ตอนที่ 60 อารมณ์ความรู้สึก   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 60 อารมณ์ความรู้สึก
ต๭นที่ 60 อารมณ์ความรู้สึก “นั่นเป็นเหตุผลที่ผมมักจะแกล้งคุณ เพราะผมเกลียดเวลาที่มีคนคิดว่าผมเป็นเกย์” “การกระทำของคุณทำให้คนอื่นเข้าใจผิด ถ้าคุณไม่อยากให้คนอื่นเข้าใจผิด ก็น่าจะบอกคนอื่นออกไปดัง ๆ ว่าไม่ใช่เกย์ ถ้าคุณขี้เกียจอธิบายหลายครั้ง ก็ประกาศตามสถานีโทรทัศน์ไปเลยว่า ผม นายปยุต ทรัพยสาน เพราะเกลียดผู้หญิง ดังนั้นผมจะไม่นอนกับผู้หญิง แต่ผมไม่ใช่เกย์ รสนิยมทางเพศของผมยินดีต้อนรับผู้เชี่ยวชาญเข้ามาประเมินครับ” หลังจากผลินพูดเล่นจบก็ปิดปากหัวเราะ ปยุตลุกขึ้นอย่างหงุดหงิด จับคอเธอไว้ “กล้าหาญขึ้นเรื่อย ๆ เลยนะ กล้าดียังไงมาล้อผม เชื่อไหมว่าผมสามารถโยนคุณลงทะเลเพื่อเป็นอาหารปลาได้” “ไม่นะ อย่าสิ ฉันล้อเล่น” ผลินพยายามกลั้นแล้วแต่ก็ยังอดหัวเราะออกมาไม่ได้ ปยุตเห็นเธอหัวเราะไม่หยุด ก็เลิกคิ้ว “คุณชอบหัวเราะนักใช่ไหม ได้ เดี๋ยวผมจะทำให้คุณหัวเราะ!” เขาเอื้อมมือไปที่รักแร้ของเธอแล้วก็จั๊กจี้เธออย่างหนัก ผลินหัวเราะจนหายใจไม่ออก กลิ้งไปมาบนชายหาดอยู่หลายรอบ จนในที่สุดก็ไม่มีทางเลือกจำต้องยกมือขึ้น “ฉันยอมแพ้ ฉันยอมแพ้ ฉันสัญญาว่าจะไม่ทำมันอีก” ปยุตปล่อยเธอ ชี้หน้าผากของเธอและเอ่ยเตือน “คราวหน้าถ้าคุณกล้าที่จะสงสัยในรสนิยมทางเพศของผมอีก ผมจะหาขันทีสิบคนมาปลอบโยนคุณหนัก ๆ” ผลินนอนหอบหนักบนชายหาด นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเข้ากันได้ดีกับปยุต รู้สึกมีความสุขมาก ใบหน้าสะพรั่งดั่งดอกไม้แย้มบาน “คุณเป็นผู้ชายที่มีพิษสงขนาดนั้นเชียว มันยากนะที่จะหาขันทีน่ะ ปีนี้คุณจะหาขันทีได้หรือเปล่า แถมยังตั้งสิบคนอีก” “ได้สิ เดี๋ยวพาคุณข้ามภพไป” ปยุตหลับตาลงแล้วตอบเสียงเนือย “ถ้าคุณทำได้คุณ คุณพาฉันไปสมัยราชวงศ์หยวนนะ ฉันจะไปหาเตียบ่อกี้” ผลินพูดเสียงแผ่วเบา “คุณจะไปทำอะไรเขา” “ตอนเป็นเด็กฉันตกหลุมรักเขา” หึ ปยุตหัวเราะอย่างไร้อารมณ์ “แอบรักก็ว่าแย่แล้ว นี่ยังไปแอบรักผู้ชายหลายใจอีก” “เขาหลายใจตรงไหน เขามีบุพเพกับผู้หญิงแค่คนเดียว คนเดียวที่เขารักคือเตียเมี่ยง” “ผิด ที่เขาควรรักคือจิวจี้เยี้ยก” “คุณสิผิด เขาไม่เคยรักนางมารเลย” ผลินหันข้างมามองหน้าเขาแล้วพูดว่า “ตอนจบของมังกรหยกภาค3 จิวจี้เยี้ยกถามเตียบ่อกี้ว่าระหว่าง เซียวเจียว, จูอือ, เตียเมี่ยงแล้วก็เธอ ในสี่คนนี้ใครคือคนที่เขารักจริง ๆ เวลานั้นเตียบ่อกี้รู้สึกเศร้าไปชั่วครู่ ใช้ความคิดและถามตัวเอง ตอนนั้นแค่คิดว่าถ้าสามารถอยู่ด้วยกันกับทั้งสี่สาวไปตลอดจะไม่มีความสุขกว่าหรอกเหรอ แต่กลับเกิดการเปลี่ยนแปลง เซียวเจียวไปเป็นประมุขของเปอร์เซีย ญาติของจูอือตาย จี้เยี้ยกหลงผิด มีเพียงแม่นางเตียเท่านั้นที่ได้อยู่ข้างกาย ถึงแม้ว่าในระหว่างนั้นจะเกิดการเข้าใจผิด เขาทั้งรักและเกลียดเตียเมี่ยง แต่ในใจเขาก็ไม่เคยลืมเธอและคิดถึงเธอมาก แต่ยังไงก็ตามการแทรกแซงของจี้เยี้ยกก็ทำให้ใจของเขาสั่นไหว ไม่สามารถเผชิญกับความรู้สึกของตัวเองได้ จนกระทั่งวินาทีนั้น ที่เตียเมี่ยงจากไปโดยไม่ลา ในที่สุดเขาก็รู้ว่าตัวเองถูกครอบงำจากนางมารน้อยจนยากที่จะตัดขาด แต่ถ้าไม่ได้พบเธออีกก็ไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ ดังนั้นในที่สุดเขาก็พบคำตอบ กับจี้เยี้ยกเขารู้สึกเคารพเกรงใจ กับจูอือเขารู้สึกขอบคุณ กับเซียวเจียวเขารู้สึกสงสาร แต่กับเตียเมี่ยงมันคือความรักที่ลึกซึ้ง” จู่ ๆ ปยุตก็ลืมตาขึ้น ถามเธออย่างมีความหมาย “คุณวิเคราะห์มันด้วยตัวเองเหรอ หรือว่าผู้อาวุโสเตียบ่อกี้มาบอกคุณ” ผลินไม่กล้าสบตาเขา เพราะเมื่อมองไปที่เขาเธอจะรู้สึกสับสน “ฉันวิเคราะห์เอง แต่มันก็เป็นเรื่องจริง” ปยุตถอนหายใจ จู่ ๆ ก็รู้สึกเหงาขึ้นมาและพูดว่า “ผู้หญิงทุกคนมีความฝันตลอดเวลาเลยหรือเปล่าที่อยากจะแต่งงานกับฮีโร่อย่างเตียบ่อกี้” “หืมม มีใครนอกจากฉันอีกเหรอที่แอบรักเขา” ปยุตเงียบไปนานหลังจากนั้น จนผลินคิดว่าเขาหลับไปแล้ว แต่จู่ ๆ เขาก็พูดขึ้นสบาย ๆ ว่า “ผู้หญิงที่ผมเคยรู้จัก ตอนเป็นเด็กก็หลงใหลเตียบอกี้” ผลินหัวใจเต้นแรง ไม่ต้องบอกเธอก็รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นต้องเป็นจันทร เพราะคุณแม่เคยบอกว่า จันทรเป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวที่ลูกชายของเธอต้องการที่จะรักและใกล้ชิด “ไม่ใช่ว่าเตียบ่อกี้นั้นยอดเยี่ยม แต่ผู้หญิงทุกคนมีความฝันอยากจะเป็นเจ้าหญิง บางคนชอบเอี๋ยงกว้อ บางคนชอบเฉินเจียโล่ บางคนก็ชอบเฉียวเฟิง พระเอกไม่ได้สำคัญ ที่สำคัญคือ พวกเขาทั้งหมดปรากฏตัวในช่วงวัยที่เด็กหญิงกำลังตั้งตารอ” “แล้วตอนนี้ล่ะ ยังตั้งตารออยู่ไหม” ผลินกัดริมฝีปาก “ฉันเลิกหวังมานานแล้ว” “แล้วทำไมยังจะอยากเจอเตียบ่อกี้อีกล่ะ” “เพื่อจะสร้างเรื่องยากให้คุณ รู้หรอกว่าเขาเป็นเพียงตัวละครที่เป็นภาพลวงตา แม้ว่าคุณจะมีความสามารถในการข้ามภพ มันก็เป็นไปไม่ได้ที่จะเจอ” “งั้นถ้าคุณรู้แล้วว่าเขาเป็นตัวละครที่เป็นภาพลวงตา ก็ไม่ได้หลงรักเขาอีกต่อไปแล้วใช่ไหม” “ไม่ใช่ว่าเลิกแอบรักเขาแล้ว แต่แค่ไม่อยากเป็นเจ้าหญิงเหมือนในวัยเด็ก” ผลินจ้องมองดวงดาวบนท้องฟ้า พูดความรู้สึกออกมาว่า “กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว เมื่อเรามองไปที่ทะเลดวงดาวอันสดใสเหนือศีรษะ ในคืนที่ดาวยังเต็มหัวใจ แต่ไม่มีน้ำตาแห่งความเศร้ามอบให้หนุ่มเลี้ยงวัวกับสาวทอผ้า...เพราะเติบโตขึ้น และไม่มีอีกต่อไปแล้วที่จะเชื่อในเทพนิยาย...” เตียบ่อกี้ก็ดี หรือจะเป็นเฉียวเฟิงก็ช่าง ครั้งหนึ่ง มันก็แค่เทพนิยาย ...... ปยุตพูดถูก เมื่อคืนก่อนปาณียังร้องไห้เสียงดัง ต้องการที่จะตัดขาดความสัมพันธ์กับพี่ชาย แต่วันต่อมากลับมีแต่ความสนุกสนาน จำอะไรไม่ได้เลย ราวกับว่าไม่มีความขัดแย้งเกิดขึ้นมาก่อน “พี่สะไภ้คะ วันมะรืนเป็นวันเกิดของพี่ชายแหละ” ผลินกำลังยุ่งอยู่กับการออกไปข้างนอก เพียงพยักหน้ารับ “เอ่อ ฉันรู้ค่ะ” “แล้วคุณ...” “ฉันดูอยู่ค่ะ” ทาตฤโทรหาเธอ นำบัตรประจำตัวของเธอมาด้วย บอกให้เธอรีบไปรับให้เร็วที่สุด ดังนั้นเธอจึงไม่มีเวลาคุยกับน้องสามีมากนัก และรีบออกจากบ้าน “นี่ ฉันยังพูดไม่ทันเสร็จเลยนะคะ คุณเดินจากไปแบบนี้ได้ยังไงกันนี่ย...” ผลินมาถึงสถานที่นัดหมาย ทาตฤรออยู่ที่นั่นก่อนแล้ว เขายื่นบัตรประชาชนให้เธอและพูดว่า “เมื่อไหร่จะจัดการกับเรื่องที่เกิดขึ้นที่นี่” ผลินก้มหน้าลง “กำลังจัดการค่ะ” ปากพูดอย่างนั้น แต่ในใจคิดหาวิธีที่จะทำลายหลักฐานที่ทาตฤใช้ขู่ลุง การยกเลิกการแต่งงานระหว่างปยุตเป็นสิ่งที่ง่ายที่สุด แต่ไม่ว่าจะเป็นอดีตหรือปัจจุบัน เธอไม่ได้ต้องการที่จะยกเลิก อดีตคือการใช้ประโยชน์จากเขา และตอนนี้เพราะ...เธอมีอารมณ์ความรู้สึกชอบเขา ทาตฤเห็นได้ชัดว่าไม่พอใจกับคำตอบของเธอ ใบหน้าของเขาบึ้งตึง "ก็แค่หย่า มันต้องใช้เวลาในการจัดการนานขนาดไหนกัน” “ทุกอย่างที่ฉันทำมันมีเหตุผลของฉัน ฉันคิดว่าคุณลุงทาตฤน่าจะเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นกับฉันนะคะ” “ก่อนหน้านี้ฉันเข้าใจ แต่ตอนนี้เธอปีกกล้าขาแข็งแล้ว ฉันคงไม่สามารถเข้าใจมันได้อีก” “คุณอย่ากดดันฉันมากเลยค่ะ อย่างน้อยคุณควรให้ฉันมีเวลาเพียงพอที่จะจัดการกับมัน” ทาตฤยิ้มเยาะ “ฉันจะรู้ได้ยังไงว่าถ้าให้เวลาไปเธอจะจัดการกับเรื่องนี้ หรือคิดวิธีจัดการกับฉัน” ผลินถูกเขาอ่านความคิดออกอย่างสิ้นเชิง จึงรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย “กังวลไปแล้วค่ะ ฉันไม่เคยคิดจัดการกับลุงทาตฤที่เป็นผู้มีพระคุณ” “ดีแล้วที่เป็นอย่างนั้น” ดวงตาของทาตฤสะท้อนให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ของความหมายเหมือนโล่งอก แต่ก็เหมือนการเตือนอีกครั้ง “ฉันขอไปห้องน้ำหน่อยนะคะ” ผลินรู้สึกเศร้าเล็กน้อย เธอเป็นแค่ผู้หญิงที่อ่อนแอ ถึงแม้ดูเหมือนจะแข็งแกร่งขึ้น แต่มันก็ยังคงอ่อนแอ ยิ่งไปกว่านั้น เธอไม่ใช่คู่ต่อสู้ของทาตฤเลยแม้แต่น้อย ล้างหน้าด้วยน้ำเย็นแล้วเธอจึงกลับไปที่โต๊ะของร้านน้ำชา ทาตฤชี้ไปยังโทรศัพท์มือถือที่เธอทิ้งไว้ที่โต๊ะ “มีคนโทรมาหาเธอ ฉันเพิ่งรับให้เธอ” เธอทำหน้าบึ้ง รีบเปิดดูบันทึกการโทรออก ทันใดนั้นใบหน้าก็เครียดเคร่ง ถามด้วยความโกรธ “คุณพูดอะไรกับเขา” “ไม่ต้องเป็นห่วง ฉันแค่บอกว่าเขาโทรผิด ไม่มีอะไรที่ไม่ควรพูด” การจิบชาอย่างสบายของทาตฤ เป็นการวางตัวที่ค่อนข้างขัดหูขัดตา “ทำไมคุณถึงมารับโทรศัพท์ของคนอื่นแบบนี้ นี่มันบุกรุกความเป็นส่วนตัวของฉัน” ผลินโกรธมาก “เธอไม่อยู่ มีอะไรผิดปกติกับที่ฉันรับโทรศัพท์เธอ บางทีเหตุผลที่เธอโกรธไม่ใช่ว่าเพราะฉันรับโทรศัพท์เธอหรอก แต่ใครเป็นคนที่โทรเข้ามาต่างหากใช่ไหม” “คุณจะเดาอะไร ถึงแม้ว่าฉันจะไม่อยู่ คุณก็ไม่ควรรับโทรศัพท์ของฉัน มีอะไรผิดปกติขึ้นมาจะทำยังไง คุณจะให้ฉันอธิบายยังไง คุณลุงทาตฤ คุณทำให้ฉันผิดหวังมาก” ทาตฤกระแทกถ้วยเซรามิกในมือลงบนโต๊ะอย่างแรง แล้วพูดรอดไรฟันว่า “ฉันเดาหรือมันเป็นเรื่องจริงเธอรู้แก่ใจตัวเองดี อย่าคิดว่าฉันไม่รู้อะไรเลย สองวันที่ผ่านมาเธอกอดกันขึ้นลงลิฟต์หลายสิบครั้งในห้างสรรพสินค้าที่ทันสมัยของเมือง T เธอกล้าพูดไหมล่ะว่าเธอไม่ได้มีความรู้สึกส่วนตัวกับเขา” ผลินตกใจมาก เป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่ามันน่ากลัว เพราะว่าเขารู้จักเธอราวกับเป็นเงาของเธอเอง สองคนทะเลาะกันอยู่นาน จนในมี่สุดผลินก็โกรธจนปัดแขนของเอาออก และทั้งหมดนี้ ปยุตที่อยู่ในร้านน้ำชาฝั่งตรงข้ามได้เห็นมันอย่างชัดเจน ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ยินสิ่งที่พวกเขาพูด แต่ดูจากสีหน้าแล้วมันไม่ยากที่จะรับรู้ได้ว่ามันเป็นการทะเลาะ ถนนนำโชคเป็นถนนสายเก่า ถนนทั้งสายเป็นร้านน้ำชา นับได้ไม่น้อยกว่าสิบ และสิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้เป็นเรื่องบังเอิญ ปยุตเจอผลินที่นี่ แต่ผลินไม่เจอเขาเพราะในใจเอาแต่จมจ่อมอยู่กับความคิด 
已经是最新一章了
加载中