ตอนที่ 48 เกิดเรื่องแล้ว
1/
ตอนที่ 48 เกิดเรื่องแล้ว
หลงรักสามีจอมปลอม
(
)
已经是第一章了
ตอนที่ 48 เกิดเรื่องแล้ว
ตอนที่ 48 เกิดเรื่องแล้ว “หม่ามี๊ ไม่ใช่นะหม่ามี๊ หม่ามี๊เป็นหม่ามี๊ที่ดีที่สุดในโลกเลยค่ะ” “ใช่ค่ะ เป็นหม่ามี๊ที่ดีดีดีที่สูดๆๆๆในโลกเลย หม่ามี๊ รอให้เราโตแล้วสามารถหาเงินได้ เงินเดือนเดือนแรกจะให้หม่ามี๊ทั้งหมดเลย” “หม่ามี๊ คืนนี้หนูเริ่มทุบไหลให้หม่ามี๊นะ” “งั้นหนูจะเอาน้ำล้างเท้าให้หม่ามี๊ค่ะ” พูดจบทั้งสองคนพลางปลอบได้อย่างสุดนัก เพ็ญนีติ์อยากเอามือมาปิดหู แต่ว่ามือทั้งสองข้างถูกอ้อยและส้มดึงไปแล้ว ไม่ยอมปล่อยสักที “หม่ามี๊ หม่ามี๊จะให้เราทำอะไรอีกคะ?เพียงแค่พูดมา เราจะยอมทำทุกอย่างเลย หม่ามี๊ หนูจะเอาแด๊ดดี๊” “หนูก็เอาแด๊ดดี๊ ไม่อยากนั้นเพื่อนๆเขาเอาแต่บอกว่าเราเป็นลูกถูกพ่อทิ้ง” “หม่ามี๊ ลูกที่ถูกพ่อทิ้งจะดื้อมากเลยใช่ไหมเอ่ย?ไม่อยากนั้น ทำไมทุกครั้งที่พวกเขาพูด เพื่อนๆทั้งห้องจะหัวเราะกันใหญ่เลย แต่คุณครูบอกว่าไม่ใช่ ครูบอกกับเพื่อนว่าห้ามพูดแบบนั้น แต่ว่าตอนที่ครูไม่อยู่ พวกเขาก็จะพูดล้อหนูและอ้อยค่ะ”ส้มเม้มปากพูออย่างลำบากขึ้นมา จมูกคัดแน่นขึ้นมาทันที เธอสามารถมองข้ามความเก่งในการอบอุ่นของพวกเขา แต่ตอนนี้เธอใจอ่อนแล้ว เธอก้มลงแล้วอุ้มขึ้นมาทั้งสองคน เอาใบหน้าสองคนมาแนบติดแก้มเธอ“เราไม่ต้องฟังว่าเขาจะพูดยังไง เราทำเป็นไม่ได้ยิน ไปกัน คืนนี้หม่ามี๊ทำซุปกระดูกหมูให้พวกหนูนะ”น้ำหนักส้มและอ้อยบอกกันได้แล้วประมาณยี่สิบโลแล้ว แต่ไม่ได้ทำให้เธอต้องลำบากอะไรแล้ว เธออุ้มทั้งสองคนขึ้นมา เพราะเธอเยชินกับน้ำหนักนี้แล้ว ส้มและอ้อยไม่พูดอะไรแล้วจริงด้วย ทั้งสองคนต่างมองหน้ากัน จากนั้นก็ลื่นลงตามร่ากายเธอ แล้วอยู่ที่พื้น มือทั้งสอแงคนพลางจับมือเธอไว้พร้อมกัน ยังไม่ยอมพูดอะไรเหมือนเดิม ความรู้สึกนั้นมีความสุขมากเลยทีเดียว กลางคืนเพ็ญนีติ์รู้สึกไม่ค่อยดี อ้อยและส้มนั้นมีซี่เซนล์ที่ดีมาก เธอตอบไปแบบนั้นก็แสดงว่าลูกที่ถูกพ่อทิ้งนั้นไม่ได้เป็นอะไรที่ดีเท่าไหร่ ห้าปีแล้ว สิ่งที่ดูไม่ได้ที่สุดคือส้มและอ้อยไม่มีความสุข พวกเขาสองคนไม่มีความสุข เธอก็ไม่มีความสุขเหมือนกัน เธอย่อลงแล้วยิ้มกับพวกเขา“งั้นอาทิตย์หน้าให้พ่อบุญธรรมไปร่วมการประชุมนะ” “จริงเหรอคะ?”อ้อยรีบยิ้มขึ้นมาทันที ใบหน้านั้นเหมือนเป็นดอกไม้บาน “จริง” “งั้นสัญญาค่ะ ไม่อยากงนั้นหม่ามี๊จะเปลี่ยนใจ” เธอยิ้มแล้วยื่นมือไปทั้งเด็กน้อยสองคน และทั้งสองฝั่งนั้นก็เอานิ้วก้อยเกี่ยวกัน“เกี่ยวก้อยสัญญาหนึ่งรอยปีไม่เปลี่ยนใจ ใครเปลี่ยนใจคนนั้นเป็น...นาง...ร้าย...” แต่เมื่อนภนต์พุ่งเข้ามาในสมองเธอ เธอก็อยากเป็นนางร้ายขึ้นมาทันที เธอไม่อยากลำบากยุ่งเกี่ยวกับเขามาก เพียงคิดแล้วเธอก็รู้สึกไม่สบายใจ เพียงเลี้ยวทีหนึ่งก็ถึงซอยนั้นแล้ว ตรงหน้ามีลุงคนหนึ่งที่กำลังแจกใบปลิว เห็นเธอเดินเข้ามาก็รีบเดินมาหาเธอ“นี่คือเจ้าของร้านที่ขายชุดคนท้องไม่ใช่รึ ใบปลิวนี้ให้เธอใบหนึ่ง มีประโยชน์กับเธอมาก” “อ้อ”เธอไม่เคยดูใบปลิวมาก่อน แต่เมื่อลุงคนนี้พูดแบบนี้แล้วจากเดิมที่ไม่อยากรับ แต่ก็รับมาเฉยๆแล้วมองไปอย่างไม่ตั้งใจ จากนั้นเธอพางอึ้งทันที ใบปลิวแจ้งซ้อมถนน ถนนสายนี้กำลังซ้อมอยู่ และต้องใช้เวลาครึ่งปี ให้ตายสิ ซ้อมถนนก็ต้องใช้เวลาครึ่งปีเลยรึ นี่มันจงใจไม่อยากให้คนทำมาหากินชัดๆ? “ขอบคุณนะลุง”เธอจูงอ้อยและส้มไปทางร้าน เพียงแวบเดียวใจเธอก็เย็นแล้ว เธอไม่สามารดีใจขึ้นมาได้อีก ไม่มีรายได้แล้วจะเอาอะไรมาเลี้ยงส้มและอ่อย เหมือนว่าเพียงดูสีหน้าก็จะรู้อารมณ์เธอได้ ส้มและอ้อยจูงมือเธอไว้โดยไม่พูดอะไรเพียงแค่จูงไปแบบนั้น “น้าน้ำ เรากลับมาแล้วค่ะ”พึ่งถึงหน้าประตูเด็กทั้งสองคนก็ดึงมือออกแล้วกระโดดไปหาน้าน้ำข้างในอย่างกับผีเสื้อ “ส้ม อ้อย รีบไปล้างมือเร็ว จะกินข้าวแล้ว น้าน้ำทำกับข้าวเสร็จแล้ว ห้าปีผ่านไป เธอก็เยชินกับชีวิตแบบนี้ เพ็ญนีติ์ได้เพิ่มงานเดือนให้เธอ ไม่ต้องให้นภนต์จ่ายอีก สามารถมีคนหนึ่งที่ดีต่อตัวเองและลูกแบบนี้ช่างเป็นแม่บ้านที่หายาก เงินของนภนต์เธอคืนไปหมดแล้ว เช็คใบนั้นของปุริมเธอก็แอบส่งไปให้ ไม่รู้ว่าเขาๆได้รับแล้วหรือเปล่า แต่เธอไม่ได้ติดต่อกับเขาเป็นเวลาห้าปีได้ เธอมีส้มกับอ้อยก็พอแล้ว พอกินข้าวเสร็จ ในใจกลับเอาแต่คิดถึงใบปลิวนั้น บอกตามจริงเลยนะ ในใจเธอรู้สึกเคร่งเครียดเลย การงานที่ทำมาห้าปี ถึงแม้ร้านไม่ใหญ่ แต่ก็มีลูกค้าประจำ และคนที่มาซื้อก็ต่างมีการแนะนำให้คนที่รู้จักมาซื้อที่นี่ เธอเลยทำร้านได้ดีมากขึ้น แต่ตอนนี้... “หม่ามี๊ทำไมหม่ามี๊ไม่กินคะ คิดอะไรอยู่?”อ้อยวางตะเกียบลง แล้วเอามือวางที่โต๊ะไปทั้งสองข้างดูเธอไว้อย่างหนักใจ“หม่ามี๊มีอะไรไรหรือเปล่าเอ่ย?” “อ้อ ไม่มีนะ”เธอยิ้ม“เราอาจจะต้องย้ายบ้านแล้วนะ” น้าน้ำอึ้ง“เพ็ญนีติ์ เปิดร้านอยู่ดีดีเลย เกิดอะไรขึ้น?” “อ้อ จะซ้อมถนนแล้ว ซ้อมถนนคนเดิน คงต้องหยุดทำการไปครึ่งปี” “ทำไมถึงเป็นแบบนี้ ซ้อมถนนกันยังไงไม่ใช่ถนนภาคเหนือที่กลัวฤดูหนาวมาแล้วจะแต่ทำไมถึงซ้อมนานขนาดนั้น ฉันว่าต้องมีปัญหาแน่นอน” เธอก็รู้สึกเหมือนกัน แต่ตอนนี้มันกะทันหันเธอก็นึกอะไรไม่ออก ภายใต้นั้นเธอต้องเลี้ยงลูกสองคนเปิดไม่ได้แล้วก็เก็บสินค้าไว้ให้ดีก่อนแล้วไปหางานทำไว้ก่อน แต่ว่าตั้งแต่จบมา เธอก็ไม่เคยทำงาน จู่ๆเธอก็รู้สึกตื่นเต้น ประสบการณ์แบบนี้ของเธอจะมีคนรับเข้าทำงานหรือเปล่า ใบปลิวการซ้อมถนนนั้นได้แจกอย่างเร็วมาก วันที่สองถนนก็ถูกปิดไปเลย เหลือให้แต่ซอยเล็กๆที่ให้แต่คนเดิน แบบนี้แล้วจะให้คนทำมาหากินกันยังไง “เพ็ญนีติ์ ได้ยินมาว่ามีคนจะซื้อพื้นที่นี้ เพ็ญนีติ์เธอจะเปลี่ยนไปเปิดร้านใหม่ไหม?”เจ้าของร้านพูดขึ้นตรงหน้าเธออย่างเคร่งเครียด และเริ่มคุยกับเธอขึ้นมา เมืองดรัลมีที่มากมาย ที่นี่ค่อนข้างนอกเมือง ก็ไม่รู้ว่าเธอชอบที่ได้ยังไง “พี่ จะมีคนมารับพื้นที่นี้จริงเหรอ?” “ฉันก็ได้ยินมานะ คงไม่ใช่แค่ข่าวลือหรอกมั้ง” เพ็ญนีติ์ก็คิดเหมือนกัน ไม่อยากงนั้นการซ้อมถนนก็ต้องใช้เวลาครึ่งปี และมีต้องมีอะไรแน่นอน ประชาชนเล็กๆอย่างพวกเธอนั้นไม่สามารถสู้กับการบอกใช้ประโยชน์ของด้านนักธุรกิจหรอก เพื่อคำว่าเงิน คนพวกนั้นสามารถไม่มีหัวใจเลยก็ได้ “เฮ้อ..”เสียงถอนหายใจ คำหนึ่งต่อคำหนึ่ง จากนั้นก็เดินก้าวออกไป นอกจากเผชิญแล้วใครก็มีวิธีที่ดีกว่าหรอก แม้แต่รายได้อาทิตย์เดียวก็ไม่มี ค่าใช้จ่ายของลูกก็สูง เมื่ออยู่ในกลางเมืองแล้วเพียงแค่เรียนอนุบาลเดือนหนึ่งก็ตั้งหลายพันหยวน สิ่งที่เธอไม่มีตอนเด็ก เธอก็อยากให้ลูกไปทั้งหมด แต่ลูกสองคนนี้ถ้าคนอื่นเป็นพันหนึ่งเขาสองคนก็จะเป็นสอพัน ไม่หาค่าเก็บในมือก็จะกินไปจนกลิ้งแน่นอน “เพ็ญนีติ์ เอาไง?”ส่งลูกไปเรียนแล้ว มองร้านก็เงียบไม่มีลูกค้า น้าน้ำนั่งลงตรงหน้าเธอแล้วถามขึ้นมาอย่างร้อนรน เพ็ญนีติ์คิดๆแล้ว สองวันนี้ไม่ได้นอนดีดีเลย เอาแต่คิดถึงการจะหาเงิน “น้าน้ำ ฉันไปขายในตลาดในพรุ่งนี้ดูเลย เอาของในตอนนี้ขายไปแบบนี้จะได้ทุนกลับมา แล้วค่อยดูว่าซ้อมถนนครึ่งปีจริงไหม ถ้าเป็นจริงฉันสามารถไปหางานได้ พอถึงตอนนั้นยังต้องลำบากน้าน้ำดูแลลูกสองคนแล้ว ”พูดไป ในใจเธอก็ไม่แน่ชัด เพราะไม่รู้ว่าเงินที่ได้มานั้นจะพอจ่ายเงินเดือนน้าน้ำหรือเปล่า ถ้าไม่พอเธอจะดูแลลูกด้วยตัวเองยังดีกว่า แต่ถ้าเธอดูแลเองก็ยิ่งไม่มีรายได้อีก ยิ่งคิดแล้วก็ยิ่งปวดหัว “เพ็ญนีติ์ หลายเดือนนี้เธอลำบาก งานในร้านก็ไม่ให้ฉันทำ เพียงแค่ทำกับข้าวให้และรับส่งเด็กๆ เธอก็จ่ายเงินเดือนครึ่งหนึ่งให้ฉันก็พอนะ”น้าน้ำเห็นความลำบากของเธอ เลยพูดอย่างเห็นอกเห็นใจ “น้าน้ำ...”คัดจมูกขึ้นมาทันที เธอตื้นตันใจมาก เมื่อคุยตกลงกันมาตามนี้แล้ว น้าน้ำรับส่งเด็กและทำกับข้าว เช้าเย็นเธอจะไปขายที่ตลาด รอให้ขายออกไปสมพอแล้วเธอค่อยไปหางาน เย็นนั้นเธอแบกถังใหญ่ไปที่ตลาดกลางคืนในกลางมือ เพราะยังไงแล้วในกลางเมืองใหญ่ขนาดนั้น คนที่เธอรู้จักไม่มาก วางขายไปแบบนั้นเลย เพียงแต่ว่าราคาที่ขายแบบนั้นก็จะสู้ทางร้านไม่ได้ เพียงแค่กดราคาลงก็จะมีขายออกไปได้ ต้องพูดจริงๆว่าบางทีเธอก็ขายตามราคาที่รับมาด้วยซ้ำ แต่คุณภาพที่เธอขายเมื่อเทียบกับสินค้าคนอื่นที่ตลาดแล้วของเธอดีมากเลยแหละ ถึงแม้จะขายเป็นราคาทุนแต่ก็ต้องแพงกว่าคนอื่นอยู่แล้ว ฉะนั้นแล้วมนุษย์เงินเดือนที่ผ่านไปนั้นส่วนมากจะมองเยอะแต่ซื้อน้อย เอาจนเธอต้องจัดอยู่ตลอดเวลา แต่กลับขายออกไปไม่กี่ตัว “คุณปุริม ตลาดนี้คนเยอะมากตลอด ถ้าจะสร้างเป็นธุรกิจการช้อปแล้วต้องมีคนใช้จ่ายไม่น้อย นี่เป็นการเลือกที่ไม่แย่เลยนะ” “บันทึกจำนวนคนเข้าออกของทุกวันออกมาด้วย ฉันต้องการเอามาเปรียบเทียบ” ระหว่างที่เพ็ญนีติ์กำลังจัดชุด จู่ๆก็ได้ยินเสียงปุริมดังขึ้นมา และทำเอาเธอต้องรีบเงยหน้าขึ้นมอง และเมื่อมองขึ้นมานั้น เลยสบตาพอดีกับสายตาเขา แววตาทั้งสองจ้องกันไว้ เธอตกใจจนรีบก้มหน้าจัดชุดที่ถูกคนอื่นค้นจนยุ่ง เพียงหวังให้เขาอย่ามองตัวเองจนชัด แต่สายตาตรงหน้ากลับมีร้องเท้าหนังปรากฏขึ้นมา ร้องเท้านั้นวาวจนไม่มีฝุ่นแม้แต่นิดเดียว ปุริมยืนตรงหน้าเธออย่างดูเหนือ “เพ็ญนีติ์ ทำไมต้องส่งเช็คกลับมาให้ผมด้วย?”ห้าปีแล้ว ที่เขายังคิดคำตอบไม่ออกสักที ถ้าตอนนั้นเธอไม่ได้จงใจอยากดึงดุดความสนใจจากเขา แล้วทำไมต้องวิ่งไปคลอดที่โรงพยาบาลเดียวกับชนิศาด้วย แต่ว่าเพ็ญนีติ์ยังจะส่งเช็คนั้นกลับมาให้เขาอีกทำไม?
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
ตอนที่ 48 เกิดเรื่องแล้ว
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A