ตอนที่ 62 บ่าวสาวจำเป็น
1/
ตอนที่ 62 บ่าวสาวจำเป็น
กำราบความรักของประธาน
(
)
已经是第一章了
ตอนที่ 62 บ่าวสาวจำเป็น
ตนที่ 62 บ่าวสาวจำเป็น เธอได้วิ่งไปบริเวณชายหาด ในที่สุด เธอได้พบกับปยุตยืนอยู่บริเวณนั้น เธอค่อยๆเดินเข้าไปหาปยุตทีละก้าว หยุดยืนอยู่ข้างๆ กายของเขา และพูดว่า :“อย่าคิดว่าฉันจะมาขอให้คุณยกโทษให้ฉันนะ ฉันไม่รู้สึกเลยว่าฉันทำอะไรผิดกับเธอตรงไหน” ปยุตมองไปยังผลินด้วยสายตาค้อนควัก พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า:“ผมก็ไม่รู้สึกเลยว่า เวลานี้คุณสมควรที่จะมายืนอยู่ตรงหน้าผม” “ฉันมายืนอยู่ตรงนี้ ,ก็เป็นเหตุผลที่ฉันควรมายืนอยู่ตรงนี้” “ไม่ว่าเหตุผลของคุณจะเป็นอย่างไร ผมก็จะเลือกที่จะไม่ฟังใดๆทั้งสิ้น ” “คุณสามารถเลือกที่จะไม่ฟัง แต่ฉันต้องการให้คุณเข้าใจในสิ่งที่ฉันกำลังงจะพูด” ผลินได้ขยับตัวเข้าไปใกล้ๆปยุตที่มีสายตาเย็นชา พร้อมกับพูดกับเขาทีละคำว่า:“ใช่ คุณเคยประสบความบอบช้ำอย่างแสนสาหัส ถูกหญิงที่ตัวเองรักหมดใจทอดทิ้งอย่างไร้เยื่อใย คุณมีเหตุผลเพียงพอที่จะเจ็บปวด หดหู่ โศรกเศร้าเสียใจ แต่ว่าคุณไม่มีเหตุผลที่จะทำให้ตัวเองต้องจมปลักอยู่ในอดีตเหมือนทุกวันนี้ วันนี้เป็นวันที่หญิงคนนั้นได้ทอดทิ้งคุณไป แล้วยังไงล่ะ ? วันเกิดเป็นวันที่พ่อแม่ให้กับคุณ ไม่ใช่เธอคนนั้นให้กับคุณ เธอมีค่าอะไรที่จะมาทำลายวันเกิดซึ่งเป็นวันสำคัญที่พ่อแม่มอบให้กับคุณ?วันเกิดของพวกเราเป็นวันที่แม่ของเราเจ็บมากที่สุด มีเหตุผลอะไรเพื่อที่จะหลบหนีปิดบังปมในหัวใจ แล้วกลับลืมคนๆเดียวในโลกนี้ที่มอบชีวิตอันมีค่าให้คุณ? อักทั้งวันนั้นในกว่า10ปีที่ผ่านมา แม่ของคุณใช่มั๊ยที่เพื่อพวกเราแล้วไม่ว่าจะผ่านความทุกข์ยากลำบากสักเพียงไหนเขาก็ยอมที่จะมอบชีวิตที่มีค่านี้ให้กับพวกเราไม่ใช่รึ ?” “คุณไม่เคยถูกใครทำร้ายลับหลัง ดังนั้นอย่ามายืนพูดจาเหมือนคนที่เข้าใจจิตใจของคนอื่นหน่อยเถอะ เหตุผลต่างๆนานาพูดให้คนอื่นฟังนั้นมันง่ายดายอยู่หรอก หากประสบกับตนเองนั้นนะซิ กลับเป็นเรื่องอื่นเลยทีเดียว ชีวิตของผมนั้นไม่ได้มีคุณค่าอย่างที่เธอวาดฝันไว้หรอกนะ มันอยู่เหมือนท่อนไม้ผ่านไปไปวันๆ บางครั้งอาจจะสูญสลายไปได้ทุกเวลา” ผลินคิดไม่ถึงเลยว่า ปยุตจะพูดจาดั่งคนไร้ซึ่งความรับผิดชอบ พลันตะเบ็งเสียงอย่างโกรธเคืองขึ้นมาว่า:“อย่างนั้นก็ดีแล้ว ในเมื่อคุณคิดว่าชีวิตของคุณนั้นไร้ค่า ไม่ใยดีต่อคนที่ดีต่อคุณ อย่างนั้นข้างหน้าเป็นท้องทะเลอันกว้างใหญ่ คุณก็จัดการชีวิตที่คุณคิดว่าเป็นเหมือนท่อนไม้ไร้ค่าย่อยสลายไปได้ทุกเวลา ฝังมันลงไปในท้องทะเลแห่งนี้ซะเถอะ เพื่อจะไม่ต้องให้คนอื่นในครอบครัวคุณต้องมาหนักใจกับคุณอีก!” “คุณคิดว่าผมไม่กล้าอย่างนั้นรึ?” ปยุตเม้มมุมปากสะอื้นอย่างรันทด เดินก้าวไปข้างหน้ามุ่งไปหาทะเลอันกว้างใหญ่ ผลินตะลึงงันเบิกตาโพลงจ้องมองดูปยุตค่อยๆเดินห่างออกไป น้ำทะเลท่วมเท้าของเขาและเอวของเขาเรื่อยๆ จนกระทั่งเกือบท่วมพ้นหลังของเขา หลังจากยืนตะลึงอยู่ผลินรีบวิ่งแวกน้ำทะเลไปคว้าตัวของปยุตในทันที วิ่งไปถึงด้านหลังของปยุตโอบกอดรัดเอวปยุตไว้จนแน่น ร้องไห้อย่างเจ็บปวดกอดแผ่นหลังของปยุตไว้ พูดว่า “ก็ได้ ในเมื่อคุณอยากจะตาย อย่างนั้นฉันจะตายไปพร้อมกับเธอ หากแต่ว่า หลายปีมานี้ ฉันไม่เคยมีความคิดบ้าๆอย่างนี้มาก่อนเลยแม้แต่น้อย ……” น้ำตาของผลินไหลลงบนเผ่นหลังของปยุตจนตกลงมายังท้องทะเล มหาสมุทรอันกว้างใหญ่ไพศาล ไหนเลยจะเข้าใจน้ำตาเพียงน้อยนิด ความเจ็บปวดทุกข์ทรมานที่แบกรับเอาไว้มันหนักอึ้งยิ่งกว่าก้อนศิลาเสียอีก ปยุตยืนหยุดนิ่งหันไปมองผลินแล้วพูดว่า :“เธอนี่ช่างโง่เสียจริงๆ เมื่อไหร่ถึงจะฉลาดขึ้นมาบ้าง? มาตายด้วยกันกับคนเลวอย่างผมนี้มันคุ้มค่าแล้วหรือ ?” “ในสายตาของคุณ คุณปยุต พวกเราเป็นคู่รักปลอมๆ ที่จดทะเบียนสมรสเพียงแต่ในนามเท่านั้น แต่ว่าในสายตาของฉัน คุณเปรียบเสมือนญาติสนิทของฉันคนหนึ่ง ถึงแม้ว่าระหว่างเราจะไม่มีความรักต่อกัน แต่ฉันก็ไม่สามารถทอดทิ้งคุณโดยไม่แยแสได้เลย ฉันจะคอยช่วยเหลืออยู่เคียงข้างคุณตลอดไป ไม่ว่าจะมีสถานะภาพอย่างไรฉันก็พร้อมทุกอย่าง” ปยุตได้ยินคำพูดของผลินประทับใจเป็นอย่างมาก เขาหันหลังกลับไปหาผลิน ค่อยๆลูบไลผมของเธอที่เปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา พูดอย่างเคร่งขรึม ว่า “เด็กโง่ คุณคิดว่าผมจะอ่อนแอขนาดนั้นเลยหรือ?ถึงแม้การผิดหวังในความรักได้ประทับร่องรอยความเจ็บปวดทุกข์ทรมานไว้ให้ผม แต่ว่ายังไม่ใช่ช่วงเวลาที่ทำให้ต้องคิดสั้นถึงขนาดนี้ ถ้าหากจะคิดสั้นนั้นคงต้องเป็นเมื่อสามปีที่แล้วซะมากกว่า ไม่ใช่วันนี้หรอกนะ” “อย่างนั้นคุณทำอย่างนี้ทำไมล่ะ ? เพราะอะไรถึงทำให้ฉันคิดว่าคุณหมดหวังที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปแล้วล่ะ?” “ก็เพียงแค่ต้องการให้ตนเองได้ตื่นขึ้นซะทีเท่านั้น ผมไม่ปฏิเสธ คุณพูดได้ถูกต้อง ชีวิตของผมไม่ใช่เป็นของผมเองเสียทั้งหมด ดังนั้น ไม่ว่าด้วยเหตุผลใด ไม่สามารถทรยศต่อตนเองได้” “คิดอย่างนั้นรึ?คุณคิดอย่างนั้นจริงๆรึ?” คราบน้ำตาบริเวณหางตาของผลินได้กระทบกับแสงจันทร์ส่องประกายวับวาว เมื่อเห็นปยุตพงกศรีษะอย่างหนักแน่นอย่างนี้ ในที่สุดเธอก็ยิ้มอย่างโล่งใจ “ ขอบคุณ ขอบคุณมากที่คุณยังฟังคำทัดทานจากฉันอยู่บ้าง ” เธอมีความสุขมาก มีความสุขมากที่สุด ปยุตยื่นมือออกไปปาดคราบน้ำตาของผลินเบาๆ ถอนหายใจแล้วพูดว่า:“ผลินคุณช่างเป็นผู้หญิงที่อบอุ่นมาก คนที่สมควรพูดคำว่าขอบคุณควรจะเป็นผม ขอบคุณเธอมากที่อดทนในความมุทะลุของผม ขอบคุณเธอมากที่ไม่ทอดทิ้งผมไปไหนเหมือนผู้หญิงคนอื่น” “ฉันไม่ต้องการให้คุณมาขอบคุณฉัน ถ้าหากคุณคิดจะขอบคุณจริงๆแล้วล่ะก็ อย่างนั้นคุณรับปากกับฉันได้มั๊ย ช่วยฉันเอาชนะPTSDของตนเองเหมือนกับเอาชนะความกลัวในที่แคบได้มั๊ย บางทีอาจะยาก แต่ว่าเหมือนกับที่คุณพูด เพียงแค่มีความแน่วแน่ ไม่มีอะไรทำไม่ได้ เรื่องราวในชีวิตประจำวันที่เกิดทั้งหมดของพวกเราทุกคน ล้วนต้องใช้ความรู้สึกของพวกเราไปจัดการ ถ้าหากว่าจิตใจของรู้สึกหม่นหมอง นั้นก็หม่นหมองไปแล้ว แต่ว่า ถ้าหากจิตใจของเราไม่รู้สึกเศร้าโศรก อย่างนั้นฏ้ไม่เศร้าโศรกต่อเรื่องอะไรง่ายๆ” ปยุตจ้องมองผลินอย่างไม่ละสายตา ทั้งสองจ้องมองกันสักพักใหญ่ ปยุตได้คว้ามือของผลินมาวางไว้ตรงหน้าอกที่เปียกชุ่ม พูดว่า “ ตั้งแต่ปีที่แล้วจนถึงบัดนี้ วันนี้ เวลานี้ สถานที่นี้ ทำให้เจ็บปวดอย่างมาก แต่ว่าวันนี้เปลี่ยนไปแล้ว ” ปยุตค่อยๆปลดกระดุมเสื้อของเขาทีละเม็ด เพื่อเปิดเผยหน้าอกของเขา ผลินไม่ใข้ครั้งแรกที่เห็นหน้าอกของปยุต แต่เธอกลับเห็นเป็นครั้งแรก และประหลาดใจเป็นอย่างมาก บนหน้าอกของปยุตมีสักตัวอักษร 1 ตัว ซึ่งมั่นใจว่าเป็นชื่อคนอย่างแน่นอน นั้นก็คือ จันทร ไม่ว่าเป็นครั้งก่อนที่สระว่ายน้ำของโรงแรม T หรือว่าก่อนหน้านี้ ผลินเองไม่เคยแอะใจเลยว่าตรงหน้าอกของปยุตนั้น มีสักตัวอักษร คำนั้นอยู่เลยจริงๆ “รักเขามากมายขนาดนั้นเลยหรือ ถึงได้สักชื่อของนางไว้ตรงกลางหัวใจ?” ผลินได้สอบถามปยุตอย่างเสียใจปนน้อยใจ “สักวันหนึ่งหาก คุณได้พบกับคนที่คุณรักอย่างจริงใจสักคน ถึงเวลานั้นคุณก็คงจะเข้าใจ” “ดังนั้น ก็ไม่มีทางที่จะสามารถลืมเธอได้ใช่มั๊ย?” “ผมจะพยายาม เป็นเพราะคำพูดของคุณทำให้ผมคิดที่จะเปลี่ยนแปลงเป็นคนใหม่ ดังนั้น จะพยายามอย่างที่สุด ตั้งแต่นี้ต่อไป ผมจะค่อยๆลืมชื่อคนนั้นที่อยู่บนหน้าอกผม และลบคนๆนั้นออกจากจิตใจของผมให้ได้” ครั้งนี้ ปยุตไม่ใช่ตัดสินใจบุ่มบ่าม แต่เป็นการตัดสินใจอย่างแน่วแน่ วันที่2 ปยุตได้มายืนอยู่หน้าร้านสักที่เขาได้เคยมาเมื่อครั้งก่อน จ้องมองป้ายร้านค้าอย่างคุ้นเคย ภายในจิตใจเหมือนถูกอะไรทิ่มแทง เมื่อ5ปีที่แล้ว ครั้งแรกที่มาร้านนี้ เขาได้มาที่นี่ด้วยกันกับจันทร แต่วันนี้มาร้านนี้อีกครั้ง ดูเหมือนเป็นสถานที่คุ้นเคย แต่ผู้คนกลับเปลี่ยนไป คนที่มาเป็นเพื่อนเขาในตอนนั้น ไม่รู้หายหน้าไปไหนซะแล้ว อาจารย์ทำTattoo ที่ประจำในร้านยังจำปยุตได้ และต้อนรับปยุตอย่างกระตือรือร้น ว่า :“คุณชายปยุต วันนี้มาถึงร้านผมได้ท่านมีเวลาว่างหรือครับ?” อาจารย์ทำTattooยังรู้จักปยุตเลย แล้ว ในเมือง B มีใครบ้างที่ไม่รู้จักปยุต หากเปรียบเทียบแล้วยังน้อยกว่ารู้จักไดโนเสาร์เสียอีก “ถ้าหากวันนี้ท่านอาจารย์สะดวก ช่วยผมลบรอยสักที่หน้าอกผมออกให้ได้หรือไม่” อาจารย์ทำTattoo ผงกศรีษะตอบรับอย่างงงงัน :“ สำหรับท่านผมสะดวกเสมอ เพียงแต่ว่าเพราะเหตุใดถึงคิดลบรอยสักนี้ออกล่ะครับ?” “มันไม่มีคุณค่าอะไรที่จะเก็บมันไว้แล้ว” ปยุตตอบคำถามนี้อย่างเย็นชา “อ๋อ โอเคครับ。” เรื่องส่วนตัวของผู้อื่น ไม่สมควรถามให้มากความ ถึงแม้ว่าอาจารย์ทำTattooจดจำรอยสักอันนี้ได้เป็นอย่างดี ตอนนั้นชายหนุ่มที่ตกอยู่ในห้วงแห่งความรักและพกความสุขมาจนล้นเหลือ จึงคิดที่จะสักชื่อของเพื่อนสาวเพื่อแสดงถึงความรักอย่างสุดซึ้งที่มีให้กับหญิงคนรัก “คุณชายปยุต ผมขอถามคำถามบางอย่างที่ไม่ควรจะถาม เพื่อนสาวของคุณในตอนนั้นล่ะไปไหนแล้ว คุณทั้งสองแยกทางกันแล้วหรือครับ?” อาจารย์ทำTattoo ลบรอยสักบนหน้าอกของปยุตพลาง สอบถามอย่างละลาบละล้วงไปพลาง “อืม” “น่าเสียดายจริงๆ ผมทำงานสักนี้มากว่า20ปี และสักให้กับคู่รักอย่างพวกคุณนี้มานับไม่ถ้วน ไม่เคยพบเห็นคู่รักคู่ไหนเป็นเหมือนกับคู่ของคุณ ยินดีที่จะสักชื่อของคนรักไว้บนหน้าอกของตนเอง” “คนรักรึ?” ปยุตขมวดคิ้วถาม :“หมายความว่ายังไง?” ถึงแม้ว่าจันทรได้มาพร้อมกับปยุตในปีนั้น แต่ว่าปยุตรักและถนุถนอมกลัวว่านางจะเจ็บ ดังนั้นจึงเปลี่ยนความตั้งใจ ไม่ต้องการให้นางสักชื่อคนรักไว้ที่หน้าอก “คุณรู้มั๊ย หลังจากนั้น เพื่อนสาวของคุณ ได้มาที่ร้านของผมอีกครั้ง เพื่อสักชื่อของคุณไว้ที่หน้าอกของเธอ” ร่างของปยุตชะงักงันพรวดพราดถามขึ้นมาว่า :“เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อไหร่?” อาจารย์ทำTattooตรึกตรองดูแล้วพูดว่า :“ ประมาณ 3 ปีที่แล้ว ผมจำได้ว่าเหมือนจะเป็นวันขึ้น9 ค่าเดือน9 เพราะว่าอีก2วัน เป็นวันครบรอบวันตายของภรรยาของผม ปยุตลุกพรวดขึ้นมานั่ง บีบหัวไหล่ทั้งสองของเขาย้ำถามอีกครั้งว่า :“คุณมั่นใจรึ?” อาจารย์ทำTattoo ตกใจปยุตอย่างมากและผงกศรีษะรับคำอย่างว่องไว :“ใช่ครับ ผมมั่นใจมากครับ……” มือทั้งสองของปยุตพลันอ่อนระทวย และความรู้สึกปวดร้าวในจิตใจไม่สามารถเอ่ยเป็นคำพูดได้ จากนั้นเขาได้ขวักแบงท์ร้อย สองสามใบจากกระเป๋าเงินอย่าซึมกระทือมอบให้ จากนั้นลุกขึ้นยืนเดินออกไปอย่างไร้จุดหมาย “นายน้อยปยุต คุณไม่ลบรอยสักแล้วหรือครับ?” อาจารย์ทำTattoo เกร็งลำคอร้องเรียกตามปยุต แต่ปยุตกลับโบกมือปัดไปมา ไม่พูดจาสักคำ เปิดประตูรถยนต์ บิดกุญแจสตาร์ทเครื่องยนต์ เร่งออกไปในทันที ปยุตขับรถยนต์อย่างไร้จุดหมายวนไปรอบๆตัวเมือง รอยสักที่หน้าอกลบออกไปเพียงแค่นิดเดียว กลับเจ็บปวดมากกว่าขณะที่ยังมีรอยสักเช่นเดิมเสียอีก เวลาผ่านไป 3 วัน เป็นครั้งแรกที่มีความรู้สึกสับสน ไม่เข้าใจความคิดและกระทำของหญิงสาวคนนั้น อาจารย์ทำTattooบอกว่า 2วันหลังจาก ขึ้น9 ค่ำเดือน9 เป็นวันครบรอบวันตายภรรยาของเขา แต่เขาไม่รู้เลยว่า 2วันหลังจาก ขึ้น9 ค่ำเดือน9 นั้น เป็นวันแต่งงานของปยุตและจันทร ถ้าหากว่า จันทรคิดจะทอดทิ้งปยุตไป จันทรต้องวางแผนเตรียมไว้ล่วงหน้าอยู่แล้ว ในเมื่อแผนการนี้ได้จัดเตรียมไว้ แต่เพราะเหตุใด ก่อนวันแต่งงานเพียงแค่วันเดียว จันทรถึงคิดจะสักชื่อของปยุตไว้ที่หน้าอกของเธออีกล่ะ?
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
ตอนที่ 62 บ่าวสาวจำเป็น
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A