ตอนที่ 142 คุณผู้ชายนิสัยเด็ก   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 142 คุณผู้ชายนิสัยเด็ก
ต๭นที่ 142 คุณผู้ชายนิสัยเด็ก แต่ว่าเขาเคยอ่อนโยนกับเธอหรอ ธารีรู้ดีแก่ใจว่าถ้าไม่ใช่สองขานี้สายตาของทาวัตก็จะไม่มีวันไปหยุดที่เธอได้ยิ่งไม่ต้องไปพูดคำว่าอ่อนโยนสองคำนี้หรอก “ไม่มีอะไร รอทีนาร์มาให้เขาช่วยโทรกลับหาฉันด้วยนะ” ในใจของธารีนั้นสั่น จริงๆอยากจะคุยกับเขาให้มากกว่านี้แต่ว่ากลับไม่มีหัวข้อสนทนาอะไรที่จะพูดได้ “อืม วางล่ะนะ” พูดจบทาวัตจึงกดวางสาย หน้าจอโทรศัพท์ของธารีเปลี่ยนเป็นสีดำ ในสายตานั้นอ่อนโยนเธอเอาโทรศัพท์มาวางไว้ที่หน้าอกเหมือนจะรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นของเขาที่ส่งมาจากสายนั้น ขณะที่ครุ่นคิดนั้น เธอจะส่งข้อความไปที่โทรศัพท์ของทีนาร์แต่กลับไปส่งให้ทาวัต ทาวัตขอบคุณนะ แต่ว่ากลับไม่ได้รับข้อความตอบกลับ เธอก็ไม่ได้เสียใจอะไรเพราะว่าเธอรู้ว่าทาวัตต้องเห็นแน่นอน ทาวัตเห็นแล้วจริงๆ แต่ว่าไม่ได้ตอบกลับ ทว่าสายตาของเขานั้นเมื่อเห็นรูปภาพที่อยู่บนหน้าจอกลับเปลี่ยนเป็นเย็นชา เป็นภาพวารินทรกับชนุตร์ที่ทีนาร์ถ่ายส่งให้กับธารี บนรูปภาพนั้นชนุตรอุ้มวารินทรด้วยท่าทางที่สนิทสนม ถึงแม้จะเห็นเพียงด้านข้างแต่ว่ากลับเห็นหน้าคนบนรูปได้อย่างชัดเจน ลมหายใจทั่วทั้งร่างของทาวัตนั้นก็ลดต่ำลงอย่างฉับพลัน เปลี่ยนเป็นเย็นยะเยือก ทั้งร่างกายนั้นมีท่าทีที่กลัวที่ไม่สามารถใช้อำนาจคุกคามเข้าใกล้ได้ แต่ว่าอยู่ดีๆบนใบหน้าที่งดงามไม่ใครเทียบได้นั้นก็ยังคงไม่มีความรู้สึกใดๆ เย็นชาจนน่ากลัว ทันใดนั้น มุมปากของเขาก็ฉีกยิ้มแต่กลับทำให้คนไม่รู้สึกถึงความอบอุ่นใดๆแต่กลับเป็นความเย็นยะเยือกทำให้คนนั้นหนาวเย็นกายไปสู่หัวใจแทน ดี ดีมาก ถ้าเหตุผลที่เธอไม่รับสาย ไม่กลับบ้านนั้นคืออย่างนี้ อย่างนั้นแล้วเขาก็จะไม่ยอมปล่อยเธอไปง่ายๆอย่างนี้หรอก เขายืนขึ้น ใบหน้าที่งดงามนั้นเหมือนไม่ยีหระอะไรกับเรื่องที่เกิดขึ้นแต่ท่าทีนั้นกลับทำให้คนรู้สึกกลัว เขายกแขนขึ้นโทรศัพท์นั้นตกไปตามทิศทางที่เขาเขวี้ยง เขาโยนไปในมุมของกำแพง จนมันแตกกระจัดกระจาย “ปกเกศไปเลือกซื้อโทรศัพท์รุ่นใหม่ให้ทีนาร์ด้วย” ทาวัตพูดเสร็จด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็แล้วก็เดินออกไปจากบ้านไปยังที่จอดรถ ทุกก้าวของเขาขณะที่เดินนั้นเหมือนอัดอั้นความรู้สึกโกรธอย่างขีดสุด คนรับใช้ที่ผ่านเหตุการณ์นี้มายังไม่กล้าเงยหัวขึ้นมามองเลยกลัวว่าจะไปทำให้เขาโกรธ ปกติแล้วคุณผู้ชายโกรธก็จะเป็นอย่างนี้ จะต้องเกี่ยวกับคุณวรินทรอย่างแน่แท้ รถคะเยนสีดำคำออกจากบ้านไป ขับไปด้วยความเร็วที่จะให้ถึงโรงพยาบาลนั้น ตำรวจจราจรทั้งหมดรู้ว่านั่นคือรถของใครแต่ทำเป็นไม่เห็น แต่ว่าในขณะนี้วรินทรไม่รู้ว่าความอันตรายห่างจากตัวเองไม่ไกลนัก เธอยังพูดคุยหยอกเย้ากับชนุตร์อยู่ แต่ว่าเนื้อหาที่คุยกันนั้น อาจจะมีแบบกลืนไม่เข้าคายไม่ออกบ้าง “จริงๆแล้ว ฉันก็ไม่ได้ดูถูกเหยียดหยามอะไรหรอก ดังนั้นเธอไม่มีความจำเป็นหลบๆซ่อนๆ ฉันไม่ใช่สื่อคงไม่ไปโพนทะนาหรอก” วารินทรพูดด้วยความรู้สึกที่ว่าฉันรับประกันว่าตัวเองเป็นคนดี สายตาที่จดจ้องมองชนุตร์ ยื่นมือไปเช็ดใบหน้าของเขาเล็กน้อยพร้อมถอนหายใจ ชิ ดูความนุ่มนวลละเอียดของมือสิ ดูแลดีพอกับเจ้าตัวเลย เกิดมาเพื่อให้คนหลงใหลเสียจริงๆเลย ชนุตรกำลังนั่งลงที่ข้างเตียงปลอกแอปเปิ้ลให้เธอด้วยความที่ไม่คล่องแคล่วที่มีอยู่แล้วเมื่อได้ฟังคำว่าวรินทร มีดอันเล็กก็บาดที่นิ้วโป้งของเขาทำให้เลือดออกมาเป็นหยดๆ ชิ หมู่นี้เธอที่เชื่อไสยสาสตร์ไหม วารินทรมองแอปเปิ้ลที่ปลอกเสร็จแล้วในมือเขา พบว่าไม่มีรอยเลือดอยู่บนนั้น หยิบมันมาจากมือเขาหลังจากนั้นก็เอาเข้าปากกัดกิน “ทำไมเธอไม่เห็นใจกันเลย ฉันเลือดไหลอยู่นะ” ชนุตรทำหน้าขื่นขม เอานิ้วมือที่ได้รับบาดเจ็บยื่นให้ตรงหน้าวรินทร ท่าทางเหมือนจะให้ปลอบ คุณชายก็คือคุณชายจริงๆ แค่แผลเล็กๆจะตายได้เลยหรอ วารินทรมองค้อนให้ลูกหนึ่ง กระดิกขาของตัวเองเพราะนอนนานเลยก็รู้สึกชาได้ง่าย แล้วก็กัดแอปเปิ้ลไปพร้อมพูดพร้อม “คุณสามารถมาเปรียบกับฉันทั้งร่างกายได้ไหมล่ะ ฟังพี่นะเอานิ้วนั้นอมไว้ในปากรับรองว่าไม่เจ็บ อะไรกัน ชนุตร์ตะลึงไปนิดหน่อย ถ้านิ้วได้รับบาดเจ็บอมเข้าไปในปากก็ไม่เป็นไรแล้วหรอ คิดดูแล้ว เขายังเชื่อฟังวารินทร เอานิ้วมือที่ได้รับบาดเจ็บเข้าไปในปาก แต่ว่าเขากลับทำได้นิดเดียวก็บ้วนมันออกมาอย่างหน้าเสีย ชี้หน้าวรินทรพร้อมพูดว่า “เธอหลอกฉันนิ” วารินทรกัดแอปเปิ้ลต่ออย่างเบิกบานใจเล่นหูเล่นตาอย่างอารมณ์ดี ปากสีชมพูคล้ายเชอร์รี่นั้นยกขึ้นยิ้มอย่างปลิ้นปล้อน “ฉันหลอกเธอซะที่ไหน ฉันให้เธออมไว้ในปากเธอก็อมหรอ ทำไมถึงเชื่อฟังขนาดนั้น” “นี่เธอ” ชนุตร์มีอารมณ์ขัดเคือง ดูเหมือนทำให้ใบหน้าอันหล่อเหลานั้นอบอุ่นเพิ่มมากขึ้น เขาแย่งแอปเปิ้ลออกมามือวารินทรอย่างโกรธๆ เอามาไว้บนโต๊ะอีกฟากหนึ่ง “ฉันปลอกแล้ว ไม่อนุญาตให้เธอกิน” ใครจะรู้ล่ะว่าวารินทรแค่มองเขาอย่างเบาๆ ถูผ้าห่มอย่างๆช้าพร้อมนอนลง “คุณผู้ชายนิสัยเด็ก” ข้างกายเธอทำไมมีคุณผู้ชายบ้านรวยที่นิสัยเด็กเยอะไปหมดเนี่ย ชนุตร์ส่ายหัวอย่างจนใจ เอาแอปเปิ้ลมาปลอกต่ออย่างยอมรับชะตาชีวิต ทันใดนั้น เขาเหมือนจะนึกอะไรขึ้นได้จึงพูดว่า “หลายวันก่อน ไม่ใช่เพราะบ้านพูลสวัสดิ์ระเบิดหรอกพ่อเธอได้รับบาดเจ็บ ถูกนำส่งโรงพยาบาล ได้ข่าวมาว่าก็ยังอยู่ในโรงพยาบาลนี่อยู่” วารินทรคิ้วกระดกขึ้น หันหน้ามามองเขา “ข่าวด่วนข่าวไวเสียจริงนะคุณผู้ชาย” เรื่องนี้มีแค่ไม่กี่คนที่รู้เรื่อง แต่ถูกด้านตำรวจอำพรางไปหมดแล้ว “มันก็แน่นอน ซ้ำยังรู้เลขที่ห้องของเขาด้วย จะไปดูไหมล่ะ” “เธอเอาฉันนั่งรถเข็นหน่อย ฉันจะไปเดี๋ยวนี้” วารินทรชี้ไปยังรถเข็นที่เตรียมสำรองไว้ ทั้งชีวิตของเธอถือว่าคุ้มแล้วเพราะได้นั่งรถเข็นถึงสองครั้ง ลงมือปฏิบัติการทันที ดังนั้นทั้งสองคนออกจากห้อง ไปยังห้องผู้ป่วยที่ชยุตพักอยู่อย่างเงียบๆ ชยุตกับณัฐพิชาอยู่ในห้องICU ข้างนอกห้องผู้ป่วยมีคนเปลี่ยนสลับเปลี่ยนกันดูแต่ว่าพอวารินทรกับชนุตรไปกลับไม่เห็นใครเฝ้าดู ทางสะดวกตลอดทาง “แปลก ทำไมมีคนเฝ้า” วารินทรกวาดสายตาไปมาด้วยความสงสัย ด้วยว่าตามจริงแล้วเรื่องบ้านพูลสวัสดิ์ที่เกิดครั้งนี้เป็นสิ่งที่ไม่คาดคิดและยังไม่ได้สอบสวนชัดเจน ทางด้านตำรวจทำไมถึงประมาทขนาดนี้ล่ะ ไม่มีสักคนเลยจริงๆ ชนุตรกระตุ้นความเงียบโดยการเข็นวารินทรเข้าไปในห้องICU ในห้องคนไข้มีแค่สองเตียง เมื่อเทียบกับห้องวีไอพีนั้นคลาดเคลื่อนมาก แบ่งออกเป็นเตียงของชยุตกับณัฐพิชา ทั้งสองคนยังอยู่ในอาการสะลึมสะลือ วารินทรโบกมือเป็นการส่งสัญญานให้ชนุตรปล่อยรถ หลังจากนั้นตัวเองเลื่อนรถเข็นไปใกล้สองสามก้าว ชยุตกับณัฐพิชาดูเหมือนจะยังไม่ตื่นก็ขนาดชยุตที่เข้มงวดเด็ดขาดตอนนี้ดูเหมือนไม่มีพละกำลังที่จะฆ่าคนใดๆ แค่มือของวรินทรก็สามารถทำให้เขาตายได้ทันที แต่ว่าวรินทรไม่คิด เธอต้องการให้ชยุตทุกข์ทรมาณตลอดไป การมีชีวิตอยู่ข่มขื่นดีกว่าการตายไป เอาความข่มขื่นทุกสิ่งทุกอย่างของแม่เธอทิ้งไว้ที่ร่างกายเขาให้หมด ถ้าเธอไม่ได้บรรลุวัตถุประสงค์ก่อน ใครก็อย่ามาขัดขวางเธอ วารินทรเลื่อนรถเข็นไปที่หน้าเตียงของณัฐพิชา มองณัฐพิชาที่ตอนนี้ไม่มีความเริ่ดหรูด้วยสายตาที่เย็นชา ทั้งสองคนนี้เป็นคนที่เธอเกลียดมากที่สุด แต่ว่าตอนนี้พวกเขานอนอยู่ตรงนี้แบบอยู่ครึ่งตายครึ่ง จริงๆแล้วในใจของวรินทรก็เสียใจ 
已经是最新一章了
加载中