​ตอนที่63ปิดบังความรู้สึกลึกๆในใจ(1)   1/    
已经是第一章了
​ตอนที่63ปิดบังความรู้สึกลึกๆในใจ(1)
ต๭นที่63ปิดบังความรู้สึกลึกๆในใจ ปยุตขับรถยนต์มาถึงร้านบะหมี่พริกแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นร้านบะหมี่ที่จันทรชอบมากเป็นที่สุด จันทรชื่นชอบอาหารรสเผ็ดจัดจ้าน ทุกครั้งที่ปยุตกินเผ็ดเหงื่อจะไหลย้อยไปทั่วใบหน้า แต่จันทรเองกลับมีสีหน้าเรียบเฉยไม่มีทีท่าเผ็ดเลย ร้านบะหมี่แห่งนี้ตั้งอยู่ใกล้กับมหาวิทยาลัยประจำเมืองนี้ ปยุตไม่เคยมาที่นี่มานานแล้ว เมื่อครั้งที่ปยุตเรียนมหาลัยปีที่4 เขาได้พบกับจันทรรุ่นน้องที่อยู่ปีที่1 ในร้านแห่งนี้เอง วันนั้น แสงอาทิตย์สาดส่องเข้ามาทางกระจก จันทรได้นั่งอยู่ริมหน้าต่างของร้าน ดูหนังสือที่ตลกขบขันเล่มหนึ่ง นั่งหัวเราะเอิกอ๊ากยังกับเด็กเล็ก แสงอาทิตย์ ยามบ่าย และรอยยิ้มดั่งดอกไม้แย้มบานของหญิงสาว ทำให้หัวใจดั่งหินผาของเขา ติดตาตรึงใจไว้อย่างลึกซึ้ง เหตุเพราะวงศ์ตระกูล เหตุเพราะรูปร่างหน้าตา ตั้งแต่เป็นนักเรียนขั้นมัธยมต้นปยุตเองก็เป็นที่ต้องตาของหญิงสาวทั้งหลาย แต่ว่าไม่มีหญิงสาวสักดนเดียวที่ทำให้ปยุตต้องหวั่นไหว เพราะว่าในสายตาของเขาแล้ว หญิงสาวที่เฝ้าแต่จะฝันกลางวันไปวันๆนั้นเพียงทำให่เขารู้สึกรำคาญใจก็เท่านั้น แต่เมื่อปยุตได้พบกับจันทรนั้น ก็ได้ลบล้างความคิดที่เป็นอติลงโดยสิ้นเชิง ความมีชีวิตชีวาของเธอ ความร่าเริงสดใสของเธอ อีกทั้งความเฉลียวฉลาดน่ารักของเธอ เหล่านี้เป็นสิ่งที่ปยุตไม่เคยพบเห็นในหญิงสาวคนอื่นๆเลย ด้วยเหตุนี้ ความรักของทั้งสอง เป็นความรักกันอย่างสุดซึ้งห่างกันไม่ได้ติดยังกับตังเม รักที่ทำให้เศร้าระทมทุกข์อย่างสุดแสน ร้านบะหมี่พริกนั้นยังคงได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า และสาเหตุที่ได้รับความนิยม ก็เป็นเพราะว่ากำแพงข้างร้านบะหมี่พริกนั้น มีนักศึกษาของมหาลัยประจำเมืองล้วนทำเครื่องหมายไว้บนกำแพงแทบทุกคน บางครั้งแสดงออกถึงความรู้สึก บางครั้งก็เขียนเป็นรหัสลับ จันทรเองก็ชื่นชอบที่จะเขียนความในใจไว้บนกำแพงนี้บ่อยครั้ง ปยุตก็ต้องหัวร่อในความอาโนเนะของจันทร แต่ผ่านไปไม่กี่วันจะมีคนหนึ่งแอบมาดูสิ่งที่จันทรได้เขียนไว้บนกำแพง “ท่านครับ ทานบะหมี่ใช่มั๊ยครับ?” เฒ่าแก่ร้านบะหมี่ได้เปลี่ยนเจ้าของแล้ว ฟังน้ำเสียงเหมือนคนนอกเมือง แต่สิ่งที่น่ายินดีก็คือ ธรรมเนียมการทำสัญลักษณ์ของนักศึกษาวัยหนุ่มสาวนั้นยังคงอยู่ไม่เคยเปลี่ยน บนผนังยังคงติดแผ่น Post it หลากหลายสีสรร แน่นไปหมดเหมือนดั่งเดิม “ผมสั่งบะหมี่พริก 1 ชามครับ” ปยุตเดินไปยังบริเวณกลางผนังร้าน ที่เต็มไปด้วย แผ่น Post it หลากสีสรร ละลานตาไปหมด เพ่งสายตาเสาะหา ร่องรอยที่จันทรที่เคยเขียนทิ้งไว้ สิ่งที่จันทรเคยเขียนความในใจติดไว้นั้นปยุตล้วนเคยผ่านตามาแล้วทั้งสิ้น แต่ว่าเวลานี้แผ่น Post itบนมือของปยุตนั้น กลับเป็นเพียงแต่ แผ่น Post itที่สะดุดตาเท่านั้น ไม่มีคำบอกรักของจันทรแผ่นไหนที่ปยุตเคยเห็นในครั้งนั้นสักใบเดียว “ผมเคยรักคุณมากมายขนาดไหน ปัจจุบันนี้ก็ยังคงรักคุณมากที่สุด เพียงแค่รักคุณเท่านั้น กลับไม่สามารถใช้ชีวิตร่วมกับคุณได้” วันที่ 9เดือน9 ปี2008 จันทรผู้เขียน นิ้วมือของปยุตสั่นเทา ความปวดร้าวที่ไม่สามารถอธิบายได้ค่อยๆ ดิ่งลึกเข้าไปในสี่ห้องหัวใจ ปยุตหวลคำนึงถึงช่วงเวลาที่ใช้ชีวิตอยู่กับจันทร เป็นการยากที่จะทำให้จิตใจเข้มแข็งขึ้นมาได้ ยังไม่ทันที่จะเริ่มต้นเสียด้วยซ้ำกลับหวั่นไหวขึ้นอีกแล้ว เฒ่าแก่ร้านนำบะหมี่มาเสริฟให้ปยุต ไม่รู้ว่าเขาใช้ความรู้สึกอะไรถึงได้กินบะหมี่พริกจนหมด ซึ่งเป็นครั้งแรกจริงๆ ที่เขาไม่รู้สึกเผ็ดเลยแม่แต่น้อย กลับรู้สึกขมขื่นมากกว่า วันนี้เป็นวันอะไรกันนะ ปยุตตั้งใจแน่วแน่ว่าจะลืมจันทรให้ได้ในวันนี้เป็นต้นไป ลืมหญิงคนนั้นที่ปยุตรักอย่างสุดใจ กลับทำให้เขาต้องทราบถึง การจากไปของนาง คงต้องปิดบังความรู้สึกในใจอะไรบางอย่างไว้ ยังมีสิ่งไหนที่ทำให้คนเราทุกข์ทรมานได้ถึงเพียงนี้ หญิงสาวที่คุณรักอย่างสุดจิตสุดใจ ทรยศคุณ ทอดทิ้งคุณไป แต่กลับพบว่าความจริงแล้วเธอยังรักคุณเสมอมา? เวลาค่ำลงทุกที บรรยากาศในฤดูใบไม้ร่วงเริ่มมาถึงอย่างเงียบๆ ความอบอุ่นภายในอากาศไม่เหมือนช่วงฤดูร้อน กลับมีความเย็นแผ่วเบาของฤดูใบไม้ผลิพัดเข้ามา ผลินเดินไปเดินมาลุกลนอยู่ในบ้าน เป็นเวลาเช้าตรู่แล้ว ปยุตยังไม่มีที่ท่าจะกลับมาถึงบ้านเลย โทรศัพท์ก็ปิด เธอคิดจากออกไปตามหาแต่ก็ไม่รู้ว่าเริ่มต้นหาที่ไหน เธอกังวลเป็นอย่างมากเกรงว่าปยุตจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น ขณะที่เธอลุกลี้ลุกลนอยู่ไม่เป็นสุขนั้น พลันมีสียงฝีเท้าเดินเข้ามาอยู่นอกประตู ผลินเร่งฝีเท้าเดินไปหาอย่างเร่งรีบ มองเห็นปยุตกลับมาอย่างปลอดภัย จิตใจที่ร้อนรนของผลินกลับโล่งอกขึ้นในทันที “คุณดื่มเหล้ามารึ?” ผลินได้กลิ่นส่าเหล้าบนร่างของปยุตจึงได้ยื่นมือเข้าประคองตัวปยุตให้มานั่งลงที่โซฟาจากนั้นก็ลุกขึ้นไปที่ห้องน้ำจัดแจงผ้าเย็นมาเช็ดหน้าให้กับปยุต และไปที่ชั้นล่างเตรียมน้ำผึ่งมาเสริฟให้เขาดื่ม ผลินจัดแจงปรนนิบัติปยุตเป็นอย่างดี ดูไม่ยากเลยถึงความรักที่ผลินแอบมีให้กับปยุต “งานยุ่งมากเลยหรือค่ะ?” รอให้ปยุตส่างเมาขึ้นเล็กน้อย ผลินใช้น้ำเสียงอันอ่อนโยนสอบถามเขา ไม่เคยคาดคิดมาก่อนเพียงเพราะความรู้สึก เพราะเมื่อคืนวาน ปยุตได้ตบปากรับคำกับผลินด้วยตนเองว่าจะลืมเรื่องราวในอดีต กลับมาเป็นคนปกติอีกครั้ง “ไม่มีอะไร ผมไปอาบน้ำก่อนนะ” ปยุตลุกขึ้นอย่างไร้เรี่ยวแรง จังหวะการเดินโซซัดโซเซเดินไปที่ห้องอาบน้ำ ผลินมองหลังของปยุตเดินโคลงไปโคลงมา จิตใจของผลินรู้สึกผิดปกติและไม่สบายใจอย่างมาก ปยุตกลับบ้านอย่างปลอดภัย ผลินโล่งใจกลับเข้าไปนนอนตามปกติ แต่ว่าความคิดในจิตใจพลัน มีอะไรมารบกวน กลับทำให้เธอไม่สามารถข่มตาหลับลงไปได้ กลับลุกขึ้นมานั่งลงอย่างมึนๆ รอคอยปยุตออกจากห้องน้ำ เธอได้เหลือบเห็นรอยสักบนหน้าอกของปยุตในแวบแรกและสายตาของทั้งสองจ้องมองกันชั่วครู่ ผลินก็ได้เข้าใจในทันทีว่า เพราะเหตุใดเธอจึงรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ “วันนี้คุณลบรอยสักแล้วรึ?” สายตาของผลินได้จ้องมองไปยังรอยสักตัวอักษรบนหน้าอกของปยุต ที่ถูกลบออกไปแค่ส่วนหนึ่ง ยังคงเหลือตัวอักษร อีกมาก ดังนั้นไม่ว่าอย่างไร ในใจของเขา ก็ยังคงมีหญิงสาวคนนั้นตราตึงในหัวใจ “อืม” ปยุตตอบคำถามอย่างเย็นชา “อย่างนั้นเพราะอะไรไม่ลบให้หมดไปล่ะ?” แม้จะรู้คำตอบ แต่ผลินกลับอยากที่จะรู้คำตอบที่ออกจากปากของเขา เพื่อให้ตนเองได้ยินด้วยหูของตนเองเท่านั้น ถึงจะได้ทำใจ “ค่ำมากแล้ว นอนเถอะ พักผ่อนไม่เพียงพอจะมีผลกระทบต่อคุณภาพในการสอนของพรุ้งนี้นะ” ปยุตคิดที่จะเลี่ยงตอบคำถามนี้อย่างเห็นได้ชัด จึงเปลี่ยนเรื่องพูดทันที ผลินหันหลังกลับไปอย่างทุกข์ใจ ค่อยๆเดินทีละก้าวไปยังห้องลับของนาง ครุ่นคิดถึงว่าตนเองยังไม่ทันได้เอ่ยความในใจเลย ความรักก็ได้มลายหายไปยังไม่ทันได้ก่อตัวเลย เธอจึงตัดสินใจไม่ลดละความพยายาม หยุดเดินในทันที หันหลังกลับไปถามเขาอย่างใจเย็นว่า:“ถ้าหากฉันจะบอกคุณว่า ฉันชอบคุณ คุณจะเชื่อหรือไม่?” ปยุตอึ้งตะลึงงัน ยิ้มตัวแข็งทื่อตอบกลับว่า:“ผมไม่เชื่อ” “เพราะอะไรรึ” “เพราะว่าผู้หญิงอบอุ่นอ่อนโยนอย่างคุณ ไม่มีทางที่จะมาชื่นชอบชายหนุ่มที่ดูเย็นชาอย่างผมหรอก” ผลินน้ำตาเอ่อเต็มเบ้าตา พูดความในใจออกมาอย่างกล้าหาญว่า :“คุณผิดแล้วล่ะ คุณปยุต ในเมื่อฉันเองก็ยังไม่เชื่อตัวเองเลย แต่ว่า ฉันรักคุณก็นั้นคือความจริง คุณปยุต คุณฟังให้ชัดๆนะค่ะ ฉันรักคุณ ” ปยุตได้ยินที่คำพูดออกมาจากใจอันบริสุทธิ์ อึ้งตะลึงงันไม่มีที่ท่าจะตอบสนองไปพักหนึ่ง นิ่งเหมือนกันรูปหินแกะสลักก็ไม่ปาน นิ่งยังกับหิน ..... ผ่านไปพักใหญ่ เขาจึงอดรนทนไม่ไหวที่จะพูดออกมา 3 คำว่า :“ผมขอโทษ” ผมขอโทษ สามคำนี้ในบางครั้งก็ทำให้จิตใจชุ่มชื้นขึ้นมาได้ แต่ในบางครั้งก็ทำให้จิตใจเหมือนถูกมีดเชือดเฉือน เหมือนดังเช่นเวลานี้ ผลินฟังคำพูด3คำที่ปยุตจะพูดกับเธอ ซึ่งเธอเคยปราถนาที่จะฟังคำนี้เป็นอย่างมาก หัวใจของเธอเหมือนถูกมีดเชือดเฉือน เจ็บปวดจนทนไม่ไหว ครั้งแรกที่กล้าหาญที่จะละทิ้งความแค้นในใน เริ่มต้นที่จะรักใครสักคน ดูแลถนุถนอมความรัก แต่ว่า คำพูดผมขอโทษ ของปยุตครานี้ กลับทำให้เธอได้คืนสติอย่างทุกข์ทน ว่า ความรักไม่ใช่เรื่องของคนเพียงคนเดียว “ฉันไม่ดีพอหรือค่ะ?หรือว่าฉันดีน้อยกว่าหญิงงคนนั้นใช่มั๊ย?” ปยุตได้จับหัวไหล่ของผลินไว้แน่น พูดอย่างรู้สึกผิดในใจว่า :“ไม่ใช่คุณไม่ดี แต่ผมยังไม่สามารถทำใจเปิดรับใครได้อีก” น้ำตาของผลินได้ไหลออกมา ถ้าหากว่าปยุตพูดว่าเธอไม่ดีตรงไหน เธอจะไปแก้ไขอย่างไม่ลดละ แต่ว่า ปยุตพูดว่าเขาเองยังไม่สามารถเปิดใจให้กับใครได้อีก ผลินจะทำอย่างไร ? “ค่ะ,ฉันเข้าใจดี” เธอหันหลังกลับอย่างมั่นใจ อดกลั้นที่จะร่ำไห้ต่อหน้าเขา ถ้าหากไม่ได้รับความรัก อย่างนั้น ผลินก็ไม่ใส่ใจใยดีในความรู้สึกของเขาอีกต่อไป เข้าไปในห้องพัก ปิดประตู หยาดน้ำตาได้ไหลพร่างพลูออกมาเป็นสายน้ำ ผลินล้มลงนั้งยองๆอยู่ข้างประตู สองมือโอบหัวเข่าทั้งสองไว้แน่น ไม่รู้เลยว่าหลังจากนี้แล้วจะทำอย่างไรต่อไป ไม่ต้องการที่จะร้องไห้อย่างไร้ค่าเช่นนี้ แต่ว่าน้ำตาไฉนเลยยังไหลออกมาไม่ขาดสาย เธอสะกดกั้นอารมณ์ไว้อย่างเต็มที่ สะกดใจไว้ ปยุตที่ยืนอยู่ข้างประตูอีกฟากหนึ่งได้ยินเสียงผลินร้องไห้ได้อย่างชัดเจน นี้เป็นครั้งที่2 ที่ได้ยินเสียงร้องไห้อันโศรกเศร้าของผลิน หัวใจของปยุตเจ็บปวดยิ่งนัก เขาคิดที่จะเคาะประตูเรียก แต่ว่ามือยกขึ้นมากลับหยุดชะงักลง เวลานี้ไม่ว่าใช้คำพูดจะอธิบายอย่างไรล้วน ไร้ประโยชน์ เขาเข้าใจเป็นอย่างดี สิ่งที่ผลินต้องการจะได้ยินนั้น ไม่ใช่คำปลอบใจของเขาเลย ความรัก ช่างโหดร้ายเสียจริงๆ ไม่ใช่เธอที่ทำให้ปยุตต้องเจ็บช้ำ แต่เป็นปยุตเองที่ทำให้ผลินต้องผิดหวัง ผลินต้องการที่จะหลบหนีปยุตไปให้ไกล ผลินตื่นขึ้นมาแต่เช้าตรู่ก่อนปยุต เมื่อคืน เธอเองก็กลับไปหลังเขา เท่าที่จะทำได้ ผลินจะไม่อยู่กับปยุตสองต่อสอง หลังจากถูกปยุตปฏิเสธ เพราะว่าเธอเองไม่รู้จะปฏิบัติตัวอย่างไรและจะแสดงสีหน้าอย่างไร เมื่อเผชิญหน้ากับเขา จิตใจที่ซึมเศร้า สีหน้าที่ดูห่อเหี่ยว ประเดี่ยวเดียวนึกขึ้นได้ถึงคำเตือนของเพื่อนรักอย่างชื่นใจ ชื่นใจได้นัดพบกับผลินที่ร้านกาแฟ สอบถามเธออย่างตรงไปตรงมาว่า :“ช่วงนี้เกิดเรื่องอะไรขึ้น ?ทำไมจิตใจดูเศร้าสร้อยหงอยเหงา?” ผลินสั่นศรีษะแล้ว หยิบกาแฟดำข้างหน้ายกขึ้นมาดื่มพร้อมกับพูดว่า:“ไม่มีอะไร” “ยังคิดจะปิดบังเพื่อนคนนี้อีกรึ ฉันรู้จักเธอมานาน มีเรื่องอะไรจะไม่พูดไม่จากันอย่างนั้นรึ?” “ไม่ใช่เรื่องอะไรที่น่ายินดีอะไรหรอก พูดออกมาแล้วจะทำให้ตนเองโศรกเศร้าเพิ่มขึ้นอีกก็เท่านั้น” ผลินเอ่ยออกมาแบบนี้ ชื่นใจก็พอจะเข้าใจบ้างแล้วบางส่วน “เธอบอกความในใจกับปยุตแล้วใช่มั๊ย ปยุตพูดว่าเขาไม่สามารถยอมรับเธอได้ใช่มั๊ย?” “คำพูดยังรุนแรงกว่านี้เสียอีก เขาพูดว่า ใจของเขาไม่สามารถรับใครได้อีกแล้ว ไม่มีความลังเลใจแม่สักนิดเลยล่ะ” ชื่นใจขมวดคิ้ว เอ็นดูผลินเป็นอย่างมาก กุมมือของผลินขึ้นมาปลอบใจว่า :“ไม่เป็นไร ไม่เปิดใจ ก็คือไม่เปิดใจ ผู้ชายทั้งโลกใช่ว่าจะตายไปหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเขาเองก็มีนิสัยบึ้งตึงได้ตลอดเวลา “มีเพียงบางอย่างพอใจสักเท่าไหร่ เพื่อเขาแล้วแม้แต่เรื่องแก้แค้นก็ยังไม่คิดอีกเลย แต่ว่าเขาเองแม้แต่โอกาสที่กลับไปคิดดูสักครั้ง ก็ยังไม่ให้ฉันเลย ” “ในเมื่อรู้สึกไม่ยอมแล้ว อย่างนั้นก็อย่าละความตั้งใจ ฉันมั่นใจมีชายหน้าไหนที่จะไม่ชอบน้องผลินของพวกเรา ไม่ชอบน้องผลินของพวกเราคือพวกหน้าโง่” ผลินจ้องมองออกไปทางนอกหน้าต่าง พูดออกมาอย่างท้อแท้ว่า :“ผู้ชายทุกคนล้วนมีรักแรกกันทุกคน หญิงสาวที่สามารถเริ่มต้นจุดประกายความรักของผู้ชายคนรักนั้นได้ จะต้องทำอย่างไรถึงจะชนะเธอได้รึ?” “ความรักแรกเป็นยังไง?เป็นเพียงแค่ความทรงจำในอดีตก็เท่านั้น เพียงแต่เธอต้องมีความมั่นคงและจริงใจ จะต้องยึดครองหัวใจของปยุตได้อย่างแน่นอน” ปยุตนั่งอยู่ในห้องทำงาน ในมือถือโทรศัพท์พลิกไปพลิกมา เป็นเวลา 3 วันแล้ว เขาและผลินไม่พูดจากันเลยสักคำ ปะหน้าเพียงครั้งคราว ปยุตไม่ทันจะเอ่ยปาก ผลินก็ได้หายแว๊บไปอย่างไร้ร่องรอย 
已经是最新一章了
加载中