ตอนที่ 108 เซ็นสัญญาอย่างลับๆ

ต๭นที่ 108 เซ็นสัญญาอย่างลับๆ ในขณะที่จิดาภาและจิรภาสกลับถึงบ้านแล้วนั้น ญาณินีก็ถึงบ้านแล้วเช่นกัน แต่ระหว่างทาง ญาณินีได้ให้เลขาของเธอหาช่องทางการติดต่อของจิดาภาให้กับเธอ และสิ่งที่เกินความความหมายนั่นคือการพบว่าประวัติของจิดาภานั้นถูกตัดออกตั้งแต่ตอนช่วงแรกๆที่เริ่มstar planเสียอีก “คุณญาณินีคะ ถูกคัดออกตั้งแต่วันแรกเลยค่ะ สาเหตุคือเป็นเพราะเธอมีข่าวลืออื้อฉาวในวงการค่ะ” “ดีเสียจริง พวกเขาจะทำอะไรกันนับวันยิ่งคล่องแคล่วขึ้นทุกทีแล้ว” ญาณินีหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา “เรื่องคืนนี้ไม่ต้องบอกให้ใครรู้นะ โดยเฉพาะจงกลและคมสร เข้าใจไหม?” “ทราบค่ะ คุณญาณินี เดี๋ยวฉันจะส่งเบอร์โทรติดต่อของคุณจิดาภาให้คุณตอนนี้เลยนะคะ” มิน่าล่ะ เธอรู้สึกว่าคืนนี้ท่าทางของคมสรดูแปลกไปจากเดิม แม้กระทั่งสร้างเรื่องที่จิดาภาเซ็นสัญญากับทางKBมาหลอกเธอ เขาจะคิดถึงความรู้สึกเดิมๆระหว่างเขากับจงกล เธอไม่ได้สนใจอยู่แล้ว แต่เธอไม่คาดหวังให้ลูกน้องของตัวเองทำอะไรเองโดยที่ไม่รายงานกับเธอแบบนี้! ถึงเวลาที่จะต้องสร้างกฎเกณฑ์ในบริษัทเสียแล้ว หลังจากที่เธอได้เบอร์โทรศัพท์ของจิดาภาแล้วนั้น จึงกดโทรออกไปหาจิดาภาอย่างไม่ลังเล “สวัสดีค่ะ คุณจิดาภา ฉันญาณินีเองนะ ต้องขอโทษด้วยนะคะดึกป่านนี้แล้วแต่ยังโทรมาหาคุณอีก แต่ฉันมีเรื่องอยากจะคุยกับคุณให้เร็วที่สุด ไม่ทราบว่า คุณประสงค์ที่จะมาพัฒนาไปกับทางโอเลหรือเปล่า...” เมื่อได้ยินเสียงจากปลายสาย จิดาภารู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก นึกไม่ถึงเลยว่าคุณญาณินีจะเป็นฝ่ายโทรมาหาเธอก่อนเช่นนี้! หรือว่าจะโทรมาขอเซ็นสัญญากับเธอ! ความโชคดีเช่นนี้กำลังจะหล่นลงมาที่เธอแล้วอย่างนั้นหรือ “ขอบคุณที่มองเห็นความสำคัญของฉันนะคะคุณญาณินี” “จริงๆแล้วฉันมีความคิดนี้มาตั้งนานแล้วค่ะ แต่ดันไปเข้าใจผิดว่าคุณจะเซ็นสัญญากับทางKB เลยเสียเวลามานานขนาดนี้เลย จนมาวันนี้นี่เองที่ฉันได้ยินจากปากของทางคุณธรรศที่ว่าคุณไม่ได้เซ็นสัญญากับเขา” “คุณยอมที่จะเซ็นสัญญากับทางโอเลไหมคะ?” ญาณินียังไม่ทันได้รอคำตอบของจิดาภา ก็กล่าวเพิ่มเติมขึ้นอีกว่า “ก่อนหน้านี้เรื่องที่ประวัติของคุณถูกคัดออกไป เป็นความผิดพลาดตกหล่นของการทำงานภายในบริษัทฉันเอง ต้องขอโทษด้วยนะคะ” ดูเหมือนว่า ญาณินีจะรู้เรื่องแล้ว “คุณญาณินีคะ ฉันยินดีเป็นอย่างมากค่ะ ฉันยินยอมที่จะเซ็นสัญญากับทางโอเลอย่างแน่นอนค่ะ” “ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้เรานัดเจอคุยรายละเอียดกันนะคะ...” เมื่อวางสายไปแล้วจิดาภาจึงรีบวิ่งไปกอดจิรภาส “คุณจิรภาสคะ ฉันดีใจจังเลยค่ะ!” ญาณินีรู้เรื่องที่ลูกน้องเธอต่อหน้าทำอย่างลับหลังเธอทำอีกอย่างแล้ว แต่ไม่นึกเลยว่าคุณธรรศจะเป็นคนช่วยเธอไว้พอดี ต่อไปทั้งคมสรและจงกลจะอยู่ที่โอเลได้อย่างลำบากแล้ว ญาณินีจะทนกับพฤติกรรมเช่นนี้ของพวกเขาได้อย่างไรกัน “คุณญาณินีโทรมาให้ฉันค่ะ เธอบอกว่าเรื่องที่ประวัติถูกคัดออกไปนั้นเป็นความผิดพลาด เธอตั้งใจจะเซ็นสัญญากับฉันอยู่ก่อนแล้ว ฉันสามารถเข้าไปอยู่ในโอเลได้แล้วค่ะ!” เธอยิ้มออกมาด้วยความดีใจ แล้วจูบเขาอย่างกระตือรือร้น “แล้วพวกคมสรล่ะ?” จิรภาสมองเธออย่างเอ็นดู “คุณญาณินีน่าจะปิดเรื่องนี้ไว้เป็นความลับก่อนค่ะ ฉันเดาว่า เธอคงจะหาทางจัดการกับคนพวกนั้นอีกทีค่ะ” จิรภาสพยักหน้าเป็นการตอบรับว่าเข้าใจ ไม่ว่าจะเป็นผู้บริหารสูงสุดของบริษัทไหน ก็คงจะทนเห็นลูกน้องทำเรื่องแบบนี้ไม่ได้อยู่แล้ว ทนได้หนึ่งครั้ง ครั้งต่อไปก็คงจะส่งผลกระทบต่อบริษัทอย่างแน่นอน เรื่องแบบนี้จะต้องได้รับการจัดการอย่างเข้มงวด มิเช่นนั้นก็จะเป็นการหาเรื่องใส่ตัว “รอให้คุณได้เข้าไปอยู่ที่โอเลก่อน มีหลายๆอย่างที่จะต้องจัดการกันใหม่นะ อย่างเช่น ผู้จัดการส่วนตัวคนใหม่ของคุณ......” “จริงด้วยสินะคะ พอถึงตอนนั้น ฉันอาจจะไม่ค่อยมีเวลาอยู่บ้านเท่าไหร่ ถ้าฉันคิดถึงคุณ ฉันจะทำอย่างไรดี?” จิดาภาพิงไปที่หน้าอกของเขาอย่างอ้อนๆ จิรภาสหัวเราะออกมา “วางใจได้เลยครับ ไม่ว่าตอนไหน ถ้าคุณคิดถึงผม ผมจะไปปรากฏตัวอยู่ข้างๆคุณทันที ต่อให้ไกลสุดขอบฟ้า หรือมีอุปสรรคมากขนาดไหนผมก็จะไปหาคุณ” “จริงหรือคะ?” “ผมเคยโกหกคุณหรือไงกัน....” เขากล่าว แล้วจุมพิตไปยังริมฝีปากบางนั่น ค่อยๆบรรจงจูบลงอย่างลึกซึ้ง หากเป็นเพราะเรื่องงาน ทำให้เวลาได้มาเจอกันของพวกเขาลดน้อยลง เขาก็จะเป็นคนไปหาเข้าไปใกล้เธอเอง เป็นกำลังคอยสนับสนุนให้กับเธอ นั่นเพราะเขาไม่อยากอยู่ห่างจากเธอมากกว่าที่เธอคิดไว้เสียอีก การแต่งงานของพวกเขามีแต่จะทำให้พวกเขาเปลี่ยนไปในทิศทางที่ดียิ่งขึ้น ช่วยประคับประคองซึ่งกันและกัน ชีวิตนี้คงไม่สามารถแยกออกจากกันได้แล้ว ...... เช้าวันรุ่งขึ้น จงกลได้รับการแจ้งข่าวล่าสุดจากสำนักงานของประธานบริษัท “คุณญาณินีแจ้งว่า star plan รุ่นนี้จะคัดเลือกทั้งหมดสองคน และอีกหนึ่งคน คุณญาณินีจะจัดการเอง” ถึงแม้ว่าจงกลจะรู้สึกสงสัย แต่นี่เป็นคำสั่งของญาณินี เธอขัดอะไรไม่ได้อยู่แล้ว ญาณินีคงจะไปขุดค้นคนใหม่มาได้แล้วสินะ ตอนนี้เองจงกลเองก็คิดไม่ถึง ว่าจะมีละครฉากใหญ่รอกำลังรอเธออยู่ ญาณินีต้องการทำให้พวกเขาตายใจ รอจนทุกอย่างลงตัวแล้ว ถึงจะค่อยเปิดตัวจิดาภา คนที่เธออยากจะเซ็นสัญญาด้วย ไม่มีทางที่จะเซ็นไม่ได้! ยิ่งไปกว่านั้น เป็นเพราะลูกน้องของเธอ เธอทนไม่ได้เด็ดขาด หลังจากที่ญาณินีกับจิดาภานัดพบกันเป็นการส่วนตัวแล้ว ทั้งสองคนรู้สึกเหมือนถูกชะตากัน พูดคุยกันอยู่เป็นเวลานาน ตอนนั้นญาณินีเองก็เป็นศิลปินหญิงที่มีความสามารถมากคนหนึ่ง จิดาภาก็เคยดูผลงานการแสดงของเธอ และยังจำมันได้ดี “คุณจิดาภา เรื่องเซ็นสัญญานี้คงต้องปิดเป็นความลับชั่วคราวก่อนนะคะ ผ่านช่วงนี้ไปฉันจะจัดงานเซ็นสัญญาให้คุณเป็นพิเศษ ยินดีต้อนรับ ดาวดวงใหม่ของโอเลนะคะ” “ถึงตอนนั้น ยังมีเซอร์ไพรส์อื่นๆอีกนะคะ....” “ได้ค่ะ ฉันจะรอดูนะคะ” จิดาภายิ้มตอบกลับไป เธอเดาว่า เซอร์ไพรส์นี้คงจะต้องเกี่ยวกับจงกลและคมสรอย่างแน่นอน “ฉันรู้ว่าคุณมีผู้ช่วยคนนึงที่อยู่กับคุณมานาน ฉันจะเซ็นสัญญากับเธอ ให้เธอเข้ามาทำงานที่โอเลด้วยนะคะ ให้เธอได้อยู่ข้างๆคุณต่อ ส่วนผู้จัดการส่วนตัว คุณมีความคิดเห็นอย่างไร?” จิดาภาตอบกลับอย่างมั่นใจ “ฉันเชื่อในการจัดการทุกอย่างของคุณค่ะ” ญาณินีอยากจะให้เธอเอ่ยปากก่อน แต่จิดาภาเองรู้สึกว่าญาณินีได้จัดเตรียมไว้ก่อนแล้ว เพียงแต่อาจจะยังไม่อยากบอกให้เธอรู้ในตอนนี้ การจัดการทุกอย่างของญาณินีไม่เพียงแต่อยากจะเปิดตัวจิดาภาอย่างยิ่งใหญ่เท่านั้น เธออยากจะลองหยั่งเชิงความสามารถของจิดาภาด้วยเช่นกัน และอีกอย่างคือเธออยากจะใช้โอกาสนี้ประกาศให้จงกลและคมสรได้รู้ว่า จิดาภาเป็นหยกที่หายาก ขาดเธอไป นั่นเท่ากับสูญเสียไพ่ใบที่ดีที่สุดไปเลย ...... หลังจากนั้นไม่กี่วัน การตรวจสอบงานstar planดำเนินไปอย่างราบรื่น ตามความต้องการจำนวนสองคน จงกลได้ตัดสินใจเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เธอหาโอกาส เรียกคมสรคุยเพียงลำพัง “ทุกอย่างดำเนินไปเกือบจำสำเร็จแล้ว ฉันต้องขอบคุณคุณนะ ที่ไม่แฉฉัน” “คุณไม่จำเป็นต้องขอบคุณ....” คมสรมองไปรอบๆ แล้วกล่าวกับเธอต่อ “ตอนนี้จิดาภารู้เรื่องที่พวกเราขัดขวางไม่ให้เธอเข้าโอเลแล้ว ผมรู้สึกว่าเธอน่าจะไม่ยอมง่ายๆ” จงกลกัดริมฝีปากตัวเอง เธอไม่เคยเห็นชื่นชมศิลปินผู้หญิงคนไหนมาก่อน “แค่คุณช่วยฉัน จิดาภาก็ไม่สามารถเข้ามาอยู่ในบริษัทเราได้แล้ว ส่วนทางคุณญาณินี คุณไม่พูด ก็ไม่มีใครรู้หรอก คมสร คุณช่วยฉันมาก็ตั้งหลายครั้งแล้ว ครั้งนี้เป็นเรื่องแค่นิดเดียวเอง....คุณคงจะไม่ทำเป็นไม่สนใจฉันหรอกใช่ไหม?” “ผมจะสนใจคุณไปทำไม? ในเมื่อคุณไม่เคยฟังที่ผมพูดเลย เรื่องของเรามันจบไปแล้ว ผมหวังว่านี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่เรามาคุยกันส่วนตัวแบบนี้” คมสรเอ่ยบอกกับเธอ จงกลกุมไปยังปลายนิ้วของเขา “ตกลงค่ะ ครั้งสุดท้าย” เธอเดินไปข้างหน้าเพียงไม่กี่ก้าว แล้วหันกลับมาพูดต่อ “ได้ยินมาจากเลขาของคุณญาณินี ว่าเธอให้คุณภพธรกลับมา ปีนั้นกว่าพวกเราจะทำให้เขาออกไปจากวงการผู้จัดการแบบเราไม่ง่ายเลยนะคะ ตอนนี้ถ้าเขากลับมา จะมีเรื่องวุ่นวายอะไรอีกไหม?” “เขาเป็นคนนอกวงการไปตั้งนานแล้ว จะมีประโยชน์อะไรกัน?” คมสรนึกถึงเรื่องเมื่อก่อน เขากลั้นความร้อนวูบๆนี้ไว้ “คุณเอาเวลาไปตรวจสอบเรื่องstar planจะดีกว่านะ ทำให้คุณญาณินีรู้ว่าในบริษัทของเรายังมีคนที่พร้อมจะฝึกฝนพัฒนาตัวเองอยู่”