ตอนที่66 ปิดบังความรู้สึกลึกๆในใจ(4)   1/    
已经是第一章了
ตอนที่66 ปิดบังความรู้สึกลึกๆในใจ(4)
ต๭นที่66 ปิดบังความรู้สึกลึกๆในใจ(4) “ท่านประธานปยุต ยินดีต้อนรับ ยินดีต้อนรับ” ชายรูปร่างท้วมคนหนึ่งเดินเข้ามาหาพวกเขาด้วยท่าทางเอาใจใส่ ยื่นมืออวบอ้วนของเขาออกมาแช๊คแฮนด์กับปยุต เขาคือเจ้าของงานเลี้ยงครั้งนี้อย่างเห็นได้ชัด ดูท่าทางและการแต่งกายของเขา เป็นคนที่มีฐานะในสังคมเช่นกัน “นี้คงเป็นนายหญิงน้อยใช่มั๊ยครับ?” “ใช่ค่ะ สวัสดีค่ะ” ผลินยื่นมือออกไปตอบรับอย่างสุภาพ เธอรู้สึกโล่งอก ยังดีที่ไม่ได้เรียกเธอว่า นายหญิงเจ็ด มิฉะนั้น ไม่อึดอัดใจตายซิแปลก หลังจากทักทายกันตามธรรมเนียมแล้ว ชายรูปร่างท้วมได้พูดคุยเกี่ยวกับเรื่องราวทางธุรกิจ ผลินฟังแล้วเบื่อมาก ก็เดินออกมาคนเดียวหาที่เงียบๆนั่งลงดื่มเชมเปญไปพลาง สังเกตแขกเหรื่อมากมายที่มาในงานเลี้ยงไปพลาง กลุ่มคนมากมายในงานเลี้ยง ผลินเหลือบเห็นสายตาที่จ้องมองมาที่เธอ สายตาทั้งคู่ของหญิงสาวคนนั้น เต็มไปด้วยความริษยา หวลคิดถึงปยุต ถึงแม้เขาจะมีชื่อเสียงที่ฉาวโฉ่ แต่ว่าเขาก็ยังเป็นที่หมายปองของหญิงสาว ผลินมีสติที่จะละสายตาออกมาเพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะก่อสงครามโดยไม่จำเป็น เลี่ยงการเป็นหัวข้อในการนินทา เพียงแต่ว่าสิ่งไม่คาดคิดก็คือ ขระที่เธอละสายตาแล้ว หณิงคนนั้นกลับเดินเข้ามาหาผลินอย่างช้าๆ “มีเรื่องอะไรหรือค่ะ?” เธอเงยหน้าขึ้นสอบถามอย่างเลี่ยงไม่ได้ “พบรุ่นพี่แล้ว ยังไม่คิดจะลุกขึ้นมาพูดคุยกันหน่อยรึ?” “รุ่นพี่รึ?”เธอขมวดคิ้วถาม:“ดูเหมือนว่าฉันจะไม่รู้จักคุณนะค่ะ?” หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจว่า :“ ไม่รู้จักมารยาทก็ควรที่จะลุกขึ้นมาถามว่า‘คุณเป็นใครค่ะ?’ ไม่ใช่ถามห้วนๆว่า ‘มีเรื่องอะไรหรือค่ะ’” ผลินแสยะยิ้มอย่างไร้อารมณ์ อยู่เฉยๆยังมีคนมาแส่หาเรื่องอีก ผลินยังคงไม่ยืนขึ้นพูดว่า:“ถ้าหากคุณรู้สึกว่ายืนอยู่นั้นมันจะเสียเปรียบแล้ว คุณก็นั่งลงได้นะ สถานที่ออกจะกว้างขวางคุณนั่งลงสักคนคงจะไม่ทำให้ห้องแคบลงไปหรอกนะ ?” “เฮอะ ยังจะมาเล่นลิ้นอีก มิน่าล่ะไม่นานมานี้หลายคนนินทากันว่า ปยุตเจอกับตัวซวย เดิมทีฉันยังไม่เชื่อ ครานี้ได้มาเห็นกับตา ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อแล้ว” เธอมากับปยุตแท้ๆ แต่คนเมื่อถึงคราซวยกินน้ำเย็นก็ยังเสียวฟันเลย ผลินเองไม่ได้ทำอะไรกลับถูกนำมาเป็นหัวข้อในการนินทาจนได้ “คุณเข้าใจอะไรผิดแล้วล่ะ ฉันไม่ใช่ตัวซวยของคุณปยุต พูดให้ถูกต้อง ฉันก็คือคนสุดท้ายที่คู่ควรที่จะแต่งงานกับเขา “ไร้ยางอาย” หญิงคนนั้นแสดงสีหน้าถมึงทึงทันทีและกัดฟันกรอบๆพูดว่า :“การแต่งงานของปยุตไม่มีทางจะสิ้นสุด อย่าคิดว่าตนเองมีรูปร่างหน้าตาพอจะเรียกว่าสะสวยอยู่บ้าง แล้วเชิดหน้าชูคอ ตั้งแต่คลอดออกมาจากท้องพ่อท้องแม่ มารดาเธอไม่ได้สั่งสอนรึ เป็นคนต้องรู้จักแยกแยะ เข้าใจกำพืดของตนเอง?” “นั้นแม่เธอสอนเธอหรือยังล่ะ?ถ้าแม่เธอสอนเธอแล้วล่ะก็ เธอก็คงไม่มากำเริบทะเลาะกับผู้อื่นอย่างไร้เหตุผลเยี่ยงนี้!” เสียงกรี๊ดดังออกมา หญิงสาวนำแก้วแชมเปญที่มีเหลืออยู่ครึ่งหนึ่งสาดไปที่ใบหน้าของผลิน หลังจากที่ผลินตกตะลึงงันอยู่ชั่วขณะ ก็ตอบโต้กลับไปอย่างกล้าหาญ นำแก้วแชมเปญในมือสาดกลับไปที่ใบหน้าหญิงสาวคนนั้นในทันทีเช่นกัน หญิงสาวอาจจะไม่เคยถูกดูหมิ่นถึงขนาดนี้ จึงยื่นมือจะตบไปบนใบหน้าของผลิน แต่ชั่วครู่เดียวก็ถูกแขกเหรื่อฉุดรั้งห้ามปรามไว้ได้ เธอโกรธกระฟัดกระเฟียดหันหลังกลับไป แขกเหรื่อที่เห็นและขว้ามือของเธอไว้ได้ทัน ความโกรธเคืองก็สงบลงในทันที “ผลิน ……” “โรศนี เธอกล้ามากนะที่มาทำร้ายผู้หญิงของผม เบื่อชีวิตแล้วรึ?” ผลินเพิ่งจะรู้ว่า หญิงสาวที่อาละวาดเมื่อครู่มีช่อว่า โรศนี แต่ว่าผลินไม่รู้จักเธอเลยแม่แต่น้อย “ ผลิน เธอเป็นผู้หญิงของคุณ แล้วฉันไม่ใช่อย่างนั้นรึ ?คุณรู้มั๊ยเธอพูดอะไรกับฉันบ้าง?” “ไม่สนใจว่าเธอจะพูดอะไรกับคุณ สำหรับคุณมันก็สมควรแล้ว รีบไสหัวไปให้พ้นเดี๋ยวนี้ สักวินาทีเดียวผมก็ไม่อยากจะเห็นหน้าคุณ” โรศนี ไหนเลยจะเคยได้รับการดูหมิ่นเหยียดหยามถึงเพียงนี้ เธอร่ำไห้งอแงทันที:“อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ฉันก็เป็นภรรยาคุณ ถึงงานแต่งงานจะจบไปแล้วแต่ความสัมพันธ์ยังมีอยู่นะ เหตุใดคุณพูดกับฉันอย่างไร้ซึ่งเยื่อใยอย่างนี้ล่ะ “ผมไม่เคยรู้สึกว่าจะมีความสัมพันธ์อะไรกับคุณเลย” ปยุตค้านคำพูดของเธออย่างไร้เยื่อใย “อย่างนั้นหญิงคนนั้นดีกว่าฉันตรงไหน? สวยกว่าฉันอย่างนั้นรึ ? เก่งกว่าฉันอย่างนั้นรึ ? และจิตใจดีงามกว่าฉันอย่างนั้นรึ ? “เธองดงามกว่าคุณ เก่งกว่าคุณ จิตใจดีงามกว่าคุณ ที่สำคัญฉลาดกว่าคุณ หากนำเรื่องนี้มาเปรียบเทียบดูแล้ว ถ้าพวกคุณทั้งสองสามารถสลับตัวกันได้ เธอจะไม่เป็นเหมือนหญิงปากร้ายสร้างความยุ่งยากให้คุณ เป็นเพราะเธอรู้ดีว่า ถ้าทำอย่างนี้แล้วจะทำให้ผมต้องโกรธเป็นอย่างมาก และคุณเองนั้นแหละเป็นเจ้าโง่ ทำเรื่องซะมากมายยังคิดจะพูดเรื่องความสัมพันธ์อีกรึ น่าหัวเราะสิ้นดี” โรศนีถูกทำร้ายอย่างสาหัส และยังถูกเหยียดหยามเป็นอย่างมาก เธอเห็นบรรดาแขกเหรื่อที่มองดูอยู่รอบๆ ทั้งอับอายทั้งเคียดแค้นปกปิดใบหน้าวิ่งออกไปในทันที ขณะวิ่งจากไปเธอแสดงสีหน้าที่เคียดแค้นโกรธเคืองที่มีต่อผลิน ทำให้ในใจของผลินกลัวเป็นอย่างมาก บทละครทะเลาะกันฉากนี้ในงานเลี้ยง ปยุตไม่มีกะจิตกะใจที่จะอยู่ต่อ เขาจึงกระซิบข้างหูหญิงสาวที่ยืนข้างๆว่า “คิดจะกลับบ้านกันหรือยัง?” ผลินผงกศรีษะรับคำอย่างหนักแน่น:“กลับค่ะ” ระหว่างเดินทางกลับ ผลินนิ่งเงียบไม่พูดจาสักคำ ปยุตเหลือบไปมองดูผลินไปๆมาๆ พูดขึ้นว่า “มีอะไรไม่พอใจก็พูดออกมาเถอะ” “คนที่เท่าไหร่?” เขาตื่นตระหนกตอบว่า:“อะไรคือคนที่เท่าไหร่?” “เมื่อครู่หญิงสาวคนนั้นนะซิ ไม่ใช่อดีตภรรยาของคุณรึ? เป็นอดีตภรรยาคนที่เท่าไหร่ล่ะ?” “คนที่สาม โอ้วไม่ใช่ คนที่สี่ครับ” ใบหน้าของผลินนิ่งสงบลง :“หลังจากนี้ต่อไปเรื่องราวอย่างนี้คงจะเกิดขึ้นบ่อยๆเป็นแน่ ?” ถึงอย่างไรก่อนหน้าเธอ ปยุตก็ยังมีภรรยาอีกหกคน ซึ่งเกี่ยวพันกับเธอ นอกจากโรศนีแล้วยังมีศัตรูมี่ไม่เคยพบเห็นหน้าตากันเลย “ไม่เกิดขึ้นอีกแล้ว” “แน่ใจได้อย่างไร?” “ภรรยาแต่ละคนนั้น มีเพียงโรศนีเท่านั้นที่เป็นคนไร้เหตุผล ดังนั้นเธอเป็นเพียงหญิงสาวคนเดียวเท่านั้นที่ถูกผมตบหน้า ” ผลินได้ยินคำพูดของประยุตเริ่มวางใจลงบ้าง ว่ากันตามสถานการณ์ของเธอเวลานี้ รับมือกับชุดาก็ปวดหัวมากพอทนแล้ว อย่ามีศัตรูปรากฏตัวเพิ่มขึ้นอีกเลย กลับถึงคฤหาสน์นภา ขณะที่รถยนต์เพิ่งจอดสนิท โทรศัพท์มือถือของผลินดังขึ้น เธอเหลือบมองดูหมายเลขสายเข้าเป็นสายของทาตฤ พูดอย่างเคร่งเครียดว่า:“คุณเข้าไปก่อนนะ ฉันขอรับโทรศัพท์สักครู่” ปยุตรับคำ เดินล่วงหน้าเข้าไปในคฤหาสน์ ผลินหาที่ลับๆเงียบๆรับสายโทรศัพท์ :“ฮัลโหล?” “ผลิน ถ้าเวลานี้สะดวก ออกมาพบผมสักหน่อยได้มั๊ย” “คุณมา เมืองBหรือค่ะ?” “อืม” ผลินปวดหัวจนต้องนวดเบาที่หัวคิ้ว:“เวลานี้ฉันไม่สะดวกค่ะ คุณมีเรื่องอะไรพูดทางโทรศัพท์ก็ได้” “ไม่สะดวกจริงๆรึ?” “ใช่ค่ะ……” “ผมเดาว่าต้องเป็นอย่างนี้ ดังนั้นจึงตั้งใจมาพบคุณ ออกมาพบผมเถอะ” เธอตกตะลึงถามว่า:“คุณอยู่ที่ไหน?” “อยู่ด้านนอกประตูบ้านของคุณ” ผลินทั้งรีบทั้งลนลานวางสายโทรศัพท์และวิ่งไปทางประตูใหญ่ เมื่อสักครู่ระหว่างที่จะเข้าบ้านเหมือนเห็นเงาคนหนึ่งที่ค่อนข้างคุ้นเคยผ่านไป ยังคิดว่าตนเองตาฝาด ที่ไหนได้เป็นเรื่องจริง เมื่อมาถึงประตูใหญ่ด้านนอก ผลินมองไปรอบๆ บริเวณพุ่มไม้หนาทึบเธอมองเห็นเงาของทาตฤตะคุ่มๆยังกับผี “ลุงทาตฤ ดึกดื่นป่านนี้แล้ว มาที่นี่ได้ยังไงคะ ?” เธอสอบถามไปอย่างไม่ค่อยจะยินดี ทาตฤพูดด้วยใบหน้าเณ้าหมองว่า :“ธาตรีเขาป่วยหนัก ร้องไห้ฟูมฟายทั้งวี่ทั้งวันร้องหาแต่เธอ เธอคิดจะทำยังไงต่อ?” ผลินเข้าใจถึงถึงจุดประสงค์ที่ทาตฤมาหาเธอในครั้งนี้ หัวใจตกลงไปตาตุ่มคิดในใจว่าคราซวยอีกแล้วละถามว่า :“ อย่างนั้นพวกคุณพาเขาไปหาหมอหรือยังคะ?” “ไปมาแล้ว ไม่มีผลอะไร คุณหมอพูดว่าเขาเป็นโรคใจ ต้องใช้ยาใจรักษา” “สุดสัปดาห์นี้ฉันจะกลับไปเยี่ยมเขาแล้วกัน ” “เพียงแค่เยี่ยมอย่างนั้นรึ ? ไม่ตั้งใจจะอยู่ไปเลยรึ?” ทาตฤแสดงท่าทีบีบบังคับ “ เรื่องราวทางนี้ยังสะสางไม่เสร็จ เมื่อจัดการเสร็จแล้วจากนั้นก็....... “ให้เวลาเธอสะสางอีก10วัน ความอดทนของฉันมันถึงขีดสุดแล้ว นี้เป็นเดดไลน์ครั้งสุดท้าย ถึงเวลานั้นอย่าโทษลุงว่าไร้ความเมตตานะ” ยังมีคนคุกคามเธอเพิ่มอีกคนแล้ว ผลินโกรธเคืองมากคิดจะระเบิดอารมณ์ออกมา แต่เธออดกลั้นไว้ เพราะนี้คือชีวิตของเธอ ชีวิตที่ระหกระเหินลุ่มๆดอนๆทั้งชีวิตซึ่งโชคชะตาได้ลิขิตไว้ ”ทราบแล้วค่ะ ลุงกลับไปก่อนเถอะ” เธอรับคำอย่างเป็นทุกข์และหันหลังเดินไปทันที ทีละก้าวทีละก้าวค่อยๆหาย ไปจากสายตาที่ดูเย็นชาของทาตฤ เดินก้มหน้าเดินไปตรงๆ เดินไปชนกับคนๆหนึ่ง จึงหยุดชงักใรทันที ถามขึ้นอย่างตกใจว่า “คุณยังไม่เข้าบ้านอีกหรือค่ะ?” ปยุตชี้ไปทางประตูใหญ่เห็นเงาตะคุ่มตะคุ่มของทาตฤเลยสอบถามว่า ”ญาติของเธอมายืมเงินอีกแล้วเหรอ?” ”อืม ใช่ค่ะ” แววตาของผลินว่องประกายวับวาวตอบคำถาม “ญาติมาจากที่ไหนเหรอ ธนวันถึงแม้จะไม่ได้ร่ำรวยอะไร แต่ว่าไม่น่าจะมีญาติที่ยากจนขนาดนี้นะ? ”ญาติทางฝ่ายแม่ค่ะ” ”อ๋อ” ปยุตผงกศรีษะรับอย่างด้วยความรู้สึกห่วงใย “ อย่างนั้นคุณทำไมไม่ให้เขายืมเงินล่ะ?” “เขาติดการพนันเป็นผีพนัน ให้ยืมไม่มีทางได้คืน” “มาหาเธอสร้างความรำคาญให้ตลอดอย่างนี้ ครั้งต่อไปให้เขายืมเถอะ” “ให้ยืมครั้งนี้ก็มีครั้งหน้าอีกนั้นแหละ ไม่มีสิ้นสุดหรอกค่ะ” “นั้นก็ใช่ เอาอย่างนี้ ครั้งหน้าเขามาหาเธออีก เธอก็ทำเป็นหลบหน้าเขา ให้ผมเข้าไปพูดคุยกับเขาแทน” ผลินตอบกลับอย่างทันควัน ”ไม่ค้อง ไม่ต้องค่ะ ฉันจัดการเองได้ค่ะ” ถูกคนสองคนคุกคามในเวลาเดียวกัน คนหนึ่งให้เวลาเธอ 1สัปดาห์ อีกคนหนึ่งให้เวลาเธอ10วัน ผลินขมขื่นในใจจนพูดอะไรไม่ออก ราวกับว่าจะสลายตัวไปให้ได้ คืนนี้ผลินนอนอย่างไรก็ไม่สามารถข่มตาหลับลงได้ ลุงขึ้นจากเตียงทันที เดินไปที่ห้องนอนของปยุต ลดทิฐิของตนเองตั้งใจพูดกับเขาอีกสักครั้ง มองเห็นสีหน้ากระอักกระอ่วนอ้ำอึงของเธอ ปยุตปัดที่นั่งข้างๆตัวเขาอย่างเป็นเป็นมิตรพูดว่า มีเรื่องอะไรนั่งลงคุยกันเถอะ” ผลินนั่งลง มือทั้งสองกำไว้ด้วยกันจนแน่น ปลุกเร้าความกล้าหาญถามไปว่า “ คุณไม่สามารถชอบฉันได้เลยใช่มั๊ย?” ปยุตถึงกับตลึงงัน บางครั้งรู้สึกลำบากใจ บางทีก็สุดที่จะอดกลั้นไว้ได้ “เหตุใดยังคิดที่จะถามผมเรื่องนี้อีกล่ะ” “เฝ้าคิดที่จะถามอยู่ตลอดเวลา ไม่ใช่ว่าคิดดีแล้วหรือ ถึงได้ถามคำถามนี้” ปยุตได้ยินคำพูดนี้ของเธอยิ่งรักและเอ็นดูเธอมากนึ้น แต่ว่ากลับไม่สามารถพูดออกไปได้ คำพูดที่จะยอมรับพูดออกมาไม่ได้ คำปฏิเสธก็พูดไม่ได้ ภายในจิตใจของปยุต ผลินถึงแม้ภายนอกจะดูเข้มแข็ง แต่กลับมีช่วงเวลาที่อ่อนแออยู่บ้าง เขาไม่สามารถทำใจได้ที่จะมองเห็นสีหน้าของผลินที่เจ็บปวดมากไปกว่านี้ ผลินเป็นหญิงสาวที่เฉลียวฉลาดคนหนึ่ง ทำไมถึงจะดูไม่ออกว่าปยุตลำบากใจเพียงไหน เธอยิ้มอย่างขมขื่น พูดว่า “พอเถอะ ในเมื่อตอบคำถามนี้ยากเย็นอย่างนี้ก็ไม่ต้องตอบ ถึอเสียว่าฉันไม่ถามก็แล้วกัน “ ลุกขึ้นและกัดริมฝีปาก เดินกลับห้องพักไปอย่างเงียบๆ พริบตาเดียวที่ประตูห้องนอนปิดลง น้ำตาของความผิดหวังก็ได้ไหลออกมา ถ้าหากว่าแม่ของเธอยังมีชีวิตอยู่ เห็นเธอเป็นคนที่ไร้ค่าไร้ราคาอย่างนี้ จะผิดหวังมากมายเพียงไหน จะต้องผิดหวังมายมายกว่าที่เธอประสบอยู่ขณะนี้ 
已经是最新一章了
加载中