ตอนที่ 110 ความวุ่นวายในวงการบันเทิง   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 110 ความวุ่นวายในวงการบันเทิง
ต๭นที่ 110 ความวุ่นวายในวงการบันเทิง จิดาภาได้ยินอย่างชัดเจน แต่เธอเพียงแค่ยิ้มเรียบๆตอบกลับไป ไม่ได้เอาคำพูดเหล่านั้นมาใส่ใจ “ไปแต่งหน้า แล้วแสดงออกมาให้ดีๆด้วยล่ะ!” จงกลกล่าวกับศิลปินทั้งสองคนนั้น เมื่อมองกลับมายังจิดาภานั้น แววตาของเธอแสดงออกถึงความระแวดระวังอย่างชัดเจน ทำไมจิดาภาถึงได้มาปรากฏตัวอยู่ที่นี่กัน! นี่จิดาภาใช้กลอุบายอะไร หรือมีอะไรเกิดขึ้นแล้วเธอไม่รู้กันแน่ “ถ้าฉันเป็นคุณ ฉันจะไม่มาที่นี่หาเรื่องให้ตัวเองลำบากใจแบบนี้หรอก ศิลปินที่ไม่มีสังกัด ก็สามารถมีสิทธิมาเข้าร่วมการถ่ายทำโฆษณาสาธารณประโยชน์แบบนี้ด้วยอย่างนั้นหรือ? ฉันจะต้องไปถามผู้กำกับเสียหน่อยแล้ว!” “แม้ว่าความสามารถของโอเลจะเป็นผู้ยอมรับจากคนหมู่มาก คุณเองก็เป็นพนักงานคนหนึ่งของโอเล ทำตัวหยิ่งผยองแบบนี้สมควรแล้วหรือคะ? ฉันคิดว่าหากเป็นคุณญาณินี เธอก็จะไม่เป็นเช่นนี้” “นี่เธอ!”จงกลจ้องหน้าจิดาภา คิดจะหาร่องรอยอะไรบางอย่างจากการแสดงออกของเธอ จิดาภาเดินมาข้างหน้าสองก้าว แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่พอจะได้ยินกันเพียงแค่สองคน “ฉันจะเข้าไปโอเลได้หรือไม่นั้น ไม่ใช่ว่าคุณจะขัดขวางหรือเป็นคนตัดสินใจได้” เมื่อพูดเช่นนี้ ทำให้หัวใจของจงกลถึงกับกระตุก สายตาจ้องมองไปตามหลังจิดาภาที่เดินเข้าไปในห้องแต่งหน้า จงกลจึงรีบกดโทรศัพท์โทรออกกลับไปที่บริษัททันที “หาข้อมูลให้ฉันหน่อย นอกจากดาวรุ่งและน้ำฝนจากstar planที่เซ็นสัญญากับเราแล้ว ยังมีคนอื่นอีกหรือเปล่า!” ทำไมจิดาภาถึงได้ดูมั่นอกมั่นใจขนาดนั้น? ใครที่เป็นคนอยู่เบื้องหลังคอยช่วยเหลือเธอกันแน่นะ! ไม่ว่าจะเป็นคำวิพากษ์วิจารณ์จากศิลปินคนอื่นๆ ไม่ว่าจงกลจะพยายามกดดันเธอมากแค่ไหน จิดาภาก็จะตั้งใจที่จะทำหน้าที่ของตัวเองให้ออกมาดีที่สุด ส่วนเรื่องอื่นนั้น เธอเชื่อว่าญาณินีจะจัดการให้เธอได้ หลังจากที่จิดาภาแต่งหน้าเสร็จแล้วนั้น ก็มายืนอยู่ตรงหน้าเลนส์ตามที่ผู้กำกับบอก ระหว่างนั้น คนทั้งคนก็ดูจะเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน ทุกๆการแสดงออกของเธอนั้นช่างเข้าถึงบทบาทเหลือเกิน เดิมทีผู้กับกำไม่ได้คาดหวังอะไรในตัวเธอนัก แต่พอเห็นภาพที่อยู่ตรงหน้า เขาจึงต้องตะโกนออกมา “กล้องหนึ่ง เตรียม!” ทุกคนมองไปยังหน้าจอหลัก จิดาภายืนอยู่ตรงฉากที่จัดขึ้นเสมือนจริง แล้วเริ่มถ่ายทำในส่วนของเธอ เพียงแค่ครั้งเดียว เธอก็เข้าใจความหมายของผู้กำกับ เธอเงยหน้าขึ้นพร้อมรอยยิ้ม ราวกับอยู่ท่ามกลางสายฝนจริงๆ ความเงียบสงบและความงามแบบธรรมชาตินั้นทำให้สร้างความประทับใจเป็นอย่างมาก ศิลปินคนที่พูดเรื่องไร้สาระเหล่านั้นพากันตกตะลึง พวกเขาพิจารณาว่าไม่สามารถเทียบกับความเข้าใจบทอย่างลึกซึ้งและความสามารถในการแสดงนี้ของเธอได้เลย ผู้กำกับยกมือ แล้วแสงไฟก็ส่องขึ้นตาม ส่องไปยังใบหน้าของเธอ และเมื่อผู้กำกับสั่งคัต จิดาภาจึงค่อยๆลืมตาขึ้น แล้วกลับคืนสู่ในรูปแบบสงบนิ่งดั่งน้ำเหมือนเดิม เธอมองไปยังพี่นัฎ พี่นัฎยกนิ้วโป้งให้เธออย่างดีใจ เธอรู้สึกชอบเวลาที่ได้เห็นจิดาภาถ่ายโฆษณาแบบนี้ ความรวดเร็วและการแสดงที่เหนือชั้นเช่นนี้นับว่าเป็นมาตรฐานของศิลปินที่ดีอย่างแน่นอน ผู้กำกับยอมรับในการแสดงของจิดาภา แต่เนื่องจากครั้งนี้เป็นโฆษณาที่จะฉายออกไปในช่วงเวลาที่สำคัญ จึงจำเป็นต้องเปลี่ยนสไตล์เป็นอีกรูปแบบหนึ่ง เดิมทีเขายังคิดว่าจะต้องเอาศิลปินคนอื่นๆมาเข้าร่วมด้วยหรือไม่ แต่ตอนนี้ดูแล้ว มีเพียงจิดาภาแค่คนเดียวก็เกินพอแล้ว ผู้กำกับจึงไปขอจิดาภาเอง และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเธอจะทำงานในส่วนที่สำคัญที่สุดส่วนนี้ออกมาด้วยความสำเร็จด้วยตัวเธอเอง “ไม่รู้ว่าคุณจะยอมถ่ายหรือเปล่า?” ผู้กำกับและรองผู้กำกับต่างมองจิดาภาอย่างคาดหวังในคำตอบของเธอ เป็นเพราะการถ่ายทำในส่วนนี้ต้องการทักษะทางการแสดงของศิลปินที่ค่อนข้างสูง จะต้องให้เธออยู่ตรงหน้าม่านสีเขียวนี้ แล้วจินตนาการว่าตรงหน้าของเธอคือทัศนียภาพที่เป็นพระอาทิตย์กำลังตกลงที่หน้าผาสูงชัน หลังจากที่จิดาภาทำความเข้าใจกับสิ่งที่ผู้กำกับต้องการแล้วนั้น จึงพยักหน้าตอบรับ “ได้แน่นอนอยู่แล้วค่ะ ถ้าอย่างนั้นฉันขอไปเปลี่ยนชุดก่อนนะคะ” “พวกเธอเอาชุดไปส่งให้ที่ห้องแต่งหน้าของเธอด้วย ต่อไปเป็นคิวของคุณดาวรุ่ง เตรียมตัวนะ” จงกลพาดาวรุ่งเดินไปหาผู้กำกับ เป็นจังหวะที่เดินผ่านชนไหล่ของจิดาภาพอดี เธอเหลียวมองจิดาภาด้วยความหงุดหงิด ทำไมจิดาภาถึงได้โชคดีขนาดนี้กัน! ในสายตาของจงกล จิดาภาก็ไม่ได้สะอาดอยู่แล้ว ในวงการนี้กว่าจะล้มลุกคลุกคลานได้จนถึงวันนี้นั้น เธอเจอมามากเหลือเกิน จิดาภาเองไม่ใช่ว่าเป็นคนที่ไม่มีประวัติไม่ดีมาก่อน เพียงแต่ยังไม่ถูกเปิดโปงเท่านั้นเอง ถึงโอเลไม่มีจิดาภาแล้วอย่างไรกัน เธอจะพิสูจน์ให้เห็นว่าศิลปินที่เธอปั้นมากับมือนั้นจะดังเสียยิ่งกว่าจิดาภาเสียอีก! “ผ.อ.บรรพตคะ นี่คือดาวรุ่งค่ะ ศิลปินใหม่ที่เพิ่งเซ็นสัญญากับทางโอเล ต่อไปการทำงานน่าจะได้เจอกันบ่อยๆ ฝากดูแลด้วยนะคะ” “ไปเตรียมตัวเถอะ” ผ.อ.บรรพตยังคงมองดูมองดูหน้าจอที่เพิ่งถ่ายจิดาภาไปเมื่อครู่ จึงตอบรับเพียงเท่านั้น จงกลจึงหันกลับไปแล้วมองไปยังทิศทางที่จิดาภาอยู่ด้วยความอิจฉา เธอบอกกับดาวรุ่งว่าจะต้องแสดงอย่างไร ในเมื่อเห็นการแสดงของจิดาภาไปเมื่อครู่แล้ว รู้ว่าผู้กำกับต้องการอะไร จึงให้ดาวรุ่งแสดงไปตามนั้นเลย แต่ดาวรุ่งเป็นศิลปินใหม่ สไตล์ของเธอไม่เหมือนกับจิดาภา ในใจเธอรู้สึกกังวลเป็นอย่างมาก เมื่อครู่จิดาภาแสดงออกมาได้ดีขนาดนั้น เธอรู้สึกกดดันเหลือเกิน “พี่จงกล ฉันตื่นเต้น...” “เธอเป็นศิลปินของโอเลนะ อนาคตจะต้องไปเดินเวทีระดับนานาชาติ แค่เรื่องเล็กๆแค่นี้ก็รับมือไม่ได้แล้วหรือ? รีบไปเตรียมตัว อย่าทำให้ฉันขายหน้านะ” จิดาภาเปลี่ยนเป็นชุดกระโปรงยาวผ้าทอสีเงิน ทรงผมก็เปลี่ยนเป็นผมยาวประบ่า ประดับด้วยขนนกเรียบง่าย ราวกับทูตแห่งสรวงสวรรค์ตกลงมาสู่โลกมนุษย์อย่างไรอย่างนั้น พี่นัฎมองอย่างละสายไปจากเธอไม่ได้เลย “ต้องความสามารถแบบเธอนี่สิ ถึงจะใส่ชุดกระโปรงนี้ได้สวยขนาดนี้ ให้พวกเขามองกันอย่างอิจฉาตาร้อนไปเลย” “พี่ว่าวันนี้จงกลคงกลับไปแบบโมโหจนแทบบ้าแน่ๆ ทำไมเขาถึงนึกไม่ออกเลยนะว่าที่เธอได้มาถ่ายทำครั้งนี้เป็นโอกาสที่ทางคุณญาณินีให้กับเธอ อีกทั้งเธอยังเซ็นสัญญากับทางโอเลแล้วด้วย รอให้เรื่องนี้ประกาศออกไปก่อนเถอะ เขาคงจะถือตัวแบบนี้อีกไม่ได้แล้ว!” “ให้เขาอยู่ในโลกของเขาเถอะค่ะ” จิดาภาพูดอย่างไม่ได้ใส่ใจอะไร ถึงแม้คู่ต่อสู้เป็นถึงผู้จัดการดังอย่างจงกลเช่นนี้ เธอก็ไม่กลัว สิ่งที่เธอต้องทำก็คือการแสดงและถ่ายทำงานนี้ให้ออกมาให้เต็มที่ ส่วนเรื่องอื่น ก็ปล่อยให้เป็นไปตามชีวิตลิขิตแล้วกัน คนที่ดูเย่อหยิ่งอย่างจงกลเช่นนี้ ไม่ช้าหรือเร็วก็ต้องล้มลงด้วยน้ำมือตัวเองอยู่ดี “ใช่! ให้เขาดีใจไปก่อนแล้วกัน” เพียงแต่ขณะที่กำลังถ่ายทำกันอยู่นั้น มีการเปลี่ยนแปลงกะทันหัน ผู้กำกับที่เห็นการแสดงอันโดดเด่นของจิดาภา แล้วจะให้เธอได้ถ่ายในส่วนสำคัญที่พระอาทิตย์ตกตรงหน้าผานั้น แต่ดันมีศิลปินหญิงอีกหนึ่งคนที่เพิ่งจะเซ็นสัญญาชื่อพบพร ที่มีเบื้องหลังเป็นคนใหญ่คนโต อีกทั้งยังมีคนคอยช่วยเหลือสนับสนุนเธอ โทรมาหาผู้บริหารระดับสูง ว่าให้เธอเป็นคนแสดงในส่วนนี้ ผ.อ.บรรพตรู้สึกลำบากใจ “จริงๆแล้วทุกคนมีความสามารถกันทั้งนั้น เพียงแต่....” “เพียงแต่อะไรกัน? จิดาภาเป็นเพียงแค่นักแสดงไม่มีสังกัด คุณรู้ไหมว่าเบื้องหลังของพบพรนั้นมีใครบ้าง?” “จิดาภาเหมาะสมกับฉากนี้จริงๆครับ” ผ.อ.บรรพตอยากจะช่วยจิดาภาพูดอีกครั้ง แต่ผู้บริหารปฏิเสธเสียงแข็ง “คุณอยากจะถ่ายอยู่ไหม!” ผ.อ.บรรพตไม่มีทางออก จึงรับปากไปเช่นนั้น เขาจึงรีบให้เจ้าหน้าที่เปลี่ยนฉาก แล้วไปขอโทษจิดาภาด้วยตัวเองที่ห้องแต่งตัวของเธอ ในวงการนี้ หลายๆคนก็สามารถสูญเสียโอกาสที่เพิ่งจะได้รับมาได้เหมือนกันทั้งนั้น ตอนที่ผู้กำกับมาปรากฏต่อหน้าเธอด้วยใบหน้าลำบากใจเช่นนั้น จิดาภาก็สามารถเดาได้แล้ว “ผมก็อยากจะช่วยคุณ แต่นี่เป็นคำสั่งจากทางด้านบน ผมเองก็ลำบากใจ” หลังจากพี่นัฎได้ยินดังนั้น เธอโมโหจนตบโต๊ะเสียงดัง “แล้วยังไง เล่นอะไรกัน จิดาภาเปลี่ยนชุดเรียบร้อยแล้วนะ แล้วจะปล่อยให้เป็นแบบนี้หรือ?” 
已经是最新一章了
加载中