ตอนที่ 50 ที่แท้เป็นเขาเอง   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 50 ที่แท้เป็นเขาเอง
ตอนที่ 50 ที่แท้เป็นเขาเอง ฉะนั้นแล้วตอนนี้ที่มองปุริมอยานั้น เธอมองยังไงก็ไม่ถูกตา เธออยากถีบเขาออกไป แต่กลับรู้สึกว่าไม่อยากทำเรื่องให้ใหญ่ เธอกลัวเขาจะรู้ว่าลูกเธอเป็นลูกของเขาแล้วจะวุ่นวาย อีก ทั้งอาจจะแย่งลูกเธอไปจากเธอก็ได้ นั่นเป็นคำตอบที่เธอไม่ต้องการที่สุด “หม่มมี๊ หม่ามี๊คุยกับใครค้า?เหมือนว่าเป็นผู้ชายด้วยนะ”อ้อยพูดขึ้นมา และมีน้ำเสียงที่อยากรู้มาก“หม่ามี๊ หม่ามี๊หาแด็ดดี๊ให้เราแล้วใช่ไหม?หนูไปดูว่าเป็นใครมานะ?” บนตึกนั้นมีเสียงเดินลงมาทันที ฝาแฝดนี่นา อ้อยพูดแล้วส้มก็ตามลงมาเหมือนกัน เด็กน้อยทั้งสองคนไม่ได้สนใจว่าเพ็ญนีติ์จะอนุญาตหรือเปล่า เพราะอยากรู้เกิน ถ้าหม่ามี๊หาแด็กดี๊ให้แล้วก็คงจะดีมากเลย ปุริมมองไปที่บันได พูดตามจริงนะ เขาไม่ได้มีความสนใจอะไรกับลูกของนภนต์ แต่เป็นเพราะเพ็ญนีติ์ เขาเลยอดจะมองเด็กน้อยสองคนนั้นไม่ได้ และทีนี้เอง มือถือเขาก็ดังขึ้นมา เมื่อมองเบอร์แล้ว เขารีบรับขึ้นมา“ชนิศา มีอะไรครับ?” “ดาวล้มจงมาจากบันได ปุริมคุณรีบกลับมาดูดาวเร็ว” ปุริมเร่งรีบขึ้นมา“เพ็ญนีติ์ผมค่อยมาดูลูกคุณวันอื่นนะ ชนิศาบอกว่าเกิดเรื่องนิดหน่อย ผมจะกลับไปดู”เขาพูดแล้วก็รีบวิ่งไปตรงหน้าประตู ช่างรีบร้อนเหลือเกิน เพ็ญนีติ์ไม่อยากพูดอะไรแล้ว เลยปล่อยให้เขาออกไปแบบนั้น และไม่ได้คิดว่าเขาจะมาอยู่แล้ว แต่เขาจะเข้ามาเอง แต่ว่าพอเธอได้ยินชื่อชนิศาแล้วก็ช่างคัดหูเธอจริงๆ เขามีชนิศาแล้วทำไมต้องมายุ่งกับเธออีก... เช้าตรู่พึ่งส่งอ้อยและส้มไปโรงเรียน น้าข้างร้านก็มาเรียกเธอ“เพ็ญนีติ์ เราจะไปประท้วงกัน เธอจะไปไหม?” “อ๊าก...”เธอตกใจ ไม่เคยคิดว่าจะไปประท้องอะไร คนประท้วงจากประชาชนจะชนะได้เหรอ?เธอช่างสงสัย “ฉันว่าเราทุกคนมีหน้าที่ไปประท้องนะ เพราะถ้าให้ทั้งรัฐออกใบแจ้งการปิดถนนนั้นมีผลต่อเราทุกคน” ใช่แล้ว เธอรู้แล้ว เห็นสายตาน้านั้นแล้วเธอก็รู้ว่าเธอไม่มีเหตุผลจะปฏิเสธ ถึงแม้ว่าเธอไม่แน่ใจพวกเธอจะสามารถเปลี่ยนใจทางรัฐได้ไหม เมื่อเตรียมตัวแล้วก็ไปกับคนมากมายที่เป็นกลุ่ม เธอขึ้นรถของน้าไป ไปถึงอย่างเร็วมาก คนเป็นร้อยที่ถูกยามตรงหน้าประตูรั้งไว้“พวกเธอจะทำอะไร?” “เข้าเจรจา” “มีข้อมูลแล้ว?”ยามนั้นไม่ได้แปลกอะไร แต่ยังถามขึ้นมาตามปกติ “มี”คนทั้งหลายเอาเอกสารในมือขึ้นมา“ซ้อมถนนครึ่งปี นี่เป็นเรื่องที่ไม่เคยมีมาก่อน” “ใครเป็นผู้นำตัวแทนคะ?” “พวกเราทุกคนเป็นตัวนำ”ทุกคนในนั้นเริ่มโต้แย้งกัน กลัวตัวเองจะตามไม่ทัน เพ็ญนีติ์ยืนเงียบๆอยู่กลางผู้คน เธอเป็นแค่หนึ่งในนั้นคนเล็กๆเธอไม่รู้ว่าตัวเองมีประโยชน์อะไร แต่ในเมื่อมาแล้วเธอก็จะพยายามไปสู้ “รอแป๊บนะค้า ฉันส่งเข้าไปก่อน พวกเธอรอการแจ้งลงมานะ” “ไม่ได้ นี่เธอตั้งใจยื้อเราใช่ไหม?ถ้าเราไม่รอไปวันหนึ่ง พอเลิกงานก็จะไม่มีอะไรเลย” “ไม่ครับ รอสิบนาทีก็ได้แล้ว” ได้ยี่สิบนาทีแล้วทุกคนก็ไม่ได้ต่อต้านอีก ยามเอาข้อมูลเข้าไปที่สักงาน เพ็ญก็รอกับกลุ่มคนนั้น มีความร้อนบ้าง ความร้อนแบบนี้แม้จะอยู่ในห้องแอร์ก็ต้องร้อน ยิ่งอะไรกับอยู่ที่แสงแดดแจ้งแบบนี้ สินาที จู่ๆเวลาก็เปลี่ยนเป็นลากช้าขึ้นมา ไม่ใครรู้ว่าพวกเขาจะได้เข้าไปหรือเปล่า และแล้วพวกเขาก็ยามคนนั้นเดินออกมาหน้าประตู และเดินมาหาพวกเขา เขาร้องขึ้นมา“เพ็ญนีติ์ คุณครัล เชิญพวกเธอเป็นตัวแทนเข้าไปเจรจาเรื่องได้แล้วครับ” “ฮ๊าก...”เพ็ญนีติ์ตกใจ ทำไมถึงเป็นเธอ? น้าข้างๆดันเธอ“เพ็ญนีติ์ เรียกเธอนะ รีบไปสิ มีอะไรก็พูดเลย พูดความในใจของเราทุกคนออกมาก็ได้แล้ว” เมื่อถูกคนดันให้ออกมา เธอเลยเกดินเข้าไปที่ตึกนั้นกับดรัลที่มาด้วยกัน เร็วมากพวกเธอก็มาถึงหน้าห้อง แล้วดรัลเคาะประตูไปทีหนึ่ง เพียงแค่มีโอกาสได้ทำทำธุรกิจต่อ ใครก็ไม่กลัวเสียหน้าทั้งนั้น “เข้ามา” เสียงชายหนุ่มที่ฟังเสียงลื่นทำให้เพ็ญนีติ์ต้องอึ้งจนนึกถึงเพลงนั้นขึ้นมาทันที เธอรู้ว่าฉันกำลังรอเธออยู่ไหม... เธอไม่ได้ยินเพลงนี้มานั้นมาก ที่แท้เป็นจำรูญ เมื่อประตูถูกเปิดออก เพ็ญนีติ์ไม่รู้ตัวเองเดินเข้าห้องเขาไปได้ยังไง ไม่ได้ข่าวเขามานานแล้ว ไม่คิดว่าเวลาผ่านไปแล้วห้าปี จากเส้นของญาญินท์เขาได้มีเป็นนายจังหวัดไปแล้ว เมื่อเห็นกันแบบนี้เธอมีความเกรงและเกรงมากด้วย เธอผสานมือไว้ เธอกับดรัลเดินเข้าไปตรงหน้าโต๊ะทำงานจำรูญ “เชิญนั่งครับ”จำรูญชี้เก้าอี้สองตัวนั้นแล้วยิ้มเบาๆ “ไม่ต้องเกรงใจครับ พวกคุณเป็นตัวแทนทุกคน บอกความในใจของทุกคนมาก็ได้แล้ว” เพ็ญนีติ์เงยหน้ามองเขา เสียงเขายังไม่เปลี่ยน ภายนอก็ไม่เปลี่ยนด้วย แต่การแต่งตัวที่เปลี่ยนไป เปลี่ยนเป็นคนที่มีหน้ามีตา “นายครับ ทำต้องปิดถนนนั้นครับ?”เห็นจำรูญเข้ากันได้ ดรัลจึงพูดออกมาตรงๆ “จะซ้อมแซมถนนไง อันนี้ได้แจ้งในใบอย่างชัดเจนแล้วไม่ใช่หรือครับ?” “แล้วทำยังไม่ได้ซ้อมก็ปิดไปแล้ว?”ดรัลถามต่อ“จะให้ประชาชนอ่างเราทำมาหากินกันยังไงครับ?ถึงแม้จะปิดถนนก็ต้องแจ้งเราก่อนล่วงหน้าสองเดือนเอให้เรามีเวลาไปเปิดร้านเคลียร์ร้านใหม่นะ ทำไมถึงปิดอย่างกะทันหัน ธุรกิจเราทำต่อไปไม่ได้ แล้วเราจะกินข้าวยังไง?” “คุณครัลครับ คุณใจเย็นๆ ค่อยๆพูด ใช่ละครับคุณเพ็ญนีติ์ คุณมีข้อคิดเห็นอะไรไหม?”ใบหน้าหล่อเหลาของจำรูยมองเธอไว้ เขายังมีเสน่ห์แบบนั้นเหมือนเดิม มีเสน่ห์จนทำให้เขานั้นต้องนึกถึงเรื่องราวในมหาลัยที่เขาเล่นกีตาร์ได้อย่างดีคนนั้นที่เป็นจำรูญ ไม่คิดเลยจะเป็นเขา วินาทีนั้นเธอรู้สึกมีเซนล์ที่ไม่ดี หรือว่าการปิดถนนได้เกี่ยวข้องกับตัวเธอ? หรือว่าเกี่ยวข้องของจำรูญ “จำรูญ ฉันอยากคุยส่วนตัวกับเธอได้ไหม?”คำพูดบางอย่าง เธอไม่สามารถให้ดรัลฟังอยู่ข้างๆได้ เพราะว่าเธอก็ไม่แน่ใจ “ได้ครับ...แต่ว่าคุณดรัล...” “เพ็ญนีติ์ ฉันไม่สามารถทิ้งให้เธออยู่ที่นี่คนเดียว เราต้องเจรจาด้วยกัน ต้องพูดเหตุผลของพวกเราออกมาด้วยกัน”ดรัลยังไม่ทันรู้ความหมายของเธอ ยังคงพูดต่อไป ดรัลช่างลากช้าไปจริงๆ แต่จำรูญกลับมีไหวพริบดี เขายิ้ม“คุณดระลครับ คุณไม่ต้องหวัง เราจะฟังข้อคิดเห็นพวกคุณอย่างตั้งใจ ผมคุยกับคุณเพ็ญนีติ์ก่อนแล้วค่อยคุยกับคุณว่าไงครับ?” ดรัลถึงรู้ว่านี่เป็นการของของเพ็ญนีติ์เอง เขามองเธอไว้ จากนั้นจึงต้องถอยออกไป ในห้องนั้นแพ็ญนีติ์และจำรูญ มันทำให้เพ็ญรู้สึกทำตัวไม่ถูก “เพ็ญนีติ์ ไม่เจอกันนานเลยน เธอสบายดีไหม?”จำรูญอยู่ตำแหน่งนี้มาหกปี เลยรู้ว่าตัวเองควนจะเริ่มยังไงดี เพ็ญนีติ์มองเขาไว้นิ่งๆ แล้วคิดถึงเรื่องที่ถูกปิดถนน แวบแรกที่เธอเห็นจำรูญ เธอมีความไม่อยากเชื่อว่านี่เป็นแค่การซ้อมแซมถนนอย่างง่ายๆ “จำรูญ เธอบอกมานะ เป็นความคิดเธอหรือเปล่า?” จำรูญยิ้มขึ้นมา เม้มปากที่ทำให้คนแลดูโดดเดี่ยวจนเข้าใจลึกๆ แต่กลับไม่รีบไม่ร้อน เขาลุกขึ้นมาจากเก้าอี้ นายจังหวัดคนหนึ่งกลับไปชงกาแฟมาสองแก้ว ถึงแม้จะเป็นซองกาแฟก็ตาม แต่กลิ่นเข้มข้นนั้นเต็มไปทั่วห้องแล้ว และค่อยๆทำให้ไฟที่แฝงในน้ำเสียงเธอหายไป กาแฟถูกวางตรงหน้าเธอ“ดื่มกาแฟแก้คอแห้งก่อนครับ เพ็ญนีติ์ เรื่องซ้อถนนฝ่ายซ้อมคลุมจริงๆไม่ได้เกี่ยวกับฝ่ายรับฟังของเรา คำพูดเธอนี้เข้าใจฉันผิดแล้วจริงๆ” สิ่งที่เขาพูดก็มีเหตุผล แต่เพ็ญนีติ์ก็ยังรู้สึกว่าเกี่ยวกับเขา “คนมากมายที่ยื่นแล้วทำไมถึงเลือกฉัน?”เห็นตาเขาแล้ว เธอรู้สึกมีอะไรอย่างอื่น จำรูญในแปดปีก่อนที่เขาชอบหายไปแล้ว คนนี้เพียงแค่มองทีหนึ่งก็รู้ว่าเขาซ้อนอะไรไว้ลึกแค่ไหน คนเรามีการเปลี่ยนแปลง เมื่ออยู่ในสายธุรกิจไปไม่กี่ปี มุมไหนก็จะถูกทำให้หายไปหมด “หึ ตอนที่ยามคนนั้นเอาเอกสารให้ฉัน ฉันเพียงแค่มองก็เห็นชื่อเธอแล้ว ในเมื่อเห็นแล้ว เธอว่าฉันจะไม่เจอไห้ยังไง? นั่นมันหมายความว่าวันนี้เราต้องเจอกัน เพ็ญนีติ์ผ่านไปหลายปีแล้ว เธอยังสบายดีไหม?”น้ำเสียงเขาจริงใจมาก ตั้งแต่เริ่มต้นจนจบ เขาไม่ได้พุดอะไรที่แรงเลย เพ็ญนีติ์ก็ไม่เกรงใจ จากเดิมเป็นเพราะเรื่องปิดถนนเป็นทางรัฐพวกเขาทำให้วุ่นวาย“จากเดิมก็สบายดีนะ แต่ตอนนี้จะซ้อมถนน ก็ไม่ดีแล้ว ร้านของฉันต้องปิดทำหารแล้ว” “อันนี้ค่อยๆจัดการ เธอไม่ต้องห่วง คนอื่นไม่สนใจ แต่ในฐานะเธอแล้วเรื่องนี้ฉันจะดูแลแน่นอน” “ขอบคุณ”คำพูดเขาค่อยน่าฟังบ้าง “แต่ว่า วนเมื่อเธอมองในฐานะที่เป็นฉัน เธอแค่ตกลงก็พอแล้ว” “ได้ ขอมูลที่ยื่นเข้ามาฉันจะตั้งใจดูแน่นอน” “’นดีคะ ฉันออกไปก่อนแล้วนะ”ไม่อยากมีอะไรกับเขาอีก เพ็ญนีติ์จึงรีบลุกเดินออกไป “เพ็ญนีติ์...”ด้านหลังมีเสียงผู้ชายที่เรียกเธอดังขึ้นมา“ไม่เจอกันนาน คืนนี้ไปกินข้างด้วยกันนะ” “ไม่เป็นไรแล้ว ฉันยุ่งมากเลย”เธอรีบเดินออกมา เหมือนว่าในตัวเขานั้นมีโรคร้ายนะกลัวที่จะแพร่กระจายให้เธอ เธอออกไปแล้ว ดรัลก็เข้ามาเลย เมื่อคุยไปได้ไม่กี่นาทีพลางออกมาแล้ว เธอนั่งตรงหน้าประตูแล้วยิ้มกับเพ็ญนีติ์“เธอมีหน้ามากมาย นายบอกว่าเธอหญิงคนเดียวเลี้ยงลูกสองคนเรื่องนี้เขาจะช่วยแน่นอน” เวียนหัวที่สุด เธอไม่เคยบอกเขาว่าเธอมีลูกสองคนนะ หัวใจเต้นแน่ขึ้นมา หรือว่าเขารู้สถานการณ์เธอมาก่อนแล้ว?
已经是最新一章了
加载中