ตอนที่30 ไม่มีอนาคตแล้ว   1/    
已经是第一章了
ตอนที่30 ไม่มีอนาคตแล้ว
ตอนที่30 ไม่มีอนาคตแล้ว ตอนที่จิตใจของฉันสงบลงแล้ว ทุกอย่างที่เกี่ยวกับเรื่องนี้แล่นเข้ามาอยู่ในสมองของฉันและถูกค้นพบอย่างแจ่มแจ้งในที่สุดฉันก็ค้นพบความกลัวทั้งหมดของฉันมาจากสิ่งที่ฉันเห็นและยังไม่รู้แน่ชัด ความกลัวของฉันมาจากสิ่งที่ฉันยังไม่รู้ นอกจากนี้ยังมีบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความโศกเศร้าที่แทรกซึมไปทุกลมหายใจ ฉันยืนขึ้นมาและคิดออกจนได้ว่าฉันมาที่นี่ได้ยังไง แต่ว่าฉันยังคงสับสนอยู่ ฉันได้ยินเสียงร้องไห้ของเยนหนานแบบนี้ถึงได้ออกมาจากห้องของซูหลินแล้วทำไมฉันถึงมาอยู่ในที่รกร้างแบบนี้ได้..... ข้างนอกห้องของซูหลินมันเป็นลานกว้างในบ้านชัดๆ ฉันลืมอะไรไปหรือเปล่านะ? เช่นฉันเดินออกมาจากลานกว้างแล้วก็เดินผ่านตรงไหนมาจนถึงที่นี่ ไม่ ไม่ใช่สิ ในสมองของฉันความทรงจำตรงนี้ไม่มีเลยสักนิดเดียว ถึงแม้ว่าสมองของฉันจะบอกแบบนั้น ฉันไม่สามารถตัดสินใจได้โดยพลการ แต่ว่าฉันน่าจะฟังเสียงที่ใจฉันบอก มันบอกฉันว่าฉันไม่ได้เดินผ่านที่ไหนมาจนถึงที่นี่ฉันแค่เดินออกมาจากห้องของซูหลินแค่นั้น แล้วหลังจากนั้น...... หน่วยความจำของฉันเริ่มจะเบลอ ฉันรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติทั้งหมดที่นี่เหมือนจะไม่ใช่ของจริง ฉันพยายามคิดย้อนไปและค่อยๆรู้ว่าตัวเองเดินอย่างไม่รู้ตัวมาจนถึงที่นี่โดยมาจากพื้นดินที่เป็นทะเลเลือด แต่เพราะรอบด้านเต็มไปด้วยความมืดฉันเลยมองเห็นไม่ค่อยชัดขนาดสองข้างทางที่ผ่านมาระหว่างสองที่นี่ฉันก็ไม่ได้ดู ในเวลานี้ฉันรู้สึกสงสัยอีกครั้ง พื้นที่ระหว่างทางเป็นฉันที่มองไม่เห็นหรือว่ามันไม่ได้มีอยู่กันแน่นะ? พอคิดจนถึงตรงนี้สมองของฉันก็เหมือนมีฟ้าผ่าดังเปรี้ยงและหน่วยความจำทั้งหมดที่ฉันได้ทำอะไรลงไปก็กลับมา ฉันยืนอย่างโดดเดี่ยวในพื้นที่สีแดงพื้นปูนซีเมนต์กลายเป็นสีแดงแสงสว่างของดวงไฟฟอสฟอรัสก็เป็นสีแดงขนาดตัวของฉันเองยังกลายเป็นสีแดง.... นี่ไม่ใช่วิทยาศาสตร์ แม้ฉันจะรู้ว่าเรื่องทั้งหมดที่ฉันเจอมารวมไปถึงเรื่องจ้าวซิ้วและจางเจียเย่นมันใช้วิทยาศาสตร์มาแก้ไขปัญหานี้ไม่ได้อยู่แล้วแต่ว่าทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับตัวฉันฉันกลับรู้สึกว่ามันไม่ปกติ เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้ที่จู่ๆฉันจะโผล่มาอยู่ที่นี่และได้เจอกับเรื่องเหล่านี้ นอกซะจากว่า..... นอกจากว่านี่จะเป็นของปลอม ทั้งหมดนี้มันคือของปลอม เป็นภาพลวงตาทั้งหมด! ฉันมองไปที่ดวงไฟที่ใกล้ที่สุดมันอยู่และในตอนที่ฉันกำลังจ้องมองมัน มันค่อยๆเปลี่ยนกลับจากสีแดงดำเป็นสีเดิมอย่างช้าๆ ฉันสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของตัวเอง ฉันดีใจและฉันรีบยกมือทั้งสองขึ้นมาดูก็พบว่าไม่มีเลือดอะไรอยู่บนมือและมันก็เป็นสองมือที่สะอาดอีกด้วย! ถึงข้างหน้าจะยังคงมืดสนิทแต่ทั้งหมดนี้มันเริ่มชัดเจนขึ้นมาในใจของฉัน ฉันไม่มีคราบเลือดบนร่างกายฉันใช้มือลูบไปที่หน้า ตอนที่ฉันพึ่งจะล้มลงไปบนหน้าฉันมีคราบโคลนติดอยู่และโคลนที่อ่อนนุ่มนั้นเห็นได้ชัดว่ามันไม่ใช่เลือด แต่ว่าตอนนี้ใบหน้าของฉันไม่มีเลือดขนาดคราบโคลนก็ยังไม่มี ! พอมองดูดวงไฟข้างหน้าฉันก็เกิดความคิดประหลาดฉันยื่นมือไปจับที่ดวงไฟ แต่ตอนที่มือของฉันไปโดนมันดวงไฟนี้ก็กระโดดขึ้นและลงสองสามครั้งจากนั้นก็สลายกลายเป็นชิ้น ๆ และทำให้ภาพรอบๆ ตัวฉันหายไปด้วยเช่นกัน ที่แท้ตอนที่ฉันเดินออกมาจากห้องของซูหลินฉันก็ติดอยู่ในภาพลวงตาสิ่งที่ฉันเห็นทั้งหมดมันคือของปลอม พอคิดจนถึงตอนนี้เห็นได้ชัดว่าฉันควรเริ่มต้น แต่ความกังวลที่อธิบายไม่ได้เต็มหัวใจของฉันไปหมด ฉันเริ่มเข้าใจ ถึงแม้ว่าฉันจะรู้แจ้งเรื่องทั้งหมดนี้แต่ฉันก็ยังขาดจุดที่สำคัญที่สุดไปนั้นคือฉันไม่รู้ว่าจะออกไปได้ยังไง ในตอนที่ฉันไม่ได้ทำอะไรอยู่นั้นข้างหลังฉันก็มีเสียงหัวเราะอึกทึกครึกโครม เสียงหัวเราะนี้มันทำให้เกิดเงาใหญ่ในใจฉันถึงไม่บอกฉันเองก็รู้จักดี ถึงจะได้ยินมาจากข้างหลังฉันก็สามารถรับรู้ได้ทันที เป็นจ้าวซิ้ว ! ฉันรีบหันกลับไปและจ้าวซิ้วที่สวมกระโปรงสีแดงก็ลอยอยู่บนอากาศ ถึงจะไม่มีลมแขนเสื้อและกระโปรงที่ยาวก็ลอยระริ้วหากไม่ใช่ผมยาวที่เปียกของเธอดูจะแปลกเกินไปและใบหน้าชั่วร้ายนั่นยิ่งทำให้คนตกใจฉันคิดว่านี่มันเหมือนหนังในตำนานชัดๆ “เป็นยังไงบ้างเฉินน่อเธอยังคิดที่จะช่วยไป่เวยเวยอยู่มั้ย ? “ จ้าวซิ้วไม่พูดไร้สาระกับฉันอีกต่อไป เธอแสดงจุดยืนทันทีที่มาถึง นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันเผชิญหน้ากับจ้าวซิ้วเพียงลำพังถ้าจะพูดว่าไม่กลัวก็คงจะโกหกไม่ได้ แต่ฉันก็รู้ว่าถึงจะกลัวไปก็เท่านั้นยังไงบรรยากาศมันก็ยังต้องเป็นแบบนี้ ฉันพยายามยืนอย่างมั่นคงและตระโกนไปที่จ้าวซิ้ว “จ้าวซิ้ว เธออย่าเสียแรงเปล่าเลยเธอก็รู้อยู่แล้วว่าสัญญาตายมันไม่ได้ผลเป้าหมายของเธอมันเป็นไปไม่ได้แล้ว ! “ พอพูดถึงตอนนี้ฉันก็อยากจะพูดอะไรบางอย่างแต่ฉันพบว่าการแสดงออกของจ้าวซิ้วเปลี่ยนไป ดวงตาของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดงดุร้าย ริมฝีปากสีแดงเลือดกำลังสั่นเพราะอารมณ์โกรธถึงขีดสุด “เธอหยุดพูดได้แล้ว ! ฉันรู้แล้ว ! แต่ฉันก็ทำอะไรไม่ได้ยังไงฉันก็จะให้พวกมันตาย ! และเธอจะยอมหยุดหรือจะยอมตายไปด้วยกันกับพวกมัน ! นี่เป็นโอกาสสุดท้ายของเธอ......” ฟังจากคำพูดของจ้าวซิ้วฉันไม่รู้ว่าความกล้ามาจากไหนฉันหัวเราะลั่น “จ้าวซิ้วจริงๆ เธอก็ตายไปแล้วทำไมเธอถึงไม่ละทิ้งอดีตเพื่อไปเกิดใหม่ ชาติหน้าเธออาจจะมีชีวิตที่ดีกว่านี้ก็ได้” “ดีกว่า ? ยังไงถึงจะดีกว่า ? “ พูดถึงตรงนี้จ้าวซิ้วก็หัวเราะขึ้นมา “ ฉันไม่ต้องการมีชีวิตที่ดีกว่าเดิม ฉันต้องการแค่ให้พวกมันตาย....ฮ่าฮ่าฮ่า......” “บ้า ฉันว่าเธอบ้าไปแล้ว...ถึงว่าเธอฆ่าคนไปมากมายแต่ศีลธรรมในจิตใจกลับไม่รู้สึกละอายสักนิด ! “ พอพูดจบฉันก็รู้สึกเสียใจนิดหน่อย นี่ฉันกำลังทำอะไรอยู่ คุยเรื่องศีลธรรมกับปีศาจ? คนที่บ้าจริงๆแล้วมันคือฉันต่างหาก..... และแล้วจ้าวซิ้วก็พูดประโยคเดียวกับฉันออกมา “ศีลธรรม? ตั้งแต่ที่จางเจียเย่นฆ่าฉันตายฉันก็ไม่มีหัวใจแล้วจะเอาศีลธรรมที่ไหนมา....ฮ่าฮ่าฮ่า....” จนตอนนี้ฉันไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดีภายในใจเกิดความขัดแย้ง ฉันควรจะแกล้งทำเป็นเชื่อเธอแล้วก็ใช้โอกาสนี้หาทางออกจากภาพลวงตานี่ดีไหมนะหรือว่าจะต่อว่าเธอเหมือนที่ฉันเคยทำมาตลอด? คำตอบนั้นชัดเจนแต่คำพูดกลับออกจากปากไปแล้วฉันคงตีหน้ามาพูดจานุ่มนวลกับเธอไม่ได้แล้ว ตอนนี้ฉันอยากตบตัวเองหลายๆครั้ง....ฉันไม่อยากจะเชื่อฉันอยู่ในช่วงเวลาที่สำคัญแบบนี้ นี่มันบ้าไปแล้ว.... “อืม ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ยอมแพ้สินะ ถ้าอย่างนั้นก็ดี เฉินน่อตอนนี้เธอก็ไปอยู่กับจ้าวเชียวเพื่อนของเธอได้แล้ว.....ตอนนี้สัญญาตายของฉันก็ได้ล้มเหลวไปแล้วถ้าอย่างนั้นฉันก็จะฆ่าเพิ่มอีกสักคนจะเป็นไรไป ฮ่าฮ่าฮ่า.......” คำพูดของจ้าวซิ้วยังไม่ทันจางหายไป แขนเสื้อของเธอเหมือนจะได้รับคำสั่งให้พุ่งเข้ามาหาฉัน แต่ว่ายังดีที่จ้าวซิ้วอยู่ไกลจากฉันมากถึงแขนเสื้อเครื่องกลนั้นจะเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็ยังหลบได้ทัน แต่ก็ไม่นานพอ มือของฉันก็อ่อนแรงลงหลังจากที่หลบได้สองสามครั้งร่างกายก็เริ่มไม่มีแรงและค่อยๆเคลื่อนไหวช้าลงแต่ทว่าจ้าวซิ้วไม่ใช่คนปกติความเร็วของเธอไม่มีทีท่าว่าจะลดลงกลับกันมันยิ่งเร็วขึ้น เร็วมากและฉันก็ถูกแขนเสื้อสีเลือดบีบรัดที่คอ ฉันรู้สึกถึงแขนเสื้อที่บีบรัดบนคอฉันก็คิดว่ามันเป็นเหล็กหยาบที่แข็งกร้าว สัมผัสที่เย็นเฉียบเหมือนเถาวัลย์ที่มีเมือกติดอยู่ในป่าฝนเขตร้อนที่เต็มไปด้วยกำลังฆ่าและความน่าขยะแขยง ฉันถูกจ้าวซิ้วค่อยๆ พาขึ้นไปบนอากาศและเริ่มหายใจลำบากสองมือก็จับอยู่ที่ผ้าสีแดงพยายามทำให้ตัวเองหายใจได้ราบรื่นขึ้น “จ้าวซิ้วเธอฆ่าฉันไม่ตายหรอก ที่นี่มันภาพลวงตา...ทั้งหมดมันคือภาพลวงตา....” ฉันพยายามดิ้นรนแต่ก็ยังอยากที่จะใช้วิธีของฉันโน้มน้าวจ้าวซิ้วและรักษาชีวิตของตัวเองไว้ “โอ้ คิดไม่ถึงเลยว่าเธอจะฉลาดขนาดนี้ถึงจะรู้ว่าทั้งหมดนี้คือภาพลวงตาแต่ว่าเธอไม่รู้ว่าฉันไม่ใช่ภาพลวงตาและสิ่งที่กำลังบีบคอเธออยู่ตอนนี้ก็เช่นกัน ! “ เสียงจางหายไปฉันก็ยิ่งรู้สึกถึงการบีบรัดที่แน่นขึ้น ฉันเข้าใจว่าจ้าวซิ้วเริ่มออกแรงแล้ว ดูเหมือนว่าเธอจะตั้งใจให้ฉันตายไปจริงๆ ! ในที่สุดฉันก็ตระหนักถึงความร้ายแรงของปัญหาดังนั้นมือและเท้าของฉันแกว่งไปมาอย่างดุเดือดและฉันรวบรวมกำลังสุดท้ายของฉันตะโกนออกไป “จ้าวซิ้วฉันจะเชื่อฟังเธอก็ได้ ฉันจะไม่ยุ่งกับเรื่องนี้แล้วโอเคมั้ย...แขกแขก....เธอปล่อยฉันนะฉันไม่ยุ่งแล้ว......” ฉันรู้สึกโล่งที่คอฉันดีใจลึกๆ แต่ก็เสียดาย ดูเหมือนว่าจ้าวซิ้วไม่ได้ตั้งใจที่จะวางฉันลง “ฉันไม่ได้หมายถึงให้เธอเชื่อฟังฉันแต่เธอต้องส่งไป่เวยเวยมาให้ฉัน” “ไป่เวยเวยก็อยู่ในบ้านของซูหลินไง เธอก็ไปหาเองสิ ! “ ฉันรู้ว่าจ้าวซิ้วเข้าบ้านซูหลินไม่ได้ก็เลยจงใจพูดแบบนี้ “หึ ! บ้านเก่าแก่หลังนั้นเต็มไปด้วยพลังหยินหยางและข้างล่างก็ฝังอะไรเอาไว้ไม่รู้ฉันเข้าไปไม่ได้ ! “ ฉันอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะออกมา พอฟังเสียงฉันหัวเราะจ้าวซิ้วถึงได้รู้ว่าตัวเงอโดนฉันแกล้งเธอก็เลยไม่รอช้าและออกแรงบีบคอฉันแน่นอีกครั้ง ในขณะเดียวกันเสื้อผ้าที่เหลือของเธอก็พุ่งเข้ามาหาฉันมัดมือและเท้าของฉันกางไว้กลางอากาศเหมือนกับคำว่า “ใหญ่ 大” “เฉินน่อฉันไม่คิดเลยจริงๆว่าเธอจะกล้าถึงขนาดนี้ ความตายอยู่ตรงหน้าแล้วยังจะปากแข็ง เธอรู้ไหมว่าจางเจียเย่นตายยังไง...ฮ่าฮ่าฮ่า....เขาก็ถูกฉันทำแบบนี้แล้วก็......” คำพูดของจ้าวซิ้วหยุดชะงักแล้วแขนเสื้อที่จับมือซ้ายฉันไว้ก็ออกแรงบีบแน่นจนฉันร้องออกมาดังลั่น ฉันรู้สึกว่าแขนของฉันแข็งทื่อราวกับว่าถูกฉีกจนขาดออกมา ในที่สุดฉันก็เข้าใจ ก่อนที่จางเจียเย่นจะตายก็ต้องผ่านอะไรที่เจ็บปวดขนาดนี้ ! “ตอนนี้ฉันจะฉีกแขนของเธอออกก่อนขอแค่หัวของเธอยังอยู่บนบ่าเธอก็จะยังรับรู้ได้ถึงความเจ็บปวด ถูกไหมอนาคตคุณหมอเฉินน่อ? “ พอพูดถึงตรงนี้จ้าวซิ้วเหมือนจะพึ่งคิดอะไรออกและยิ้มอย่างชั่วร้ายริมฝีปากสีแดงเลือดนั้นกว้างมากราวกับว่าจะฉีกไปถึงหูยังไงอย่างนั้น “โอะ ฉันลืมไปผ่านวันนี้ไปเธอก็ไม่มีอนาคตแล้ว เฮอะเฮอะเฮอะ......”
已经是最新一章了
加载中