ตอนที่ 52 ถูกทิ้ง   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 52 ถูกทิ้ง
ต๭นที่ 52 ถูกทิ้ง ผลินไปที่บ้านลุง ยกมือขึ้นและเคาะประตู ประตูเปิดออก ทีปินาป้าของเธอยืนอยู่ตรงหน้า คิดเกี่ยวกับสิ่งที่ลุงพูดในวันนี้ เธอพิจารณาอย่างตั้งใจ แล้วก็ได้พบว่ามีบางอย่างผิดปกติ “คุณไม่เป็นไรนะ” เธอถามแผ่วเบา ตอนนี้ได้แต่หวังว่าคุณลุงจะหลอกเธอ ทีปินาน้ำตาไหลก่อนที่จะทรุดตัวลงคุกเข่าต่อหน้าหลานสาวแล้วละล่ำละลักบอก “ลิน เธอจะช่วยลุงของเธอได้ไหม ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายที่ป้าจะขอร้องเธอแล้ว เป็นครั้งสุดท้ายแล้วจริง ๆ” จิตใจของผลินร่วงหล่นสู่ด้านล่างหุบเขา เธอมองไปที่ลุงของเธอที่นั่งอยู่ตรงมุมห้อง สองมือกุมศีรษะของตัวเอง ดูเหมือนมันจะมาถึงทางตัน ที่นี่ไม่ใช่บ้านหลังใหญ่ และทุกที่ก็เต็มไปด้วยความโศกเศร้า “มันเป็นความจริงเหรอ คุณป้าเป็นมะเร็งตับจริงเหรอคะ” ตีรณลุกขึ้นมาแล้วนำปึกเอกสารรายงานผลตรวจของโรงพยาบาลมาให้เธอ เธอรับมาดูแล้วแผดเสียงออกมาด้วยความโกรธ “ทำไมคะ ทำไมเมื่อก่อนเวลาที่มีปัญหาถึงรู้จักที่จะมาหาฉัน แล้วครั้งนี้ทำไมคุณถึงไม่รู้จักทำอย่างนั้น คุณไม่มีเงินก็มาบอกฉันสิ ทำไมต้องตาบอดเดินเข้าไปบนเส้นทางของอาชญากรด้วย!” ทีปินาร้องไห้และพูดว่า “เมื่อก่อนเราสร้างปัญหาให้เธอมามาก ดังนั้นเราจึงไม่กล้าที่จะสร้างปัญหาให้เธออีก ลุงของเธอต้องการไปหาเธอ แต่ฉันหยุดเอาไว้ ยังไงก็ตามตอนนี้มันก็สายไปแล้ว ใครจะรู้ว่าชีวิตมันจะมาถึงวันนี้...” “คุณไม่ให้เขามาหาฉัน แต่คุณปล่อยให้เขาค้ายางั้นเหรอ มันไม่เหมือนว่าคุณสร้างปัญหาให้ฉันตรงไหน ถ้าคุณมาหาฉันตั้งแต่แรก เรื่องมันก็ไม่ต้องซับซ้อนขนาดนี้” ผลินรู้สึกเศร้าอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ชีวิตของตัวเองมันก็ยุ่งเหยิงพอแล้ว คนรอบตัวยังจะสร้างปัญหาให้อีก “ป้าของแกไม่ได้รู้อะไรเกี่ยวกับข้อตกลงที่ทำกับทาตฤ ฉันทนดูเธอตายไม่ได้ ตอนนี้ฉันคิดได้แล้ว มันไม่สำคัญว่าแกจะไม่ช่วยฉันไหม ถ้าป้าแกตาย ฉันเองก็ไม่รู้ว่าจะมีชีวิตอยู่เพียงลำพังไปเพื่ออะไร...” “คุณหุบปากนะ!” ทีปินาหันไปตะคอกใส่สามีด้วยความโกรธ ยังคงอ้อนวอนต่อหลานสาว “อย่าไปฟังลุงของเธอ เธอต้องช่วยเขานะ เขาเป็นพี่ชายคนเดียวของแม่เธอ นอกจากพ่อของเธอแล้วเธอก็มีแค่เขาเท่านั้นเป็นญาติที่เหลืออยู่บนโลกใบนี้ ถ้าเขาเป็นอะไรไป แม่ของเธอที่อยู่ในปรโลกจะไม่สบายใจนะ” ผลินตกลงไปสู่การต่อสู้ที่เจ็บปวด หัวใจที่แข็งแกร่งเริ่มสั่นไหวช้า ๆ ป้ายังคงอ้อนวอนอย่างขมขื่น “ลิน ยายลิน ได้โปรดเถอะนะ...” ตีรณไม่สามารถทนเห็นภรรยาร้องไห้เศร้าโศกได้ จึงพุ่งตัวเข้ามากอดเธอไว้ “นา หยุดร้องไห้ได้แล้ว ร่างกายเธอจะทนไม่ไหวเอานะ” ทั้งคู่ร้องไห้ด้วยกัน ผลินมองดูภาพนี้ด้วยสายตาว่างเปล่า แต่ก็เกิดความอิจฉาขึ้นมา ถึงแม้ว่าคุณลุงกับคุณป้าจะเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน และร่างกายก็มีปัญหาเล็กน้อยมากมาย แต่ความรู้สึกแท้จริงที่ให้กันและกันนั้นเป็นสิ่งที่มีค่า อย่างน้อยทั้งเธอกับแม่ก็ไม่เคยได้รับสิ่งนี้มาก่อน “เข้าใจแล้วค่ะ อย่าร้องไห้เลย” เธอหยิบบัตรเครดิตที่แม่สามีให้เธอเอาไว้ออกมาจากกระเป๋าของเธอ แล้วใส่ไว้ในมือของป้า “คุณเก็บนี่ไว้ เอาไว้เป็นค่ารักษา” “แล้วลุงของเธอล่ะ” ทีปินาถามทั้งน้ำตา เธอลังเล และตอบออกไปอย่างยากลำบาก “ไม่อาจไม่ช่วยเขา” ระหว่างทางกลับบ้าน แสงจันทร์เบาบาง ดวงดาราส่องประกายอ่อนแสง ก้าวเดินโดดเดี่ยวท่ามกลางแสงจันทร์ที่สาดส่องลงมา แต่มันก็ไม่อาจทำให้หัวใจที่เย็นชืดอบอุ่นลงได้ เมื่อนึกถึงชีวิตที่ยุ่งเหยิงของตัวเองสักพัก ก็ไม่รู้เลยว่าจะจัดการมันได้อย่างไร มาถึงมินิมาร์ทที่เปิดตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง เธอเดินเข้าไปซื้อเบียร์ เตรียมที่จะกลับบ้านและดื่มเพื่อบรรเทาทุกข์ มันเป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของคนเป็นครู แต่เธอก็ละทิ้งตัวตนของครูเอาไว้ เธอมันก็แค่ผู้หญิงไม่ดีที่ในใจผูกติดอยู่กับความแค้น กลับถึงบ้านเวลาห้าทุ่ม เดินขึ้นบันได ห้องของปยุตนั้นมืดมิด ผลินกลัวว่าจะปลุกเขา จึงเดินฝ่าความมืด แต่ใครจะรู้ว่าเมื่อผ่านไปได้เพียงครึ่งทางก็ได้ยินเสียง “หยุด” ไฟในห้องกะพริบเปิด ปยุตกึ่งนอนกึ่งนั่งพิงหัวเตียง ถามเธอเสียงเนือย “นี่มันกี่โมงแล้ว” เธอไม่ตอบ เขาหันเหสายตาไปยังถุงพลาสติกที่เธอถืออยู่ “แล้วนั่นอะไร” “เบียร์ค่ะ” เมื่อได้ยินว่าเป็นเบียร์ เขาก็เลิกผ้าห่มออกและลุกออกมาจากเตียง ผลินตกใจคิดว่าเขาจะเข้ามาทำอะไรเธอ ด้วยสัญชาตญาณจึงถอยหลังสองก้าว จนเขาแย่งเอาถุงพลาสติกไปได้ “คุณรู้ได้ยังไงว่าผมอยากดื่ม” เธอดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกใจ รีบอธิบาย “นี่ไม่ใช่ของคุณนะ” ปยุตไม่สนใจ เดินไปนั่งบนโซฟา ตบลงบนที่นั่งข้างตัว “ไม่เป็นไรนี่ ดื่มด้วยกันก็ได้” เขาเปิดขวดอย่างรวดเร็ว แล้วยกขึ้นดื่ม ผลินส่ายหน้าอย่างจนหนทาง แล้วเดินไปนั่งลงตรงนั้น “ทำไมคุณถึงอยากดื่ม” เธอถามอย่างเศร้าสร้อย “แล้วทำไมคุณถึงอยากดื่มล่ะ” ปยุตย้อนถาม “ฉันอารมณ์ไม่ดี” “งั้นผมก็ตรงกันข้าม” เธอตกใจมาก “อย่าบอกนะว่า เหตุผลที่คุณกำลังอารมณ์ดีเพราะฉันอารมณ์ไม่ดีน่ะ” “มันเป็นอย่างนั้นจริง ๆ พอคุณอารมณ์ไม่ดี อยู่ ๆ ผมก็รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมา” ผลินคร่ำครวญใส่เขา “ฉันรู้ว่าคำพูดของคุณน่ะไม่น่าเชื่อถือ วันนั้นคุณพูดชัดเจนว่าจะดูแลฉันอย่างดี ผ่านไปแค่ไม่กี่วัน กลับเริ่มเล่นงานฉันอีกแล้ว” “ผมเบื่อที่จะเล่นงานคุณแล้ว ผมรู้ว่าทำไมคุณถึงอารมณ์ไม่ดี” “คุณรู้อะไร” ผลินไม่เชื่อ “มันเพราะเขาใช่ไหม ผู้ชายที่สนิทสนมกับคุณที่บ้านคุณชื่นใจวันนั้น” “.....” อะไรกันนี่ แล้วมันไปเกี่ยวกับไวภพได้ยังไง “ผู้หญิงมักจะต้องการดื่มเมื่อเธออกหัก บอกมาตามตรงเถอะ ผู้ชายคนนั้นทิ้งคุณใช่ไหม” “คุณคงหวัง แต่น่าเสียดายที่ไม่ใช่แบบนั้น” “แล้วมันอะไรล่ะ คุณทิ้งเขาเหรอ” “หยุดเดาสุ่มได้แล้วค่ะ มันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเขาเลย” ปยุตยักไหล่ “ไม่ก็ไม่ ผมไม่ได้สนใจในความสัมพันธ์ของคุณอยู่แล้ว” ผลินเชื่อคำพูดนั้นอย่างเต็มที่ เขาไม่ได้แค่ไม่สนใจความสัมพันธ์ของเธอ แต่เขาไม่ได้สนใจอะไรในตัวเธอเลยด้วย “ยังไงก็ตาม ก่อนที่เราจะจบการแต่งงานนี้ คุณไม่ได้รับอนุญาตให้ทำมากเกินไปกับผู้ชายคนอื่น กินข้าวด้วยกันบ้างเป็นครั้งคราวได้โดยที่ไม่ให้ผมเห็น ถ้าผมเห็นก็อย่าหาว่าผมไม่มีเหตุผลก็แล้วกัน” “ที่คุณบอกฉัน คุณทำมันได้เหรอ” ปยุตเลิกคิ้ว “จนถึงตอนนี้ คุณเคยเห็นผู้หญิงคนไหนทำผมสับสนได้บ้างไหมล่ะ” นอกจากชุดาในครั้งนั้น แน่นอนว่าเขาไม่ได้ถูกเธอจับได้ ครั้งนั้นเขาไม่ได้อธิบาย เธอรู้ว่ามันเป็นเพราะชุดายั่วยวนเขา ชุดาเป็นคนยังไง ผลินรู้ดีมากกว่าใครทั้งนั้น “จันทรเล่นไพ่ได้ดีไหม” เธอถามขึ้นมาโดยไม่มีสัญญาณเตือนด้วยถ้อยคำที่ต้องการเบี่ยงเบนหัวข้อสนทนา ปยุตรู้สึกว่าแอลกอฮอล์ที่อยู่ในปากตอนนี้ที่ขมอยู่แล้วก็ขมมากเข้าไปอีก เขาแกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน แล้วเงยหน้ายกเบียร์ขึ้นปรารถนาให้มันเข้าไปในอยู่ในท้อง ผลินมองเขา อดไม่ได้ที่จะคิดว่าผู้หญิงคนนั้นต้องสำคัญกับเขามาก จึงเลี่ยงไม่พูดถึงเธอทุกครั้ง แสดงออกมาอย่างเคร่งขรึม แต่ดูเหมือนว่าจะติดอยู่ในหนองน้ำแห่งความเจ็บปวด “คุณเล่าเรื่องความรักของคุณได้ไหม ที่จริงแล้วเมื่อเทียบกับภรรยาเก่าของคุณ สิ่งที่ฉันสนใจจริง ๆ คือผู้หญิงคนนี้ที่ทำให้ชีวิตคุณแย่เสียยิ่งกว่าตายมากกว่า” “ไม่มีอะไรจะพูด” ดื่มจนหมดขวดแล้วโยนขวดเปล่าออกไปไกล ลุกขึ้นและพูดว่า “มันดึกแล้ว ไปพักผ่อนเถอะ” ทุกครั้งที่พูดถึงหัวข้อที่ละเอียดอ่อนนี้ เขาก็จงใจหลีกเลี่ยง ดูเหมือนว่าระหว่างเธอกับเขา ยังคงมีระยะห่างที่ยาวไกล นอนดึกและยังคงดื่มอีก เช้าวันต่อมาผลินตื่นสาย เมื่อออกจากห้อง ก็พบว่ามีมากกว่าเธอที่ตื่นสาย เธอเดินเข้าไปผลักชายหนุ่มที่อยู่บนเตียง “นี่ คุณไม่ต้องเข้าบริษัทเหรอวันนี้น่ะ” เขาไม่สนใจเธอ เธอยังคงผลักเขา “มันจะเที่ยงแล้วนะคะ ลุกขึ้นแล้วไปทำงาน” “คุณเป็นผู้ชายตัวออกใหญ่ ไม่ใช่ว่าเพราะฉันพูดอะไรเมื่อคืนนี้ เลยทำให้สภาพย่ำแย่แบบนี้หรอกเหรอ” ในที่สุดปยุตก็ทนไม่ได้ ลุกขึ้นนั่งอย่างหงุดหงิดและเอ่ยถาม “แล้วทำไมคุณไม่ไปทำงาน” เธอตอบย่างไร้อารมณ์ “ฉันมีวันหยุดฤดูร้อน” “อะไร ข้าราชการสามารถพักผ่อนได้ด้วยเหรอ เราจ่ายภาษีเพื่อให้พวกคุณไปพักผ่อนหรือไง” “ไม่ใช่สักหน่อย” เธอยู่ปากแล้วลงไปข้างล่างอย่างฉุนเฉียว ช่วงมื้อเที่ยง หลังจากคิดอย่างรอบคอบมาแล้วทั้งคืนก็ประกาศว่า “คุณพ่อคุณแม่คะ เดี๋ยวฉันจะต้องเดินทางไปไกล” “ไปไกล?” ทั้งครอบครัวค่อนข้างประหลาดใจ เป็นไปโดยธรรมชาติที่จะมองไปที่คนร้าย แต่เมื่อสบมองเข้าไปในดวงตาของปยุต ก็ไม่มีความกล้าที่จะพูดอะไรออกมา “ทำไมถึงมองมาที่ผม มันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับผมสักหน่อย” “ใช่ค่ะ ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเขาหรอกค่ะ พอดีว่าเพื่อนร่วมชั้นของฉันกำลังจะแต่งงาน ก็เลยชวนฉันไปเป็นเพื่อนเจ้าสาวน่ะค่ะ” “ไปที่ไหน แล้วเธอจะกลับเมื่อไหร่” “เมือง T ค่ะ ประมาณสองสามวัน” “เธอจะไปคนเดียวเหรอ ให้ใครสักคนไปเป็นเพื่อนเธอด้วยดีไหม” “ไม่ต้องหรอกค่ะ ฉันไปคนเดียวได้” หลังจากที่ผลินแจ้งกับครอบครัวแล้ว ก็ขึ้นไปข้างบนและเก็บของ ไม่ได้เอาอะไรไปมากนัก ปยุตเดินเอื่อยเข้ามาในห้อง “แต่งงานในวันที่อากาศร้อนแบบนี้ เพื่อนร่วมชั้นของคุณยังไม่เคยแต่งงานกับใครหรือไง หรือเพื่อนของคุณเกลียดการแต่งงาน” เธอกลอกตา “ใครจะเป็นเหมือนคุณ ที่แต่งงานบ่อยเหมือนทานข้าว คนที่แต่งงานมาแล้วเจ็ดครั้งจะเข้าใจการแต่งงานครั้งแรกได้ยังไง มันเป็นอารมณ์ที่เต็มไปด้วยความสุขที่จะได้แต่งงานกับคนที่รัก” “คุณกำลังจะบอกว่าผมไม่ได้ทำให้คุณได้รับอารมณ์ความรู้สึกแบบนั้น ดังนั้นคุณจึงอยากจะพบใครสักคนที่จะตอบสนองความต้องการในใจของคุณได้อย่างนั้นน่ะเหรอ” “ถ้าใช่แล้วทำไม” “ไม่ทำไม ก็แค่น่าเสียดายที่เพื่อนเจ้าสาวก็เป็นแค่เพื่อนเจ้าสาว มันเป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นเจ้าสาว และสายตาของเจ้าบ่าวก็จะอยู่ที่เจ้าสาวเท่านั้น” “มันไม่จำเป็นหรอก คุณไม่เคยได้ยินคำพูดนี้เหรอ ความสุขสามารถแพร่กระจาย เมื่อทุกคนรอบตัวคุณมีความสุขคุณก็มีความสุข เหมือนกับที่ ถ้าคนที่อยู่ข้าง ๆ คุณมีความทุกข์ คุณก็จะมีความทุกข์ตามไปด้วย และมันทำให้ฉันรู้สึกแย่ที่ได้อยู่ใกล้กับคนที่มีความทุกข์เช่นคุณ ดังนั้นตอนนี้ฉันกำลังจะไปหาคนที่ทำให้ฉันรู้สึกมีความสุข แล้วเจอกันนะ” ผลินขึ้นเครื่องบินบินไปยังเมืองทีตอนบ่ายสามโมงในวันนั้น มันจึงไม่น่าแปลกใจที่เธอจะมาถึงบ้านของทาตฤก่อนมืด แต่ได้รับแจ้งว่าธาตรีหนีออกจากบ้าน เมื่อภรรยาของทาตฤเห็นเธอ ก็พูดด้วยความร้อนใจ “เด็กคนนี้ใช้แปดสิบเปอร์เซ็นต์ไปเพื่อตามหาเธอ เธอไม่เคยมาหาเขาเลย เขาเอาแต่พูดถึงเธอมานานแล้ว” ผลินเริ่มกังวล “เขาหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่” ทาตฤสูบซิการ์อย่างแรง “บ่ายวันนี้ ฉันประมาทเอง ตอนเที่ยงเขาต้องการให้ฉันพาเขาไปหาเธอ แต่ฉันไม่ได้ตกลง คิดว่าเขาเป็นแค่ชั่วคราว ไม่รู้เลยว่ามันจะเป็นอย่างนี้” “แล้วพวกคุณจะทำยังไง” ภรรยาของทาตฤสะอื้นเบา ๆ “ฉันกำลังคุยกับลุงทาตฤเกี่ยวกับการตามหาเขา เธอก็มาที่นี่” เธอมองไปที่ผลินอย่างไม่พอใจ “ทำไมเธอไม่มาให้เร็วกว่านี้ ถ้ามาตั้งแต่ครึ่งวันเช้า ธาตรีก็จะไม่หนีออกจากบ้าน” ผลินก้มศีรษะลงและพูดขอโทษ “ขอโทษค่ะ ฉันไม่คิดว่ามันจะเกิดเรื่องขึ้น” “เธอไม่คิดว่ามันจะเกิดเรื่องขึ้น เธอไม่คิดเหรอว่าธาตรีจะไม่เสียใจกับสิ่งที่เธอทำ ฉันอ่านเรื่องของเธอมาเยอะมาก หัวใจไม่ได้อยู่ที่บ้านฉันและที่ธาตรีเลย” ทาตฤใจร้อนตำหนิ “พอได้แล้ว นี่ไม่ใช่เวลามาเถียงกัน ตามหาเด็กคนนั้นก่อน” “พวกคุณอยู่ที่บ้าน เดี๋ยวฉันจะออกไปหาเอง” “จะทำยังไง เมือง B เป็นเมืองที่ใหญ่มาก เธอคนเดียวจะไปตามหาพบได้ยังไง” “ไม่มีปัญหาหรอกค่ะ พ่อของเพื่อนฉันเป็นตำรวจ ฉันสามารถขอให้เขาช่วยได้” หลังจากทาตฤพิจารณาดูแล้ว ก็เห็นด้วยกับข้อเสนอของเธอ ดังนั้นผลินจึงกลับไปที่สนามบินอีกครั้งเพื่อเตรียมบินกลับคืนนี้ ใครจะรู้ว่าบ้านรั่วยังถูกฝนตกกระหน่ำทั้งคืน ระหว่างทางกลับไปที่สนามบิน ทันใดนั้นฝนก็เริ่มตก หลังจากที่มาถึงสนามบิน พนักงานก็เสียใจที่ต้องบอกกับเธอว่า เที่ยวบินสุดท้ายที่กลับไปยังเมือง B ถูกยกเลิกเนื่องจากสภาพอากาศ
已经是最新一章了
加载中