ตอนที่14 มอบตัว
1/
ตอนที่14 มอบตัว
ชายาเจ้าเล่ห์ เจ้าอย่าหนี
(
)
已经是第一章了
ตอนที่14 มอบตัว
๕อนที่14 มอบตัว พริบตาเดียวที่เซี่ยอีอีกระพริบตา สายตาแวบไปความประชดประชัน นางกระตุกมุมปากขึ้น แล้วพูดอย่างเรียบเฉยได้“เงินที่เข้ามาในห่อผ้าของข้าแล้ว ก็ไม่มีเหตุผลที่จะออกไปอีก ในเมื่อเจ้าต้องการมัน งั้นก็เข้ามาเอาเองก็แล้วกัน” เมื่อชายฉกรรจ์ได้ยินดังนั้น ก็ก้าวขึ้นหน้ามา ยื่นฝ่ามือหนาๆของเขาบีบเข้ามา เซี่ยอีอียิ้มแห้งๆ ยังไม่ทันที่มือของเขาจะมาถึงตัวของนาง ก็มีกลุ่มพลังสีดำกลุ่มหนึ่งลอยมาซัดพวกเขาลอยกลับไป เมื่อเห็นดังนั้น ชายฉกรรจ์อีกคนที่กำลังจะก้าวเข้ามาเหมือนกันก็ชะงัก มองไปที่เด็กผู้หญิงด้วยสีหน้าท่าทางเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและตกใจ เซี่ยเฉินวี่จ้องไป คนๆนั้นก็รีบหลบไป เซี่ยอีอีค่อยๆยิ้ม แล้วลูบไปที่ศีรษะของเด็กน้อยทั้งสอง แล้วบ่นเบาๆว่า“ในเมื่อเราตัดสินใจว่าต่อไปจะต้องเป็นจุดสนใจแล้ว ทำไมถึงไม่ฉวยโอกาสในตอนนี้ ทำให้คนในเมืองหลวงจดจำเราได้ล่ะ?” เซี่ยเฉินวี่กับเซี่ยวี่ซื่อไม่ค่อยเข้าใจความหมาย แล้วก็เงยหน้าไปมองนาง เซี่ยอีอียิ้มเบาๆ แล้วพูดด้วยเสียงเย็นชา“ฆ่าซะดีกว่า ง่ายกว่าเยอะ” เมื่อสิ้นเสียง ก็เห็นเงาคล้ำๆสองเงาซ้ายข้างขวาข้าง ที่ราวกับหมอกกระจายตัว พุ่งไปเอาชีวิต ...... วันต่อมา โรงเตี๊ยมที่เซี่ยอีอีพักอยู่ก็ถูกล้อมไปด้วยทหารกลุ่มใหญ่ นางยืนอยู่ริมหน้าต่าง มองดูความคึกครื้นด้านล่างอย่างนิ่งๆ ไม่นานนัก ตงวี่ก็วิ่งมาหน้าตาตื่น แล้วพูดว่า“คุณหนู ด้านล่างทหารเต็มไปหมด” เซี่ยอีอีมองไปยังตงวี่ แล้วพูดเรียบๆว่า“ไปเรียกวี่เอ๋อกับซื่อเอ๋อมา เราจะไปมอบตัวที่ศาลว่าการ” “คุณหนู แต่ ......” “วางใจเถอะ ไม่มีอะไรหรอก ข้ารู้ว่าต้องทำยังไง” เซี่ยอีอีพาเซี่ยเฉินวี่กับเซี่ยวี่ซื่อออกทางประตูด้านหลังโรงเตี๊ยม เมื่อมาถึงประตูศาลว่าการ ก็เข้าไปตีกลองร้องทุกข์ เมื่อได้ยินเรื่องราวคำให้การของนางแล้ว ไต้เท้าหลิวผู้ว่าการศาลก็ถึงกับตะลึงไป เมื่อเช้าตรู่ เจ้าของบ่อนมาร้องเรียนว่า ลูกน้องของตัวเองถูกสังหาร คนที่เขาส่งไปจับคนร้ายยังไม่ทันกลับมา คนร้ายกลับมามอบตัวเองซะงั้น แล้วก็บอกว่าตัวเองถูกใส่ร้าย เขารับราชการมากว่าสิบปี นี่เป็นครั้งแรกที่เกิดเรื่องแบบนี้ อีกอย่างที่ทำให้ไต้เท้าหลิวยิ่งไม่ยากจะเชื่อเข้าไปอีกคือ คนที่คุกเข่าอยู่ศาลเป็นผู้หญิงหนึ่งคนกับเด็กอีกสองคน ที่ดูอ่อนแอไม่มีพิษสงอะไร ส่วนศพที่เมื่อเช้าหามมา เป็นชายฉกรรจ์สองคนที่มีรูปร่างกำยำ กะโหลกของชายฉกรรจ์สองคนนั้นแตกละเอียด แต่ว่าเขามองยังไง สามแม่ลูกนั้นก็ไม่เหมือนคนที่มีความสามารถอะไรแบบนั้นได้เลย “เจ้าบอกว่าเจ้าเป็นคนสังหารหลี่เอ้อกับหลิวสี่ของบ่อนพนันงั้นหรอ?”สีหน้าของไต้เท้าหลิวแทบไม่อยากจะเชื่อ จึงต้องถามยืนยันอีกครั้ง เซี่ยอีอีถือผ้าเช็ดหน้าบางๆในมือเช็ดน้ำตาที่ไหลลงมาไม่หยุด เสียงร่ำไห้ดังออกมาอย่างไม่ขาดสาย นางเอ่ยปากพูดว่า เสียงเหมือนนกร้อง ที่ทั้งเปราะบางและอ่อนโยน ทำให้คนที่ได้ยินสะเทือนใจนัก“ไต้เท้า สองคนนี้ถูกข้าสังหารจริงๆเมื่อวานนี้ เมื่อวานนี้ข้าน้อยก็แค่เล่นชนะในบ่อนพนันได้เงินมาบ้างเล็กน้อย แต่ว่าพวกเขาเห็นแม่หม้ายลูกติดอย่างพวกข้ารังแกกันได้ง่ายๆ ชิงเงินไปแล้วยังไม่พอ ยังจะข่มเหงคนด้วย ข้าน้อยอาภัพนัก ลูกยังไม่ทันได้ลืมตาดูโลก สามีก็มาตายไป เด็กสองคนนี้เป็นเหมือนแก้วตาดวงใจของข้า ต่อให้ต้องแลกด้วยชีวิตก็ต้องคุ้มครองพวกเขาให้ปลอดภัย ด้วยความร้อนใจ ก็เลยพลั้งมือสังหารสองคนนั้นไป ข้าน้อยไม่มีทางเลือกจริงๆ ขอไต้เท้าให้ความเป็นธรรมกับข้าน้อยด้วย” เซี่ยอีอีหน้าตาดูอ่อนโยนอยู่แล้ว เมื่อร้องไห้อีก ก็ยิ่งทำให้คนรู้สึกสงสารสะเทือนใจ คนที่อยู่นอกศาลที่ยืนมองอยู่ เมื่อได้ยินเซี่ยอีอีพูดมาดังนั้น ทั้งหมดก็ยืนอยู่ข้างนาง ไม่นานนัก เจ้าหน้าที่ก็พาเจ้าของบ่อนกลับมาถึงศาล เมื่อเจ้าของบ่อนเห็นเซี่ยอีอี ก็ชี้ไปยืนยัน“ไต้เท้า นางนี่แหละ เมื่อวานนางสังหารคนของข้า” เมื่อเขาตะคอก ทันใดนั้นเองเซี่ยวี่ซื่อก็ร้อง “แง้” ออกมา เด็กน้อยพุ่งเข้าสู่อ้อมกอดของเซี่ยอีอี“ท่านแม่ ข้ากลัว” เมื่อเซี่ยวี่ซื่อร้องไห้ออกมา ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นก็เริ่มซุบซิบนินทากัน เมื่อเอาสามแม่ลูกกับเจ้าของบ่อนมาอยู่รวมกัน ใครแข็งใครอ่อนแค่มองก็ดูออก อีกอย่าง คนของบ่อนทำอะไรมีแนวทางชัดเจนอยู่แล้ว สามแม่ลูกเล่นพนันชนะ พวกเขาอยากจะได้มันคืน นี่เป็นเรื่องที่เป็นไปได้แน่นอน เมื่อเห็นผู้หญิงดูอ่อนแอ เด็กน้อยก็น่ารักน่าชัง พวกเขาเกิดความคิดไม่ซื่อขณะจะชิงเงิน ก็ยิ่งเป็นเหตุผลที่ฟังขึ้นมาก เจ้าของบ่อนที่แข็งกร้าวเมื่อเห็นทุกคนดูคัดค้าน ก็ไม่พอใจ“ไต้เท้า ฆ่าคนต้องชดใช้ หลักการของฟ้าดินที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ ตอนนี้คนร้ายก็อยู่ที่นี่แล้ว ขอไต้เท้าลงโทษตามกฎหมายด้วย” เมื่อไต้เท้าหลิวได้ยินดังนั้นก็รู้สึกลำบากใจ ตามหลักแล้ว ฆ่าคนต้องชดใช้ แต่เรื่องนี้เกิดเพราะมีเหตุ แถมชาวบ้านต่างก็รู้สึกเห็นใจนักโทษ ทำให้เกิดความเห็นใจทางนอกกฎหมายไม่น้อย หากลงโทษนางจริง เกรงว่าจะทำให้คนส่วนมากไม่พอใจ “ผู้หญิงที่อยู่ในศาล เจ้าชื่อเสียงเรียงนามว่าอะไร? บ้านอยู่ที่ไหน? เป็นชาวเมืองใด? เรื่องนี้มีข้อสงสัยเป็นจำนวนมาก จะต้องตรวจสอบให้มากกว่านี้ ในเมืองหลวง มีใครที่เจ้ารู้จักสามารถมาประกันตัวเจ้าได้ไหม?” เซี่ยอีอีได้ยินไต้เท้าหลิวพูดดังนั้น ก็ค่อยๆก้มหน้าลง มีรอยยิ้มร้ายๆปรากฏขึ้นบนใบหน้า นางค่อยๆเอ่ยปากพูด“ข้าน้อยเซี่ยอีอี เป็นคนเมืองหลวง บ้านอยู่ที่ถนนหนานหลัว พ่อของข้าเซี่ยเหวียนฉี พี่ชายเซี่ยหวินเทียน”เมื่อสิ้นเสียงลง ก็เงยหน้าขึ้นมา น้ำตาแห่งความน้อยอกน้อยใจ เหมือนจะไม่มีเหลืออยู่แล้ว เมื่อได้ยินดังนั้น ไต้เท้าหลิวก็ตกใจ แล้วพูดด้วยความตกใจว่า“เมื่อกี้เจ้าบอกว่า พ่อของเจ้าคือเซี่ยเหวียนฉี? ท่านเสนาบดีไต้เท้าเซี่ย? พี่ชายคือ ......” ไต้เท้าหลิวพูดไปได้แค่ครึ่งเดียว ก็กลัวจนต้องกลืนน้ำลาย เสนาบดีเซี่ยรับราชการมาหลายปี ฮ่องเต้ทรงให้ความสำคัญมาก เขาเป็นแค่ผู้ว่าการศาลเล็กๆแค่จะพูดติดอ่างบ้ายังทำไม่ได้เลย ส่วนเซี่ยหวินเทียนทหารกล้าตั้งแต่อายุน้อยๆ เขาทำศึกมานับไม่ถ้วน หลายปีมานี้เขาได้เลื่อนขั้นจากรองหัวหน้าเป็นแม่ทัพตั้งแต่อายุยังน้อย ชื่อเสียงผลงานมากกว่าตำแหน่งเสนาบดีซะอีก คนของตระกูลเซี่ยเขาจะปฏิบัติอย่างระมัดระวัง แต่ผู้หญิงคนนี้กลับ ...... ขณะที่สถานการณ์กำลังวุ่นวาย คนสนิทของไต้เท้าหลิวก็เตือนสติเขา ทำให้ไต้เท้าเซี่ยถึงขั้นขมวดคิ้ว ได้ยินมาว่าคุณหนูทั้งสี่ของตระกูลเซี่ย สามคนมีอายุมากกว่าท่านแม่ทัพเซี่ย ส่วนอีกคนก็เป็นน้องสาวแม่เดียวกัน แต่กลับเป็นคนไม่สมประกอบ แต่ผู้หญิงคนนี้นั้น ดูยังไงก็ไม่เหมือนคนสติไม่ดี ดูยังไงก็ดูฉลาดปราดเปรียว โดยเฉพาะรอยยิ้มของนางในตอนนี้ ไม่รู้ทำไมทำให้คนรู้สึกไม่สบายยังไงบอกไม่ถูก เสียงหัวเราะเบาๆดังขึ้น เซี่ยอีอีเอ่ยปากพูดอีกครั้ง “ดูท่าทางไต้เท้าจะไม่ค่อยเชื่อคำพูดของข้า แต่ว่าก็ไม่แปลกนะ ข้าสติไม่ดีแต่เล็ก แถมยังไม่อยู่เมืองหลวงตั้งหลายปี ไต้เท้าก็มีเหตุผลพอที่จะไม่เชื่อ ข้ากลับมาเมืองหลวงได้ไม่ถึงสองวัน ก็เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ทำให้เมืองหลวงไม่สงบ แต่ว่าในเมื่อข้ามาถึงที่ศาลนี้แล้ว ก็ไม่ได้คิดจะรีบไป แต่ว่าหากท่านพ่อกับพี่ชายข้ารู้เรื่องนี้แล้ว ก็คงตำหนิข้าไม่น้อยแน่ๆ” หลังจากที่เซี่ยอีอีแจ้งชื่อไปแล้ว ทำให้ชาวบ้านเริ่มพูดคุยกันในประเด็นนี้ คุณหนูคนบ้าของตระกูลเซี่ยถูกส่งออกไปจากเมืองหลวงเมื่อห้าปีก่อน เรื่องนี้ทุกคนรับรู้กันทั่ว หลายเดือนก่อน ท่านผู้เฒ่าตระกูลเซี่ยเสียชีวิตไป ในฐานะหลานจะกลับมาเมืองหลวงก็ถือเป็นเรื่องปกติ แต่ว่า คนสติไม่ดีแต่เด็กผ่านไปห้าปีกลับหายบ้าแล้ว เรื่องนี้ทำให้คนต่างเกิดความสงสัย เมื่อได้ยินทุกคนรอบๆศาลเริ่มถกเถียงกันเรื่องนี้ ไต้เท้าหลิวก็เริ่มเหงื่อออก ถึงแม้ว่าตอนนี้เขายังไม่สามารถยืนยันได้ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นคุณหนูสี่ของตระกูลเซี่ยหรือไม่ แต่เขายิ่งไม่อยากไปเสี่ยง ที่จะตัดสินโทษให้แก่นาง เขาคิดอยากจะส่งคนไปเชิญคนของตระกูลเซี่ยมา แต่กลัวว่าคนที่มาจะเป็นท่านเสนาบดีเซี่ยหรือไม่ก็ท่านแม่ทัพเซี่ยแทน หากพวกเขามาชี้ตัวที่ศาลว่าการ หากคนนี้ไม่ใช่คุณหนูตระกูลเซี่ยยังดี แต่หากเป็นจริงๆ เกรงว่าต่อไปเขาคงอยู่ยาก “เห้อ เอาอย่างนี้ล่ะกัน เห็นแก่ที่ว่าลูกเจ้ายังเล็ก ข้าเองก็ไม่อยากจะจับเจ้าขังในคุก ในเมื่อเจ้าบอกว่าเจ้าเป็นคุณหนูตระกูลเซี่ย งั้นข้าจะให้คนส่งเจ้ากลับไปที่โรงเตี๊ยม แล้วให้คนไปเชิญท่านแม่ทัพเซี่ยมาประกันตัวเจ้า แต่หากเจ้าไม่ได้เป็นอย่างที่เขาว่า งั้นเจ้าจะได้รับโทษเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว จะเข้าคุกทันที ใครก็ช่วยเจ้าไม่ได้” ให้แม่ทัพเซี่ยไปยืนยันตัวตนที่โรงเตี๊ยม ก็ยังดีกว่ามาที่คนเยอะๆอย่างในศาล ไต้เท้าหลิวคิดแล้วคิดอีก นี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดในตอนนี้ เซี่ยอีอียิ้ม ลุกขึ้นแล้วก็พยุงมือของเด็กแสบทั้งสองขึ้นมา“ถ้าอย่างนั้น ก็ทำตามที่ไต้เท้าว่ามาก็ได้” ขณะที่หันตัวไป เซี่ยอีอีก็จ้องไปที่เจ้าของบ่อน สายตาที่ดูอันตรายและน่ากลัว ทำให้คนต้องหลบสายตา ถึงแม้ในใจของเจ้าของบ่อนจะมั่นใจมากว่าผู้หญิงคนนี้คือคนร้ายแน่นอน แต่เมื่อได้ยินคำให้การของนางเมื่อครู่แล้ว แม้แต่ไต้เท้าในศาลยังทำอะไรนางไม่ได้ เขาก็ไม่รู้จะต้องทำยังไงต่อไป? แถมยังส่งสายตาที่ทำให้เขากลัวนั่นอีก ไม่รู้ว่าทำไม เขาเหมือนเห็นกลิ่นคาวเลือดในแววตาของนาง เหมือนเรื่องมันจะไม่จบแค่นี้แน่นอน
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
ตอนที่14 มอบตัว
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A