ตอนที่67 ปิดบังความรู้สึกลึกๆในใจ(5)   1/    
已经是第一章了
ตอนที่67 ปิดบังความรู้สึกลึกๆในใจ(5)
ต๭นที่67 ปิดบังความรู้สึกลึกๆในใจ(5) ชีวิตที่ไร้ความรู้สึก พริบตาเดียวก็ผ่านไปแล้วสองวัน ผลินคาดไม่ถึงเลยจะต้องมาพบกับโรศนี อีกทั้งเกิดเรื่องราวขึ้นมากมาย ช่วงเย็นวันศุกร์ แสงอาทิตย์แผดเผามาทั้งวัน เนื่องจากวันรุ่งขึ้นเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ ไม่วาจะเป็นครู อาจารย์หรือนักเรียน ทุกคนล้วนมีสีหน้าผ่อนคลาย ผลินและชื่นใจเดินคู่กันอยู่ในเหล่าบรรดานักเรียนมากมาย เมื่อย่ำเท้าออกจากประตูโรงเรียน รถสปอร์ตสีแดงฉาน ยี่ห้อลัมโบร์กีนี จอดอยู่ด้านหน้าของหญิงทั้งสอง จากนั้นมีเรียวขาขาวนวลข้างหนึ่งยื่นออกมาจากตัวรถพร้อมกับรองเท้าส้นสูงปรี๊ดซึ่งมีสีเดียวกับสีของรถสปอร์ตคันดังกล่าว ผลินจ้องมองดู ตกตะลึงขนลุกซู่ไปทั้งตัว ”เขาเป็นใครเหรอ?” ชื่นใจกระซิบข้างหูถาม ”ภรรยาคนก่อนของปยุตน่ะ” เอตอบอย่างรวดเร็ว โรศนีเดินเข้ามายืนประจังหน้ากับผลิน ยักคิ้วดั่งคันศรยั่วยุ “ตกใจใช่มั๊ย พบฉันครานี้” เธอเหลือบไปมองดูนักเรียนรอบๆ พูดเบาๆไปว่า “มีเรื่องอะไร พวกเราหาสถานที่คุยกัน” “ เหอะ ถ้าฉันคิดจะหาสถานที่คุยกัน ก็ไม่ต้องเดินทางตั้งไกลมาถึงตรงนี้หรอกนะ ครั้งก่อนเธอทำให้ฉันต้องอับอายขายหน้าในงานเลี้ยง ครั้งนี้ ฉันจะให้เธอได้ลิ้มรสชาติของการโดนดูหมิ่นเหยียดหยามเช่นกัน” โรศนีไม่ทันจะพูดจบ ก็หยิบถังที่ใส่ซอสมะเขือเทศไว้จนเต็มออกหลังรถหนึ่งใบ จากนั้นไม่ทันให้ผลินตั้งตัวสาดใส่เข้าไปบนตัวของผลินทั้งหมด อ่า—— ชื่นใจที่ยืนอยู่ด้านข้างร้องเสียงแหลมออกมาอย่างตกตะลึง รีบวิ่งไปผลักโรศนีออกไปและพูดออกมาอย่างโกรธเคืองว่า “คนบ้า ต้องเป็นคนบ้าแน่ๆ” บนศรีษะและทั้งเนื้อทั้วตัวของผลินเต็มไปด้วยซอสมะเขือเทศ ผลินยืนนิ่งราวกันท่อนไม้ไร้ความรู้สึก ครูและนักเรียนรอบบริเวณเริ่มมุงดูมากขึ้นเรื่อยๆ เธอได้รับความอัปยศจนต้องหลับทั้งสองข้างไว้ การกระทำที่ต่ำทรามของโรศนี ในที่สุดก็ได้สร้างความโกรธเคืองให้กับคนทั่วไป นักเรียนของผลินก็ได้ยื่นมือเข้ามาช่วยครูจัดการกับคนที่มาทำร้ายคุณครูของพวกเขา เผชิญหน้าต่อการตบตีของเด็กนักเรียนรอบๆ เธอถึงกับรู้สึกอับอายและหวาดกลัว แต่กลับยังเชิดหน้าด่าผลินต่ออีกว่า “ต่อไป ทำอะไรไว้หน้าฉันบ้าง ครั้งนี้เป็น ซอสมะเขือเทศ ครั้งต่อไปจะเป็นน้ำกรด” เธอยังไม่ทันพูดจบ เด็กนักเรียนหลายคนล๊อคแขนของโรศนี พาเอเดินมาข้างหน้า พูดว่า “ขอโทษครูของพวกเราเดี๋ยวนี้ รีบขอโทษ!” “ปล่อยป้านะ เจ้าเด็กพ่อแม่ไม่สั่งสอน” โรศนีชักสีหน้าขึงขังตะโกนออกมาว่า “ ป้าจะไม่ขอโทษนางเพศยาคนนี้ อยู่ต่อหน้าดูสงบเสงี่ยมน่านับถือ แต่ภายในใจเป็นเพียงนางจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ คุณครูเรอะ เชอะ!” เธอถ่มน้ำลายใส่บนตัวของผลิน ผลินไม่สามารถสะกดกั้นไว้ได้อีก พลันพุ่งเข้าไปตบไปที่ใบหน้าของโรศนีหนึ่งฉาด โรศนีคิดจะตบกลับ ชื่นใจก็สัมทับร่วมวงตบเข้าไปอีกหนึ่งฉาด เธอเริ่มบ้าคลั่งกันไปใหญ่แล้ว เหมือนคนบ้าทั้งตบตีทั้งด่าทออุดตลุด ด่าว่ากันหยาบคายเสียๆหายๆ บรรดานักเรียนวัยกำลังมุทะลุบุ่มบ่าม เห็นคุณครูถูกด่าว่าหยาบคาย พลันยกกำปั้นต่อยไปที่นางอย่างจัง สถานการณ์วุ่นวายที่เกิดขึ้น ในที่สุดไวภพก็เดินเข้ามาพบเห็นรีบเข้ามาห้ามปราม โรศนีถูกตบตีเข้าอย่างจัง ไหนเลยจะยอมลดละวาศอก รีบไปแจ้งความในทันที ขณะที่รถตำรวจมาถึง ไวภพกระซิบบอกผลินว่า “ ไม่ต้องกังวล ผมจัดการได้” ผลินส่ายหัวอย่างไร้ความรู้สึก พูดว่า “คุณอย่าเข้ามายุ่ง ฉันแก้ปัญหาเองได้” เธอไม่คิดจะเป็นหนี้ความรู้สึกของเขา ชีวิตที่สับสนวุ่นวายของเธอนั้นไม่สามารถอาศัยคนอื่นมาช่วยเหลือได้อีกแล้ว ผลินขึ้นบนรถตำรวจอย่างใจเย็น ชื่นใจเป็นพยานก็เดินทางไปด้วย บรรดานักเรียนที่เข้าช่วยเหลือครู ก็กลายเป็นผู้ร่วมกระทำผิด มาถึงสถานีตำรสจ ผลินพูดอย่างตรงไปตรงมาว่า “ปล่อยนักเรียนเหล่านี้ไปเถอะ พวกเขาไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรด้วยเลย” ตำรวจผู้รับผิดชอบการบันทึกคำให้การ มองไปที่บรรดานักเรียน ส่ายหัวแล้วพูดว่า “คนแจ้งความร่างกายบอบช้ำไปทั้งตัว เป็นไปไม่ได้คุณพูดว่าปล่อยตัวก็จะปล่อยตัวไปได้ง่ายๆ” “พวกเขาล้วนเป็นเด็กเล็ก เห็นครูถูกรังแกจึงบุ่มบ่ามเขามาช่วยเหลือตบตีคนอื่น คนแจ้งความคนนั้น คุณตำรวจรู้มั๊ยว่าเขาทำอะไรที่เกินเลยไปบ้าง ? อยู่ดีๆขับรถมาหน้าโรงเรียนชวนทะเลาะวิวาท อีกทั้งยังนำซอสมะเขือเทศใส่ซะเต็มถังสาดใส่ครูผลินของพวกเราเลอะเทอะไปทั้งตัว เธอเป็นคนเริ่มจุดชนวนการทะเลาะครั้งนี้ก่อน พวกเราก็ไม่มีหนทาง พวกเราจึงจำต้องทำเพื่อป้องกันตัวเองค่ะคุณตำรวจ” ชื่นใจพูดจาอย่างคล่องแคล่วและนำเรื่องราวที่เกิดขึ้นพูดออกมา “ใช่ไม่ใช่การป้องกันตัว พวกผมจะตรวจสอบอย่างชัดเจนได้แน่ ต่อไปกรุณาเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นในเวลานั้น อีกสักครั้ง” ผลินนำเรื่องราวที่เกิดขึ้นเล่าให้ตำรวจฟังอย่างละเอียด ไม่เกินเลยแม้สักคำเดียว และเปิดเผยความจริงจนหมด ชื่นใจก็เป็นพยานอีกคน ยืนยันสิ่งที่ผลินพูดออกมานั้นเป็นความจริงทุกประการไม่มีการปั้นแต่ง หลังจากบันทึกคำให้การเสร็จ ชายคนหนึ่งเหมือนจะเป็นหัวหน้าใหญ่เดินเข้ามา กระซิบข้างหูไม่กี่ประโยค ตำรวจคนนั้นพยักศรีษะรัวๆ จากนั้นก็พูดกับพวกเขารวมถึงผลินว่า “โอเค พวกคุณไปกันได้แล้ว” ”พวกเราไม่มีความผิดแล้วใช่มั๊ยค่ะ” ชื่นใจคิดไม่ถึงว่าเรื่องราวต่างๆทำไมถึงแก้ไขได้ง่ายดายอย่างนี้ รู้สึกเหลือเชื่อนิดหน่อย และรู้สึกว่ายิ้มเยอะอยู่ในใจ “อืม” ตำรวจคนนั้นผงกศรีษะรับอย่างสงวนท่าที ลุกขึ้นยืนเก็บสมุดบันทึกคำให้การ ผลินไม่รู้สึกดีใจเสียด้วยซ้ำ ใบหน้าของเธอแสดงความวิตกอย่างเห็นได้ชัด เดินเข้าไปหาบรรดานักเรียนพูดว่า “ทุกคนตามครูมาทางนี้” บรรดานักเรียนต่างเดินตามครูออกมาจากสถานีตำรวจ ผลินเอ็ดนักเรียนอย่างโกรธเคืองว่า “ ใครสั่งให้พวกเอใจกล้าอย่างนี้ พูดเธอเป็นเพียงแค่นักเรียนเท่านั้นรู้หรือไม่ ? ถ้าหากมีความผิดติดตัวแล้ว จะมีผลกระทบต่ออนาคตของพวกเธออย่างมาก ถึงเวลานั้น ครูจะกลับไปอธิบายกับพ่อแม่ของพวกยังไงกัน?” ชื่นใจถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ “พอแล้วล่ะ พวกเขามีใจจริงปกป้องคุณครู จากนี้ไปต้องระมัดระวังกว่านี้” น้ำเสียงเพิ่งจะพูดจบ รถยนต์สองคันหยุดจอด ผู้ปกครองของนักเรียนแต่ละคนลงมาจากรถยนต์ พวกเขาฉุดมืออบุตรของตนเองเข้ามาต่อว่าอย่างหนัก หลังจากต่อว่าเสร้จ หันกลับมาชี้นิ้วไปยังตัวบงการในการกระทำผิดครั้งนี้ “ครูผลิน คุณสอนนักเรียนแบบนี้เหรอ?ไม่สอนให้พวกเขาเป้นคนดี กลับสอยให้พวกเขาชกต่อยกับคนอื่น ? การกระทำของคุณอย่างนี้เหมาะสมที่จะเรียกว่าเป็นครูได้รึ?” ผลินก้มหน้ารับคำอย่างรู้สึกผิด “ขอโทษค่ะ เป็นฉันเองที่บกพร่องต่อหน้าที่ค่ะ จากนี้จะไม่เกิดขึ้นแล้วค่ะ” “ จากนี้รึ ลูกๆเพิ่งจะอยู่ชั้นมัธยมก็เข้าสถานีตำรวจซะแล้ว จากนี้ใครจะกล้าที่จะส่งบุตรหลานมาเรียนโรงเรียนของพวกคุณล่ะ เรื่องนี้พวกเราจะไม่ยอมให้จบเพียงแค่นี้ พรุ้งนี้ พวกเราจะไปโรงเรียนของพวกคุณต่อว่าต่อขานกับหัวหน้าของพวกคุณ นักเรียนแต่ละคนกลับมีเหตุมีผลกว่าผู้ใหญ่ ต่างช่วยพูดแก้ต่างให้กับคุณครู “นี้ไม่ใช่ความผิดของคุณครู เป็นพวกเราเองมองเห็นคนถูกรังแก! “มองเห็นคนถูกรังแก บ้าอะไร พวกแกทำไมถึงไม่ชักมีดเข้าไปช่วยเหลือล่ะ ?ถ้าหากชักมีดเข้าไปช่วยเหลือ อย่างนั้นจะขังเจ้าไว้ข้างในไม่ต้องออกมาเห็นเดือนเห็นตะวันเลยทีเดียวทั้งชีวิต” ผู้ปกครองแต่ละคนเดินไปพลางด่าว่าบุตรของตนเองไปพลาง ชื่นใจเตือนผลินว่า “ไม่ต้องไปสนใขพวกเขาเลย ไร้ความหมาย” ผลินยิ้มอย่างขมขื่นพูดว่า “ไม่เป็นไร” หากเทียบกันแล้ว โรศนีมอบความอับอายให้เธอครั้งนี้ ถูกตราหน้าอย่างนี้ มันจะเป็นอะไรไป๊ ”คืนนี้ไปที่บ้านของฉันเถอะ?” ชื่นใจหยิบกระดาษทิชชู่ขึ้นมาเช็ดคราบซอสมะเขือเทศบนศรีษะผลินอย่างรักใคร่ พูดว่า “ กลับบ้านไปสภาพอย่างนี้ หากปยุตพบเห็น หมดกันเลย” “ไม่มีอะไรหรอก ฉันมีสภาพแย่กว่านี้ เขาไม่ใข่ไม่เคยเห็น “ ผลินหันหลังกลับอย่างเศร้าหมอง มุ่งหน้าไปยังทิศทางตรงกันข้าม หลังจากเดินมาสักพักใหญ่ รู้สึกได้ถึงด้านหลังผิดปกติ หันหลังกลัยทันที พบว่าไวภพเดินตามหลังเธอมาตลอด ในเมื่อผลินเขาแล้ว ไวภพก็ไม่หลบๆซ่อนๆอีกต่อไป เดินเข้ามาหาอย่างเปิดเผย พูดหยอกเย้าผลินว่า “เพิ่งจะรู้ว่าเราสองคนใจตรงกันนะ” เขากำลังพยายามบรรเทาความรู้สึกไม่ดีในใจของผลิน และ ต้องการที่จะสร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลายออกมา “เป็นฝีมือคุณใช่มั๊ย?” ผลินย้อนถามเบาๆ “อะไร ไม่มีอะไร?” ไวภพแสร้งทำตีหน้าเซ่อ “พวกเราออกมาอย่างปลอดภัย อย่าบอกฉันนะ ว่าไม่เกี่ยวช้องอะไรกับคุณ” ไวภพยิ้มและพูดว่า “มีเรื่องอะไรบ้างที่ปกปิดสายตาอันแหลมคมของเธอไว้ได้” ผลินรับรู้ได้โดยสัญชาตญาณของเธอ เดินเตะก้อนหินและนึกขำกับตัวเองแล้วพูดว่า “มีพ่อรับราชการก็ดีเนอะ” “ถ้ารู้สึกว่าดีอย่างนั้นแต่งงานกับผมเถอะ พ่อของผมก็จะเป็นพ่อของคุณด้วย คุณก็จะไม่ริษยาผมแล้วไง” “ไม่รู้ว่าฉันตกอยู่ในสภาพอย่างนี้ ยังคิดจะมาล้อเล่น มันไม่เกินไปหรอกรึ?” สีหน้าหยอกเย้าเล่นตลกของไวภพ เปลี่ยนเป็นขึงขังจริงจังแล้วพูดว่า “ทำไมคุณต้องทำให้ตนเองตกอยู่ในสภาพที่ขมขื่นอย่างนี้ ในเมื่อคุณสามารถที่จะเลือกใช้ชีวิตที่ดีกว่าได้ตลอดเวลา” ผลินเดินก้มหน้า ไม่ตอบคำถามไวภพสักคำ “คิดจะแยกทางมั๊ย?” ผลินถึงกับตกตะลึง เงยหน้าขึ้นถามอย่างสงสัยว่า “หมายความว่าอย่างไร” “โรงเรียนมีโควตาทุนการศึกษาต่อ ณ. เมืองปารีส ประเทศฝรั่งเศส มีกำหนดเวลาสองปี” เมืองปารีส ประเทศฝรั่งเศส ......เป้นประเทศที่เธอใฝ่ฝันอยากจะไปมากที่สุด วันนี้โอกาสได้มาอยู่ตรงหน้าเธอแล้ว เธอจู่ๆกลับลังเลขึ้นมา “คุณมอบโอกาสนี้ให้ฉันงั้นรึ?” ฉันคิดว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ “โดยส่วนตัวผมไม่คิดจะให้คุณจริงๆ แต่โดยส่วนรวมแล้วคุณคือคุณครูตัวอย่างของโรงเรียนพวกเรา ซึ่งเป็นสิ่งที่ควรจะมอบให้คุณ และที่สำคัญที่สุด ผมไม่ต้องการให้คุณตกอยู่ในสภาพชีวิตอย่างนี้ ”ปัจจุบันนี้ชีวิตของฉันยังดีมาก” “ดีจริงๆงั้นรึ? ถูกภรรยาคนก่อนของสามีสาดซอสมะเขือเทศต่อหน้านักเรียนของตนเอง ชีวิตอย่างนี้ ดีจริงๆแล้วงั๊นรึ?” คำถามที่รุกเร้าของไวภพ ทำให้สภาพของผลินขณะนี้ยิ่งน่าสงสารมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ผลินพูดทีเล่นทีจริงว่า “ถ้าฉันไปปารีสจริงๆ เป็นไปได้ว่าจะใช้ชีวิตอยู่ที่นั้นตลอดไป ความตั้งใจของคุณเสียเปล่านะซิ” “ไม่ใช่ว่าไม่ได้คิดถึงผลลัพธ์อย่างนี้ ดังนั้นจึงพยายามอย่างหนักว่าจะบอกหรือไม่บอกคุณดี แต่ว่าขณะนี้ได้คิดทบทวนเป็นอย่างดีแล้ว ถ้าหากว่าคุณไม่กลับมา นั้นผมก็ยินดีกับคุณด้วย แน่นอน ถ้าหากว่าคุณกลับมา ผมก็จะเฝ้ารอคุณกลับมา” ผลินได้ยินเขาพูดอย่างนี้ จิตใจเธออึดอัดไม่สบายใจ หดหู่เป็นอย่างมาก เมื่อก่อนเธอไม่เข้าใจความรู้สึกของไวภพ แต่ว่าขณะนี้เป็นเพราะปยุต เธอจึงกลับเข้าใจเป็นอย่างดี “ฉันขอคิดดูก่อนนะ” ”โอเค ตรึกตรองดีแล้ว บอกผมได้ตลอดเวลานะครับ” ผลินผงกศรีษะรับคำ และพูดเบาว่า “ขอบคุณค่ะ” พกความทุกข์ใจกังวลใจไว้เต๊มอกกลับมาถึงบ้าน แต่ที่โชคยังดีพ่อสามีไม่อยู่บ้าน ห้องรับแขกด้านล่างก็ไม่มีใครอยู่ ผลินค่อยๆเดินขึ้นไปชั้นบน มองเห็นห้องสมุดเปิดไฟอยู่ จึงไม่เดินเข้าไป เดินตรงไปยังห้องนอนของเธอในทันที คงจะได้ยินเสียงเดินของผลิน ปยุตจึงเดินออกมาจากห้องสมุด แต่ผลินก็ได้เข้าไปห้องอาบน้ำเสียแล้ว เขาเคาะประตูถาม “กลับมาแล้วรึ?” ยืนอยู่ใต้ฝักบัว เธอตอบเสียงเบาๆว่า ”อืม” ”ทำไมกลับมาดึกอย่างนี้ ?กินข้างแล้วหรือยัง?” ”กินแล้วค่ะ ปยุตไม่ได้ยินน้ำเสียงผิดปกติของเธอ จึงเดินกลับไปยังหนังสือเพือทำงานต่อ เวลาผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมง ประมาณว่าเธออาบน้ำไปได้สักพักใหญ่แล้ว ปยุตก็เพิ่งจะเสร็จจากงานจึงเดินกลับไปยังห้องนอน บังเอิญพบกับผลินที่กำลังเดินออกมาจากห้องอาบน้ำ
已经是最新一章了
加载中