ตอนที่ 44 ไข้ขึ้นสูง   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 44 ไข้ขึ้นสูง
ต๭นที่ 44 ไข้ขึ้นสูง คอนโของคาร่าอยู่ไม่ไกลมาก ดังนั้นกวินจึงใช้เวลาเดินเพียงแค่สิบนาทีก็ถึง เด็กตัวเล็กๆแค่คนเดียวเดินอยู่กลางดึกแบบนี้ไม่ทำให้กวินรู้สึกกลัวแม้แต่น้อย เพราว่าเขามีเอฟและพรรคพวกคอยคุ้มกันความปลอดภัยให้อยู่แล้ว เพราะฉะนั้นเรื่องความปลอดภัยหายห่วง เมื่อเดินมาถึงล็อบบี้ใต้คอนโดของคาร่า กวินก็เดินไปเรียกลิฟต์ พอดีกับที่นิพิฑเดินออกมาจากลิฟต์พอดีจึงสวนทางกับร่างป้อมๆของกวิน เด็กชายกวินกดปุ่มลิฟท์แล้วดูประตูลิฟต์ปิดลงอย่างช้าๆ นิพิฑรู้สึกถึงอะไรบางอย่างไม่ถูกต้องจึงหันหน้ากลับไปดู ก่อนที่ประตูลิฟต์จะปิดลงเขาเห็นใบหน้าเล็กๆของกวิน มือหนาที่ถือโทรศัพท์มือถือไว้ในมือแทบจะล่วงลงไปที่พื้น นิพิฑทำหน้าเหมือนเห็นผี เด็กคนเมื่อกี้ดูไปดูมาหน้าคุ้นมาก... เหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อนนะ... กวินกระชับสายกระเป๋าเป้ให้มั่นก่อนจะมองตัวเลขชั้นบนหน้าปัดลิฟต์ขึ้นสูงขึ้นทีละชั้นๆจนหยุดลงที่ชั้นสิบเอ็ด เขาเคยได้ยินมามี้พูดถึงป้าคาร่ามาบ้าง มามี้บอกว่าป้าคาร่าเป็นลูกคุณหนูตระกูลร่ำรวยเหมือนกัน แต่แอบหนีออกมาทำงานหาเลี้ยงตัวเอง แต่เมื่อดูจากความเป็นอยู่แล้วก็ไม่เลวเลยทีเดียว ทั้งชั้นสิบเอ็ดนี้มีเพียงห้องของคาร่าเพียงห้องเดียวเท่านั้นดังนั้นเมื่อประตูลิฟต์เปิดออกก็เห็นประตูบ้านของป้าคาร่าได้ทันที กวินจัดการไขกุนแจเข้าไปในบ้านของคาร่าอย่างคุ้นเคยก่อนจะเดินเข้าไปราวกับบ้านตัวเองก็ไม่ปาน “เอ๋?” คาร่าที่ได้ยินเสียงเปิดประตูดังขึ้นก็รีบถือแก้วน้ำเดินออกมาดู จากนั้นก็พบว่าเป็นเด็กชายกวินนี่เอง “กวิน ดึกดื่นป่านนี้ยังแอบหนีออกมาหาป้าไม่กลัวมามี้ของหนูจะตีก้นหรือไง?” คาร่าดีใจรีบวิ่งมาโอบกอดร่างป้อมๆเข้ามาในอ้อมแขน ก่อนจะถูไถแก้มนุ่มๆของเด้กน้อยอย่างมีความสุข “มามี้บอกให้ผมมาที่นี่ฮะ ป้าคาร่าต้องรับผมไว้เลี้ยงด้วยนะฮะ” กวินจ้องมองเธอด้วยดวงตากลมโตพลางทำหน้าตาน่าสงสารออดอ้อนเธอ คาร่านวดหน้ากลมๆของเด็กชายกวินด้วยความสงสาร “ป้าคาร่าต้องรับหนูไว้เลี้ยงอยู่แล้ว หนูอยากอยู่ที่นี่กับป้าคาร่านานแค่ไหนก็ได้นะจ้ะ ไม่มีปัญหา” คาร่าชอบกวินมากจริงๆ เวลาที่เห็นกวินเธอก็ยังอยากมีลูกของตัวเองบ้างจัง แต่เมื่อคิดถึงน้ำแข็งเดินได้อย่างนิพิฑ เธอก็หดหู่จนต้องถอนหายใจออกมา “ว่าแต่ว่ากวินจ้ะ ดึกขนาดนี้ทำไมยังไม่หลับไม่นอนเอ่ย มามี้ของหนูยังไม่กลับบ้านหรือไงกัน?” คาร่าเหลือบมองนาฬิกาที่แขวนอยู่บนผนังก็ถามขึ้นมาอย่างสงสัย เด็กๆควรนอนกันตั้งแต่หัวค่ำแล้วไม่ใช่หรือไงนะ? อีกอย่างถ้าวรินทรกลับมาถึงบ้านแล้วก็คงไม่ให้กวินมานอนกับเธอที่นี่หรอก หรือว่าวรินทรจะพาใครกลับบ้านนะและเธอก็ไม่อยากให้เขาคนนั้นเห็นกวินด้วยสินะ ทาวัต นอกจากเขาคนนั้นจะเป็นใครได้ คาร่ามองมาที่กวินด้วยแววตาสงสาร ในใจก็ก่นด่าทาวัตไม่หยุด ต่อให้เขาไม่รู้เรื่องราวที่แท้จริงก็เถอะ เขาก็ไม่สมควรทำร้ายจิตใจของวรินทรอยู่ดี ทำให้กวินไม่อาจเห็นหน้าพ่อแท้ๆของตัวเองได้ด้วยซ้ำ กวินหลุบตาลงก่อนจะพูดออกมา “ผมนอนหลับไปแล้วฮะแต่ถูกมามี้ปลุกให้ตื่น” ขอโทษนะฮะมามี้ ขอใช้ชื่อมามี้มาเป็นข้ออ้างหน่อยนะฮะ บูกัตติ เวย์รอนสีดำคันหรูแล่นมาจอดที่ที่จอดรถใต้คอนโดของวรินทร โคมไฟสลัวๆที่ติดๆดับๆราวกับใกล้จะเสียในไม่ช้า ทาวัตช้อนร่างของวรินทรเข้ามาในอ้อมแขนก่อนจะเดินเข้าคอนโด “ชั้นไหน?” เมื่อเดินเข้ามาในลิฟต์ทาวัตก็ถามเธอขึ้นมา วรินทรตอบโดยไม่แม้แต่จะลืมตาขึ้นมามอง “ชั้นเจ็ด” ทาวัตกดปุ่มลิฟต์ก่อนที่ลิฟต์จะค่อยๆขึ้นไปเรื่อยๆ ในลิฟต์ที่เงียบสนิทมีเพียงเสียงหายใจหอบอย่างหนักของวรินทรที่ไม่สบายดังขึ้นเท่านั้น เธอเอนศีรษะซบลงบนอกแกร่งของเขาอย่างอ่อนแรง ลอบฟังเสียงหัวใจของเขาที่เต้นอย่างมั่นคง เพราะเพิ่งตากฝนมาทำให้เสื้อผ้าของหญิงสาวชื้นไปหมด ร่างกายที่ถูกพิษไข้เล่นงานของวรินทรเมื่อต้องมาสวมใส่เสื้อผ้าชื้นๆแบบนี้ทำให้รู้สึกไม่สบายตัวอย่างมาก ติ้ง! เสียงของลิฟต์ที่ขึ้นมาถึงชั้นเจ็ดดังขึ้น ทาวัตก้าวเท้ายาวๆออกจากลิฟต์ หูก็ฟังเสียงเล็กๆของวรินทรบอกทางเขาจนมาถึงห้องของเธอ เขาจัดการเปิดสวิตช์ไฟจนห้องสีขาวทั้งห้องสว่างวาบ ทาวัตกวาดตามองของตกแต่งภายในห้องด้วยโทนสีอบอุ่นสบายตามาก ข้าวของในห้องถูกจัดวางไว้อย่างเรียบร้อย ตุ๊กตาตัวเล็กๆสองตัวที่วางอยู่บนโซฟาดูจะโดดเด่นในสายตาคมของชายหนุ่มเป็น พิเศษ มันทำให้ทาวัตนึกไปถึงตอนที่เขาเจอเด็กชายกวินที่ร้านเค้ก เด็กชายกวินก็เผลอลืมตุ๊กตาแบบนี้ไว้ที่เก้าอี้ เป็นตุ๊กตาแบบเดียวกัน วรินทรแอบสังเกตมองไปรอบๆห้อง เมื่อไม่พบข้าวของของกวินลูกรักของเธอ หญิงสาวก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เจ้าซาลาเปาน้อยๆของเธอเกือบทำเอาเธอหัวใจวายเสียแล้วสิ ถ้าหากทาวัตพบกวินเข้า เธอก็ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะปล่อยให้เธอมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกไหม... “มีปรอทวัดไข้ไหม?” ทาวัตวางร่างของเธอไว้บนโซฟา ดวงตาคมยังคงมองตุ๊กตาบนโซฟาอย่างพิจารณาก่อนเอ่ยถาม “มีค่ะ อยู่ในลิ้นชักขวามือของโต๊ะตัวนั้น” ใบหน้าของวรินทรจมอยู่ในหมอน เส้นผมเปียกชื้นของเธอทำให้หมอนค่อยๆชื้นตามไปด้วย เมื่อได้ยินดังนั้นทาวัตก็เดินไปที่โต๊ะหน้าโซฟาเพื่อเปิดลิ้นชักหาปรอทวัดไข้ เพียงครู่เดียวก็หาเจอ เขานำปรอทวัดไข้สอดในหูของวรินทรจากนั้นก็นำออกมาดูก็พบว่าหญิงสาวไข้สูงถึงสามสิบแปดจุดห้าองศา ถือได้ว่าไข้ขึ้นสูงมากที่เดียว ชายหนุ่มหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาใครบางคนก่อนจะยกขึ้นแนบหู “ฮัลโหล ฉันเอง...ภายในสิบห้านาทีมาที่คอนโดที่ตั้งอยู่ที่สวนบุปผธร ห้องชั้นเจ็ด...ฉันไม่สนว่านายกำลังทำอะไรกับภรรยานายอยู่ แต่สิบห้านาทีนี้ฉันต้องได้เจอนาย!” เมื่อพูดจบเขาก็ตัดสายและโยนมือถือลงบนโต๊ะ ก่อนจะขยี้ผมของตัวเองอย่างเครียดจัด วรินทรแกล้งหลับตา ต่อให้เธอจะเพลียอยากนอนมากแค่ไหนก็นอนไม่หลับไม่ลง เพราะว่าถูกเสียงของทาวัตคอยรบกวนอยู่แบบนี้ ทาวัตชำเลืองมองวรินทรที่นอนหนุนหัวอยู่บนหมอนก่อนจะดึงหมอนที่หญิงสาวหนุนออกมาอย่างแผ่วเบา จากนั้นก็เดินไปทางห้องน้ำ โชคดีที่โซฟานุ่มมาก วรินทรถอนหายใจออกมาอย่างแผ่วเบา เธอนึกว่าเขาจะเอาหมอนมากดหัวเธอเสียอีก ผ่านไปสักพัก ทาวัตก็ค่อยๆเดินออกมาจากห้องน้ำ ในมือของเขาถือผ้าขนหนูผืนเล็กสะอาดไว้ผืนหนึ่ง เสื้อเชิ้ตสีขาวเปียกแนบไปกับร่างกายแข็งแรงของเขา ทำให้เธอเห็นรูปร่างและกล้ามเนื้อท้องหกลูกของเขาได้อย่างชัดเจน ทำไมเลือดกำเดาเธอเกือบไหล วรินทรมองเขาอย่างเหม่อลอยจนกระทั่งเขาค่อยๆพยุงเธอให้นั่งขึ้นมาก่อนจะใช้ผ้าขนหนูวางแหมะลงบนหัวเธอที่เปียกชื้นอย่างทะนุถนอม วรินทรนิ่งอึ้งอยู่อย่างนั้น เธอได้แต่อยู่นิ่งๆให้เขาเช็ดผมเธอแต่โดยดี ปลายนิ้วของเขาที่สางผมเธออย่างแผ่วเบา นิ้วของเขาที่แตะถูกหนังศีรษะของเธอให้ความรู้สึกเหมือนกระแสไฟฟ้าอ่อนๆช็อตมาที่ร่างของเธอ ราวกับว่าเวลาถูกหยุดไว้กับที่ไม่ได้เดินไปไหน ใบหน้าของวรินทรแดงระเรื่อจากพิษไข้ ความชื้นของใบหน้าหน้าเล็กๆรวมถึงริมฝีปากสีชมพูที่ซีดเล็กน้อย แก้มน้อยๆที่ถูกแต่งแต้มด้วยสีแดงระเรื่อๆน้อยๆนั้น ทำให้ผู้พบเห็นรู้สึกหลงไหลและยากจะถอนสายตา “ทำไมคุณถึงได้ดีกับฉันขนาดนี้กันคะ?” อาจจะเป็นเพราะความมึนงงทำให้วรินทรหลุดปากถามในสิ่งที่อยู่ในใจของเธอออกไป ทาวัตเผยรอยยิ้มเอ็นดูออกมา “วรินทรคุณนี่มันไม่เก่งเลยสักเรื่อง เก่งอย่างเดียวคือทำเรื่องโง่ๆ” โมโห! ดวงตาที่กำลังปรือของเธอเบิกกว้างขึ้นทันที เธอโง่ตรงไหนกัน? ถ้าเธอโง่จริงแล้วคนอย่างเขารับเธอเข้าทำงานในบริษัทCR กรุ๊ปทำไมไม่ทราบ? เชอะ... เธอคิดอะไรของเธออยู่เนี่ย? เขานั่นล่ะที่โง่ เสียงกริ่งหน้าประตูดังขึ้น ทาวัตพาดผ้าขนหนูไว้ที่แขนก่อนจะเดินไปเปิดประตู ผู้มาใหม่คือคุณหมดสไรท์เตอร์ที่ยืนอยู่หน้าประตูด้วยสภาพผมเผ้ายุ่งเหยิงทั้งยังใส่รองเท้าไม่เรียบร้อย ในมือขวาของเขาถือกระเป๋ายาประจำตัวไว้อยู่ ดูเหมือนว่าเขาจะรีบร้อนมาที่นี่มากเพราะเส้นผมสีทองบนหัวเขาเปียกไปหมด 
已经是最新一章了
加载中