ตอนที่64 ปิดบังความรู้สึกลึกๆในใจ(2)   1/    
已经是第一章了
ตอนที่64 ปิดบังความรู้สึกลึกๆในใจ(2)
ต๭นที่64 ปิดบังความรู้สึกลึกๆในใจ(2) ปยุตรู้ดี ผลินกำลังหลบหน้าเขา หญิงสาวพูดความในใจออกมาให้กัยฝ่ายชาย กลับได้รับการปฏิเสธ ความผิดหวังและความปวดร้าวเช่นนี้ ปยุตเข้าใจเป็นอย่างดี ดังนั้นหลายวันมานี้ ปยุตคิดทบทวนหลายรอบ ทำอย่างไรถึงจะสามารถผ่อนคลายความสัมพันธ์ที่เย็นชาของทั้งสองคนลงไปได้ คิดทบทวนหลายรอบ ปยุตได้ส่งข้อความสั้นๆไปให้ผลินว่า:“ คืนนี้ว่างมั๊ย พวกเรามาคุยกันสักหน่อยนะ ” เฝ้ารอมาครึ่งชั่วโมง ผลินก็ไม่ตอบรับกลับมาแต่อย่างใด เขาจึงได้โทรศัพท์ไปหา โทรติดแต่ไม่คนรับสาย โทรไปหา 3-4ครั้ง ผลินก็ไม่ยอมรับสาย ถ้าจะพูดว่าเธอไม่รับสาย สู้พูดว่าเธอไม่กล้าหาญพอที่จะรับสายโทรศัพท์ของปยุตมากกว่า เพราะผลินกลัว ปยุตจะพูดกับเธอว่า :‘ในเมื่อพวกเราไม่สามารถที่จะทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งเป็นดังเดิม อย่างนั้นพวกเราแยกทางกันเถอะ’ ผลินรู้ดีว่างานแต่งงานระหว่างปยุตแค่เป็นการชั่วคราว และเธอก็ยังรู้ดีอีกว่า สิ้นสุดลงในวันนี้ งานแต่งานระหว่างผลินกับปยุตครบ 3เดือนพอดิบพอดี คำพูดของเขาในงานแต่งงานวันนั้น ยังคงก้องอยู่ในหู คาดไม่ถึงเวลาจะผ่านไปรวดเร็วขนาดนี้ พริบตาเดียวถึงเวลาต้องปิดฉากลง “6โมงเย็น ผมจะรอคุณอยู่ที่ร้าน35℃ ไม่พบไม่กลับ” ข้อความที่ 2 ของปยุตได้ส่งมาถึงผลิน ผลินดิ่งลึกเข้าไปในความรู้สึกลังเลใจอย่างบอกไม่ถูก การประชุมสิ้นสุดลงและเป็นเวลา 5 โมงเย็น ปยุตเตรียมเดินทางไปยังร้าน35℃ ก่อนเดินทางลองโทรไปหาผลินอีกครั้งผลสรุปผลินก็ยังคงไม่รับสายโทรศัพท์ ชนัยได้ผลักประตูเข้ามา มองเห้นสีหน้าปยุตดูครุ่นคิด ถามออกไปอย่างติดตลกว่า :“กลัดกลุ้มเรื่องความรัก ใช่ไม่ใช่?” “คาดเดาอะไรมั่วๆ” “คุณกล้าพูดมั๊ยล่ะว่า คุณไม่มีใจให้กับภรรยาใหม่ของคุณสักนิด?รู้มั๊ยคุณสองคนแต่งงานกันนานแค่ไหนแล้ว?”ชนัยใช้นิ้วมือชี้ไปที่ปฏิทินบนโต๊ของปยุตพูดว่า :“3เดือนพอดิบพอดี ทำลายสถิคิการแต่งงาน 6ครั้งที่ผ่านมาเลยนะ ” หากชนัยไม่เตือน ปยุตก็คงคิดไม่ถึงในเรื่องนี้ ปยุตกับผลินมีความสัมพันธ์ฉันสามี มาเป็นเวลา 3 เดือนพอดี ในขณะเดียวกันปยุตก็เข้าใจได้ในทันที สาเหตุอะไรที่ผลินไม่ยอมรับสายโทรศัพท์ เขารีบเร่งเขียนข้อความส่งไปหาผลินอีกครั้ง:“มีเรื่องจะคุยด้วย แต่ว่าไม่ใช่คุยเรื่องหย่านะ” คิดว่าทำอย่างนี้ ผลินจะรับสายโทรศัพท์ของเขา แต่ว่าโทรศัพท์ไปอีกครั้ง ผลินก็ยังคงไม่รับโทรศัพท์ ปยุตเริ่มอารมณ์เสียอย่างเลี่ยงไม่ได้จึงโยนโทรศัพท์ลงบนโต๊ะ “ผู้หญิงไม่รับโทรศัพท์มีความหมาย สองอย่างก็คือ หนึ่งรักมาก สองเกลียดมา ” ชนัย พูดออกมาสั้นๆอย่างซื่อๆ แต่ปยุตก็ไม่มีทีท่าอะไร “หรือว่ารักตัวเองเป็นอย่างมากจึงกลับกลายเป็นเกลียดมาก” ชนัยพูดสำทับอีกครั้ง ปยุต ตอบกลับชนัยอย่างไร้อารมณ์ :“ อย่างนั้นต้องเป็นโรเมโอและจูเลียตเท่านั้นถึงจะเป็นไปได้ ” “นั้นคุณพูดอย่างสัจจริง ระหว่างคุณกับผลินไม่เคยมีเยื่อใยต่อกันเลยสักนิดใช่มั๊ย?” ชนัยคบกับปยุตมา10กว่าปี มีความสัมพันธ์เหมือนดั่งญาติสนิท คิดอะไรก็พูดออกมาไม่เคยปกปิด “ผมมีใครอยู่ในใจแล้วคุณก็ทราบดี” “นั้น สักนิดก็ไม่มีเลยรึ ?หรือว่าเป็นความรู้สึกอย่างอื่นก็ได้ เช่น เพื่อนสนิท หรือ ญาติสนิท?” “ความรู้สึกอย่างอื่น ก็มีอยู่ แต่ว่าไม่รู้จะอธิบายยังไง” “เป็นความรู้สึกยังไงถึงพูดออกมาเป็นคำพูดไม่ได้รึ?” ปยุตถอนหายใจเล็กน้อยพูดว่า :“น้อยกว่าความรักนิดนึง แต่มากกว่าเพื่อนสนิทหน่อยนึง” “อย่างนั้นก็เป็นญาติสนิทนั้นแหละ ยังมีอะไรที่จะบอกไม่ถูกอีกล่ะ” “ก็อาจใช่” ปยุตลุกขึ้น ดูนาฬิกาที่ข้อมือ:“ผมมีธุระจะต้องทำ ไปก่อนล่ะ คุณยังไม่เลิกงานรึ?” “ไปก่อนล่ะ” ปยุตนั่งอยูในร้าน 35℃ รอผลินตามที่นัดหมายไว้ ถึงแม้จะรู้ว่าความรู้สึกของเธอจะไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ แต่เขาเชื่อว่า ผลินจะต้องมาตามนัด เพราะเธอ ไม่ใช่ผู้หญิงประเภทที่จะหลบหนีความจริงไปตลอดชีวิต ความจริงแล้ว ปยุตก็ยังเข้าใจผลิน ในที่สุดผลินก็มาตามนัด ถึงแม้ว่าท่าทางของเธอจะดูราบเรียบ แต่ว่าภายในแววตามีความเสียใจที่ไม่สามารถปกปิดเอาไว้ได้ “คิดที่จะหลบหนีผมไปตลอดอย่างนั้นรึ?” ปยุตเพ่งมองไปที่ผลิน ไต่ถามอย่างตัดพ้อ “ไม่ใช่ค่ะ เพียงแค่ต้องการรอให้จิตใจสงบลงสักหน่อยถึงค่อยพบหน้าคุณ” “ถ้าหากทำให้คุณต้องเสียใจ ผมขอโทษ ผมเป็นผู้ชายที่แย่ที่สุด แต่ ผลิน คุณเป็นผู้หญิงที่ดีมากคนหนึ่ง ผมไม่ปฏิเสธผมมีความรู้สึกดีๆกับคุณ แต่ว่าสาเหตุที่ไม่สามารถรับคุณเข้ามาในหัวใจนั้น เพราะว่าในใจของผมมีจันทรมาตลอดไม่ไปไหน ภายใต้สถานะการณ์อย่างนี้ ถ้าหากตอบรับความรู้สึกดีๆที่คุณมีให้กับผม จะไม่ยุติธรรมกับคุณมาก ผมต้องรับผิดในการกระทำของตนเองเสมอ ในใจของคนหนึ่งคนนั้นใหญ่เพียงแค่นี้ เป็นไปไม่ได้ที่จะมีหญิงสาว 2คน ในเวลาเดียวกัน ภายนอกรักคุณ แต่ภายในใจกลับรักหญิงอีกคนหนึ่ง ความรักอย่างนี้ ผมมั่นใจว่าเป้นความรักที่คุณก็ไม่ต้องการเช่นกัน” “อืม ฉันเข้าใจเรื่องนี้ดี” ผลินสะกดกั้นความโศรกเศร้าภายในจิตใจไว้ ยิ้มออกมาอย่างเข้มแข็งแล้วพูดว่า :“สั่งอาหารเถอะ ฉันหิวมาก” “โอเค” ปยุตรู้ดีว่าผลินปวดร้าวอย่างมาก กลับไม่สามารถปลอบใจเธอได้ เพราะว่าในมุมมองของเขาแล้ว คำปลอบใจเป็นเพียงแค่สิ่งจอมปลอม ปยุตสั่งอาหารมาเป็นจำนวนมาก ผลินหยิบตะเกียบขึ้นมาแล้วหัวเราะอย่างข่มขื่น พูดว่า :“ คุณไม่ชอบฉันจริงๆ อาหารที่สั่งมา ส่วนใหญ่แล้วเป็นอาหารที่ฉันไม่ชอบกินแทบทั้งนั้น” ปยุตรู้สึกอึดอัดใจขึ้นทันที :“อย่างนั้นผมจะเรียกให้พวกเขาเอากลับไป” “ไม่ต้องหรอก รับประทานต่อไปเถอะ” อาหารมื้อนี้ทั้งสองคนรับประทานโดยไม่พูดจะกันเลยสักคำ บางครั้งเงยหน้าสบตาฝ่ายตรงข้าม แล้วก็ละสายตายกลับในทันที ด้วยเหตุนี้ ผลินคิดว่า ไม่มีความห่างเหินใดๆในโลกนี้ที่ไกลไปกว่านี้อีกแล้วล่ะ? สายตาที่มองซึ่งกันและกัน กลับไม่มีหนทางที่ได้โคจรมาบรรจบกัน “คุณวางแผนจะทำอะไรต่อไปหลังจากนี้?ยังจะอาศัยอยู่ที่บ้านของพวกเราอีกหรือไม่?” “ถ้าคุณไม่ไล่ฉันไปไหน ฉันก็จะอยู่ที่นี่ ” “หมดสิ้นแล้วเยื่อใยก็ได้รึ?” ปยุตสอบถามอย่างระมัดระวัง “3 เดือน ที่ผ่านมาก็อยู่อย่างไม่มีเยื่อใยต่อกัน ซึ่งก็เหมือนกันไม่ใช่รึ” ใช่ซิ คู่สมรสทุกคู่ ไม่ใช่เป็นเพราะความรักถึงใช้ชีวิตร่วมกัน ได้ ความรักของคนสองคน ผ่านความรักมาระยะหนึ่งถึงจะแต่งงานร่วมกัน หรือว่าคุณกล้าพูดว่า ระหว่างพวกเขาทั้งสองคนมีเยื่อใยลึกซึ้งเพียงไหนล่ะ ? เพราะด้วยเหตุผลต่างๆนานาระหว่างการแต่งงานของคู่สามีภรรยานั้น สักกี่คู่กันเชียวที่มีความรักใครกันอย่างแท้จริง ?ไม่ใช่เพราะว่าอยู่ๆกันไปก็อาจเพราะว่ากล้ากลืนฝืนทน แต่ที่มากที่สุดก็เป็นเพราะความเหมาะสม เพราะความเหมาะสมทำให้ได้อยู่ร่วมกันเป็นสิ่งที่ดีไม่ใช่รึ ลิ้นกับฟันกระทบกระทั่งกันไปทั้งชีวิต ในเมื่อบางครั้งในยามที่พระอาทิตย์ตกดิน อาจจะมีความเสร้าโศรกเกิดขึ้นได้ เพราะอะไร ถึงไม่เป็นเพราะความรักถึงได้ครองรักร่วมกัน กลับเป็นเพราะความเหมาะสมถึงได้อยู่ร่วมกัน “กลับบ้านหรือยัง?” ออกจาก ร้าน35℃ ปยุตได้ถามผลินที่ยืนอยู่ข้างๆ “ยังค่ะ คุณกลับไปก่อนเถอะ ฉันธุระที่จะต้องทำอีกหน่อยคะ” ห้ผมไปส่งมั๊ย?” “ไม่ต้องค่ะ ใกล้แค่นี้เองคะ” ปยุตผงกศรีษะ ตอบรับ:“โอเค นั้นเดินทางระมัดระวังนะครับ” รอให้รถของปยุต ค่อยๆวิ่งออกไป ผลินเดินไปถึงโรงภาพยนต์ที่อยู่ใกล้ๆ หลังจากนั้นดูหนังเรื่องหนึ่งที่ดูไม่เข้าใจ สายตามองไปรอบๆ พบเห็นหลายคู่พรอดรักกัน ถึงเข้าใจในทันทีว่าความอ้างว้างคืออะไร ชุดามองดูเวลาได้ผ่าน 3เดือนแล้ว ผลินกลับยังคงอยู่ที่บ้านตระกูลทรัพยสาน เป็นนายหญิงน้อยอย่างปกติสุข ในที่สุดก็ได้ ทำลายเสียงที่เล่าลือกันในสังคม ว่าการแต่งงานของปยุตผู้โหดเหี้ยมจะไม่มีใครอยู่เกิน 3 เดือน ไฟริษยาก็ได้เริ่มปะทุขึ้นมา ชุดาตัดสินใจไม่เฝ้ารออีกแล้ว ไม่ว่าจะใช้วิธีไหน จะต้องเปิดเผยคำโกหกของผลินให้จงได้ คิดไปคิดมา ยังคงตัดสินใจที่ใช้ เจ้าหน้าโง่คนนั้นเป็นเครื่องมือ แต่ว่าพ่อแม่ของเจ้านั้นเอ็นดู ผลินอย่างชัดเจน ดูไปเธอควรหาคนอื่นมาเป็นเครื่องมือแทน แต่ว่าจะหาใครมาดีน๊า? ชุดาจัดแจงรายชื่อบุคคลที่เกี่ยวข้อง สุดท้ายเป้าหมายของเธอก็ล๊อคไว้ที่ ตีรณ ตีรณรู้จักชุดาอย่างแน่นอน เพียงแต่ว่าทั้งสองไม่เคยไปมาหาสู่กันเลย ดังนั้นการเชื้อเชิญอย่างกระทันหันของเธอ ซึ่งจะดูน่าประหลาดใจอย่างเห็นได้ชัด “หาผมมีเรื่องอะไรรึ?” น้ำเสียงของเขาไม่เป็นมิตรเลย เต็มไปด้วยน้ำเสียงที่เป็นปรปักษ์ ชุดายิ้มแย้ม แล้วพูดว่า:“ท่านลุงเหตุใดถึงได้เย็นชากับหนูถึงขนาดนี้? ถึงแม้ว่าระหว่างเราทั้งสองไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือด แต่ว่าหนูกับหลานของท่านลุงก็มีอยู่นะ หากว่ากันไปตามสถานะภาพของพี่สาวของหนูแล้ว ท่านลุงก็ไม่ควรจะเย้นชากับหนูถึงเพียงนี้?” “เหอะ ดูตามสถานภาพน้องสาวของฉันที่ตายไป ลุงไม่รู้สึกเลยว่าจะทำตัวเป็นมิตรกับเจ้าไปทำไม มิหนำซ้ำใจร้ายอีกสักนิดก็ยังไม่เกินกว่าเหตุ” “ป้าพรธวัลเจ็บป่วยเสียชีวิต ไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับพวกเรา ลุงก้าวร้าวกันหนูอย่างนี้เพื่ออะไรคะ” ตีรณใช้ฝ่ามือตบลงบนโต๊ะ คำรามออกมาด้วยเสียงอันโกรธเคืองว่า :“ปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม อย่ามาพูดเรื่องมโนธรรมจิตสำนึก เหล่านี้ ระวังจะถูกสวรรค์ลงโทษ ชุดาตกใจในการกระทำที่มุทะลุของเขา ผงกศรีษะงกๆเงิ่นๆ :“โอเคโอเคโอเค หยุดพูดแล้ว พวกเรากลับมาคุยกันดีๆดีกว่าคะ” “ที่หนูนัดคุณลุงมาครั้งนี้ เพื่อคิดที่จะคุยเรื่องพี่สาวของหนูสักหน่อย ลุงทำไมถึงขายพี่สาวของหนู?” “เจ้าพูดไร้สาระอะไร? ลุงไปขายนางตั้งแต่เมื่อไหร่?” “เจ้าโง่ที่ชื่อ ธาตรี ท่านลุงไม่ใช่หรือที่ ขายพี่สาวของหนูให้กับครอบครัวของพวกเขาในราคา1แสนบาท?” ตีรณตกตะลึงงัน คิ้วขมวดเข้าหากัน :“เจ้ารู้เรื่องนี้ได้อย่างไร?” “พูดอย่างนี้ หมายความว่าเป็นเรื่องจริงใช่มั๊ย?” “ลุงไม่รู้” แววตาที่ตกตะลึงของลุงตีรณเมื่อครู่ ชุดาก็พอจะปะติดปะต่อเรื่องจริงได้อย่างไม่ยาก เห็นลุงไม่ยอมรับในที ชุดาถอนหายใจแล้วพูดว่า: “ลุงอย่าปกปิดอีกเลย พี่สาวได้บอกหนูแล้ว เรื่องนี้ลุงได้ทำด้วยมือของลุงเอง หนูคิดไม่ถึงเลยว่า ท่านลุงจะใจร้ายได้ขนาดนี้ คนที่ใจร้ายก็คือพวกเจ้า ตอนนั้นแม่ของพวกเจ้าไม่ใช่รึที่ใจจืดใจดำกับพ่อของพวกเจ้าเอง ผลินถึงได้ถูกบีบบังคับให้ตกอยู่ในสภาพอย่างนี้? เป็นครอบครัวเจริญมาศที่ทำลายชีวิตของเธอ น้องสาวของลุงในปรภพรับรู้เป็นอย่างดี สักวันหนึ่งจะแปลงร่างเป็นซาตานเพื่อแก้แค้นแทนตนเองและลูกสาวของนาง!” “ไอหย๋า ท่านลุงเหตุใดถึงพูดได้สามคำก็หาเรื่องชวนทะเลาะกับหนูได้ตลอดเลยล่ะ? หนูมาครั้งนี้ ก็มาเพื่อคิดหาหนทางตอบโต้ ยกเลิกการแต่งงานครั้งนั้นให้ได้ ถึงแม้ว่าหนูและพี่สาวของหนู จะมีพ่อต่างแม่ แต่ว่าหนูก็ไม่ใจไม้ใส้ระกำให้เอต้องแต่งงานกับเจ้าหน้าโง่อย่างนั้น” ชุดาได้เรียก บริกร :“จัดแจงอาหารขึ้นมาได้แล้ว นำสุรามาเสริฟด้วยล่ะ ” ตีรณชักสีหน้าพูดว่า :“ ลุงไม่มีอารมณ์ที่จะกินข้างด้วยกันกับเจ้า ” “ถึงจะไม่มีอารมณ์ ยังไง ข้าวก็ต้องกิน พวกเราวันนี้ไม่ต้องคุยเรื่องอื่นแล้ว หาวิธ๊แก้ปัญหาเรื่องของพี่สาวหนู่กับเจ้าหน้าโง่คนนั้นได้มั๊ยค่ะ?” เจ้าอย่ามาเสแสร้งทำเป็นคนมีจิตใจเมตตาเลย เจ้าใส่ใจในตัวจันทรด้วยรึ? เฮอะ เว้นแต่ว่าพระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตกเท่านั้นแหละ !” “ความสัมพันธ์ระหว่างหนูกับพี่สาวของหนูไม่ได้เลวร้ายอย่างที่ลุงคิดหรอกนะ ความสัมพันธ์ของพวกเราถ้าไม่ดีต่อกันจริง หนูจะรู้เรื่องธาตรีได้อย่างค่ะ?พี่สาวของหนูตอนนี้ปวดหัวไปหมด ฝั่งหนึ่งก็เจ้าหน้าโง่ธาตรี อีกฝั่งหนึ่งก็เจ้าคนบ้าบอปยุต ไม่ว่าฝั่งไหนล้วนดั่งตกนรกทั้งนั้น ใช้ชีวิตแต่ละวันล้วนอยู่อย่างไร้ความสุข
已经是最新一章了
加载中