ตอนที่ 37 ข้าวดิบหุงเป็นข้าวสุก   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 37 ข้าวดิบหุงเป็นข้าวสุก
ต๭นที่ 37 ข้าวดิบหุงเป็นข้าวสุก ค่ำคืนมืดมิด สายลมอ่อนค่อย ๆ จางหายไป แปรเปลี่ยนเป็นอากาศเริ่มเย็นลง ปยุตมองผู้หญิงที่อยู่ข้างหน้า เขาออกไปเพียงไม่กี่นาที แต่ตอนนี้เธอกลับฟุบลงไปบนโต๊ะเรียบร้อยแล้ว เดินเข้าไปช้า ๆ เขาถอดเสื้อสูทคลุมมันลงบนตัวเธอ แล้วยกแขนข้างหนึ่งของเธอ หลังจากนั้นจึงพาออกจากตลาดกลางคืน ไปที่ด้านข้างของตัวรถ เปิดประตูออกและผลักเธอเข้าไป ผ่อนลมหายใจสั้น ๆ และเสยผมตัวเองอย่างหัวเสีย “ฉันต้องบ้าไปแล้วแน่ ๆ ที่มาสนใจความเป็นตายของผู้หญิง” เขาเดินไปขึ้นไปนั่งอีกฝั่ง เอื้อมมือไปรัดเข็มขัดนิรภัยให้เธอ แล้วผลินก็ลืมตาขึ้นด้วยสายตาที่พร่ามัว ถามคำถามอย่างคลุมเครือ “คุณมาทำอะไรใกล้ ๆ ฉัน” “อยู่เฉย ๆ” ปยุตจ้องมองอย่างหงุดหงิด มือก็ยังคงทำหน้าที่ต่อไป มันไม่ง่ายเลยที่จะมัดเธอไว้ เมื่อเขาจะขยับออกแขนนุ่มก็ยกขึ้นคล้องรอบคอของเขา เขาตัวแข็งทื่อ มองไปที่ผู้หญิงตรงหน้า พบกับดวงตากระจ่างใสลึกล้ำไม่มีที่สิ้นสุดบริสุทธิ์ราวกับน้ำทะเล และเพราะมันใกล้เกินไปทำให้แม้แต่ลมหายใจของกันและกันก็ยังรู้สึกชัดเจน ผลินยิ้มจนเห็นฟันและพยักหน้า “ถึงแม้จะอารมณ์ไม่ดี แต่คนเราก็สามารถเติบโตขึ้นได้” มือของเธอย้ายไปยังใบหน้าคมของเขา ลูบใบหน้าของเขาอย่างไร้ซึ่งความเขินอาย เวลานี้เขากลายเป็นคนโง่ ปล่อยให้เธอสัมผัสเขาเหมือนสัตว์เลี้ยง ใกล้เสียจนสัมผัสถึงรู้ขุมขนบนใบหน้าของเธอหนึ่งครั้ง คิดว่าในที่สุดมันจะเพียงพอแล้ว แต่ไม่คิดว่าเธอจะโน้มตัวลงมาพิงไหล่เขา ปยุตตกใจผลักเธอออกอย่างรุนแรง เปิดหน้าต่างออกและเอื้อมมือออกไปนอกหน้าต่าง ลมพัดเข้ามาปะทะ ทันใดนั้นสมองก็ปลอดโปร่งขึ้นมาก สตาร์ตรถและขับรถออกไปจากตรงนั้น ในช่วงเวลาที่ใกล้จะถึงบ้านเขาได้ยินเสียงบางอย่างคล้ายเสียงยุงหรือเสียงแมลงวัน “อย่าตกหลุมรักฉัน...เด็ดขาด...ฉันจะไม่ตกหลุมรักคุณ...แน่นอน...” รถหยุดลง พาเธอเข้าไปในห้องนั่งเล่น ดวงไฟในห้องนั่งเล่นส่องสว่าง นอกจากคุณพ่อแล้วทุกคนยังไม่มีใครไปพักผ่อน “พระเจ้า นี่มันเกิดอะไรขึ้น” คุณนายท่านก้าวออกมาด้วยความประหลาดใจ ได้กลิ่นแรงของแอลกอฮอล์ “ลูกสะใภ้ดื่มมาเหรอ” “ครับ” ปยุตตอบเสียงเรียบแล้วเดินไปทางบันได “พวกเธอไปดื่มด้วยกันมาเหรอ แล้วทำไมถึงไม่รับโทรศัพท์เลย” เธอถามอย่างสงสัยจากด้านหลังของลูกชายและลูกสะใภ้แต่ก็ไม่มีใครสนใจเธอ ลูกสาวเดินย่องเข้ามาและพูดขึ้นว่า “แม่คะ มีสภาพการณ์” “สภาพการณ์อะไร” “แม่ไม่เห็นเสื้อผ้าของพี่ชายที่อยู่บนตัวพี่สะใภ้เหรอคะ พี่สะใภ้คงไม่สามารถถอดเสื้อของพี่ชายได้แน่เพราะเธอเมามาก ดังนั้นทางเดียวที่เป็นไปได้คือพี่ชายถอดเสื้อแล้วใส่ให้เธอ!” “แกหมายความว่าพี่ชายของแกเป็นห่วงพี่สะไภ้น่ะเหรอ” “ใช่แล้วค่ะ” “สัญญาณที่ดี มันเป็นสัญญาณที่ดี” คุณนายท่านพูดอย่างยินดี “ดูเหมือนว่าหลานชายตัวน้อยของฉันจะมาเร็ว ๆ นี้” ปาณีเบิกตากว้าง แล้วความคิดแปลก ๆ ก็ออกมา “แม่คะ ในเมื่อแม่อยากจะกอดหลานชาย ถ้างั้น...” “ถ้างั้นยังไง” “ก็เอายาให้พี่ชายสิคะ บางทีคืนนี้อาจจะมีหลานชายตัวน้อยของแม่ แล้วก็หลานชายตัวน้อยของฉันด้วย” “เป็นความคิดที่ดี เป็นความคิดที่ดีจริง ๆ” เมื่อคุณนายท่านตื่นเต้นก็ลืมที่จะบ่นว่าการพูดจาของลูกสาว “แล้วหลังจากนั้นพี่ชายของแกจะไม่โกรธเอาเหรอ” “โอ๊ยย ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ข้าวดิบกลายเป็นข้าวสุกไปแล้ว ถ้าเขาโกรธก็ปล่อยให้เขาโกรธไป แม่เป็นแม่จะกลัวอะไร มีแม่ที่ไหนกลัวลูกชายบ้างคะ จริง ๆ เลย” เมื่อคุณนายท่านได้ฟังลูกสาวของเธอพูดก็เกิดความกล้า เมื่อสัปดาห์ที่แล้วมีคนนำเข้ายาเสพติดชนิดกล่อมประสาทมาจากต่างประเทศ เป็นเพราะกังวลเกี่ยวกับอารมณ์ของลูกชาย แต่เธอก็ไม่กล้าใช้มัน และดูเหมือนว่าทัศคติของลูกชายที่มีต่อลูกสะไภ้จะดีขึ้นมาก วันนี้เป็นวันปะทะกับดวงอาทิตย์ด้วย ก็แล้วทำไมจะไม่ทำอย่างนั้นกันเล่า ปยุตเหวี่ยงผลินลงไปบนเตียงของเธอ น้องสาวเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับแก้วสีขาวที่มีน้ำอุ่น “พี่คะ คงเหนื่อยแย่เลย ดื่มน้ำสักแก้วสิคะ” “ขอบใจ” เขารับมันไป เพราะก็รู้สึกเหนื่อยจริง ๆ ในขณะที่น้ำกำลังจะเข้าไปในท้อง หัวใจของปาณีก็แอบยินดี แต่อยู่ ๆ พี่สะใภ้ที่นอนอยู่บนเตียงก็ลุกขึ้นและกระโดดขึ้นมาคว้าแก้วน้ำในมือของพี่ชายเธอแล้วพูดพึมพำ “ให้ฉันดื่ม คอแห้งจะตายอยู่แล้ว...” “อ๊ะ ดื่มไม่ได้นะคะ...” เธอยื่นมือเข้าไปยับยั้งไว้ด้วยความหวาดกลัว ในความสับสนวุ่นวายนั้แก้วก็ถูกกระแทกตกลงบนพื้น เพล้ง! แก้วน้ำตกลงพื้นแตกละเอียด ทั้งสามคนได้แต่มองดูไปมา ปยุตถามน้องสาวของเขาด้วยความประหลาดใจ “เธอวางยาพิษไว้หรือไง” “ไม่ค่ะ ไม่ใช่นะ” “งั้นแล้วทำไมถึงดื่มไม่ได้” “ก็มันถูกเตรียมไว้สำหรับพี่ชาย พี่สะไภ้จะดื่มได้ยังไงล่ะคะ” “หืมม เธอไม่ได้อยู่ข้างเดียวกับผู้หญิงคนนี้หรอกเหรอ ทำไมอยู่ ๆ ถึงเปลี่ยนทีม” ปาณีกลืนน้ำลายลงคอพลางยิ้มเฝื่อน “มันไม่ได้เป็นอย่างนั้นสักหน่อย ฉันอยู่ข้างเดียวกับพี่ต่างหากล่ะคะ พี่คะฉันไปนอนแล้วนะ ราตรีสวัสดิ์ค่ะพี่” ยังไม่ทันที่จะได้รับอนุญาตจากปยุต เธอก็วิ่งหนีออกไปอย่างรวดเร็ว เช้าวันรุ่งขึ้น ผลินลงมาข้างล่างเห็นแม่สามีและน้องสามีมองมาด้วยสายตาระยิบระยับ ดูเหมือนว่าเธอจะทำอะไรบางอย่างที่ผิดไป “หนูลิน ฉันให้ในครัวต้มซุปแก้เมาไว้ให้เธอแน่ะ ดื่มก่อนที่มันยังร้อนสิจ๊ะ” “ได้ค่ะ” ผลินถือชามและส่งมันเข้าปาก สายตาเหลือบมองไปทางชายหนุ่ม ไม่มีอะไรที่ผิดปกติกับสีหน้าของเขา หัวใจก็พลันโล่ง แต่ก็ยังกังวลเกี่ยวกับอาการเมาเมื่อคืนว่าจะมีพฤติกรรมอะไรที่ไม่เหมาะสมหรือเปล่า โทรศัพท์มือถือในกระเป๋าสั่นอยู่สองสามครั้ง เธอวางชามลงและมองดู สายตาลังเลเล็กน้อยก่อนจะลุกขึ้นและพูดขึ้นว่า “คุณพ่อคุณแม่คะ ฉันขอตัวไปรับโทรศัพท์นะคะ” หลังจากนั้นไม่นานเธอก็กลับมาจากการรับโทรศัพท์ คุณแม่สามีก็ถามว่า “ใครเหรอจ๊ะ” “น้องสาวของฉันค่ะ” “อ้าว มีอะไรหรือเปล่า” “ไม่มีอะไรสำคัญหรอกค่ะ คุณพ่อกับคุณแม่คิดถึงฉัน พวกท่านก็เลยอยากให้กลับไปทานข้าวด้วยน่ะค่ะ” คุณพ่อพูดออกมาหนึ่งประโยค “พาสามีของเธอไปด้วยสิ ก็ไม่ได้กลับไปหลายวันแล้วนะ” “ตอนเย็นผมมีงานเลี้ยง” ปยุตปฏิเสธ “ไม่ต้องหรอกค่ะ ฉันจะไปคนเดียว อาจจะค้างคืนด้วย” แม่สามีพยักหน้า “ดีแล้วจ้ะ ยังไงก็ไม่ได้กลับไปนานแล้ว คงมีเรื่องที่อยากจะคุยกับคุณแม่อยู่มาก” เสียงของปยุตหัวเราะเยาะ แม้ว่ามันจะเบาแต่ผลินก็ได้ยิน สีหน้าของเธอเหมือนถูกแช่แข็ง ไม่ได้พูดอะไรอีกตั้งแต่เวลาทานอาหารเช้าจนกระทั่งไปทำงาน ก้าวเดินเชื่องช้าไปที่ป้ายรถเมล์ ทันใดนั้นก็มีรถมาจอดอยู่ข้าง ๆ เธอ หน้าต่างถูกเปิดออก เผยให้เห็นสีหน้าของปยุตที่กำลังตลกขบขัน เขาจงใจทำให้เธออับอาย “พ่อแม่คิดถึงคุณเหรอ พ่อแม่ของคุณจะคิดถึงคุณงั้นเหรอ คุณคิดอย่างนั้นจริง ๆ น่ะเหรอ” ถามออกมาสามประโยคโดยที่ไม่รอคำตอบ ทิ้งรอยยิ้มเยาะไว้แล้วขับรถจากไป ผลินหัวเราะทั้งน้ำตา เมื่อวานเราดื่มด้วยกัน วันนี้เขาเยาะเย้ยเธอ เขานี่มันช่างโรคจิต ตั้งแต่แต่งงาน ยกเว้นตอนที่กลับคราวก่อน นี่เป็นครั้งที่สองที่ผลินกลับบ้าน เข้าไปในห้องนั่งเล่น ธินิดากำลังนั่งเล่นอยู่กับแมวเปอร์เซีย เมื่อเห็นเธอก็ทำเป็นพูดด้วยสีหน้าตกตะลึง “โอ้ วันนี้ดวงอาทิตย์คงส่องแสงมากกว่าปกติ คุณนายน้อยที่แต่งงานไปกับมหาเศรษฐีกลับบ้านมาโดยไม่พูดอะไรสักคำ” “ชุดาบอกว่าคุณอยากให้ฉันกลับมา” ผลินตอบด้วยน้ำเสียงบางเบา สำหรับปีศาจหยินหยางอย่างธินิดาแล้วเป็นเสียงที่เคยชิน “อ่า ไม่ใช่นะ ฉันไม่ได้อยากให้เธอกลับมาหรือต้องการให้เธอกลับมา มันไม่จำเป็นต้องมีใบหน้าแบบนี้ที่นี่ ตอนนี้เธอมันไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว” รู้อยู่แล้วว่ามันต้องเป็นแบบนี้ รู้อยู่แล้วว่าชุดาโกหก ไม่ว่าจะเป็นพ่อที่แท้จริงหรือแม่เลี้ยง บ้านหลังนี้ก็ไม่มีใครเลยที่จะต้องการให้เธอกลับมา “ชุดาล่ะคะ” เธอต้องการที่จะเห็น อะไรคือวัตถุประสงค์ของผู้หญิงที่ได้รับความสุขจากการทรมานเพื่อหลอกให้เธอกลับมา “ข้างบน” ธินิดาตอบอย่างไม่เต็มใจ ผลินหันหลังและเดินขึ้นไป เมื่อมาถึงห้องของชุดาเธอก็เคาะประตู มีเสียงอันเย่อหยิ่งของชุดาตอบกลับมา “เข้ามาสิ” ผลินผลักประตูเข้าไปข้างในและถามออกไปตรง ๆ “เธอเรียกฉันกลับมาทำไม” “โอ้พี่สาว ก็ฉันคิดถึงเธอจะตาย” “พอเถอะ เธอไม่จำเป็นต้องแกล้งแสดงที่นี่ ลดความน่ารังเกียจให้น้อยลงหน่อย” “เธอ...” ใบหน้าของชุดากลายเป็นสีขาวซีดเพราะความโกรธ ต้องขอบคุณเธอ มันไม่ง่ายเลยที่จะมีช่องโจมตีเธอได้ “พี่คะ อย่าปฏิเสธฉันสิ ถึงแม้เราจะไม่ได้เกิดจากแม่คนเดียวกัน แต่ก็มีพ่อคนเดียวกัน เราสองคนมีสายเลือดเดียวกันนะ ทำไมถึงได้ห่างเหินอย่างนี้ล่ะ” บอกตามตรงว่านี่มันช่างน่าขนลุก “มีอะไรกันแน่ ถ้าไม่มีงั้นฉันกลับ” “อ๊ะ อย่าเพิ่งไปสิ ฉันบอกแล้ว ฉันบอกแล้ว” ชุดารีบหยุดเธอไว้และอ้อนวอน “ฉันเบื่อบ้านหลังนี้แล้ว ขอไปอยู่บ้านพี่สาวสักสองวันได้ไหม” ผลินเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ “แล้วไปอยู่บ้านฉันจะไม่น่าเบื่อหรือไง” “ใช่ มันไม่น่าเบื่อหรอกก็สภาพแวดล้อมต่างกัน ได้ยินว่าคฤหาสน์นภาเป็นหนึ่งในบ้านที่หรูหราที่สุดในเมืองบี ฉันอยากเห็นมันด้วยตาของฉันเอง” ช่างเหมาะสมที่จะเป็นแม่ลูกกันเสียจริง เมื่อต้องการก็มาทำเป็นดี เมื่อไม่ต้องการก็แค่เตะออกไปยิ่งไกลแค่ไหนก็ยิ่งดี เป็นการดีที่สุดที่จะไม่อยู่ในสายตาของพวกเขาไปตลอดชีวิต “ได้ไหม เธอไม่พูดอะไรก็แสดงว่าเธอตกลงใช่ไหม” “ฉันไม่ตกลง” ปฏิเสธคำขอของเธอสั้น ๆ หันหลังและเดินออกไป “ถ้าเธอไม่ตกลงเธอก็อย่ามาโทษฉันก็แล้วกัน” ชุดาไล่ตามมาและงัดไพ่ใบสุดท้าย “จะทำอะไร” “ยังไม่ทำอะไรหรอก แต่ยังไงก็ตามฉันก็จะไปที่คฤหาสน์นภา ถึงเธอไม่พาฉันไปฉันก็จะไปอยู่ดี ฉันจะไม่พูดอะไรถ้ามันยังไม่ถึงเวลา แต่มันก็ขึ้นอยู่กับอารมณ์ของฉัน” มือของผลินสั่นเล็กน้อย เธอรู้ว่าชุดาสามารถทำอย่างที่พูดได้ ครุ่นคิดชั่วครู่แล้วจึงพยักหน้า “ได้ ถ้าเธออยากจะไปนักก็ไป” “นั่นคือสิ่งที่ถูกต้องแล้ว เกิดเป็นคนต้องมีความยืดหยุ่น มีคำพูดประโยคหนึ่งในสมัยก่อนดีมากเลยนะ ผู้รู้สถานการณ์คือวีรบุรุษ...เฮ้...งั้นรอฉันเดี๋ยวนะ” 
已经是最新一章了
加载中