ตอนที่28 เสียงร้องไห้ของเยนหนาน   1/    
已经是第一章了
ตอนที่28 เสียงร้องไห้ของเยนหนาน
ตอนที่28 เสียงร้องไห้ของเยนหนาน ฉันสงสัยว่าจะหาเขาเจอได้อย่างไร คิดไม่ถึงจริงๆว่าตอนนี้ข้างนอกอยู่ๆก็เกิดลมพายุขนาดใหญ่มันถูกปกคลุมไปด้วยใบไม้และฝุ่นราวกับจะทะลุกระจกเข้ามา ฉันกลัวโดนลูกหลง ฉันอดไม่ได้ที่จะด่านี่มันลมบ้าอะไรกัน พายุชัดๆ ฉันรีบยืนขึ้นคิดที่จะปิดหน้าต่างแต่ว่าข้างๆหูของฉันก็ได้ยินเสียง”คิคิคิ......คิคิคิ...” เสียงหัวเราะที่แปลกประหลาดนี้จงใจพัดมาเข้าหูฉัน ชัดเจนว่าการกระทำแบบนี้ไม่ใช่คนแน่นอน ฉันอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วและเหลือบมองซูหลิน เขาคงจะเจ็บหนักก็เลยนอนไม่ได้สติแต่ทว่าก็ยังคงพลิกตัวและใบหน้าก็เต็มไปด้วยความเจ็บปวด แล้วนี่มันคืออย่างไง ตอนที่ฉันเบนความสนใจจากซูหลินมองไปที่หน้าต่างฉันตกใจทันที เมื่อกี้ท้องฟ้าออกจะสว่างสดใสทำไมแป๊บเดียวถึงได้มืดลงเยอะขนาดนี้ “ซูหลิน ตื่นสิซูหลิน....” ฉันเริ่มกลัว แต่ทว่าไม่ว่าฉันจะเรียกยังไง ซูหลินก็ไม่ยอมตื่นและที่หนักกว่านั้นคือเหมือนว่าซูหลินจะถูกพลังนั่นโจมตีหรืออาจจะพูดได้ว่ากำแพงเวทมนต์ที่ซูหลินสร้างไว้ข้างนอกสำนักจะถูกโจมตีด้วยอะไรบางอย่าง ดังนั้นซูหลินเองก็เลยได้รับผลกระทบไปด้วย…. ฉันรีบไปข้างหน้าเพื่อดูอาการบาดเจ็บของซูหลิน และในตอนนี้ปู่ของซูหลินรีบร้อนวิ่งเข้ามาพร้อมกับยาจีนหนึ่งถ้วย เขาเอายากรอกเข้าปากของซูหลินไปและไม่หยุดที่จะบ่นไป “ไม่ให้แกเรียนวิชาศาสตร์มืดเหมือนพ่อก็ไม่ยอมฟัง...” ซูหลินดื่มไปอวกไป ทั้งหมดนั่นก็นับได้ว่าดื่มไปแค่นิดเดียว ฉันถึงได้วางใจแต่ว่าฉันก็ได้พบกับเรื่องใหม่นั่นก็คือชายชราที่ดูใจเย็นนิ่งเฉยคนนี้ไม่มีฝีมือหรือพลังอะไรเลย ! “คุณปู่ใช้ผ้ายันต์ของซูหลินพวกนี้เป็นไหมคะ ? ฉันไม่มีจิตใจจะเดาอีกต่อไปก็เลยถามขึ้นมา “สิ่งนี้คือพ่อของซูหลินพาเขาไปเรียน ฉันเป็นแค่หมอยาจีนรักษาคน และก็ไม่มีทางที่จะใช้เรื่องเหล่านี้เพื่อหลอกคน ! " คำพูดของชายชราฟังดูน่าหลงใหล แต่พอมาหยุดอยู่ในหูฉันกลับฟังดูเปลี่ยนไป ฉันหมดหวังแล้วจริงๆ ก็ตอนนี้มีศัตรูอยู่ด้านนอกนั่นแต่คนที่จะไปต่อสู้กับเขากลับไม่มีเลย..... ฉันนึกว่าคุณปู่ต้องเป็นนักบวชที่เก่งกว่าซูหลินแน่นอน แต่คิดไม่ถึงว่าฉันจะคิดผิด ช่างมันเถอะ แค่พวกเราไม่ออกไปก็ไม่เป็นไรแล้วมั่ง ! ฉันจะลุกไปปิดผ้าม่าน บนหน้าต่างกลับมีภาพหน้ามีที่ชั่วร้านปรากฏขึ้น! นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันเผชิญใกล้จ้าวซิ้วขนาดนี้ ฉันตกใจทรุดลงบนพื้น “คิคิคิ.....คิคิคิ......” พอเห็นท่าทางกลัวของฉัน จ้าวซิ้วยิ่งดูชอบใจเธอยกมือและเงยหน้าขึ้นแล้วหัวเราะ “เฉินน่อ เธอรู้ตัวใช่มั้ยว่ากำลังทำอะไรอยู่ขนาดซูหฃินยังทำอะไรฉันไม่ได้ เธออยากจะรับรู้รสชาติของความตายใช่มั้ย....แต่ถ้าหากวันนี้เธอเอาตัวไป่เวยเวยมาให้ฉัน ฉันก็จะไม่ฆ่าเธอ....” ฉันฟังเสียงพิลึกของจ้าวซิ้วและบังคับให้ตัวเองใจเย็นลงฉันแอบมองไปรอบๆในห้องนี้ไม่มีแม้แต่เงาของไป่เวยเวย ชายชราไม่มีท่าทีที่จะกลัวเลยแม้แต่นิด เขาแอบกระซิบเสียงต่ำบอกว่า “ไป่เวยเวยพึ่งดื่มยาจีนของฉันไปตอนนี้ยังหลับอยู่” ไป่เวยเวยไม่ตื่นขึ้นมาก็ดีจะได้ไม่ต้องมารับรู้เรื่องน่ากลัวเรื่องใหม่นี้ ฉันไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงดีก่อนอื่นต้องเบื่องเบนความสนใจของจ้าวซิ้วและถ่วงเวลาไว้ “จ้าวซิ้ว เธอตั้งใจไว้แล้วใช่มั้ยไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็จะต้องให้หญิงสาวทั้งสามคนไม่มีชีวิตอีกต่อไป ?ถึงแม้วิญญาณจะแตกสลายไป จ้าวซิ้วลอยไปลอยมาอยู่ตรงหน้าต่างและยิ้มอย่างเยือกเย็น “โอะ ? ดูเหมือนว่าเธอจะเข้าใจแล้วว่าสัญญาตายที่ฉันพูดไปทั้งหมดแล้วสินะ ใช้ ฉันเกลียดพวกมัน คนแบบพวกมัน จ้าวซิ้วยิ่งพูดยิ่งดูตื่นเต้นและเหมือนจะยิ่งมีแรงทะลุหน้าต่างเข้ามา ฉันกำกำปั้นของฉันแน่นและยืนขึ้นจากพื้นพยายามใจเย็นลง “ถ้าอย่างนั้นเธอรู้หรือไม่ว่ากฎของสัญญาตายคือนอกจากคนที่ถูกเขียนชื่อลงไปแล้ว ก็ไม่สามารถฆ่าใครได้ทั้งนั้น ? “ พูดถึงตรงนี้ฉันติองตั้งใจทำเสียงดัง อย่างที่คาดเอาไว้จ้าวซิ้วเบิกตากว้างและเกาะอยู่บนหน้าต่างด้วยความประหลาดใจพร้อมกับตะโกนใส่ฉัน “เธอพูดอะไร! ทำไมฉันถึงไม่รู้! “ “เหอะๆ....เธอก็ต้องไม่รู้อยู่แล้ว คนที่กระตือรือร้นที่จะแก้แค้นอย่างเดียว เอ๊ะไม่ใช่สิเป็นผีต่างหาก จะมีจิตใจที่จะสนใจกับสิ่งเหล่านี้ได้ยังไง! ? “ ไม่รู้ว่าซูหลินตื่นขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่และชายชราก็ช่วยเขาลุกขึ้นมานั่ง ในใจฉันรู้สึกหมดหนทาง ซูหลินคนนี้เห็นได้ชัดว่าเขาอ่อนแอเช่นนี้ แต่ก็ยังอดไม่ได้ที่จะดื้อรั้น เพื่อให้ซูหลินเก็บแรงเอาไว้ ฉันรีบหาคำพูด “ใช่ เธอไม่ได้สนใจเรื่องนี้ แต่ว่าอย่างน้อยเธอเองก็น่าจะรู้ไม่ว่าจะโดยเจตนาหรือไม่ตั้งใจแค่เธอฆ่าคนที่ไม่ได้อยู่ในรายชื่อสัญญาตายก็เป็นโมฆะ ก็พูดได้ว่าตั้งแต่ไป๋หย่าถิงตายไปสัญญาตายของเธอก็ไม่ได้มีผลอะไรแล้ว” พูดถึงตอนนี้หน้าซีดของจ้าวซิ้วแสดงอาการเจ็บปวด เธอยกมือที่มีเล็บยาวกุมหัวตัวเองแน่นและร้องโหยหวนในความมืดราวกับหมาป่าที่กำลังจะตาย “ทำไมถึงเป็นแบบนี้....เพราะอะไรถึงเป็นแบบนี้....อา...” พอเห็นภายนอกของจ้าวซิ้วดูเจ็บปวดทนไม่ได้แบบนี้ ในสมองของฉันจู่ๆก็คิดอะไรออกราวกับสายฟ้าที่ฝาดลงมา ฉันรีบหันไปมองซูหลินเพราะว่าฉันพบว่าจ้าวซิ้วอยู่ข้างนอกตั้งแต่ต้นจนจบไม่มีทีท่าว่าจะเข้ามา หรือว่าจ้าวซิ้วจะมาที่นี้เพื่อแค่มาขู่พวกเราเฉยๆ ไม่ ฉันคิดว่าไม่ใช่ เหตุผลที่จ้าวซิ้วมาที่นี่ยังไงก็ต้องมาฆ่าไป่เวยเวยแน่ๆ แล้วทำไมเธอถึงไม่เข้ามา? ตามปกติแล้วตอนนี้ทั้งสำนักก็ไม่มีใครที่พอจะเป็นคู่ปรับเธอได้ ถ้าเธอคิดจะฆ่าไป่เวยเวยจริงๆเธอก็คงเข้ามาแล้วและไม่ใช่แค่ไป่เวยเวยพวกเราทั้งหมดก็คงจะถูกฝังไปด้วย แต่ว่าจนถึงตอนนี้จ้าวซิ้วก็ได้แค่อยู่นอกหน้าต่างหรือนี่จะหมายความว่าห้องนี้มีพลังบางอย่างที่ทำให้จ้าวซิ้วเข้ามาไม่ได้? หลังจากที่ฉันบอกความคิดของฉันให้ซูหลินฟัง ซูหลินถึงจะคิดได้ว่าสำนักนี้พ่อของเขาเป็นคนเลือกที่ตั้ง และพ่อของเขาก็เป็นซินแสที่มีชื่อเสียงและเป็นไปได้ว่าฮวงจุ้ยที่นี่อาจจะมีสิ่งลี้ลับอยู่! แน่นอนว่าหลังจากที่ฉันเดาเสร็จ ฉันไม่อยากเห็นแม้แต่เงาของจ้าวซิ้วก็เลยรวบรวมความกล้าไปที่หน้าต่างและลากผ้าม่านปิด เสียงร้องโหยหวนของจ้าวซิ้วค่อยๆหายไปเพราะพวกเราไม่ตอบสนอง แต่ถึงอย่างนั้นจู่ๆจ้าวซิ้วก็หัวเราะและพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “เฉินน่อ เธอไม่สนใจฉันได้แล้วเธอจะไม่สนใจเพื่อนของเธอได้ด้วยมั้ย?ฮิฮิฮิ....” เสียงหัวเราะที่ชั่วร้ายของจ้าวซิ้วดังมาจากหน้าต่าง ฉันฟังแล้วก็ปวดหัว แต่ทว่าพอฉันตีหัวตัวเองเบาๆจู่ๆฉันก็ได้ยินเสียงสะอื้นเบาๆ “ หึหึหึ...” สิ่งแรกที่ฉันคิดคือ หรือว่าไป่เวยเวยจะตื่นขึ้นมาแล้ว? ฉันรีบไปที่ห้องไป่เวยเวยเห็นเธอยังคงหลับสนิทและไม่รับรู้เรื่องอะไรข้างนอกเลย ในขณะที่ฉันถอนหายใจด้วยความโล่งอก ฉันก็อยากรู้มากเหมือนกันว่าเสียงร้องไห้เป็นเสียงของใคร.... ฉันค่อยๆเดินกลับไปที่ห้องของซูหลิน แต่ว่าฉันก็รู้สึกว่ายิ่งเดินไปทางนี้ก็ยิ่งได้ยินเสียงสะอื้นนั้นดังขึ้น พอฉันเปิดประตูห้องของซูหลินฉันถึงได้มีปฏิกิริยาทันที นี่คือเสียงร้องไห้ของเยนหนาน “เยนหนาน! เธอทำอะไรกับเยนหนาน! “ ฉันรีบไปเปิดผ้าม่านที่หน้าต่างอยากจะถามจ้าวซิ้ว แต่ว่าข้างนอกหน้าต่างนั้นนอกจากความมืดแล้วก็ไม่มีอะไรเลยขนาดเงาของจ้าวซิ้วสักนิดก็ยังไม่เห็น แต่ว่าเสียงร้องไห้ของเยนหนานยิ่งดังขึ้น ฉันเลยจะทำเป็นไม่สนใจเยนหนานไม่ได้จริงๆ ฉันเปิดประตูบ้านโดยไม่สนใจเสียงห้ามของซูหลินและชายชราและบังคับตัวเองให้เดินออกมา ในความมืดฉันมองไม่เห็นทางเดินและเท้าก็ลื่นจนฉันล้มไถลลงไป จนกระทั่งฉันยืนขึ้นด้วยความเจ็บปวดของร่างกายฉันถึงคิดได้ว่าฉันเคยพักในบ้านเก่านี้สองครั้งแล้วทำไมไม่เคยเจอที่ลาดชันเลย ทันใดนั้นฉันได้กลิ่นบรรยากาศแปลก ๆ แต่คุ้นเคย เสียงสะอื้นของเยนหนานยังอยู่ข้างๆหูฉัน ฉันเหยียดมือออกและคลำไปข้างหน้าแต่ทันใดนั้นฉันก็ได้จับโดนชิ้นส่วนที่เย็นและแข็งตามสัญชาตญาณสิ่งนี้เหมือนกับก้อนหิน นี่มันเกิดอะไรขึ้นในลานกว้างนี้มีก้อนหินเพิ่มมาตั้งแต่เมื่อไหร่? ฉันไม่สนใจอะไรมาก ตัวสั่นและยังคงเดินไปข้างหน้าต่อด้านหลังเริ่มเย็นขึ้นฉันเอาแต่คิดว่าที่นี้ไม่ใช่ลานกว้างที่ฉันคุ้นเคยในบ้านตระกูลของตระกูลเฉิน ฉันไม่รู้ว่าฉันเหยียบโดนอะไรและยังไม่มีเวลาที่จะกรีดร้องก็ล้มลงกับพื้นเหมือนสุนัขเล่นโคลน กลิ่นที่คุ้นเคยนั้นยิ่งแรงขึ้น แต่ว่าฉันก็ยังไม่รู้ว่ามันเป็นกลิ่นอะไรกันแน่ เห็นได้ชัดว่าเป็นกลิ่นที่ฉันคุ้นเคยแต่ทำไมคิดยังไงก็คิดไม่ออก! เมื่อฉันใช้เส้นประสาทสุดท้ายที่อยู่ในหัวของฉันฉันคิดอย่างรอบคอบ เสียงร้องไห้ของเยนหยานจู่ๆก็ดังมาจากข้างหลังหัวฉันและพอฟังแบบนี้เหมือนว่าเยนหนานอยู่ใกล้ฉันมาก.... ฉันเริ่มมั่นใจและเชื่อในสิ่งที่หูของฉันได้ยิน ฉันใช้แรงอย่างสุดชีวิตเพื่อที่จะยืนขึ้นดีที่ข้างๆมีก้อนหินอยู่และกำลังจะยกมือขึ้นจับ ฉันสูดหายใจเข้าลึก ฉันไม่รู้ว่ามีหยดของเหลวมาอยู่บนหน้าฉันได้ยังไงและมันไหลไปตามผิวหนังของฉันจนเข้าไปในปาก ฉันรู้สึกตื่นเต้นไปหมดและมันค่อยๆชัดเจนขึ้น ฉันก็ยังไม่รู้ว่าฉันในตอนนี้เป็นอะไรไปขนาดแค่จะเอื้อมมือจับหินก่อนนั้น มือของฉันมันก็สั่นไปหมด
已经是最新一章了
加载中