ตอนที่61 เปิดแผลปมในใจของเขา   1/    
已经是第一章了
ตอนที่61 เปิดแผลปมในใจของเขา
ต๭นที่61 เปิดแผลปมในใจของเขา ปยุตได้กลับมาถึงบ้านช่วงหัวค่ำ และแสร้งทำเป็นถามผลินอย่างไม่ตั้งใจว่า:”วันนี้คุณไปที่ไหนมารึ? “ฉันไปพบญาติที่เพิ่งมาจากต่างถิ่น คุณโทรศัพท์มาหาฉันใช่มั๊ยล่ะ?” ปยุตรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย คิดไม่ถึงว่า ผลินจะตอบคำถามอย่างใจเย็นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น “อืม ใช่แล้วล่ะ เขาเป็นคนพูดว่าโทรผิด” “เวลานั้นฉันอยู่ห้องน้ำ เขามายืมเงินและฉันไม่ให้เขายืม ดังนั้นเขาจึงโกรธกระฟัดกระเฟียดพูดไปในสายโทรศัพท์ว่าคุณโทรผิดแล้ว” ”อ๋อ ความจริงเป็นอย่างนี้นี่เอง” ปยุตได้ยินดังนั้นก็คลายความโกรธ และยิ้มกับเธออย่างอบอุ่นแล้วพูดว่า:”ก่อนที่จะถามคุณผมกังวลใจว่าคุณจะโกหกผม คุณรู้มั๊ย ผมจะโกรธมากที่สุดหากมีใครพูดโกหกผม” ”เป็นไปได้อย่างไร” เขาลูบหัวไหล่ของเธอเบาๆ พร้อมกับพูดออกมาอย่างจริงใจและหนักแน่นว่า:”ขณะนี้ผมคิดเสมอว่าคุณเป็นคนในครอบครัวเดียวกับผม ดังนั้นจำไว้นะ ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรก็ตามอย่าโกหกผม มิฉะนั้นผมจะผิดหวังเป็นอย่างมาก” ”อืมตกลง” แม้คราวนี้ได้ผ่านพ้นไปแล้ว แต่ความรู้สึกของผลินไม่ได้ผ่อนคลายลงเลยแม้แต่น้อย มิหนำซ้ำยิ่งกลัดกลุ้มเพิ่มขึ้นอีก เธอแอบคิดในในว่า ทาตฤต้องเป็นตัวอันตรายต่อความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับปยุตอย่างแน่นอน ในคืนนี้เอง ผลินยืนเหม่อลอยเฝ้าครุ่นคิดอยู่ริมหน้าต่างทั้งคืน หลังจากที่เธอได้คิดทบทวนไปมาหลายรอบ ก่อนที่แสงแห่งรุ่งอรุณจะสาดส่องเข้ามา เธอก็ได้ตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว เธอจะไม่ยอมใช้ชีวิตตกต่ำต่อไปอีกแล้ว เธอต้องการถีบตัวเองขึ้นมาจากเงามืดให้จงได้ อีกทั้ง ต้องช่วยปยุตด้วย หลังจากกินอาหารเช้าเสร็จ เธอได้ไปที่หลุมฝังศพของแม่ของเธอ นำดอกลิลลี่ซึ่งเป็นดอกไม้ที่แม่ของเธอชื่นชอบเป็นอย่างมากขณะมีชีวิตอยู่วางไว้หน้าป้ายหลุมฝังศพ มีอยู่ปีหนึ่ง ดอกลิลลี่นี้เอง ธนวันได้ใช้ดอกลิลลี่ 1คันรถนี้แหละ มัดใจแม่ของเธอไว้ จากนั้นทำให้เธอต้องทนทุกข์ทรมานไปตลอดทั้งชีวิต “แม่ วันนี้ลูกมาสารภาพต่อหน้าแม่ แม่ให้อภัยลูกด้วยนะค่ะ เป็นเพราะผู้ชายคนหนึ่ง ที่ทำให้ลูกคิดที่จะละทิ้งความแค้นของแม่......” ผลินได้คุกเข่าลง พร้อมกับใช้นิ้วมือลูบเบาๆลงบนรูปภาพที่ดูเศร้าสร้อยของแม่เธอ พูดว่า “แม่จะต้องผิดหวังในตัวลูกเป็นอย่างมาก เธอเห็นแก่ตัวอย่างนี้ได้ยังไง เพียงเพื่อตนเองแล้วกลับลืมความลำบากที่แม่ได้รับมาในอดีต ลูกขอโทษท่านแม่ ขอโทษมากจริงๆ ลูกไม่สามารถที่จะหลอกใช้เขาเพื่อให้บรรลุเป้าหมายในการแก้แค้นครั้งนี้ หรือว่าตั้งเริ่มต้น เขาเป็นตัวซวยของฉัน ฉันค่อยๆเตือนตัวเอง ต้องการทำให้เข้าเชื่อใจในตัวเธอ จากนั้นยืมมือของเขาทำลาย ธนวัน แต่ว่าจนกระทั่งถึงวันนี้ ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลย เพราะว่าฉันคิดไม่ถึง ผู้ชายคนนั้นเหมือนกับฉัน มีบาดแผลในใจอย่างแสนสาหัส ซึ่งเป็นเพราะว่าเราทั้งสองเป็นเหมือนกัน ฉันจึงทนไม่ได้ที่จะทำร้ายเขา ใครบ้างที่มีประสบการณ์อย่างฉัน ลิ้มรสการถูกเฉือดเฉืยนเข้าไปที่หัวใจ...” หยาดน้ำตาของผลินได้ไหลพล่างพลูออกมา การแก้แค้นให้กับมารดาเป็นความปราถนาตั้งแต่เล็กจนโตของเธอ เธอวางแผนมานานนับปีเพื่อที่จะทำให้ความปราถนานี้สำเร็จ แต่ขณะนี้เธอได้ละทิ้งความตั้งใจนี้อย่างทันทีทันใด อย่าพูดถึงเลยว่ามารดาของเธอจะคิดอย่างไร แม้แต่ตัวของเธอยังไม่มีทางยอมให้อภัยตัวเองเสียด้วยซ้ำ เดิมทีไม่เคยเข้าใจเลยว่าเพราะเหตุใดแม่ถึงได้ฃื่นชอบพ่อมาก ในวันนั้นเอง ปยุตได้บอกกับเธอว่า:เพราะว่าฉันไม่เหมือนคนปกติ ดังนั้นฉันหวังว่าคุณจะสามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุข เพราะประโยคนี้เองเธอถึงได้เข้าใจแม่ของนาง ความรัก จะมาโดยไม่มีสัญญาณใดๆและ ทำให้คนตาบอดได้เสมอ ไร้เหตุผล ความรักก็คือความรัก ไม่ว่าจะต้องขึ้นช้างลงม้า ตกน้ำลุยไฟ ลำบากตรากตรำถึงเพียงไหน รักก็คือรัก เธอโค้งคำนับสามครั้งและลุกขึ้นเดินจากไป ร่างกายที่มีความมุ่งมั่น บอกกับเธอว่า ยี่สิบสี่ปีที่ผ่านมา เป็นครั้งที่แรกที่ต้องการความกล้าหาญ ใช้ชีวิตที่แตกต่างจากเดิม เดินไปในเส้นทางที่แปลกใหม่ ทำในสิ่งที่ตนเองไม่เคยทำ หลังจากลงมาจากเขาเธอได้ไปที่ร้านขายขนมเค๊ก เพื่อไปสั่งขนมเค๊กให้ปยุต ถึงแม้ตั้งแต่เมื่อคืนวานจิตใจของเธอโศรดเศร้ามาก แต่ว่าเธอยังไม่ลืม วันนี้เป็นวันเกิดของปยุต สั่งขนมเค๊กเสร็จแล้ว ก็ไปเดินเล่นห้างสรรพสินค้าในบริเวณใกล้เคียงเพื่อเตรียมซื้อของขวัญสักชิ้นมอบให้กับเขา ระหว่างทางกลับบ้าน เธอได้ตัดสินใจอย่างแน่วแน่ คืนนี้จะสารภาพความจริงทุกอย่างกับปยุต ถึงจุดมุ่งหมายครั้งแรกของเธอ และความรู้สึกในปัจจุบันที่เปลี่ยนไปหลังจากได้พบกับเขา คุณท่านเวทนและภรรยาของนายท่านเวทน ออกไปข้างนอกตั้งแต่เช้าตรู่ ขณะที่ผลินกลับมาถึง ในบ้านไม่มีใคร เธอได้ไปหาพ่อบ้านเพื่อสอบถาม:”ลุงหลิว แล้วนายท่านและคุณนายล่ะ?” พ่อบ้านตอบคำถามอย่างนอบน้อมว่า:”นายท่านและคุณนายไปร่วมงานศพของท่านประธานบริษัทอี.เอฟ ประมาณช่วงบ่ายถึงจะกลับมาขอรับ” “อ๋อ โอเค” เธอผงกศรีษะและเดินขึ้นไปบนห้อง หลังจากเดินถึงห้องพักเธอก็ได้หยับโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเพื่อส่งข้อความ:“ช่วงบ่ายจะกลับมาประมาณกี่โมงค่ะ?” ปยุตได้ส่งข้อความกลับมาสั้นๆว่า:“มีเรื่องรึ?” “แน่นอนซิ” “เรื่องอะไรรึ?” “เป็นความลับ” เขาได้ส่งข้อความกลับมาสองคำที่แสดงความรู้สึกเฉยเมยว่า :“จะพยายาม” หลังจากนั้น ผลินรู้สึกไม่สบายใจ เธอไม่รุ้ว่าปยุตจะยกโทษให้เธอหรือไม่ หากเขาได้รู้จุดมุ่งหมายครั้งแรกของเธอที่ แต่งงานกับเขา และที่สำคัญที่สุดก็คือ เธอไม่แน่ใจว่าในใจของเขายังมีเธออยู่หรือไม่ บ่าย4 โมงเย็น เธอไปร้านขายขนมเค๊ก ขนมเค๊กได้เตรียมเสร็จเรียบร้อยแล้ว บนหน้าเค๊กสีขาวนวลบริสุทธิ์ดั่งหิมะ ได้เขียนอักษรภาษาอังกฤษคำว่า LOVE ด้วยแยมผลไม้ไว้อย่างชัดเจน เค๊กพร้อมแล้ว ของขวัญก็จัดเตรียมไว้แล้ว เธอกลับไปคฤหาสน์นภา ที่ด้วยความรู้สึกที่สับสนอึดอัดยังไงบอกไม่ถูก พ่อแม่สามียังไม่กลับมา น้องสามีก็ยังไม่กลับมา อีกทั้งปยุตเองก็ยังไม่มีแม้แต่เงา เธอได้รออยู่ที่ห้องรับแขกอยู่พักใหญ่ ทำให้รู้สึกเธอรู้สึกเบื่อๆ ก็เลยเดินไปห้องครัวเพื่อจัดเตรียมอาหารค่ำให้กับทุกคนด้วยตนเอง ตั้งแต่เธอแต่งงานเข้ามาในครอบครัวของสามี เธอไม่เคยเข้าครัวทำกับข้าวสักครั้ง ไม่ใช่เพราะว่าเธอเกียจคร้านหรือทำกับข้าวไม่เป็น เพียงแต่ว่าแม่สามีไม่อนุญาตให้ทำ แม่สามีพูดว่า ภรรยาที่แต่งเข้าตระกูลทรัพยสานและบุตรสาวทุกคนจะต้องได้รับความรักและเอ็นดู ดังนั้นขณะที่เธออยู่ในครอบครัวนี้ ก็ตกอยู่ในสถานะเดียวกัยน้องสามีเช่นเดียวกัน “นายหญิงน้อยท่านออกไปก่อน ทางนี้ปล่อยให้พวกเราจัดการดีกวาเจ้าค่ะ” สาวใช้ที่ดูแลเรื่องสำรับอาหาร เดินมาเห็นเธอสวมผ้ากันเปื้อน ขมักขะเม่นอยู่กับการล้างและหั่นผักจึงรีบเร่งเข้าไปห้ามปราม “ไม่เป็นไร วันนี้ให้พวกเจ้าหยุด1 วัน กลับไปพักผ่อนเถอะ” “ไม่ได้เจ้าค่ะ ถ้าหากนายหญิงใหญ่รู้แล้วล่ะก็ พวกข้าน้อยจะถูกตำหนิและถูกลงโทษได้เจ้าค่ะ......” “วางใจเถอะ ฉันจะไปอธิบายให้กับนายหญิงใหญ่ทราบเอง เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับพวกเจ้า เป็นเพราะฉันเองที่ต้องการเข้าครัวเตรียมอาหาร” สาวใช้เห็นเธอมีความตั้งใจจริงจัง ไม่สามารถห้ามปรามได้เลย เพียงคอยเป็นลูกมือช่วยเหลือเธออยู่ข้างๆเท่านั้น กล่าวได้ว่า ผลินอยู่ที่บ้านของสามีเปรียบเสมือนของล้ำค่า แต่อยู่ที่บ้านของนางเองเปรียบเสมือนหญ้าไร้ค่าต้นหนึ่งเท่านั้น ในครอบครัวสามีอาหารสามมื้อล้วนมีคนรับใช้จัดเตรียมให้ ที่บ้านของนางกลับกัน นางเป็นคนรับใช้ของทั้งครอบครัว เหล่าคนรับใช้ นึกไม่ถึงเลยว่า ฝีไม้ลายมือการทำอาหารของนางนั้นดีมาก ท่าทางผัดกับข้าวดูทะมัดทะแมงและมีทักษะความเชี่ยวชาญในการปรุงอาหารอย่างยอดเยี่ยม เพียงไม่ถึงชั่งโมง อาหารค่ำที่หอมกรุ่นและดูหรูหรา ได้จัดเตรียมได้อย่างเสร็จสมบูรณ์ หลังจากพ่อบ้านหลิว ได้ฟังคนรับใช้มารายงาน ก็รีบเร่งเดินไปยังห้องรับแขก ชำเลืองไปมองดูเค๊กที่วางอยู่บนโต๊ะแล้วพูดกับ ผลินว่า :“นายหญิงน้อย นายน้อยเขา……” คำพูดของเขาไม่ทันจะสุดเสียง คุณท่านเวทน นายหญิงใหญ่ คุณปาณี คุณปยุต คนในครอบครัวทุกคนล้วนเดินกลับมากันพร้อมหน้าเหมือนดั่งได้นัดหมายกันไว้ “ท่านพ่อท่านแม่ พวกท่านกลับมากันแล้วหรือค่ะ” ผลินกล่าวทักทายพร้อมกับยื่นมือช่วยจัดแจงเสื้อนอกของแม่สามี “อืม เหนื่อยมากจริงๆ” คุณท่านเวทน ได้กลิ่นอาหารแล้วพูดว่า :“หอมมาก,อาหารค่ำจัดเตรียมเสร้จแล้วใช่มั๊ย?” “ใช่แล้วค่ะท่านพ่อ” ผลินผงกศรีษะยิ้มเล็กน้อยพร้อมเหลือบมองไปยังปยุตแล้วพูดว่า:“เป็นสำรับอาหารที่ลูกได้จัดเตรียมด้วยตนเอง เพื่องานเลี้ยวฉลองวันเกิดและอวยพรให้ทุกคนอายุมั่นขวัญยืน” ด้วยคำพูดประโยคนี้ของนาง ทำให้สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนสีในทันที ทันใดนั้นน้องสามีได้เดินพุ่งเข้ามาหานางในทันที พร้อมกับพูดข้างหูผลินอย่างลุกลนว่า:“พี่สะใภ้ ฉันได้พุดกับคุณไปทั้งหมดแล้วไม่ใช่รึ ? เหตุใดยังจะมากวนน้ำให้ขุ่นอีกล่ะ?” “คุณได้พูดอะไรกับพี่หรือค่ะ?”ผลินรู้สึกงงๆไม่เข้าใจ ปาณีตบหัวเบาๆแล้วพูดว่า:“วันนั้นฉันคิดจะพูดกับพี่เรื่องนี้ แต่ไม่รอให้ฉันพูดจบพี่ก็เดินหายไป!” ”เกิดอะไรขึ้นล่ะ” ”เธอขมวดคิ้ว พร้อมกับรู้สึกว่ามีลางสังหรณ์อะไรที่ไม่ดีบางอย่างเกิดขึ้น ปยุตลุกขึ้นยืนพรวดพราด เดินไปยังโต๊ะกินข้าว หยิบเค๊กที่วางอยู่บนโต๊ะ โยนทิ้งลงไปบนพื้นอย่างจัง ทำให้เค๊กเละเทะไปหมด แม้กระทั่งตัวอักษรภาษาอังกฤษ คำว่า LOVEที่เขียนด้วยแยมผลไม้บนเค๊ก ไม่เหลือร่องรอยอะไรอีกเลย “คุณทำอะไร บ้าไปแล้วรึ?” เธอผลักตัวปยุตอย่างโกรธเคือง ตามองดูสิ่งที่เธอตั้งใจมอบให้ กองอยู่ใต้เท้าของเขาอย่างปวดใจ “ผมบอกคุณแล้วใช่มั๊ยว่าไม่ต้องการจัดงานวันเกิด ทำไมคุณยังคิดถึงตัวเองเป็นใหญ่ทำอะไรตามอำเภอใจอย่างนี้?!” ดูไปแล้วปยุต มีสีหน้าโกรธเคืองมากกว่าผลินเสียอีก “ คุณคิดจะทำอะไรสักเรื่อง เป็นไปได้มั๊ยที่จะปรึกษาคนอื่นเสียก่อนว่าเต็มใจหรือไม่? คุณมีความสุขใช่มั๊ยที่แขวะปมในใจของคนอื่น ?” หลังจากปยุตระบายความรู้สึกออกมา แล้วก็เดินจากไป ชั่วประเดี๋ยวน้ำตาของผลินก็ได้เอ่อท่วมสองตา แต่ด้วยทิฐิของเธอจึงกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมา จากนั้นพ่อสามีก็เดินรีบเข้ามาแล้วพูดว่า—— “ลูก ขอโทษด้วยที่ทำให้ลูกต้องลำบากใจ ลูกอย่าไปตำหนิลูกปยุตเลยนะ ว่าไปแล้วในวันนี้เองก็เป็นวันที่ปยุต ได้รับความอัปยศมากที่สุดวันหนึ่งและเป็นวันที่ยากที่จะลืมเลือนไปได้” “เพราะเหตุใดหรือค่ะ?” เธอสะกดกั้นความเจ็บปวดในใจเกือบจะร้องไห้ออกมาและถามอย่างสะอึกอื้น น้องสามีได้ตอบคำถามแทนพ่อของเขาอย่างหดหู่ว่า :“เพราะว่า ในวันนี้เอง เป็นวันที่หญิงสาวชื่อจันทรได้ทอดทิ้งพี่ปยุตไป 3ปีที่แล้ว จันทรตอบรับที่จะแต่งงานกับพี่ปยุค และสัญญาว่าจะเป็นเจ้าสาวที่งดงามที่สุดในวันเกิดของพี่ปยุต แต่ว่าใครจะคาดคิด ผลลัพธ์ออกมาเป็นแบบนี้ ……” ผลินรู้สึกประหลาดใจเป็นยิ่งนัก เป็นเพราะผู้หญิงคนนั้นจริงๆ เมื่อก่อนเป็นเพราะเธอคนนั้น ครั้งนี้ก็ยังเป็นเพราะเธออีก “หลังจากนั้นมา 3 ปีแล้วที่พี่ปยุตไม่เคยจัดงานวันเกิดแม้สักครั้งเดียว พวกเราต่างรู้และเข้าใจดี จึงแสร้งว่าวันนี้เป็นวันนปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น และไม่พยายามพูดคำว่า “วันเกิด” สองคำนี้ต่อหน้าพี่ปยุตอีกเลย เกรงว่าจะเปิดปมในใจของเขาเกี่ยวกับเรื่องนี้” “ ขอโทษด้วยค่ะ ท่านพ่อท่านแม่ ลูกไม่รู้เลยว่า สามปีก่อนจะเกิดเรื่องน่าหดหู่อย่างนี้ ทำให้พี่ปยุตต้องเจ็บช้ำใจ ยกโทษให้ลูกด้วยนะค่ะ” ผลินกล่าวคำขอโทษและพ่อสามีก็ได้ปลอบใจเธอพูดว่า :“เรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของลูก คนไม่รู้ย่อมไม่ผิด พวกเราไม่คิดที่จะตำหนิเธอเลย ” ผลินคุกเข่าลงบนพื้น ค่อยๆเก็บเค๊กที่กองอยู่บนพื้นกลับเข้ากล่อง เมื่อเธอมองเห็นแยมผลไม้สีแดง ที่เคยเป็นตัวอักษรคำว่า LOVE กลับเละเทะไม่เหลืออะไร ในที่สุดหยาดน้ำตาของเธอได้ไหลรินออกมาอย่างสะกดกั้นไว้ไม่อยู่ “ให้คนรับใช้เก็บกวาด พวกเรากินข้าวกันเถอะ” แม่สามีและน้องสาวของสามี ช่วยกันผยุงตัวผลินขึ้นมาอย่างรักใคร่เอ็นดู นั่งลงบนเก้าอี้ข้างโต๊ะกินข้าว ทุกคนล้วนแปลกใจและตกตะลึงกับอาหารค่ำแสนหรูหราที่วางอยู่ตรงหน้า แต่เพื่อที่จะไม่ให้จิตใจของเธอบอบบช้ำไปมากกว่านี้แล้ว จึงยิ้มแย้มชื่นชมในทักษะฝีมือการทำอาหารที่ยอดเยี่ยมของเธอ ผลินเห็น พ่อ แม่ และน้องสาวของสามีทุกคน กินอาหารที่เธอทำอย่างเอร็ดอร่อย เธอได้วางตะเกียบลงในทันทีและขยับเท้าวิ่งออกไป......
已经是最新一章了
加载中