ตอนที่ 50 แขกที่ไม่ได้รับเชิญ   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 50 แขกที่ไม่ได้รับเชิญ
ต๭นที่ 50 แขกที่ไม่ได้รับเชิญ ผลินส่งไวภพหลับไป แล้วหันไปสนใจผู้ชายที่ถูกทอดทิ้งมานาน “คุณปยุต คุณไม่รู้เหรอว่าคุณกำลังไม่ปกติ ฉันเป็นคนที่ไม่จำเป็นสำหรับคุณ อะไรคือเหตุผลที่คุณมาที่นี่กลางดึก” “คิดว่าตัวเองไร้ค่า ก็เลยทำเรื่องต่ำทรามแบบนี้น่ะเหรอ” ใบหน้าของเขามืดมนราวกับว่าจะมีพายุฝนฟ้าคะนองในอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้า ตลอดทางเอาแต่คิดถึงวิธีที่จะขอโทษผู้หญิงคนนี้ แต่กลับต้องมาเห็นภาพที่เขาไม่ต้องการเห็น “ระวังคำพูดของคุณด้วย ฉันทำเรื่องต่ำทรามยังไง” เขายกนาฬิกาขึ้นดู “เที่ยงคืน จูบกับผู้ชายอยู่ข้างล่างบ้านเพื่อน ถ้ามันไม่ใช่เรื่องต่ำทราม คุณบอกผมสิว่ามันคืออะไร” “อย่างแรก เราไม่ได้จูบกัน อย่างที่สอง ถึงแม้ว่าเขาจะทำอะไร นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นกับเรา เป็นเรื่องระหว่างเรา มันเกี่ยวอะไรกับคุณไม่ทราบ” การโต้แย้งที่คมชัดของผลิน ดึงให้ความโกรธของปยุตปะทุขึ้นฉับพลัน “ถ้าอย่างนั้นคุณจะยอมรับว่าคุณสองคนเป็นชู้กันใช่ไหม” หึ หมือนได้ยินเรื่องที่ตลกที่สุดในโลก ผลินเงยหน้าขึ้นด้วยความเย่อหยิ่ง “แทนที่คุณจะหาผู้ชายให้ฉัน จะไม่ดีว่าเหรอถ้าฉันจะหาผู้ชายด้วยตัวเอง” “คุณเป็นครูที่ให้ความรู้ คุณไม่รู้สึกละอายใจที่พูดแบบนี้ออกมางั้นเหรอ ลักลอบออกไปพบผู้ชายข้างนอก แล้วทิ้งสามีเอาไว้ที่บ้าน มันเหมาะสมเหลือเกินนี่!” “คนที่ควรจะละอายใจควรเป็นคุณ คุณให้ภรรยาของคุณกับคนอื่นก่อน อย่ามาทำเป็นขโมยที่ตะโกนจับขโมย” “อย่ามาใช้ความผิดพลาดเป็นครั้งคราวของคนอื่นเป็นข้ออ้างในการปล่อยตัว เลือดไม่สงบที่มันไหลเวียนอยู่ในกระดูก ถึงแม้ว่าจะไม่เคยเกิดขึ้น มันก็ไม่สงบเหมือนกัน” ทันทีที่ปยุตพูดจบเขาก็รู้สึกเสียใจ ตั้งใจมาเพื่อพูดคำขอโทษ แต่สิ่งที่พูดออกมากลับเป็นคำที่ทำให้มันแย่ลง เห็นได้ชัดว่าผลินได้รับความเจ็บปวด ดวงตาของเธอถูกปกคลุมด้วยหมอกบาง ๆ มีเลือดไม่สงบในกระดูก เป็นคำพูดที่ชุดาพูดกับเธอมาแล้วหลายครั้ง เธอมีภูมิคุ้มกันแล้ว อย่างไรก็ตามเมื่อมาได้ยินมันจากปยุต กลับรู้สึกเศร้าอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน บางทีอาจเป็นเพราะแม้ว่าคนทั้งโลกจะดูถูกเธอ อย่างน้อยสามีในนามก็ไม่ควรดูถูก “ถ้าคุณมาที่นี่กลางดึกเพื่อเยาะเย้ยฉัน ยินดีด้วยนะ คุณทำมันสำเร็จแล้ว” ผลินหันหลังและจากไปอย่างเศร้าหมอง มองไปทางด้านหลังที่เจ็บปวดของเธอ ปยุตก็อยากตบตัวเอง “ครั้งต่อไป มันจะไม่มีอีกแล้ว” ด้วยความสำนึกผิดอย่างสุดซึ้ง เขาก้าวออกมาอย่างรวดเร็ว ไปขวางหน้าเพื่อหยุดเธอไว้ “ไม่มีอีกอะไร” เธอเชิดหน้าแล้วถามอย่างใจเย็น “จะไม่ใช้ผลินไปพนันกับคนอื่นอีกแล้ว” มีการสั่นสะเทือนเล็กน้อยในหัวใจ แต่ไม่อยากจะพูดอะไร เดินผ่านเขาอย่างเงียบ ๆ เมื่อเห็นเธอนิ่งเฉย ภายใต้ความกดดัน ในที่สุดก็ละทิ้งความหยิ่งยโสแล้วตะโกนออกมา “ผมขอโทษ...” แม้ว่าการรอคอยมันจะยาก แต่ก็โชคดีที่ยังคงรอ เป็นแรงกระตุ้นที่ทำให้ผลินอยากร้องไห้ เธอยังคง ไม่พูดอะไร เริ่มก้าวเดินต่อไป จนกระทั่งหายไปจากดวงตาของเขาอย่างสิ้นเชิง ความรู้สึกของความพ่ายแพ้ ความรู้สึกที่ถูกละเลย ความรู้สึกของความเจ็บปวดในร่างกาย ความรู้สึกทั้งหมดมันผสมปนเป ในที่สุดปยุตก็เชื่อ ผู้หญิงเกิดมาเพื่อทรมานผู้ชาย เย็นวันรุ่งขึ้น เขากลับมาจากบริษัท ทันทีที่เข้ามาก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่บนโซฟา ชั่วขณะนั้น จู่ ๆ อารมณ์ก็ดีขึ้นมา เห็นได้ชัดว่าผลินไม่ได้มีความสุขมากที่เห็นเขา สายตาสบกันสั้น ๆ แล้วก็เลี่ยงไป ย้ายไปทางอื่น เมื่อถึงเวลาอาหารเย็น บรรยากาศกลับคืนมาสู่ความมีชีวิตชีวาก่อนหน้านี้ น้องสาวพูดคุยไม่หยุด แม่ก็ทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อย ด้วยเหตุผลว่าทำไมผลินถึงออกจากบ้านในวันนั้น ทุกคนรู้ดี ดังนั้นจึงมีความเข้าใจโดยปริยายว่าจะไม่มีใครพูดถึงมัน หลังจากอาหารเย็น ผลินขึ้นไปข้างบน เธอนั่งอยู่ในห้องและเอาผ้าพันแผลออกจากมือของเธอ เพื่อที่จะทายาและพันมันอีกครั้ง แต่เพราะมือทั้งสองข้างบาดเจ็บ มันจึงไม่สะดวกที่จะทำ แต่ก็ยังดื้อรั้นกัดฟันเพื่อที่จะไม่สร้างปัญหาให้กับคนในครอบครัว ปยุตพิงประตูและจ้องมองเธอสักพัก เธอยังคงไม่เห็นเขา อดคิดไม่ได้ว่าผู้หญิงคนนี้ช่างเป็นคนดื้อรั้น แค่ก ๆ จงใจไอเพื่อดึงดูดความสนใจของเธอ คลายวงแขนที่หน้าอก แล้วเดินเข้าไปภายใน “ถ้าคุณต้องการมาเพื่อทะเลาะกับฉัน ขอโทษที ตอนนี้ฉันไม่ว่าง” ผลินมองไปที่เขา จากนั้นก็ก้มศีรษะลงแล้วทำต่อไป “คุณคิดว่าผมมาเพื่อจะทะเลาะกับคุณหรือไง” ปยุตจับมือเธอมาด้วยความหงุดหงิด ทายาให้เธอด้วยความอ่อนโยน คนที่ทำให้คุณยอมอดทนได้นั่นคือความรัก ผลินต้องการจะถอนมือออก แต่เขาก็ไม่พอใจ จึงตำหนิ “อยู่เฉย ๆ ซุ่มซ่ามแบบคุณน่ะ เป็นคนที่น่ากังวล” ความจริงอยากจะพูดว่าไม่อีกแล้ว แต่ผลินก็ได้แต่ถอนหายใจ และพูดอย่างจริงจัง “คุณโรคจิตเหรอ ชั่วขณะหนึ่งคุณก็มาทำดี ชั่วขณะหนึ่งก็ร้าย รู้ไหมว่ามันง่ายที่จะทรมานให้คนอื่นเป็นบ้า” “อืม รู้สิ” เขาพยักหน้าอย่างใจเย็น “รู้แล้วคุณยังเป็นแบบนี้อีกเหรอ” “ผมได้ไตร่ตรองอย่างลึกซึ้งแล้ว ดังนั้นวางใจเถอะ ต่อไปผมจะปฏิบัติต่อคุณอย่างดีที่สุด” “จริงเหรอคะ” ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกปลื้มขึ้นมา “ผมคิดว่าทัศนคติของผมเพียงพอที่จะโน้มน้าวคุณนะ ทำไม ผมดูเหมือนโกหกเหรอ” “ฉันไม่สามารถคิดหาเหตุผลใด ๆ ได้ ว่าทำไมคุณถึงเลือกที่จะอยากปฏิบัติต่อฉันอย่างดีขึ้นมา” “เพราะมันไม่สนุกเวลาที่ต้องคิดหาวิธีมาแกล้งคุณ มันยาก” ปยุตตอบอย่างเป็นธรรมชาติ ผลินอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา “มันเป็นเรื่องยากจริง ๆ นั่นแหละ เพื่อปกป้องสิทธิและผลประโยชน์ของสามีลัทธิชาตินิยมชายเป็นใหญ่ ใบหน้าที่กำลังเบ่งบาน แต่ยังไงก็เถอะ คุณพ่อคุณแม่และน้องณีรู้ไหมว่าทำไมดอกไม้ถึงเบ่งบานบนใบหน้าของคุณ” “ถ้าคุณกล้าพูดมาก ผมจะถอนคำพูดกลับคืนทันที” ไม่น่าแปลกใจ ความหยิ่งยโสของปยุตนั้นสูงกว่า ถึงแม้ว่าเขาจะได้รับผ้าขาวความยาวสามเชียะ ก็จะไม่มีวันพูดเด็ดขาดว่าดอกไม้บนใบหน้านั้นเกิดจากการต่อสู้เพื่อผู้หญิง เมื่อพันมือให้เธอเสร็จ เขาก็ลุกขึ้นยืนตรง แล้วล้วงบางอย่างในกระเป๋ากางเกงแล้วส่งมันให้กับเธอ “นี่สำหรับคุณ” ทันใดนั้นดวงตาของผลินก็เบิกกว้าง นี่คือกำไลหยกที่แม่สามีมอบให้กับเธอไม่ใช่เหรอ ผู้ชายคนนี้ต้องการอะไรอีก “อะไรกันคะ” “มีแผลลึกที่ข้อมือ ถ้ามันเป็นรอยแผลเป็น ก็ใส่เพื่อปกปิดมันไว้” เธอเม้มริมฝีปาก “คุณจะตบหน้าฉันหนึ่งครั้ง แล้วให้น้ำตาลฉันหนึ่งก้อนหรือเปล่า” ปยุตใส่กำไลข้อมือให้เธออย่างหงุดหงิด “มันมีมูลค่ามากกว่าน้ำตาล” ผลินจ้องมองกำไลที่ข้อมือด้วยความประหลาดใจ ริมฝีปากเผยรอยยิ้มที่สดใส ถัดมาอีกสองสามวัน ปยุตดูเหมือนจะคิดอย่างลึกซึ้งแล้วจริง ๆ พฤติกรรมเป็นมิตรมากขึ้นกว่าเดิม อารมณ์ก็ยังค่อย ๆ ดีขึ้นเรื่อย ๆ เพียงชั่วพริบตาเดียวหน้าร้อนก็สิ้นสุดลงแล้ว ชีวิตที่วุ่นวายก็เริ่มสงบลง เมื่อถึงช่วงเวลาเที่ยง ในขณะที่ผลินเตรียมจะงีบหลับ ก็ได้รับสายจากลุง นัดให้ออกไปเจอกัน เธอรู้สึกถึงลางสังหรณ์ที่ไม่ดี ลุงมาหาเธอไม่กี่ครั้ง แต่ไม่เคยเลยที่จะมีเรื่องดี เปลี่ยนเสื้อผ้าและมาถึงสถานที่นัดหมาย ร้านน้ำชาชีพชาตั้งอยู่ใจกลางเมือง ทันทีที่เข้าประตู ก็เห็นลุงที่นั่งแถวหน้า เมื่อกวาดตามองไปทิศตรงข้ามทั้งร่างก็ถูกแช่แข็งใบหน้าซีดเผือด “ยายลิน ตรงนี้ ๆ” ตีรณโบกมือเพื่อทักทายหลานสาว เธอหายใจเข้าลึก ลากขาที่เต็มไปด้วยตะกั่วเดินไป พยายามที่จะฝืนยิ้มทักทายคนตรงข้ามกับลุง “ลุงทาตฤ ไม่ได้เจอกันนานเลยนะคะ” ชายวัยกลางคนที่ถูกเรียกว่าลุงทาตฤเงยหน้าขึ้นช้า ๆ ดวงตาคมมีความฉลาดของนักธุกิจ “หนูลิน เราไม่ได้เจอกันนานเลยนะ ตอนแรกก็ยังเป็นห่วงว่าถ้าเจอกันเธออาจจะจำฉันไม่ได้แล้ว” ผลินวางกระเป๋าลงและนั่งลงช้า ๆ “ไม่หรอกค่ะ คุณเป็นผู้มีพระคุณของฉัน ไม่สามารถลืมคุณได้หรอกค่ะ” “หายากจริง ๆ ที่เธอยังจำได้” ทาตฤพยักหน้าอย่างมีความหมาย ถือถ้วยเซรามิคขึ้นก่อนจิบช้า ๆ เขาเป็นเศรษฐีใหม่ เมื่อครั้งเป็นเด็กครอบครัวยากจนมาก ในเวลานั้นไม่ได้มีชื่อว่าทาตฤ แต่หลังจากการดิ้นรนทำงานหนักก็เปลี่ยนชื่อเพราะยึดถือโชคลาง ชื่อเดิมคือต้นคิดก็เปลี่ยนมาเป็นชื่อในปัจจุบัน แสดงถึงความมุ่งมั่นของเขาที่จะเข้าไปอยู่ในโลกของความร่ำรวย “ลุงทาตฤมีธุระอะไรที่เมืองบีเหรอคะ” ผลินเอ่ยถามคำถามที่นึกหวาดกลัว ลุงอีกด้านจ้องเธออย่างไม่พอใจ “เจ้าเด็กนี่ รู้วัตถุประสงค์ที่คนอื่นมาแล้วยังจะถาม” ทาตฤยิ้มอย่างไม่เห็นด้วย “บางทีเธออาจจะลืม ถ้าเธอจำได้ ก็คงจะไม่ถามฉันแบบนี้หรอก” จากใจจริง หากเขาไม่ปรากฏตัวขึ้นในวันนี้ ผลินก็คงจะลืมไปแล้วว่าโชคชะตาของตัวเองอยู่ในกำมือของคนคนนี้ “ช่วงนี้ฉันยุ่งนิดหน่อยค่ะ ดังนั้นจึงไม่ได้กลับไปดูธาตรี” “กำลังยุ่งอยู่กับการแต่งงานกับคนอื่นน่ะเหรอ” หัวใจของเธอเต้นแรงแล้วจ้องมองไปที่ลุงอย่างดุดัน เมื่อตีรณได้รับการตำหนิจากสายตาของเธอ ก็ทำสีหน้าเป็นไร้เดียงสา “คุณก็รู้อยู่แล้วว่าเดี๋ยวฉันจะต้องไปอธิบายให้ฟัง” “ไม่ต้องอธิบาย ลุงของเธออธิบายให้ฉันฟังแล้ว ฉันขอถามเธอแค่คำถามเดียว เธอวางแผนที่จะยุติการแต่งงานครั้งนี้และทำตามสัญญาของเธอเมื่อไหร่” เมื่อต้องเผชิญหน้า ถึงแม้ว่ามันจะไม่ยุติธรรม แต่ผลินก็พูดกลับไปอย่างหัวแข็ง “ขออภัยนะคะลุงทาตฤ ฉันขอยกเลิกข้อตกลงเดิมของเรา” “ยกเลิก?” ทาตฤหัวเราะเยาะ “อย่างที่ฉันคิดไว้เลย ตอนนี้เธอแต่งงานกับเศรษฐี ปีกกล้าขาแข็ง จึงคิดว่าจะสามารถยกเลิกข้อตกลงของเราได้ใช่ไหม” “ฉันขอโทษที่ผิดสัญญา แต่ตอนนี้ฉันไม่สามารถทำตามสัญญาเดิมที่ให้ไว้ได้ หนึ่งแสนหยวน ฉันจะคืนให้คุณเป็นสองเท่า ได้โปรดปล่อยฉันไป”
已经是最新一章了
加载中