ตอนที่ 30 เสียเวลาเปล่า   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 30 เสียเวลาเปล่า
ต๭นที่ 30 เสียเวลาเปล่า เมื่อตื่นขึ้นมาอีกครั้งเธอกับพบว่าตอนนี้เธอนอนอยู่ที่เตียงกว้างในห้องๆหนึ่ง เธอจึงค่อยๆลงจากเตียงเดินไปที่หน้าต่างเพื่อมองออกไปข้างนอก จากนั้นเธอก็พบว่าที่นี่คือคฤหาสน์ของทาวัต เมื่อกลับมานั่งที่เตียงเธอก็เห็นว่าที่โต๊ะข้างเตียงมีถ้วยน้ำตาแดงร้อนตั้งอยู่ถ้วยหนึ่ง มือบางของเธอหยิบขึ้นมาดื่มก่อนที่สมองของเธอจะสั่งการเสียอีก ตอนนั้นเองที่เธอได้ยินเสียงเปิดประตู หญิงสาวจึงเงยหน้าขึ้นมองก็พบว่าผู้ที่เดินเข้ามาในห้องคือทาวัตนั่นเอง แต่ดวงตาคมของเขาดูมีประกายไฟบางอย่างที่เธอดูไม่ออก มือบางที่ถือถ้วยไว้สั่นขึ้นอย่างห้ามไม่ได้ เธอรีบร้อนวางถ้วยกลับไปที่เดิมทันที หรือว่าน้ำตาลแดงต้มถ้วยนั้นเป็นของเขางั้นหรือ ดวงตากลมโตมองทาวัตที่ค่อยๆย่างสามขุมเข้ามา วรินทรรีบหยิบถ้วยขึ้นมายื่นไปตรงหน้าเขาก่อนจะเอ่ยละล่ำละลัก“ฉันไม่ได้ตั้งใจดื่มชาน้ำตาลแดงของคุณนะคะ ถ้าคุณโกรธคุณก็หักจากเงินเดือนฉันเอาก็แล้วกัน!” อีกอย่างแค่ชาน้ำตาลแดงจะแพงสักแค่ไหนกันเชียว ไม่เห็นเป็นอะไรเลย! ทาวัตไม่เข้าใจในสิ่งที่เธอพูดแม้แต่น้อย ชานั่นเขาก็เป็นคนเตรียมไว้ให้เธอเองแท้ๆ หรือว่าเธอคิดว่า... ทาวัตค่อยๆเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์แวบหนึ่งก่อนที่เธอจะเห็น เขาค่อยๆหันมาสบสายตาเธอนิ่งๆ “ห้องครัวของที่นี่ล้วนแต่จ้างคนที่มีฝีมือด้วยค่าจ้างมหาศาล แทบจะเรียกได้ว่าพ่อครัวแม่ครัวของที่นี่ดีที่สุดในประเทศ C เลยทีเดียว คุณคิดว่าคุณจะชดเชยไว้งั้นหรือ” วรินทรรู้สึกฉุนกึก กับแค่ชาน้ำตาลแดงแค่ถ้วยเดียวทำไมคนอย่างเธอถึงไม่มีปัญญาชดเชยกันล่ะ เสียงเคาะประตูดังขึ้นอยู่สองสามครั้ง ทาวัตจึงอนุญาติให้เข้ามาได้ เธอก็เห็นว่ามีแม่บ้านคนหนึ่งเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับชาน้ำตาลแดงร้อนๆถ้วยหนึ่งในมือ ดวงตาของแม่บ้านคนนั้นมองวรินทรด้วยสายตาเอ็นดู“คุณวรินทรตื่นแล้วหรือคะ รู้สึกไม่สบายตรงไหมคะ ถ้าอย่างไรดื่มชานี่อีกสักแก้วนะคะจะได้รู้สึกดีขึ้น” วรินทรมองทาวัตด้วยสายตาไม่เข้าใจก่อนจะเอ่ยถามคุณแม่บ้าน“ถ้วยนี่ไม่ใช่เตรียมไว้ให้ท่านประธานดื่มหรือคะ” เดิมทีวรินทรตั้งใจจะเรียกเขาว่าทาวัตแต่เมื่อถึงความสัมพันธ์ของทั้งคู่ในตอนนี้เธอจึงเรียกจะเงียบปากไปก่อนดีกว่า คุณแม่บ้านอมยิ้มก่อนจะเอ่ยอธิบายออกไป “ชาพวกนี้ล้วนแต่เป็นชาที่คุณชายบอกให้ชงไว้ให้คุณหนูน่ะค่ะ!” “พูดมากเกินไปแล้วครับ วางของแล้วก็ออกไปได้เลย”ทาวัตเห็นรอยยิ้มที่ผุดขึ้นมาจากวรินทรเขาก็รู้สึกกระดากอายขึ้นมา คุณแม่บ้านเพียงแค่ยิ้มแล้วส่ายหน้าเบาๆก่อนจะหันกายเดินออกไปจากห้อง วรินทรเอื้อมมือไปหยิบชาน้ำตาแดงมาไว้ในมือก่อนจะเงยหน้ามองชายหนุ่มตรงหน้าด้วยรอยยิ้มมีเลศนัย “มองอะไร ดื่มของคุณไปสิ”ทาวัตเหลือบมองเธอแวบหนึ่งก่อนจะเดินหนีเข้าไปในห้องแต่งตัว เมื่อวรินทรดื่มชาหมดแล้วความเจ็บปวดก่อนหน้านี้ก็บรรเทาลงไปมากจนแทบจะหายเป็นปลิดทิ้ง เธอวางถ้วยไว้ที่โต๊ะข้างๆก่อนจะยืดเส้นยืดสายเล็กน้อย ตอนนั้นเองที่สายตาเธอก็ไปปะทะกับทาวัตที่ไม่รู้ออกมาจากห้องแต่งตัวมานั่งตรงโซฟากลางห้องตั้งแต่เมื่อไหร่ สายตาของทาวัตจับจ้องมาที่เธออยู่ก่อนแล้ว มีผ้าขนหนูสีขาวพาดอยู่ที่คอของเขา มือข้างหนึ่งวางอยู่ข้างโซฟา ชายหนุ่มเอียงคอมองไปอีกด้านซึ่งเธอก็ไม่รู้ว่าเขากำลังมองอะไรอยู่ วรินทรอดคิดไม่ได้ว่าการที่เขานั่งนิ่งๆอยู่บนเก้าอี้แบบนี้ช่างเป็นทิวทัศน์ที่หน้ามองเสียเหลือเกิน เธอมองเขาอย่างหลงไหลอยู่สักพักหางตาก็เหลือบไปเห็นนาฬิกาที่อยู่บนผนังบ่งบอกว่าเวลานี้ตีสองแล้ว หญิงสาวละสายตาจากเขา หัวหนุนหมอนก่อนจะค่อยๆปิดเปลือกตาลงช้าๆ “ขอบคุณนะคะพี่ทาวัต”ในความฝันอันเลือนลางเธอรู้สึกเหมือนว่าเห็นเขานั่งอยู่ที่ข้างเตียงจ้องมองเธอ เธอรู้ว่าคนคนนั้นต้องเป็นทาวัตอย่างแน่นอนจึงเอ่ยพึมพำขอบคุณออกมา รวมถึงคำที่เรียกว่าพี่ทาวัตนั่นด้วย ทาวัตชะงักไปก่อนที่หัวใจจะเต็มไปด้วยความยินดี สมัยก่อนตอนเด็กๆเธอก็มักจะเรียกเขาว่าพี่ทาวัตอยู่เสมอ เป็นเวลานานทีเดียวกว่าที่ทาวัตจะค่อยๆโน้มตัวลงไปจุมพิตที่หน้าผากเกลี้ยงเกลาของวรินทร เช้าวันที่สอง วรินทรค่อยๆสลึมสลือตื่นมาด้วยความรู้สึกเฉอะแฉะจากการที่รอบเดือนมา แม้เธอจะไม่อยากลุกขึ้นจากเตียงมาก แค่ไหนสุดท้ายก็ยอมลุกไปหยิบผ้าอนามัยเดินเข้าห้องน้ำไป เมื่อทาวัตเดินเข้ามาในห้องกลับไม่พบแม้แต่เงาของคนที่เขามองหาก็ขมวดคิ้ว แต่สายตาคมหันไปเห็นประตูห้องน้ำที่ถูกปิดไม่อยู่ก็ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเดินออกไปจากห้อง เมื่อวรินทรออกมาจากห้องน้ำก็พบว่าทาวัตกำลังหอบอะไรบางอย่างเข้ามาในห้องพอดี ชายหนุ่มเห็นว่าวรินทรยืนอยู่ตรงนั้นก็พูดขึ้น“นอนเต็มอิ่มหรือเปล่า ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะ” วรินทรรับเสื้อผ้าชุดใหม่และข้าวของมาจากเขา ในนั้นมีทั้งเสื้อผ้าและอุปกรณ์อาบน้ำ เธอกัดริมฝีปากเบาๆ“ขอบคุณนะคะ” จากนั้นก็หันกายเข้าห้องน้ำไปอีกครั้ง วรินทรนอนแบน้ำแช่ตัวในอ่างฟองสบู่อย่างสบายใจก่อนจะเหลือบมองเสื้อผ้าที่ทาวัตนำมาให้ ซึ่งเธอจำได้ว่าเสื้อผ้าชุดนี้เป็นคอลเลคชั่นใหม่ล่าสุดขอบบริษัท CR กรุ๊ปที่เพิ่งจะเปิดตัวเมื่อช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา เธอแช่กายอยู่นานก่อนจะลุกขึ้นมาล้างเนื้อล้างตัว ตอนที่ออกมาจากห้องน้ำ เวลาบนผนังก็บอกเวลาว่าใกล้จะแปดโมงแล้ว วรินทรก็รู้สึกตกใจรีบร้อนขึ้นมาทันที ด้านทาวัตเองก็กำลังนั่งดูรายการโทรทัศน์อยู่จึงไม่รู้ว่าเธอออกมาจากห้องน้ำแล้ว แต่เพื่อเงินโบนัสและผลการประเมินที่สมบูรณ์แบบของเธอ หญิงสาวกัดฟันเดินไปหยุดตรงหน้าเขา“ท่านประธานคะ ขอบคุณมากเลยค่ะที่ดูแลฉันเมื่อวาน ไม่ทราบว่าตอนนี้ฉันกลับบ้านได้หรือยังคะ” แต่ถ้าย้อนเวลาได้เธอไม่ถามขึ้นจะดีกว่า เพราะทันทีที่เอ่ยถามขึ้นทาวัตก็ขมวดคิ้วไม่พอใจทันที จริงๆแล้วเธอสามารถติดรถเขาไปทำงานด้วยกันได้เลยด้วยซ้ำ แต่เธอกลับอยากกลับบ้านก่อนหรือว่าเธอจะมีใครอยู่ที่บ้านจริงๆ “คุณไม่สบายอยู่นะ อยู่ที่นี่ห้ามไปวิ่งซนที่ไหนอีก” ทาวัตวางรีโมทคอนโทรลลงก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูงหันกายเดินออกจากห้องไป เมื่อเห็นว่าทาวัตเดินออกไปแล้ววรินทรก็ยิ่งร้อนใจ ร่างเล็กๆรีบวิ่งไปหยุดเขาก่อนพูดออกมาเสียงดังอย่างลืมตัว“แต่ฉันดีขึ้นมากแล้วนะคะ ให้มาอยู่ที่นี่เฉยๆเสียเวลาเปล่าๆ” เสียเวลา? ที่แท้เธอก็คิดว่าการอยู่ในคฤหาสน์แห่งนี้ของเขาเป็นการเสียเวลางั้นสินะ ใบหน้าของทาวัตเย็นชาขึ้น “ถ้าคุณยังดึงดันจะไปล่ะก็วันพรุ่งนี้ก็ไม่ต้องไปทำงานที่บริษัทอีก”คำพูดของทาวัตเหมือนมีดที่แทงทะลุเข้ามาตรงกลางใจของวรินทร ลมหายใจของเธอสะดุดไป หญิงสาวกัดฟันเอ่ยถาม“งั้นฉันลาป่วยได้งั้นหรือคะ” ทาวัตเดินผ่านร่างของวรินทรไป แต่เธอก็ยังได้ยินเสียงเขารับคำเธอเบาๆ หญิงสาวจึงถอนหายใจออกมาแผ่วเบา จนกระทั่งเขาออกไป วรินทรก็วิ่งไปปิดประตูสายตากวาดมองไปรอบๆห้องจนกระทั่งเจอโทรศัพท์มือถือที่ถูกวางไว้บนโต๊ะตัวหนึ่ง เธอต้องโทรกลับไปหาคนที่รอเธออยู่ที่บ้าน ที่คอนโด กวินกำลังจะออกจากบ้านไปโรงเรียนก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นพอดี ร่างป้อมก็รีบร้อนวิ่งไปรับโทรศัพท์ “ลูกรักมามี้เอง” เสียงของวรินทรฟังดูเบาแต่ก็สดใส กวินจึงรู้สึกวางใจไปได้เยอะ ‘ดูท่าว่าแดดดี้จะเลี้ยงดูมามี้อย่างดีสินะ’“ทำไมเมื่อวานมามี้ถึงไม่ยอมกลับบ้านล่ะฮะ หรือว่าแอบไปเดทโดยไม่ยอมให้กวินรู้ใช่ไหม” กวินถอนหายใจออกมา กวินของเธอยังคงแก่แดดเหมือนเคย“ใช่ที่ไหนกันล่ะ ลูกรักคิดมากเกินไปแล้ว ฮ่าฮ่า” กวินคิดในใจว่าถ้าเขาเชื่อมามี้สิแปลก! เธอคุยโทรศัพท์กับกวินอย่างสนิทสนมอีกพักหนึ่งก่อนจะวางโทรศัพท์ลง ตอนที่เธอกำลังจะลบประวัติการโทรก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นเสียก่อน วรินทรรีบร้อนวิ่งไปวางโทรศัพท์มือถือวางไว้ที่เดิม ก่อนจะหันหน้าไปมองคุณแม่บ้านคนเมื่อวานเดินถือถาดอาหารเข้ามา “อาการวันนี้ดีขึ้นไหมคะคุณวรินทร ดิฉันเพิ่งต้มชาน้ำตาลแดงให้คุณเมื่อครู่ เชิญคุณทานอาหารเช้าก่อนนะคะแล้วเดี๋ยวดิฉันจะยกมาให้นะคะ”คุณแม่บ้านเดินมาวางถาดอาหารไว้ที่โต๊ะตรงหน้าของวรินทรอย่างเบามือ วรินทรยิ้มหวานให้เธอ“ขอบคุณนะคะคุณแม่บ้าน” “คุณวรินทรเรียกดิฉันว่าป้าฉายก็ได้ค่ะ”ป้าฉายว่าพลางส่งถ้วยโจ๊กให้เธอ โจ๊กเนื้อนวลใส่เนื้อไม่ติดมันส่งกลิ่นหอมอบอวลจนวรินทรที่แทบไม่ได้กินอะไรเลยเมื่อคืนถึงกับกลืนน้ำลายอึกใหญ่ เมื่อกินโจ๊ะไปได้สองถ้วยใหญ่เธอก็ต่อด้วยชาน้ำตาแดงอีกแก้ว จากนั้นวรินทรจึงค่อยๆเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง“ป้าฉายคะ ฉันขอออกไปเดินเล่นสูดอากาศบริสุทธิ์ข้างนอกได้ไหมคะ” “ได้แน่นอนสิคะ คุณก็คิดเสียว่าที่นี่เป็นบ้านตัวเองเถอะค่ะ”ป้าฉายยิ้มให้เธอทั้งหน้า แต่ไหนแต่ไรทาวัตไม่เคยพาผู้หญิงคนไหนเข้าบ้านมาก่อน วรินทรเป็นคนแรกดังนั้นเธอจึงดูแลวรินทรอย่างดีไม่ให้เธอต้องลำบากใจตอนที่อยู่ที่นี่เด็ดขาด สวนหย่อมของคฤหาสน์แห่งนี้ใหญ่มาก ตอนที่วรินทรเดินมาถึงทางเข้าสวนหญิงสาวมองไปรอบๆก็ไม่เห็นใครเลยสักคน เธอวางมือลงบนประตูของลวดลายสลักสีดำสวยงามกำลังคิดจะเปิดมันเข้าไป ตอนนั้นเองเธอก็รู้สึกเหมือนมีใครบางคนกำลังเดินมาทางนี้ หญิงสาวจึงลดมือลงก่อนหันกายกลับไปมองผู้มาใหม่ 
已经是最新一章了
加载中