ คิดถึงเรื่องการขายแจกันลายครามของบ้านชยานี ฉันรู้สึกว่าคำพูดของโรศนีไม่ได้เป็นคำโกหกทั้งหมด “ย่ำแย่ขนาดนี้เลยเหรอคะ?” “ใครว่าไม่ล่ะ! เธอคิดว่าการเปิดบริษัทเป็นเจ้านายนี่ต้องทำยังไงถึงจะดีเหรอ? นโยบายเปลี่ยนแปลงทุกวัน ไหนจะต้องรับมือกับพวกเจ้าหน้าที่…” ในขณะที่รอชยานี โรศนีเริ่มบ่นกับฉันเกี่ยวกับความยากลำบากในการทำธุรกิจ ฉันฟังอย่างเงียบๆ อดคิดไม่ได้ว่า ดนุนัยก็เป็นแบบนี้ใช่ไหม? เขาดูสงบเยือกเย็นมาโดยตลอดเวลาที่อยู่ตรงหน้าฉัน ดูเหมือนว่าไม่เคยพูดถึงความลำบากในการทำธุรกิจเลย ในสายตาของฉันการทำธุรกิจของเขา เหมือนกับทุกอย่างราบรื่นไปด้วยดี ในตอนที่ฉันจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ไฟในห้องช่วยชีวิตก็ดับลง เมื่อประตูเปิดออก หมอคนหนึ่งก็ดันรถออกมา ด้านข้างแขวนขวดน้ำเกลือ พยาบาลคนหนึ่งผลักรถคันเล็กอยู่ด้านข้าง ด้านบนนั้นมีเครื่องช่วยหายใจ “อาการของคุณยายเป็นอย่างไรบ้างคะ?” ฉันตามเข้าไปถาม หมอมองแล้วมองอีก “สถานการร์ยังคงที่อยู่ชั่วคราว แต่จะผ่านไปได้หรือไม่ ต้องดูที่ตัวผู้ป่วยด้วย” ฉันยืนข้างเตียง จับมือของชยานีไว้ แล้วพึมพำ “คุณยายคะ คุณยายต้องอยู่ต่อไปนะคะ” โรศนีที่ยืนอยู่ข้างๆ ไม่พูดอะไร คืนนั้น ฉันกลับบ้าน ในใจรู้สึกไม่มั่นคงเลย กลางดึก--- “ฉันยืนอยู่ด้านหลังเธอ ดั่งแสงจันทร์ไล่ล่าเงา...” เสียงโทรศัพท์ของฉันดังขึ้น ฉันที่เดิมทีกำลังหลับใหลลืมตาตื่นในชั่วพริบตา ตื่นตัวราวกับว่าตัวเองอยู่ในช่วงกลางวันยังไงยังงั้น! ฉันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เบอร์โทรตรงหน้าถึงแม้จะไม่ได้บันทึกไว้ แต่ฉันจำได้ว่าเป็นหมายเลขโรงพยาบาลของชายนี “ฮัลโหล” ฉันกดรับสาย ใจเต้นรัวตึกตึกตึก ในเวลานี้เอง มีเสียงของหมอดังออกมาจากปลายสาย “สวัสดี ที่นี่คือโรงพยาบาลระดับ2…” หลังจากหมอแจ้งที่อยู่แล้ว ปลายสายได้ใช้คำศัพท์ที่รื่นหูตามแบบฉบับวิชาชีพก่อน จากนั้นจึงพูดว่า “อย่างไรก็ตามคนไข้ยังคงเสียชีวิตในเวลารุ่งเช้าตีสาม ยี่สิบเจ็ดนาที สี่สิบสองวินาที…” คำพูดหลังจากนั้น ฉันก็ได้ยินไม่ชัดแล้ว รู้สึกเพียงแต่ว่าหูของฉันอื้อไปหมด ฉันกะประมาณอะไรไม่ได้เลย ออกไปข้างนอกราวกับบินออกไป! อย่างไรก็ตามตอนนี้เป็นเวลากลางดึก ไม่มีทางเลือกหลังจากใช้แอพพิเคชั่นเรียกรถแล้ว ก็ยังไม่สามารถขึ้นรถได้! ทำยังไงดี! ทำยังไงดี! ฉันดูแอพพลิเคชั่นเรียกรถจะสามารถเรียกรถได้ต้องรออีกสิบกว่านาที โดยไม่มีทางเลือก ฉันเริ่มวิ่งตรงไปยังโรงพยาบาล โรงพยาบาลที่ชยานีรักษาตัวอยู่ห่างจากย่านที่อยู่อาศัยของฉันประมาณสิบกิโลเมตร ถ้าหากฉันวิ่งไป เกรงว่าจะต้องวิ่งจนขาหัก แต่ฉันไม่เคยคิดมากถึงเรื่องนี้เลย! เมื่อฉันรีบวิ่งไปอย่างไว เป็นเพราะโดยปกติแล้วฉันไม่ค่อยอกกำลังกาย ไม่ได้วิ่งมาสักพัก จึงไม่ค่อยมีแรงแล้ว แต่ว่าแอพฯเรียกรถก็ยังไม่มีการตอบรับ ฉันยังคงพยายามวิ่งอย่างหนัก มันช่างเป็นสิ่งที่เลวร้ายจริงๆ คืนวันนี้ ไม่มีแม้แต่รถสักคันบนถนน ท้องฟ้าเหมือนเป็นผืนสีดำขนาดใหญ่ ไม่มีดวงดาว ไม่มีแสงจันทร์ ฉันไม่รู้ว่าตัวเองวิ่งอยู่นานเท่าไหร่ ในที่สุด ก็มองเห้นลำแสงสองลำส่องผ่านถนนที่มืดมิด โฉบเข้ามาในทิศทางของฉัน! “จอดรถ! จอดรถ!” ในชั่วขณะนั้น ฉันไม่คิดอะไรเลย รีบตรงไปที่ด้านหน้าของรถทันที! คืนนี้มืดมาก รถคันนั้นต้องเข้ามาใกล้ฉันมากถึงจะเห็นฉัน! เสียงเบรกนั้นแผดเสียงดังลั่นโดยเฉพาะในคืนที่มืดมนเช่นนี้ แต่รถคันนั้นยังไม่สามารถเบรกได้ เสียงดัง “ปัง” กระแทกบนตัวฉัน ทำให้ทั้งตัวของฉันปลิวไปด้านหลัง! แต่โชคยังดีที่เขาเบรกได้แล้ว ฉันเลยไม่ได้ถูกชนแรงจนไปไกลมาก คนๆนั้นรีบลงมาจากรถ และถามว่า “คุณไม่เป็นไรใช่ไหม?” ถึงแม้ว่าขาจะเจ็บ แต่ในเวลานี้ฉันไม่มีเวลามาสนใจเรื่องของตัวเอง ฉันเดินกะโผลกกะเผลกไปข้างหน้า แล้วพูดอย่างโศกเศร้าว่า “คุณผู้ชายคะ ขอร้องล่ะค่ะ ส่งฉันไปที่โรงพยาบาลระดับ2ด้วยเถอะค่ะ” ขณะที่ฉันเดินเข้าไปใกล้คนขับรถคนนั้น เขาก็ตะโกนเรียกฉัน”ณิชาเหรอ?” “พี่จรณ์?” ใครจะคาดคิดว่า เมืองดรัลที่กว้างใหญ่ ในค่ำคืนนี้ที่ฉันได้พบก็คือจรณ์ เขาย่อตัวลงตรงจดูขาของฉัน แล้วถามอย่างกังวลมากกว่าเดิมว่า “เธอไม่เป็นไรนะ? ดึกขนาดนี้ทำไมเธอ…” “ไปส่งฉันที่โรงพยาบาลระดับ2ได้ไหมคะ?” ฉันขัดจังหวะคำพูดของเขา “ขอร้องคุณล่ะค่ะ!” “ได้ เธอขึ้นรถเถอะ” จรณ์ก็ไม่พูดอะไรมาก เปิดประตูที่นั่งข้างคนขับให้ฉัน เมื่อนั่งบนรถแล้ว ฉันพูดอย่างซาบซึ้งใจว่า “คิดไม่ถึงจริงๆว่าจะได้พบคุณที่นี่ ฉันเกือบจะหมดหวังอยู่แล้ว” “เมื่อตอนเย็นโรงพยาบาลของเราได้รับคนไข้เด็กที่กลืนสารกันบูดเข้าไปน่ะ พ่อแม่ของเด็กตื่นตระหนกมาก ฉันเลยต้องอยู่ปลอบใจพวกเขา เด็กเพิ่งจะออกมาจาห้องฉุกเฉิน และกลับไปที่ห้องผู้ป่วย ฉันก็เลยกลับอกมา” จรณ์หันมาอธิบายกับฉัน “อ้อ” ฉันค่อยๆพยักหน้า บางทีอาจเป็นเพราะวิ่งมาเป็นเวลานาน อารมณืโศกเศร้าภายในใจเมื่อสักครู่นี้จึงกลายเป็นรู้สึกชาขึ้นมา ดูเหมือนว่าจรณ์เองก็เห็นว่าฉันไม่ให้ความสนใจมากนัก จึงไม่พูดต่อ แล้วก็ไม่ถามว่าทำไมฉันถึงไปที่โรงพยาบาลระดับ2 เมื่อไปถึงที่นั่น ฉันกกล่าวคำว่า “ขอบคุณ” แล้วรีบพรุ่งตรงเข้าไปในโรงพยาบาล ในเวลานี้ ห้องโถงของโรงพยาบาลมีผู้คนมากมาย นอกจาก ปณัย ชวลัย จิณณาแลวยังมีสามีและลูกชายของโรศนี รวมถึงคนอื่นๆของบ้านจันทร์ด้วย แล้วก็ยังมีหมอ และตำรวจ ฉันอยู่ที่เขตด้านนอกมองเห็นโรศนีเป็นผู้รับผิดชอบกำลังคุยอะไรกับหมอ ฉันแทรกเข้าไป ฟังอย่าละเอียดถี่ถ้วนถึงเข้าใจว่า โรศนีที่กำลังคุยกับหมอนั้น การตายของชยานีเกิดจากอุบัติเหตุทางการแพทย์ของทางโรงพยาบาล ดังนั้นจะต้องชดใช้ เพาะว่ามีตำรวจอยู่ จึงไม่มีการโต้เถียงเสียงดัง จึงเป็นเพียงแค่การตั้งสมมติฐานเท่านั้น ฉันมองไปรอบๆ จึงเห็นเตียงแบบมีล้อจอดทิ้งไว้ตรงมุมทางเดินของตึก มีร่างหนึ่งนอนอยู่และถูกปกคลุมด้วยผ้าขาว ทุกคนล้วนแต่ไปโต้เถียงเรื่องการจ่ายเงินชดเชย ร่างของชยานีถูกทิ้งให้อยู่เพียงลำพัง และคลุมทิ้งไว้โดยไม่มีใครสนใจ ฉันเดินเข้าไป และยืนอยู่ตรงกลางระหว่างหมอกับโรศนี แล้วพูดกับเธอว่า “คุณยายตายแล้ว! ทำไมพวกคุณไม่คิดถึงเรื่องหลังจากนี้ก่อน นี่มันใช่เวลาที่จะรีบมาต่อรองเรื่องค่าชดเชยเหรอคะ?” ฉันพูดจบ ทุกคนต่างหันมาทางฉัน มุมปากของโรศนีนั้นแทบจะคว่ำลงไปถึงคาง ดวงตากลมโตอย่างมาก “เธอพูดอะไรน่ะ? ต่อรองค่าชดเชย?เธอเป็นบ้าไปแล้ว! ตอนนี้ไม่พูดให้ชัดเจน ใครจะรอจให้คนเผาไปแล้วค่อยพูดล่ะ? ถึงเวลานั้นเธอจะมีหลักฐานเหรอ?” “ฉัน…” “รีบๆหลบไปเลย อย่ามาสร้างปัญหาที่นี่!” ฉันไม่พูดอะไร จึงถูกโรศนีผลักให้หลบไปอีกด้าน พอเงยหน้าขึ้น ฉันจึงมองเห็นคนของบ้านจันทร์มองมาที่ฉัน ด้วยการแสดงออกที่แตกต่างกัน แต่จากการกระทำของพวกเขาฉันรู้ว่า พวกเขากำลังรอให้โรงพยาบาลชดใช้เงิน หลังจากนั้นก็วาดหวังว่าทุกคนจะได้รับประโยชน์จากเงินก้อนนี้ 
已经是最新一章了
加载中