ตอนที่69 ปิดบังความรู้สึกลึกๆในใจ(7)   1/    
已经是第一章了
ตอนที่69 ปิดบังความรู้สึกลึกๆในใจ(7)
ต๭นที่69 ปิดบังความรู้สึกลึกๆในใจ(7) ชุดาเพิ่งจะวางสาย ทาตฤก็โทรเข้ามาอีก ไม่มีอะไรหรอกก็แค่โทรมาถามว่า เมื่อไหร่เธอจะไปเมืองT จะต้องการให้ไปรับมั๊ย เหมือนดั่งกับสมรู้ร่วมคิดกันมาบียบังคับเธอให้ไร้หนทาง คืนวันศุกร์ ผลินฝันร้าย หลังจากตกใจตื่นเหงื่อท่วมเต็มตัว เธอก็ไม่สามารถข่มตานอนลงได้อีก นั่งอยู่ริมหน้าต่างห้องลับเพียงลำพัง จ้องมองกระจกด้านนอกที่ถูกกัดแทะออกเป็นรูปครึ่งวงกลม ดวงตาทั้งคู่ฝ้าฟาง แต่งงานมาร่วมสามเดือนแล้วซินะ แต่จนกระทั่งถึงวันนี้กลับยังไม่มีสถานะอะไรเลย จากนั้นเธอจึงเดินไปที่ประตู ต่อยๆเปิดประตูเบาๆเดินเข้าไปด้านหน้าเตียง ของปยุต ปยุตหลับสนิท ใบหน้าอันหล่อเหลาภายใต้แสงจันทร เธออดไม่ได้ที่จะยื่นมือออกไปคิดที่จะสัมผัส ปยุตกลับพูดออกมาทันทีว่า “ตื่นขึ้นมาดึกดื่นนอย่างนี้ ละเมอหรือเปล่า ” ผลินตกใจหดมือกลับทันที ตอบกลับเจื่นเจื่อนไปว่า “ฉัน........ออกมาเดินเล่นหนะ” ปยุตลุกขึ้นมานั่ง เปิดไปบนหัวเตียงพูดว่า “ ดึกดื่นขนาดนี้ออกมาเดินเล่น” “เมื่อครู่ฝันร้าย นอนไม่หลับ เดินมาดูว่าคุณนอนหลับแล้วหรือยัง” “ขณะนอนหลับผมมีความรู้สึกไวมาก มีเสียงเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อยก็จะรู้ได้ทันที “ ปยุตมองไปที่นาฬิกาบนฝาพนัง “เพิ่งจะ ตีสอง ไม่คิดจะนอนแล้วเหรอ” ผลินนิ่งเงียบไม่พูดสักคำ สักพักเงยหน้าขึ้นพูดว่า “ให้ฉันนอนตรงนี้ได้มั๊ย เพียงแอนตัวสักพักค่ะ” เธอพูดไปโดยไม่คาดหวังใดทั้งสิ้น เตรียมตัวเตรียมใจรับคำปฏิเสธจากเขา ปยุตงงอยู่พักหนึ่ง ผงกศรีษะรับคำตามที่ผลินต้องการ “โอเค ขึ้นมานอนเถอะ” เขาขยับตัวถอยออก เพื่อให้ผลินได้มีพื้นที่เอนตัวนอน ผลินเอนลงนอนด้วยจิตใจที่ว้าวุ่นสับสน ปยุตห่มผ้าห่มให้กับเธอ จากนั้นก็ปิดไฟลง ภายในห้องตกอยู่ในความมืด หยดน้ำตาของเธอไหลออกมา เธอค่อยๆยื่นมือออกไป โอบกอดแผ่นหลังของปยุต ปยุตสะดุ้งขึ้นทันที พลิกตัวมามองหน้าผลิน ผลินเห็นว่าปยุตไม่ผลักตัวเธอออกไป จึงกอดเขาไว้จนแน่น สะอึกสะอื้นพูดว่า” ครั้งก่อนคุณเคย บอกว่าต้องการมีลูกสักคน ฉันตัดสินใจได้แล้วล่ะ ฉันยินยอม” ตัวของปยุตกลับแข็งทื่อและถอนหายใจพูดว่า ”ผลิน เมื่อก่อนก็คือเมือ่ก่อน ปัจจุบันนี้ก็คือปัจจุบันนี้ ผมขอโทษที่เคยบอกคุณถึงเรื่องมีลูก ซึ่งเป็นความคิดที่เห็นแก่ตัว และน่าขันเช่นนั้น “ทำไมล่ะ เวลานี้กับเมื่อก่อนมีอะไรแตกต่างกันหรือค่ะ” “เมื่อก่อนผมเพียงคิดแต่ตัวเองเห็นแก่ตัว แต่ว่าเวลานี้ ผมค่อยๆเริ่มที่จะคิดถึงความรู้สึกของคุณให้มาก” ในใจของผลินเต้นระทึก มีความปลื้มปิติดีใจ และมีความหวังขึ้นอีกครั้ง ความคาดหวังที่ปยุตพูดออกมาว่าคิดถึงความรู้สึกของเธอในอนาคต หรือว่าเขาเริ่มมีใจให้กับเธอขึ้นมาสักนิดแล้ว “ เวลานี้ฉันพร้อมใจมอบให้กับเธอ ซึ่งทำตามความรู้สึกของฉันแล้ว” ผลินย้อนถามกลับไปอย่างกล้าหาญ จากนั้น เฝ้ารอเขาตอบกลับอย่างกังวล “สำหรับคุณในสายตาผมแล้ว เป็นเหมือนครอบครัวเดียวกัน เป็นเหมือนเพื่อนสนิท และขณะเวลาที่ผมโลเลอ่อนไหวมากที่สุด คุณก็อยู่เคียงข้างผม ดังนั้นถ้าหากว่า ผมไม่สามารถรักคุณได้เต็มหัวใจ ผมจะไม่มีทางที่จะทำให้คุณเป็นเหมือนเครื่องมือผลิตลูกหรอกนะ ฉะนั้นการกระทำที่ไร้ความรับผิดชอบต่อคุณ การกระทำต่ำทรามอย่างนี้ คนอย่างปยุตที่รู้ดีต่อผลินในเวลานี้ ไม่สามารถทำเรื่องพวกนี้ได้ คนในครอบครัว เพื่อนสนิท ถึงยังไงก็ไม่ใช่คนรัก ผลินเข้าใจดีถึงความหมายนี้ การลิ้มรสทั้งความสุขและความทุกข์ไปพร้อมๆกัน ”พวกเราแยกทางกันเถอะ” ไม่ใช่เป็นการบุ่มบ่ามไร้เหตุผล และไม่ใช่เนื่องจากความทุกข์ใจ แต่เป็นผลลัพธ์หลังจากที่เธอได้เฝ้าครุ่นคิดหลายต่อหลายครั้ง ปยุตตกใจร้องเสียงหลงลุกขึ้นนั่ง เห็นได้ชัดว่าเขาตกตะลึงในคำพูดของเธอ เขาเซอร์ไพรส์มาก เซอร์ไพรส์เป็นอย่างมาก ในเวลาเดียวกันในใจของเขากลับรู้สึกจะสูญเสียอะไรบางอย่างไป ก่อนหน้านี้ เขาเคยถามผลินว่า วางแผนจำทำอะไรจากนี้ต่อไป เวลานั้นสิ่งที่ผลินตอบมานั้นคือ หากไร้ซึ่งความรักใคร่ต่อกันแต่ก็ยังยืนเคียงข้างคุณเสมอ ซึ่งในเวลานั้นได่ยินคำตอบเธออย่างนี้ แม้นภายนอกเขาจะไม่พูดอะไร แต่ความจริงแล้วภายในจิตใจนั้นดีใจเป็นอย่างมาก แต่เธอกลับพูดเรื่องการหย่าขึ้นมา เขาจึงไม่ได้เตรียมใจไว้ ปยุตถึงกับพูดไม่ออก “สิ่งที่เธอพูดเป็นเรื่องจริงเหรอ” เวลาผ่านไปนานปยุตนิ่งอยู่พักใหญ่แต่จำใจยอมรับความจริงที่เกิดขึ้นอยู่ต่อหน้า ความคาดหวังก็ยังอยู่ หวังว่าสิ่งที่ผลินพูดออกมาครั้งนี้เป็นเพียงแค่การหยอกล้อเล่นสนุกกันเท่านั้น “ใช่แล้วค่ะ เป็นสิ่งที่ฉันได้ครุ่นคิดมาเป็นระยะเวลาสามวันสามคืนจนไม่ได้หลับนอน” คำยืนยันของผลินครั้งนี้ ได้ทำลายความคาดหวังในใจของเขา เขาเริ่มตื่นตัวขึ้น จับไปที่ไหล่ทั้งสองข้างของผลินไว้แน่นพูดว่า “เพราะอะไร คุณไม่ใช่บอกว่า แม้นจะไม่มีความรักต่อกันก็จะอยู่เคียงข้างผมเสมอ หรือว่าเป็นเพียงแค่คำพูดในเวลานั้น ความต้องการนี้มั่นคงแล้วหรือ” “ขอโทษด้วยค่ะ เดิมฉันคิดว่าฉันสามารถทำได้ และฉันต้องการจะทำให้ได้ แต่ว่า เรื่องราวต่างๆได้ยืนยันแล้วว่า ฉันไม่สามารถทำได้เลย ทำไม่ได้เลยจริงๆ” ผลิมข่มความทุกข์ในใจเอาไว้ไม่ได้ ร่าไห้จนหยดน้ำตาไหลลงมากระทบลงบนหลังมือที่ซีดเผือกไร้เรี่ยวแรงของเอ ความอับอายที่โรศนีมอบให้ การคุกคามของชุดา แรงกดดันของทาตฤ ความเย็นชาของปยุตที่มีให้ เหล่านี้ ล้วนบีบคั้นให้เธอไร้หนทาง จิตใจของเธอเริ่มรู้สึกอ่อนล้า ไร้เรี่ยวแรงและพลังที่จะต่อสู้เผชิญหน้ากับความจริง ยืนหยัดต่อสู้อย่างกล้าหาญ ปยุตค่อยๆคลายมือกลับมา มีสีหน้าอย่างหมดหวังลงจากเตียงนอน เดินไปยืนข้างหน้าต่างจุดบุหรี่ขึ้นมาสูบ ในสภาพแวดล้อมที่มืดสลัว อย่างนี้ มีจุดไฟเล็กๆที่ปล่อยควันบุหรี่ออกมา เมื่อผลินสูดดมเข้าไปในปอด เสมือนเข็มทิ่มแทงทำให้ให้เธอต้องเจ็บปวด จนกระทั้งถึงเวลานี้ หลังจากผ่านเรื่องราวความผิดหวังครั้งแล้วครั้งเล่า เธอไม่คาดหวังอยากจะรั้งปยุตไว้อีกแล้ว เดิมที ผลินไม่เคยอยู่ในสภาพอย่างนี้ ริษยาหญิงสาวที่ชื่อว่าจันทร ทั้งที่ไม่เคยพบหน้าค่าตา กันเลย “คุณสมควรจะไม่มีอะไรจะคัดค้านไม่ใช่รึ แต่ถ้าหากรู้สึกว่าเสียหน้าจากการที่ฉันเป็นคนเอ่ยเรื่องหย่าก่อน นั้นพรุ้งนี้ขณะที่รับประทานอาหารเช้า ก็ให้คุณเอ่ยปากบอกข่าวการหย่านี้กับพ่อแม่ของของคุณก่อนก็แล้วกัน” ปยุตนังคงหันหลังให้กับผลิน เหมือนกับว่าไม่ได้ยินสิ่งที่ผลินพูดออกมา แม้นจะได้ยิน กลับไม่ปราถนาที่จะได้ยิน ผลินเฝ้ารอคำตอบของปยุตเป็นเวลาเนิ่นนานราวกับรอมาทั้งชาติ ในที่สุดรอจนกระทั่งได้คำตอบของปยุตว่ ”โอเค ผมตกลง” ความจริงแล้วปยุตเองไม่มีความสามารถพอที่จะตอบไม่ตกลง ให้ในสิ่งที่คนอื่นต้องการ คนจะอยู่หรือจะไปนั้น เขาไม่มีความสามารถพอที่จะพูดได้เลย” ในที่สุดก็ไม่สามารถคาดหวังกับผู้ชายคนนี้ได้ ผลินยิ้มออกมาอย่างขมขื่น จนถึงช่วงเวลาสุดท้ายแล้ว เขายังไม่ปราถถนาที่จะรับเธอเข้าไว้ในใจ ความจริงหากเขาเปิดปากพูดออกมาคำเดียวรั้งเธอไว้ ถึงแม้ว่าจะยังคงไม่เอ่ยคำว่ารัก เธอก็ยังอยู่อยู่กับเขา แต่ว่าเขาไม่มี “หลังจากหย่าแล้ว วางแผนจะไปไหนเหรอ” น้ำเสียงของปยุตเอ่ยถามสั่นเครือเล็กน้อย ”จากที่นี่ไปแล้ว ก็จะไปปารีสเพื่อเรียนต่อเพิ่มเติมค่ะ” ”จะไม่กลับอีกแล้วใช่มั๊ย” “ถ้าหากหลังจากสองปีแล้ว ฉันไม่กลับมา นั้นก็หมายความว่าไม่กลับมาแล้วค่ะ” ความเงียบสงัดก็เริ่มขึ้นอีกครั้ง จากนั้นปยุตก็พูดขึ้นว่า “ตอบตกลงคำขอร้องของผมสักข้อได้หรือไม่” ”ถ้าหากฉันสามารถทำได้ ฉันจะไม่ปฏิเสธ” “เรื่องการหย่าอย่าเพิ่งพูดกับพ่อแม่ของผมก่อนชั่วคราว ผมยังไม่ต้องการให้พวกเขาเสียใจเพราะว่าผมเป็นต้นเหตุ” “แต่ว่าจะปกปิดได้นานเท่าไหร่ ไม่ให้ท่านทั้งสองรู้ คุณก็จะไม่สามารถแต่งงานใหม่ได้หนะซิ” ปยุตยิ้มเจื่อนเจื่อนให้กับตนเอง พูดว่า “คุณคิดว่าหลังจากการหย่าครั้งนี้แล้ว ผมจะแต่งงานอีกครั้งงั้นรึ” “ทำไมไม่แต่งงานใหม่ล่ะ แต่งแต่งหย่าหย่ากันอุดตลุด ไม่ใช่เป็นรูปแบบการใช้ชีวิตของปยุตอย่างนั้นรึ” “เป็นรูปแบบการใช้ชีวิตของผม แต่ว่าเวลานี้ผมเกลียดชังการใช้ชีวิตอย่างนี้มาก ริมชายหาดผมเคยรับปากกับผู้หญิงคนหนึ่งไว้ จะตั้งใจเข้มแข็งกใช้ชีวิตลับมาเป็นคนปกติให้ได้ นอกจากไม่สามารถลืมเลือนหญิงคนนั้นแล้ว อย่างอื่นแล้ว ผมทำได้อย่างที่เคยรับปากหญิงสาวคนนั้นไว้ จะไม่มุทะลุดุดันง่าย ไม่หลบหน้ากล้าเผชิญกับความจริง ไม่ล้อเล่นกับชีวิตคนอื่น น้ำตาของผลินก็เริ่มไหลรินออกมาอีกครั้ง ”โอเค ฉันรับปากคุณ” ผลินลุกขึ้นจากเตียงของเขา หัยไปมองพร้อมกับแจ้งเตือนว่า “วันที่จะไปดำเนินการเอกสารที่อำเภอ คุณสะดวกวันไหนติดต่อฉันด้วย แต่ว่าอย่าให้นานนะค่ะ เพราะว่าวีซ่าไปปารีสฉันได้ดำเนินเสร็จแล้ว” ผลินโศรกเศร้าเป็นอย่างมาก ต่อจากนี้ไปจะต้องจัดการเรื่องของคุณลุงและคุณป้าของเธอ ถ้าเธอไปแล้ว ทาตฤจะต้องไม่ปล่อยพวกเขาไปอย่างแน่นอน วันอาทิตย์ช่วงบ่าย เธอเดินทางมาถึงบ้านของลุงของเธอ บอกกับพวกเขาอย่างเปิดอกว่า “พาคุณป้าออกไปจากเมืองBเถอะ ไม่ว่าจะไปที่ไหนได้ทั้งหมด” ตีรรคล้ายกับสัมผัสได้ถึงว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ถามกลับอย่างลนลานว่า “เพราะอะไรจะต้องไป” “เป็นเพราะว่าไม่สามารถแต่งงานเข้าบ้านตระกูลหลี่ได้ ทาตฤไม่สามารถบรรลุเป้าหมายของเขา คุณลุงละคุณป้าก็จกลายเป็นคนที่พวกเข้ฃาต้องมาชำระแค้นแน่นอน” มองดูหลานสาวที่ใบหน้าเศร้าหมอง ตีรณรู้สึกสำนึกผิดอย่างมาก หลังจากน้องสาวเสียชีวิต เขาไม่เคยได้ดูแลลูกสาวของเธอ กลับยังให้ผลินมาดูแลเขาเสียเอง ช่างเป้นผู้ใหญ่ที่ไม่ได้เรื่องเสียจริงๆ ช่างเป็นผู้ชายที่ไร้ค่าจริงๆ “โอเค นั้นพรุ้งนี้ลุงจะพาป้าของเธอออกจากเมืองนี้ จากนั้นจะไม่กลับมาอีกเลย จะไม่เป็นภาระของเธออีกเลย “รอให้หลานจัดแจงอะไรเสร็จเรียบร้อยแล้ว จะติดต่อไปหาลุงกับป้านะคะ” หลานก็จะหนีไปเหมือนกันเหรอ” ตีรณถามด้วยความประหลาดใจ “อืม” “อย่างนั้นเรื่องแม่ของหลาน หลานไม่แก้แค้นให้กับเธอแล้วเหรอ” ”เรื่องอื่นค่อยว่ากันใหม่” ผลินก้มหน้าอย่างเศร้าหมอง เธอในขณะนี้ แม้กระทั่งตนเองยังดูแลไม่ได้ นับประสาอะไรที่จะสามารถดูแลเรื่องมาดาได้ ออกจากนั้นของลุงแล้ว ผลินก็โทรศัพท์ไปนัดชุดาออกมา ภายในร้านกาแฟที่หรูหราเงียบสงบ ชุดามองไปยังผลินอย่างใจเย็นไม่รีบร้อน พูดว่า“พูดมา พรุ้งนี้เป็นเส้นตายวันสุดท้ายแล้ว เธอเลือกที่จะทำยังไง” ผลินไม่ตอบคำถามชุดาสักคำ เพียงนำวีซ่าที่อยู่ในกระเป๋าออกมา ยื่นให้กับชุดาตรงหน้า การกระทำทุกอย่างเธอไม่พูดออกมาสักคำ ชุดาหยิบวีซ่าของเอขึ้นมาดูไปดูมา หัวเราะออกมาอย่างสะใจ “อย่างนี้ซิถึงจะถูกต้อง สมควรทำเรื่องที่ฉลาดอย่างนี้แหละ ถึงจะสามารถรักษาความภูมิใจในตนเองที่น่าสงสารและน่าต่ำต้อยอย่างนี้ได้” “ฉันออกไปจากที่นี่ ไม่ใช่เป็นเพราะเธอคุกคามฉัน แต่เป็นเพราะเหตุผลที่ฉันต้องการจากไปเสียเอง ดังนั้นเธออย่าเพิ่มย่ามใจว่าเธอเป็นผู้ชนะ พูดคำพูดที่น่าสะอิสะเอียนอย่างนี้ ชุดา ในสายตาฉันคุณไม่ใช่คู่ปรับของฉันแม้แต่น้อย เวลานี้เธอทำสำเร็จไม่ใช่ว่าจะเป็นผู้ชนะ แต่ว่าเป้นฉันคิดจะไปด้วยตนเอง” ชุดายักไหล่ ไม่ได้คิดอย่างนั้น ”แพ้ก็คือแพ้ ไม่มีความจำเป้นต้อง แสดงความมาดมั้นตนเองเพื่อข่มขวัญคนอื่นหรอก แต่ว่าก็ไม่เป็นไร ดูสภาพของเธอที่จะต้องจากไปแล้ว ฉันเป็นผู้ใหญ่พอที่จะไม่ทะเลาะกับเธอให้มากความหรอกนะ เฝ้ารอหากสักวันหนึ่งเธอกลับมา ถ้าต้องการจะเรียกว่าปยุตสามีของน้องสาว ต้องเรียนจากฉัน อย่าคิดเล็กคิดน้อย ชุดาหัวเราะเสียงดังอย่างคนมีชัย เชิดหน้าแล้วก็เดินจากไป ชุดาเดินลับสายตาไป แต่เสียงหัวเราะที่น่ารังเกียจยังคงก้องอยู่ภายในหูของผลิน หลังจากที่เธอบอกถึงเรื่องการหย่า ปยุตก็อกจากบ้านแต่เช้าตรู่ กลับบ้านก็ค่ำมืดดึดดื่น ผลินจะพบตัวปยุตแต่ละครั้งนั้นยากแสนยาก มองดูวันที่ในวีซ่าแล้วเวลาใกล็เข้ามาทุกที เธอจำเป็นต้องโทรศัพท์หาเขาเตือนถึงเรื่องการทำธุรกรรมการหย่าที่อำเภอ แต่วทุกครั้งที่เอ่ยถึงเรื่องนี้ ปยุตก็สรรหาเหตุผลต่างๆเพื่อบอกปัด บอกว่าติดประชุมบ้าง บอกว่า ติดลูกค้าบ้าง บอกว่ากำลังทำงานอยู่บ้าง ซึ่งทุกอย่างล้วนบอกเป็นทีว่าเขากำลังยุ่งอยู่ เพื่อที่จะหลบหน้า ผลินอดที่จะแปลกใจไม่ได้ เมื่อก่อนเธอไม่เคยเห็นเขาจะทำงานจนตัวเป็นเกลียวขนาดนี้ เพราะอะไรเวลานี้ต้องการจะหย่า เขากลับยุ่งจนไม่มีเวลาอย่างนี้” หลังจากครุ่นคิกหลายวัน เธอจึงตัดสินใจไปหาปยุตที่บรัษัท มองให้เห็นกับตา ใช่ไม่ใช่ทำงานยุ่งจนไม่เห็นเดือนเห็นตะวัน แม้แต่จะออกมาให้เห็นหน้าก็ยังทำไม่ได้ มาถึง บริษัทเจ.เอส.ทรัพยสาน หญิงสาวที่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์กล่าวคำทักทายอย่างอบอุ่นกับเธอ ถึงแม้ว่าเอจะมาที่นี่เป็นครั้งแรก แต่ว่า ทุกคนในบริษัทรู้จักเธอเป็นอย่างดี ว่าเธอคือภรรยาของท่านประธาน ขึ้นลิฟท์ไปชั้นที่เก้า ดวงตาของผลินกลับแดงขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว เธอจะลืมได้อย่างไร ถ้าไม่ใช่ปยุตแล้ว เธอจะระงับความหวาดกลัวในการขึ้นลิฟท์ได้อย่างไร เวลานั้นเธอขอบคุณอย่างมาก แต่ว่าเวลานี้ เธอกลับรู้สึกเสียใจภายหลัง หากว่าในวันนั้น เธอยืนกรานจะไม่ร่วมด้วย ยืนกรานไม่ยอมรับความช่วยเหลือจากเขา ทั้งหมดก็จะไม่มีทางเกิดขึ้นได้เลย เธอก็จะไม่มีทางให่ใจของเธอพ่ายแพ้และตกอยู่ในสภาพเยี่ยงนี้ หากใจไม่ยอมแพ้ ก็ไม่มีทางที่จะเดินมาถึงจุดที่ต้องแยกทางกับปยุตเร็วถึงขนาดนี้ ขึ้นมาถึงชั้นที่เก้า สายตาของเธอมาเห็น อักษรห้าคำ ห้องทำงานประธาน เธอเดินไปข้างหน้า ผลักประตูเข้าไป ภายในส่วนหน้าเป็นส่วนพื้นที่ของเลขาท่านประธาน ด้านหลังถึงจะเป็นพื้นที่ห้องทำงานของท่านประธาน ชนัยมองเห้นเธอทันที ตกตะลึงอย่างเห็นได้ชัด ลุกขึ้นมากล่าวต้อนรับเธอ “คุณผลิน มาได้อย่างไรครับ” ”ปยุตอยู่มั๊ย ฉันต้องการพบเขา” “อ๋อ คุณปยุตกำลังประชุมครับ” ชนัยตอบอย่างกระอักกระอ่วน ผลินมองดูแววตาของเขาเห้นได้ชัดว่ากำลังพูดโกหก เธอจึงเลยเดินตรงดิ่งไปข้างหน้า “ นั้นฉันจะเข้าไปรอเขาในห้องทำงานดีกว่า” “โอ้ รอประเดี๋ยวครับ “ เขายื่นมือออกมาดักตัวเธอไว้แล้วพูดว่า “ ให้ผมพาคุณไปรอที่ห้องพักผ่อนก่อน จะดีกว่าครับ ท่านประธานไม่ชอบให้แขกนั่งรอที่ห้องทำงานครับ ”ฉันไม่ใช่แขก ฉันเป็นภรรยาของเขา” เธอยืนยันสถานะของเธอและดึงดันที่จะผลักประตูเข้าไป ไม่เป็นที่น่าประหลาดใจเลย มองเห็นปยุตนั่งอยู่ที่โต๊ทำงานของเขา ปยุตหันหน้าขึ้นมามองผลินทันที ปลาดใจเล็กน้อย เขาจ้องมองไปยังชนัยครั้งนึง ชนัยส่ายศรีษะย่างหมดหนทาง ส่งสัญญาณเขาทำสุดความสามารถแล้ว ”ประชุมอยู่ไม่ใช่เหรอค่ะ” ผลินเดินมาข้างหน้าของปยุต ส่งสายตาเฉือดเฉือนสอบถามเขา ”อ่อ เพิ่งเสร็จ” ”นั้นเวลานี้หมดเรื่องแล้วใช่มั๊ย หมดเรื่องแล้วพวกเราออกไปธุระของพวกเราให้เสร็จ” ปยุตคิดไปคิดมา พยักหน้าตอบรับ “โอเค” หยิบกุญแจรถของเขา เดินออกจากห้องทำงานเป็นคนแรก ผลินรีบเดินตามออกไปในทันที เดินถึงโรงจอดรถ ปยุตเข้าไปในรถสอบถามว่า”ทะเบียนบ้านนำมาด้วยหรือยัง” ”ผลินพยักหน้ารับคำ “อืม นำมาด้วยค่ะ” “คุณคิดจะไปจดทะเบียนหย่ากับผมให้ได้อย่างนั้นเลยหรือ ผมรู้สึกแปลกใจนิหน่อยใช่ไม่ใช่ประสงค์ไม่ดี คิดที่จะรีบสลัดผมทิ้งแล้วไปแต่งงานกับคนอื่นใช่หรือไม่” “คุณคอยหลบหน้าฉันอย่างเห็นได้ชัด ฉันก็สงสับเหมือนกันว่า คุณใช่ไม่ใช่มีอะไรในใจ เริ่มที่จะไม่คิดจะปล่อยฉันไปใช่มั๊ย” 
已经是最新一章了
加载中