ตอนที่ 50 พวกเรามาปรึกษากันก่อนเถอะค่ะ   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 50 พวกเรามาปรึกษากันก่อนเถอะค่ะ
ต๭นที่ 50 พวกเรามาปรึกษากันก่อนเถอะค่ะ เช้าวันที่สองวรินทรก็เดินทางมาทำงานตามปกติ อาการป่วยของอิงดาวก็ดีขึ้นมากแล้ววันนี้เธอจึงมาทำงานตามปกติเช่นกัน วรินทรเดินถือกระดาษร่างแบบของตัวเองเดินผ่านหน้าของนวีนและอิงดาวที่ดูเหมือนจะมีบรรยากาศหวานพิกล เธอมอง เขาพวกเขาอย่างแปลกใจ ผ่านไปแค่ไม่กี่วันทำไมสายตาที่พวกเขาจ้องมองกันมันเปลี่ยนเป็นหวานซึ้งได้ขนาดนี้กันนะ หรือว่าที่เขาบอกว่าการดูแลยามเจ็บป่วยได้ไข้ทำให้ความรักมันงอกเงยได้จริง? แต่สักพักวรินทรก็สะบัดความคิดพวกนี้ออกจากหัวอย่างรวดเร็ว ถ้ามันทำให้ความรักงอกเงยจริงๆล่ะก็ท่อนไม้อย่างทาวัต ก็คงงอกเงยออกมาตั้งนานแล้วล่ะ ไม่สิ ความรักของเขาคงไม่งอกเงยเวลาอยู่กับเธอหรอก เขาคงจะงอกเงยกับวาดฝันมากกว่า วรินทรเมินเฉยท่าทางอี๋อ๋อของนวีนกับอิงดาวก่อนจะเดินออกมาจากแผนก นึกไม่ถึงว่าเธอจะพบหน้าของอมันด้าที่ไม่เห็น หน้ามาตั้งหลายวันเสียได้ อมันด้าก็ไม่คิดว่าเธอจะบังเอิญมาพบเจอวรินทรเข้าเธอทำหน้าประหลาดใจ ก่อนกลับมาเป็นปกติได้ อย่างรวดเร็ว อมันด้ากำมือของตัวเองไว้แน่นราวกับต้องการเก็บกักอารมณ์ของตัวเองเอาไว้ ร่างกายของเธอยังคงใส่น้ำหอมจนฉุนและ ยังคงแต่งหน้าอย่างปรานีตเช่นเคย แต่วันนี้ไม่ว่าเธอจะแต่งหน้าสุดความสามารถแค่ไหนก็ยังสามารถเห็นรอยคล้ำใต้ตาของเธอ “โชคร้ายเป็นบ้า” น่าแปลกที่อมันด้าไม่ได้ใส่อารมณ์ใส่เธอเช่นเคย หยิงสาวเพียงแค่สบถออกมาเบาๆก่อนจะเดินเลี่ยง ออกไป วรินทรกระพริบตาปริบๆ หยิงสาวลูบจมูกตัวเองเบาๆ ดูท่าวันนี้อีกฝ่ายจะไม่กล้าหาเรื่องเธอสินะ เมื่อมาถึงหน้าห้องทำงานท่านประธานวรินทรก็เคาะประตูก่อนจะเปิดประตูเข้าไป ภายในห้องอบอวลไปด้วยกลิ่นมิ้นต์ จางๆ เมื่อครู่เธอเพิ่งจะดมกลิ่นน้ำหอมฉุนๆจากตัวของอมันด้าเข้าไปจึงอดไม่ได้ที่จะดมกลิ่นฟุดฟิดอย่างหวาดระแวง แต่กลิ่นแบบนี้มันเป็นกลิ่นประจำตัวของทาวัตทำให้เธอเบาใจลง ทาวัตหันมามองหญิงสาวเล็กน้อยก่อนจะหันกลับไปที่บานหน้าต่างเหมือนเดิม ดูเหมือนว่าเขากำลังคุยโทรศัพท์กับใคร บางคนอยู่ เขาใช้ภาษาอังกฤษสนทนาอยู่กับคู่สาย สำเนียงของเขาดีมากราวกับเจ้าของภาษา ภาษาอังกฤษของเขาดีมากจริงๆ วรินทรสามารถฟังที่เขาพูดได้ทุกคำต่างจากเด็กหญิงตัวน้อยที่เมื่อก่อนแค่ได้ยินภาษาอังกฤษก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมา และไม่มีอีกแล้วคนที่คอยด่าเธอว่าโง่แต่ก็ยังคอยแปลภาษาให้เธอฟังทีละคำๆอย่างอดทน วรินทรคิดฟุ้งซ่านเรื่อยเปื่อยจนกระทั่งได้สติคืนมา หญิงสาวตั้งใจว่าจะวางผลงานออกแบบของตัวเองไว้บนโต๊ะและจะรีบ ออกไปแต่ทาวัตกลับรั้งไว้เสียก่อน “รอก่อน” วรินทรหมุนตัวกลับมาก็เห็นว่าทาวัตชี้นิ้วไปที่โซฟามุมห้องเป็นนัยว่าให้ไปนั่งรอเขาก่อนจากนั้นชายหนุ่มก็หันกลับไป สนใจคุยโทรศัพท์ต่อ วรินทรยู่ปากเดินไปนั่งที่โซฟาแต่โดยดี เวลาผ่านไปเกือบห้านาทีทาวัตจึงได้วางสายลง เขาหยิบงานออกแบบของเธอขึ้นมาจากโต๊ะจากนั้นก็เดินไปที่โซฟา จากนั้นก็ทิ้งตัวลงนั่งไขว่ห้างอย่างสบายใจ ชายหนุ่มพลิกดูแบบร่างของเธอไปมา เขามองผลงานของเธออย่างชื่นชม “แบบร่างที่ใช้ในการประกวดพร้อมหรือยังครับ” ทาวัตพลิกดูแบบร่างก่อนจะถามลอยๆ “ยังเลยค่ะ” วรินทรตอบ แม้ว่าการประกวดดีไซเนอร์นั้นจะไม่ได้จำกัดรูปแบบและเนื้อหา ไม่มีเจาะจงอะไรมากมาย แต่ เพราะเป็นแบบนี้มันจึงกว้างเสียจนเธอไม่รู้จะวาดแบบไหนออกมาดี ดวงตาของทาวัตหยุดอยู่ที่การออกแบบเหล่านั้นด้วยสายตาชื่นชม เขารู้ว่าตั้งนานแล้วว่าหญิงสาวมีพรสวรรค์ด้านนี้ แต่ คิดไม่ถึงว่าฝีมือของเธอจะยิ่งมายิ่งพัฒนาได้ถึงขั้นนี้เกินกว่าที่เขาคาดไปมาก ถ้าให้พูดตามตรงงานประกวดดีไซเนอร์ครั้งนี้คงไม่มีใครเป็นคู่ต่อสู้ของหญิงสาวข้างกายเขาได้แน่นอน ฝีมือการออกแบบของเธอนั้นยากจะลืมและสไตล์ของหญิงสาวก็เป็นสิ่งที่คนอื่นไม่ยากจะลอกเลียนแบบได้ “อีกเดี๋ยวผมมีนัดกับลูกค้า คุณก็ไปกับผมแล้วกัน!” คำพูดของเขาถือเป็นคำขาดปิดโอกาสไม่ยอมให้หญิงสาวปฎิเสธ แม้แต่น้อย เมื่อคุยเรื่องงานเสร็จเขาก็คุยสัพเพเหระอยู่สักพักจากนั้นทาวัตก็พาวรินทรไปห้องอาหารที่อยู่ฝั่งตรงข้ามบริษัท “ท่านประธานคะ พวกเรามาปรึกษากันก่อนเถอะค่ะ” เมื่อได้ยินว่าจะไปชั้นห้องอาหารที่อยู่ชั้นสิบเก้า วรินทรก็รู้สึกกังวล ขึ้นมา “ไม่” ทาวัตรู้อยู่แก่ใจว่าวรินทรกำลังกลัวอะไรอยู่ แต่ครั้งนี้เขาไม่สนว่าเธอจะเป็นโรคกลัวความสูงอีกแล้ว ถึงจะเป็นการ กระทำให้ที่ตรงเกินไปและใจร้ายไปเสียหน่อยแต่เขาก็เลือกที่จะใช้วิธีหนามยอกเอาหนามบ่ง จู่ๆวรินทรก็รู้สึกเวียนหัวขึ้นมาเธอกลัวจนมือไม้เย็นเฉียบไปหมด ใบหน้าเล็กดูซีดเผือดจนน่าสงสาร แต่ครั้งนี้ไม่ว่าอย่างไร ทาวัตก็ดึงดันที่จะพาเธอไปกับเขาโดยไม่สนว่าอีกฝ่ายจะอ้อนวอนเขาแค่ไหน “พื้นมันแข็งแรงดีน่า ไปครับ” ทาวัตเอ่ยอยากอดทนก่อนจะจูงมือเธอขึ้นลิฟต์ทันที ชายหนุ่มรู้สึกได้ว่ามือไม้ของเธอเย็นเฉียบไปหมด ทาวัตกางฝ่ามือใหญ่ของเขากระชับมือเล็กๆของเธอแน่นเพื่อให้มันอุ่น ขึ้น เขาให้คนจัดการเปลี่ยนพื้นใหม่ทั้งหมดก็เพียงเพราะเธอคนนี้คนเดียวไม่ใช่หรือไงกัน ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่ใจร้ายบังคับเธอขึ้นไปกับเขาหรอก เบื้องบนรู้ดีว่าเขาทำไปเพราะอะไร แม้ว่าวรินทรจะไม่อยากยอมรับแค่ไหนแต่นี่ก็เป็นส่วนหนึ่งในงานของเธอ หญิงสาวรู้มาตลอดว่าทัศนคติและการทำงาน ของทาวัตเข้มงวดและเป็นระเบียบอยู่เสมอ เวลานี้เป็นช่วงเวลาที่เธอจะต้องพิสูจน์ตัวเองแต่ต่อให้เธอจะอยากกลับลำตอนนี้ก็ไม่ทันเสียแล้วเพราะลิฟต์มาถึงชั้นสิบเก้าเป็นที่เรียบร้อย “สวัสดีครับคุณทาวัต เชิญทางด้านนี้เลยครับ” พนักงานต้อนรับที่รออยู่หน้าลิฟต์ตั้งแต่แรกเดินมาข้างหน้าทำความเคารพ ก่อนผายมือให้อีกฝ่ายอย่างนอบน้อม ทาวัตพยักหน้าเบาๆโดยที่ตัวเขาเองยังไม่ยอมปล่อยมือของวรินทร มือหนายังคงจับจูงให้หญิงสาวร่างเล็กเดินตามเขามา เรื่อยๆ วรินทรถอนหายใจก้มหน้ามองพื้นที่ยืนอยู่ อย่างน้อยพื้นก็ไม่ใช่พื้นกระจกมีเพียงแค่กระจกที่ล้อมรอบอยู่ทั้งสี่ด้านแต่แค่ นั้นเธอยังพอทนได้ไม่มีปัญหา ร้านอาหารแบบเปิดโล่งไม่ได้อยู่ชั้นบนสุดของโรงแรมฮวงเซิงแต่ที่ตั้งก็จัดได้ว่าพิเศษไม่ซ้ำกับที่ใด ห้องอาหารยื่นออกมา จากตัวของตึกและเดิมพื้นและรอบด้านล้วนเป็นกระจกทั้งหมด แต่เมื่อปีก่อนทาวัตเพิ่งจัดการปิดซ่อมแซมและออกแบบใหม่ พื้นที่เดิมทีเป็นกระจกกลับถูกเปลี่ยนเป็นพื้นหินอ่อนสีขาว สะอาดตาแต่ก็ยังไม่กระจกล้อมรอบอยู่ทั้งสี่ด้านเพื่อให้แขกและลูกค้าที่ชื่นชอบได้ชมวิวทิวทัศน์เช่นเดิม “สวัสดีครับท่านประธาน นี่นามบัตรของผมครับ” เสียงของแขกคนนั้นฟังดุคุ้นมากทำให้วรินทรต้องเงยหน้าขึ้นมามองก็ เห็นว่าตอนนี้คนที่กำลังจับมือทักทายทาวัตอยู่ก็คือดวิษ ดวิษเองก็มองเหลือบมาเห็นวรินทรที่นั่งอยู่ดวงตาคมก็ฉายแววประหลาดใจก่อนจะค่อยๆคลี่ยิ้มออกมา “เจอกันอีกแล้ว นะครับคุณวรินทร ถ้าให้นับนี่ก็คงเป็นครั้งที่สามของเราแล้ว” ดวงตาคมของทาวัตจับจ้องที่วรินทร คิ้วหนาขมวดอย่างไม่ชอบใจในคำพูดของดวิษเท่าไหร่นัก “พวกคุณรู้จักกันหรือครับ?” ทาวัตจำได้ว่าดวิษคือผู้ชายคนเดียวกันกับที่เขาพบที่ทาวเวอร์บันเทิงเมื่อคืนก่อน คิดไม่ถึง จริงๆว่าเขาจะเป็นคนที่นัดมาเซ็นสัญญากันในวันนี้ แต่คำพูดของดวิษเหมือนกับว่าเขาสนิทสนมกับวรินทรอย่างมาก วรินทรเม้มปาก “พบกันอยู่สองครั้งค่ะ แถมยังให้ฉันช่วยแนะนำเพื่อนผู้ชายให้เขารู้จักอีกด้วย” ดวิษแทบจะกระอักเลือด เขาพูดตอนไหนว่าให้เธอช่วยแนะนำเพื่อนผู้ชายให้กันมีแต่หญิงสาวคนนี้คิดเองเออเองไม่ใช่หรือ ไง แถมยังมาคิดว่าเขาเป็นพวกไม้ป่าเดียวกันอีกด้วย! ใบหน้าของทาวัตดูจะโล่งใจขึ้นมา เขามองมาที่ดวิษอย่างเห็นใจอีกฝ่ายเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังทำหน้าราวกับ กำลังกลืนยาขมอยู่ เมื่อบทสนทนาเรื่องงานเริ่มขึ้น วรินทรก็คอยอยู่ข้างๆเติมน้ำบริการพวกเขาเรื่อยๆไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่านั้น ข้อมูลที่ เลขานิธูรให้มาก็ดูจะมีประโยชน์ไม่ใช่น้อย แต่เธอนึกไม่ถึงจริงๆว่าดวาไม่เพียงจะนิสัยเหมือนเพื่อนเธอคนนั้นมาก เขายังแพ้อาหารทะเลเหมือนกันอีกด้วย “ไม่ทราบว่าคุณวรินทรกับท่านประธานมีความสัมพันธ์อะไรกันเป็นพิเศษหรือเปล่าครับ?” หลังจากคุยเรื่องงานเร็จสิ้น ดวิษก็ถามคำถามที่เขาค้างคาใจขึ้นมาอย่างไม่อ้อมค้อม 
已经是最新一章了
加载中