ตอนที่ 35 ชายปากร้าย   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 35 ชายปากร้าย
ต๭นที่ 35 ชายปากร้าย ชื่อจริงของคุณนายท่านคือดนุชา เกิดในครอบครัวที่มีชื่อเสียง ธรรศเป็นลูกของพี่ชายคนรองของเธอ ในหมู่พี่น้องมากมาย เธอสนิทกับพี่ชายคนรองมากที่สุด และแน่นอนว่าหลานชายคนนี้ก็เป็นที่รักยิ่ง แต่หลานชายก็ทำลายความสุขของลูกชายเธอ ตัวเธอเองที่เป็นอา ไม่ว่าจะเป็นอารมณ์ความรู้สึกหรือสถานะ มันทั้งยากและเจ็บปวดที่คนอื่นไม่มีวันจะเข้าใจ “ถ้าอย่างนั้นการที่ลูกชายของคุณแต่งงานและหย่าอยู่บ่อยครั้ง มันก็คือการเล่นเกมจิตวิทยาใช่ไหมคะ เขาแค่อยากแก้แค้นผู้หญิงเพราะว่าเคยถูกทิ้ง” “ใช่จ้ะ การที่ถูกจันทรและธรรศทรยศหักหลังทำให้เขาประสบปัญหาทางจิตอย่างรุนแรง ตั้งแต่นั้นมาเขาก็เป็นโรคที่เรียกว่า PTSD ซึ่งรู้จักกันทั่วไปคือ Post-Traumatic Stress Disorder สภาวะป่วยทางจิตใจเมื่อเผชิญกับเหตุการณ์ที่กระทบกระเทือนจิตใจอย่างร้ายแรง ส่งผลให้เกิดความเครียดสูง เขามีช่วงเวลาที่ยากลำบากมานานมากแล้ว เราที่เป็นครอบครัวของเขาก็ยากลำบากไม่ต่างกัน เขาปล่อยตัวเอง ไม่เคยนอนหลับสนิทสักคืน ทุกครั้งที่หลับตาลง ก็จะเห็นผู้หญิงที่เขารักทิ้งเขาไป...” “ไม่พาเขาไปพบแพทย์เหรอคะ” ดวงตาของผลินเปียกชื้น จู่ ๆ เธอก็ตระหนักได้ว่าตัวเองได้ทำเรื่องที่ผิดพลาดลงไปอย่างไม่น่าให้อภัย “เขามีปัญหาทางหัวใจ สามารถรักษาได้ด้วยหัวใจเท่านั้น คุณพ่อของเธอได้เชิญจิตแพทย์ที่ดีที่สุดจากต่างประเทศมาดูอาการเขา ในช่วงสองปีมานี้เขามีอาการน้อยมากจนพวกเราคิดว่าเขาจะไม่เป็นอะไรแล้ว คิดว่ามันคงถึงจุดสิ้นสุดที่ดีแล้วแต่ก็ไม่คาดคิดว่ามันจะกลับมาอีก” คุณนายท่านสะอื้นหนักขณะที่พูด พ่อแม่ทุกคนบนโลกใบนี้ช่างน่าสงสารนัก การที่ต้องเฝ้าดูลูกชายของตัวเองไม่สามารถออกมาจากเงามืดได้ ในฐานะคนเป็นแม่อย่างเธอจะไม่รู้สึกเจ็บปวดได้อย่างไรกัน “คุณแม่คะ ฉันขอโทษ” ผลินก้มศีรษะต่ำลงด้วยความรู้สึกผิด “ทั้งหมดมันเป็นความผิดของฉันเอง ฉันพูดบางอย่างที่ไม่ควรพูดกับเขา...” “เธอพูดว่าอะไรเหรอ” เธอบอกความจริงกับแม่สามีของเธอเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้น เมื่อแม่สามีได้ฟังก็ไม่คิดโทษตำหนิเธอ กลับปลอบเธอแทน “ไม่เป็นไรจ้ะ มันไม่ใช่ความผิดของเธอหรอก เราเองที่ไม่ดี เราไม่ควรปิดบังเธอมาตั้งแต่ต้น เธอเป็นผู้หญิงที่ดี ถ้ารู้ว่าเขาเคยผ่านเรื่องเจ็บปวดแบบนั้นมา เชื่อว่าเธอจะไม่ใช้คำพูดที่รุนแรงแบบนั้นแน่” แม่สามีและลูกสะไภ้พูดคุยกันอยู่นานก่อนที่จะกลับไปที่ห้องของตน แม้ว่าผลินจะเหนื่อยแต่เธอก็ไม่รู้สึกอยากนอน เธอเดินตรงไปยังข้างเตียงของปยุต เมื่อมองใบหน้าในยามหลับของเขา มันก็ยากที่จะจินตนาการว่าผู้ชายที่เย่อหยิ่งมีความภาคภูมิใจในตนเองเช่นนี้จะมีอดีตที่ตกต่ำถึงเพียงนั้น ทรุดตัวลงนั่งข้าง ๆ เขาและขอโทษอีกครั้ง “ฉันขอโทษนะคะ ฉันไม่รู้ว่าคุณถูกผู้หญิงที่คุณรักทรยศหักหลังจนบิดเบือนความหมายของคุณ คิดว่าคุณหมายถึงแม่ของฉัน ฉันมันแย่จริง ๆ ที่พูดว่านั่นเป็นสิ่งที่คุณสมควรได้รับ” ผลินรู้สึกผิดอย่างไม่มีที่สิ้นสุด เธอเอื้อมมือออกไปสัมผัสที่หน้าผากของปยุต มันชื้นเล็กน้อย ลุกขึ้นเดินเข้าไปในห้องน้ำ บิดผ้าขนหนูพอหมาด เช็ดเอาคราบเหงื่อออกให้เขาด้วยความระมัดระวัง ค่ำคืนนี้เป็นค่ำคืนที่หนักมาก อย่างน้อยก็สำหรับผลิน มันหนักเหมือนติดอยู่ในความไม่แน่นอนอย่างไม่มีที่สิ้นสุด เข้าใจแล้วว่าปยุตมีบาดแผลในหัวใจ เธอเริ่มคิดทบทวนว่ามันอาจจะโหดร้ายเกินไปที่เลือกเขามาเพื่อแก้แค้น จิตสำนึกเริ่มพร่าเลือนในช่วงเวลาที่ปิดเปลือกตาลง เธอคิดเพียงอย่างเดียวว่าจะต้องทำเช่นไรถึงจะหลีกเลี่ยงการบาดเจ็บของเขาอีกครั้งได้ นั่นคืออย่าให้เขาตกหลุมรักเธอ ตราบใดที่ไม่มีความรู้สึก ไม่ว่าจะผิดหวังแค่ไหนหัวใจก็จะไม่เจ็บปวด ก่อนรุ่งสาง เขาหลุดพ้นออกจากความฝัน นอนหลับสบายตลอดทั้งคืน ดังนั้นเขาจึงลืมว่าเกิดอะไรขึ้นก่อนที่จะนอน เพราะดื่มเข้าไปมากในงานเลี้องเมื่อคืนจึงปวดศีรษะเล็กน้อย เขาลุกขึ้นนั่ง และพยายามที่จะลุกจากเตียงเพื่อไปดื่มน้ำ เมื่อขยับเขยื้อนร่างกายก็รู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างอยู่ข้าง ๆ เขาขยับศีรษะเพื่อเรียกสติให้ตัวเองตื่น เมื่อเหลียวมองก็พบกับผู้หญิงที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงมานอนอยู่บนเตียงของเขา... “นี่ ตื่น ตื่นได้แล้ว” เขาผลักเธออย่างไม่อ่อนโยนและเอ่ยถามด้วยความไม่พอใจ “คุณมานอนที่นี่ได้ยังไง อย่าบอกนะว่าคุณละเมอน่ะ!” เธอมองเขาด้วยความหวาดกลัวเนื่องจากนึกถึงเรื่องเมื่อคืน แล้วเอ่ยตอบ “ฉันมานอนที่นี่เพราะไม่ระวังเอง” หึ ไม่เคยจะได้ยินเหตุผลอะไรแบบนี้มาก่อนเลย ปยุตหัวเราะเยาะ “วันนี้เผลอมานอนบนเตียงของฉัน แล้วพรุ่งนี้คุณจะบังเอิญไปที่เตียงของผู้ชายคนอื่นหรือเปล่าล่ะ” ถ้าเขาไม่ได้มีรอยช้ำที่ข้อมือ ผลินก็อาจจะคิดว่าเมื่อคืนเป็นแค่ความฝัน ผู้ชายที่ดูเหมือนจะทรมานจากอาการ PTSD มันเป็นลิ้นที่เป็นพิษ ถ้าไม่ได้วางยาคนก็คงไม่ยอมหยุด “คุณไม่เป็นอะไรแล้วใช่ไหมคะ” เธอสอบถามรายละเอียด “ผมจะต้องเป็นอะไร” ปยุตเลิกคิ้ว หลงลืมอาการป่วยที่เกิดขึ้นกับตน “คุณจำอะไรไม่ได้เลยเหรอคะ” ผลินเอ่ยเตือนความจำอย่างอ่อนโยน “เมื่อคืนคุณควบคุมตัวเองไม่ได้...” “เมื่อคืนนี้ผมทำอะไรคุณหรือไง” เมื่อรู้ว่าเขาเข้าใจผิดเธอจึงส่ายหน้าปฏิเสธ “มันไม่ใช่อย่างที่คุณคิดค่ะ คือ...” “ถ้าไม่ใช่อย่างที่ผมคิดงั้นเรื่องอื่นมันก็ไม่สำคัญ” เลิกผ้าห่มออกและลุกออกจากเตียง เดินไปที่ตู้เสื้อผ้าและสั่ง “ออกไป ผมจะเปลี่ยนเสื้อผ้า” “ฉันรู้เรื่องทั้งหมดแล้วค่ะ” หลังจากที่ผลินชั่งใจ เธอก็ตัดสินใจสารภาพกับเขา “รู้อะไร?” “อดีตของคุณ” ชั่วขณะหนึ่ง ปยุตหยุดยืนนิ่งโดยไม่เคลื่อนไหว มันเหมือนร่างกายสูญเสียวิญญาณไปจนไม่สามารถเอ่ยประโยคที่สมบูรณ์ได้ “งั้นก็ดีสิ คุณก็จะได้ยื่นฟ้องหย่าต่อศาลและได้รับเงินชดเชยมากมาย แถมยังทิ้งผมได้อย่างเปิดเผย” “ฉันจะไม่ไป ถึงแม้ว่าคุณเป็นปีศาจก็ไม่ไปเด็ดขาด” ผลินพูดมันออกมาจากหัวใจ ไม่เกี่ยวกับความเห็นแก่ตัว ในเวลานี้แม้ว่าจะไม่มีความรัก เขาก็ไม่ควรถูกผู้หญิงทิ้งไปอีก เพราะเช่นนั้นแล้วมันจะทำให้เขานึกถึงผู้หญิงที่จากไป คุณแม่สามีบอกว่า ในภรรยาทั้งเจ็ดคน เธอเป็นคนแรกที่ทำให้เขามีอาการป่วย “ตอนนี้คุณก็รู้เรื่องทั้งหมดแล้ว คุณไม่กลัวหรือไงว่าวันหนึ่งผมจะควบคุมตัวเองไม่ได้แล้วฆ่าคุณ” จู่ ๆ ปยุตก็หันกลับมา แล้วกระชากเข้าที่ข้อมือขวาของเธอ “รอยฟกช้ำแบบนี้ ถ้าคุณยังยืนยันที่จะอยู่ ต่อไปมันจะไม่ใช่จุดเล็กน้อยแค่นี้” “ไม่เป็นไรหรอกค่ะฉันไม่สนใจ อีกอย่างคุณไม่จำเป็นต้องทำร้ายฉัน เมื่อคืนคุณยังบังคับให้ฉันอยู่ห่างจากคุณเลย นั่นอธิบายได้ว่าในจิตใต้สำนึกคุณไม่ได้ต้องการที่จะทำร้ายใคร” มีคนประเภทหนึ่ง ถึงแม้ว่าคุณจะสามารถอ่านความคิดโดยผ่านจิตใจของเขา แต่เขาก็ยังพยายามที่จะปกปิดตัวเองเอาไว้ ปยุตเป็นคนแบบนั้น เขาโกรธผลินมากจนคำรามออกมา “อย่ามาทำเป็นสงสารเห็นอกเห็นใจผม ผมไม่ต้องการมัน!” “ค่ะ ฉันสงสารคุณมาก แต่เพราะฉันรู้สึกเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับคุณ ไม่ใช่เพราะสงสารตัวคุณหรอกนะคะ” “มันก็เหมือนกัน ไม่ว่าคุณจะสงสารอะไร ถ้าผมบอกว่าไม่ต้องก็คือไม่ต้อง ตอนนี้เก็บของแล้วออกไปจากที่นี่ซะข้อตกลงสำหรับการหย่าร้างผมจะส่งคนไปที่บ้านของคุณเอง” ผลินเบิกตากว้างด้วยความตกใจ “มันจำเป็นที่จะต้องจริงจังขนาดนี้เลยเหรอคะ ฉันไม่ได้ทำอะไรผิด ก็แค่รู้อดีตของคุณโดยบังเอิญเท่านั้นเอง” “แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว ผมไม่อยากคุยกับคนที่รู้ว่าผมถูกผู้หญิงทิ้ง และคิดว่าผมน่าสงสารก็เลยต้องอยู่ด้วย” ในขณะที่ปยุตพูดแบบนั้นสีหน้าของเขาเศร้ามากในสายตาของผลิน มันเป็นความเจ็บปวดที่ไม่สามารถอธิบายได้ เมื่อเขากำลังจะเดินเข้าห้องน้ำ ทันใดนั้นผลินก็ก้าวเข้าไปอย่างรวดเร็วและกอดเขาไว้จากด้านหลังพลางพูดว่า “บางทีคุณอาจจะรู้สึกว่าตัวเองไม่ปกติ แต่เมื่อเทียบกับคนที่เป็น PTSD แล้ว คนที่เป็นโรคกลัวที่แคบอย่างฉันก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันเลย” ปยุตหยุดกะทันหัน เธอรู้สึกได้ถึงความแข็งเกร็งของร่างกายของเขา ทั้งสองตกอยู่ในสถานการณ์เงียบงัน หลังจากผ่านไปสักพักผลินเป็นคนแรกที่ทำลายความเงียบ “สิ่งที่ฉันพูดเป็นความจริงไม่ใช่เพื่อปลอบใจคุณหรือโกหกเพื่อความสบายใจของคุณนะคะ ฉันเป็นโรคกลัวที่แคบ กลัวถูกขังอยู่ในที่มืด กลัวความรู้สึกสิ้นหวังหมดหนทางซึ่งแม้จะร้องไห้ทุกวันหรือต่อให้ตะโกนออกไปก็ไร้ประโยชน์ เช่นนั้นแล้วฉันจะมีเหตุผลอะไรที่ต้องมาเห็นใจสงสารคุณในเมื่อฉันก็ยืนอยู่ในจุดเดียวกับที่คุณยืนอยู่ ได้โปรดเชื่อเถอะค่ะ ว่าที่จริงแล้วเราต่างก็เหมือนกัน” เขาถอดแหวนออกจากมือที่อยู่ตรงช่วงเอวของเขา โดยไม่ถามเหตุผลที่เธอป่วยเป็นโรคกลัวที่แคบ ไม่ได้ถามอะไรเลย และเดินเข้าไปในห้องน้ำอย่างเงียบ ๆ ผลินรออยู่ที่ประตู เมื่อเขาออกมา ทั้งคู่ก็ต่างก็มองจ้องกัน และเขาก็พูดขึ้นว่า “คุณมีสิทธิที่จะเลือก แต่ไม่มีใครจะรับผิดชอบต่อทางเลือกนั้นของคุณ” โดยความหมายแล้วเธอสามารถเลือกที่จะอยู่ แต่หลังจากอยู่ที่นี่แล้วมันจะดีหรือไม่ดีก็ไม่เกี่ยวกับใคร เมื่อถึงเวลาทานอาหารเช้า บรรยากาศในโต๊ะอาหารนั้นเลวร้ายมาก ทุกคนต่างเงียบ เกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนก็ไม่มีใครพูดถึงมัน ปยุตทานไปเพียงแค่เล็กน้อย และอ้างว่าที่บริษัทมีประชุมต้องไปก่อน แล้วจึงลุกออกจากที่นั่งไป ทันทีที่เขาจากไปทั้งครอบครัวก็ไม่ทานต่อ คุณนายท่านสั่งให้คนรับใช้นำจานอาหารไปเก็บ แล้วพูดกับลูกสะใภ้ว่า “หนูลิน มาคุยกับแม่หน่อยจ้ะ” ผลินเดินตามแม่สามีไปที่ห้องนั่งเล่นและนั่งลง น้องสามีเองก็มาด้วยกัน “ตอนนี้เธอรู้เรื่องทั้งหมดเกี่ยวกับลูกชายฉันแล้ว เมื่อคืนนี้เธอคงคิดเกี่ยวกับมันอยู่นาน บอกแม่สิจ๊ะ ว่าเธอคิดยังไง” แม่สามีเป็นกังวลมากเธอรู้ดี จึงให้คำตอบที่แน่นอนกลับไป “ฉันจะไม่ทิ้งเขาไปค่ะ” “จริงเหรอจ๊ะ” “จริงค่ะ” “ถึงแม้ว่าเขาจะทำร้ายเธอ ทอดทิ้งเธอ ก็จะไม่จากไปใช่ไหม” “ใช่ค่ะ จะไปจากไป” คุณนายท่านถอนหายใจด้วยความโล่งอก แล้วจึงสำทับต่อ “ถ้าอย่างนั้นเธอสัญญากับแม่อย่างหนึ่งได้ไหม” “อะไรเหรอคะ” “เธอจะมีลูกให้กับเราทันทีเลยได้ไหม เด็กเป็นความผูกพันที่ทำให้ครอบครัวสมบูรณ์ ตราบเท่าที่เธอสองคนมีลูก แม้ว่าเขาจะไม่ได้รู้สึกอะไรเลย แต่สักวันหัวใจของเขาจะเปิดให้กับเธอ” “คือว่า...” ผลินตกอยู่ในสภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก “มันยากมากเลยเหรอ” คุณแม่สามีผิดหวังเล็กน้อย น้องสามีที่เอาแต่เงียบในคราแรกพูดขึ้นโดยที่ไม่คิด “แม่คะ นั่นเป็นสิ่งที่ยากที่สุด การมีลูกไม่ใช่เรื่องของคนคนเดียว พี่สะไภ้ก็สัญญาแล้วว่าจะไม่ทิ้งพี่ชาย แม่ยังจะรีบให้มีหลานให้อีก ที่บอกว่าไม่ยากนี่คิดว่าพี่สะไภ้แข็งแรงกว่าพี่ชายฉันอย่างนั้นเหรอคะ” 
已经是最新一章了
加载中