ตอนที่19 ฉีกปากนาง
1/
ตอนที่19 ฉีกปากนาง
ชายาเจ้าเล่ห์ เจ้าอย่าหนี
(
)
已经是第一章了
ตอนที่19 ฉีกปากนาง
ตนที่19 ฉีกปากนาง “องค์ชาย ท่านได้ยินบ้างไหมว่า คุณหนูสี่ของตระกูลเซี่ยกลับมาแล้ว” ภายในอุทยานหลวง เหว่ยเฉินเดินอย่างเร็ว เมื่อได้ยินดังนั้น ฝีเท้าของเขาก็ค่อยๆช้าลงเขาหันไปมองเสี่ยวซื่อที่อยู่ข้างๆ แล้วขมวดคิ้ว“เจ้าหมายถึงคนบ้าของตระกูลเซี่ยนั่นน่ะหรอ” “ใช่แล้ว บ่าวพูดถึงคุณหนูสี่บ้านตระกูลเซี่ย เซี่ยอีอี” เหว่ยเฉินยังยิ้มอยู่ แล้วเดินต่อไป“นางกลับมาหรือไม่แล้วมันเกี่ยวอะไรกับข้า? ก็แค่คนบ้าสติไม่ดีคนหนึ่งเท่านั้น” “องค์ชายท่านไม่รู้อะไร ได้ยินมาว่าคุณหนูสี่กลับมาเมืองหลวงครั้งนี้นางไม่ได้บ้าแล้ว หลายวันก่อนเรื่องบ่อนถูกปิดก็เหมือนจะเกี่ยวข้องกับนาง ตอนนั้นเรื่องยังไปถึงที่ว่าการศาลด้วย มีคนหลายคนเห็น!” “คนสติไม่ดีแต่หายแล้วงั้นหรอ? อืม น่าสนุกดีนิ”เหว่ยเฉินยิ้ม พูดด้วยความสนใจ “ไม่ใช่แค่นี้ ได้ยินมาว่านางพาลูกสองคนที่พ่ออายุสั้นมกลับมาด้วย ตอนนี้ในเมืองหลวง คนพูดกันไปทั่วว่านางก็คือคุณหนูสี่ของตระกูลเซี่ย” เมื่อได้ยินดังนั้น เหว่ยเฉินก็ค่อยๆหยุดเดิน ขมวดคิ้วด้วยความสงสัย“หลายวันนี้เสวียนเอ๋อกลับบ้านตระกูลเซี่ย ทำไมข้าไม่เคยได้ยินเรื่องนี้จากนางเลย?” เสี่ยวซื่อเดินเข้ามาใกล้ๆ แล้วพูดเบาๆว่า“องค์ชายท่านยังไม่เข้าใจอีกหรอ? พระชายาแต่งงานเข้าตำหนักมาในนามของคุณหนูสี่ ตอนนี้คุณหนูสี่กลับมา แถมยังถูกชาวบ้านพูดกันว่าเป็นนางฟ้า หากเป็นบ่าว บ่าวก็คงไม่กล้าพูดอะไร” เหว่ยเฉินเหลือบไปมองเสี่ยวซื่อ“นางฟ้า? เจ้าคิดว่าข้าเป็นไม่เคยเจอคนบ้าหรือไงกัน? ถึงแม้นางจะหายบ้าแล้ว แต่มันจะสวยไปได้ยังไงกัน?” บ่าวก้มหน้าเบะปาก แล้วบ่นเบาๆว่า“แต่ว่าคนข้างนอกเขาก็บอกกันมาแบบนี้ไม่งั้น ทำไมพระชายาถึงไม่พูดถึงให้องค์ชายได้ยินสักนิดเลยล่ะ?” พูดแบบนี้ก็ถูด เซี่ยวี่เสวียนถึงแม้จะเป็นคนใจแคบ แต่กับคนที่ไม่เป็นภัยต่อนาง นางไม่เคยไม่สนใจ แต่ว่านางกลับปกปิดเรื่องของเซี่ยอีอี ดูท่า เขาก็ควรจะเป็นดูคนบ้าสติไม่ดีลอกคราบเป็น“นางฟ้า”ให้เห็นกับตาตัวเองสักหน่อย! บนโต๊ะอาหาร เฉินซื่อเห็นเด็กน้อยสองคนไม่เป็นอะไร ในใจรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ กินข้าวได้ไม่กี่คำก็เรียกให้อู๋มามาพยุงนางกลับห้อง เมื่อเห็นดังนั้น เซี่ยวี่ซื่อก็วางตะเกียบกับชามลง แล้วตะโกนขึ้นมาว่า“อู๋มามา ซื่อเอ๋อมีเรื่องจะคุนด้วย” เมื่อได้ยินดังนั้น อู๋มามาก็หยุดเดิน มองไปที่เซี่ยวี่ซื่อด้วยความมึนงง“ท่านมีเรื่องจะพูดกับข้างั้นหรอ” เซี่ยวี่ซื่อยิ้มแล้วพยักหน้า หลังจากนั้นก็เดินอ้อมโต๊ะไป เซี่ยเฉินวี่เห็นดังนั้น ก็เดินออกจากโต๊ะอาหาร ตามไปด้านหลังของเซี่ยวี่ซื่อ เหมือนจะปกป้องยังไงอย่างนั้น เมื่อเห็นเด็กแสบสองคนลุกออกจากโต๊ะไป ทุกคนบนโต๊ะก็วางชามและตะเกียบ ส่วนเซี่ยอีอีก็แค่เหลือบไปมอง แล้วก็ยัดข้าวเข้าปากต่อไปเหมือนเดิม เซี่ยวี่ซื่อมาถึงด้านหน้าของอู๋มามา หัวเล็กๆของนางทำให้นางจำเป็นต้องยื่นหน้าไปให้สูง อู๋มามากับเฉินซื่อมองหน้ากัน แล้วก็มองไปที่เซี่ยวี่ซื่อด้วยความประหลาดใจ“ท่านมีเรื่องอะไรงั้นหรอ?” “อู๋มามา ซื่อเอ๋อทำแบบนี้มันเหนื่อยมาก”เซี่ยวี่ซื่อเบะปาก แล้วพูดด้วยท่าทีอ้อนๆ อู๋มามาเมื่อได้ยินดังนั้น ก็ย่อตัวลงมาหน้าเซี่ยวี่ซื่อ“ตอนนี้ได้แล้วใช่ไหม?” เมื่อเห็นดังนั้น สายตาของเซี่ยวี่ซื่อเต็มไปด้วยรอยยิ้ม หลังจากนั้นก็พูดว่า“อู๋มามา ข้าได้ยินนะ” ประโยคที่ไม่มีหัวไม่มีท้ายแบบนี้อู๋มามาฟังแล้วยิ่งงง นางขมวดคิ้วแล้วถามว่า“ได้ยิน? ท่านได้ยินอะไร?” “ได้ยินท่านพูดกับบ่าวไพร่คนอื่นว่า ข้ากับพี่ชายเป็นลูกสวะ” ใบหน้าของเซี่ยวี่ซื่อที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มที่แอบแฝง ทำให้คนที่ฟังคลายความกระมัดระวังลงมา แต่มีเพียงเซี่ยหวินเทียนคนเดียวเท่านั้นในตอนนี้ที่สีหน้าเปลี่ยนไป เขาคิดจะลุกขึ้นห้าม แต่กลับได้ยินเสียง‘แควก’หลังจากนั้นก็ตามมาด้วยเสียงกรี๊ดร้องด้วยความเจ็บปวดของอู๋มามากับเสียงกรี๊ดร้องด้วยความตกใจของเฉินซื่อ พริบตาเดียวภายในห้องอาหารก็เต็มไปด้วยเลือดที่นองเต็มพื้น บ่าวไพร่ในบ้านต่างพากันแตกตื่น มีทั้งเสียงกรี๊ดร้อง เสียงแตกตื่น เสียงร้องเจ็บปวดวุ่นวายกันไปหมด มือทั้งสองข้างของเซี่ยวี่ซื่อเต็มไปด้วยเลือด ร่องรอยเลือดที่กระเซ็นมา มันเปื้อนอยู่บนใบหน้าเล็กๆหวานๆของนาง เซี่ยเฉินซื่อหยิบผ้าเช็ดหน้าที่อกของนางออกมา แล้วค่อยๆเช็ดเลือดที่เปื้อนหน้านางให้ทีละน้อย แล้วพูดอย่างเย็นชาว่า“สกปรกชะมัด” เซี่ยหวินเทียนเห็นดังนั้นก็ตกใจ รีบเดินไปอุ้มเด็กสองคนนั้นมาที่ข้างๆ เขามองเซี่ยวี่ซื่อด้วยความตกตะลึง ในตอนนี้เขาเชื่ออย่างสนิทใจแล้วว่าเด็กสองคนนี้เป็นคนสังหารคนของบ่อนพนัน หลังจากที่ได้ทำความรู้จักเด็กสองคนนี้มาหลายวัน ในสายตาของเขา ถึงแม้ว่าการกระทำหลายๆอย่างของเซี่ยเฉินวี่จะดูเกินเด็กในวัยเดียวกันกับเขา แต่ว่าเซี่ยวี่ซื่อกลับเป็นแค่เด็กน้อยน่ารักนุ่มนิ่ม ขี้อ้อน มีแต่รอยยิ้มหวานๆ ใครจะไปคิดว่านางจะกล้าฉีกปากของอู๋มามา เมื่อหันกลับไปมอง คนที่สวมชุดขาวบนโต๊ะอาหารก็ยังคงกินอาหารของนางต่อไป เซี่ยหวินเทียนเห็นแบบนั้นก็ถอนหายใจ รู้สึกว่า เขาไม่ควรดูถูกเด็กสองคนนี้ ยังมีน้องสาวที่เปลี่ยนไปจนเขาแทบจะไม่รู้จักคนนี้อีก เซี่ยอีอีวางตะเกียบกับชามลง ตงวี่ก็เอาผ้าเช็ดหน้ามายื่นให้ ค่อยๆเช็ดปากเบาๆ“ตงวี่ กลับห้องแล้วให้คนต้มน้ำร้อนเอาไว้ เด็กๆของเราเหมือนจะเปื้อนของสกปรก ต้องอาบน้ำให้สะอาด” “ทราบแล้ว เดี๋ยวบ่าวกลับไปจะสั่งให้คนไปต้มน้ำเอาไว้” ตงวี่ก็มีสีหน้าท่าทางเย็นชาเช่นกัน ทำให้เซี่ยหวินเทียนรู้สึกตกใจ เขาจำได้ว่าสาวใช้คนนี้เป็นคนขี้กลัว ชอบร้องไห้ แต่ในตอนนี้กลับ ...... เซี่ยอีอีไม่สนใจความวุ่นวายที่เกิดขึ้นแล้วก็ลุกขึ้น นางไม่สนใจสายตาของเซี่ยเหวียนฉีกับเฉินซื่อเลย แถมยังยิ้มอย่างมีเสน่ห์ แล้วจึงหันหลังมาหาเซี่ยหวินเทียน “ตอนนี้ท่านพี่เชื่อที่ข้าพูดแล้วใช่ไหม?”พูดจบ ก็จูงเซี่ยวี่ซื่อกับเซี่ยเฉินวี่เดินจากไป เซี่ยหวินเทียนลุกขึ้นแล้วรีบขวางตงวี่เอาไว้ ยังไม่ทันได้เอ่ยปากพูด ตงวี่ก็ยิ้มแล้วพูดว่า“บ่าวรู้ว่าคุณชายอยากจะถามอะไร แต่บ่าวบอกท่านได้แค่ว่า ในห้าปีมานี้ เราใช้ชีวิตกันแบบนี้”พูดจบ ตงวี่ก็ค่อยๆเดินตามเซี่ยอีอีจากไป เซี่ยหวินเทียนค่อยๆทบทวนคำพูดของตงวี่ ระหว่างที่ตกใจ กลับยิ่งรู้สึกปวดใจมากกว่า ห้าปีที่ผ่านมา ตระกูลเซี่ยไม่เคยไปสนใจว่านางจะเป็นตายร้ายดียังไง ส่วนเขาเองก็ไม่เคยไปเยี่ยมนางด้วยตัวเองเลย จดหมายของเขาก็ทำเพื่อให้ตัวเองนั้นสบายใจขึ้นก็เท่านั้น แต่ว่าพวกนางจะใช้ชีวิตกันยังไง เขากลับไม่รู้เลย ------------ ในวังหลวง ตำหนักเฟิ่งหลวน “ทูลฮองเฮา อ๋องหยงเสด็จมาเพคะ” ฮองเฮาได้ยินดังนั้นก็ดีใจ ใบหน้าที่เรียบง่ายก็เปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม ชุดลวดลายมังกรแสนสง่า นางรีบลุกขึ้นแล้วมองไปที่นาง กำนัลแล้วพูดว่า: “ยังไม่รีบเชิญเข้ามาอีก” นางกำนัลค่อยถอยหลังออกไป ไม่นานนัก เหว่ยหมิงก็เดินเข้ามาด้วยชุดสีดำปักลายทอง สีหน้าท่าทางเย็นชาแต่ดูอบอุ่น “เสด็จแม่” ฮองเฮาเดินเข้ามา ดีใจมากแต่ก็เป็นห่วง“เจ้ากลับมาแล้ว เจ้ารู้ไหมว่าแม่ห่วงเจ้าแค่ไหน?” “ลูกไม่ดี ทำให้เสด็จแม่ทรงเป็นห่วง ” ฮองเฮามองเขาด้วยสายตาจนปัญญา แล้วพูดว่า“ช่างเถอะ ข้าเป็นแม่ของเจ้า เป็นห่วงเจ้าก็สมควรแล้ว เจ้าเดินทางเหนื่อยมาหลายวัน นั่งเถอะ อย่ายืนเลย” เหว่ยหมิงพยุงฮองเฮาไปนั่งที่บัลลังก์หงส์ ส่วนตัวเองก็ไปนั่งที่นางกำนัลจัดไว้ให้ ฮองเฮาเห็นลูกชายดูเหมือนจะซูบผอมลงไป ก็ถอนหายใจยาวๆ“เจ้านี่มันจริงๆเลยนะ ในวังหลวงมีหมอหลวงตั้งหลายคน ทำไมจะต้องเดินทางไปรักษาตัวถึงเมืองหวินเฉิงด้วย? ไปกลับมันทรมาน ร่างกายของเจ้ามันรับไหวที่ไหนกัน?” เมื่อได้ยินคำพูดที่เป็นห่วงและตัดพ้อแบบนี้ เหว่ยหมิงก็ยิ้มมุมปาก“เสด็จแม่ตรัสถูกแล้ว ต่อไปลูกจะไม่ไปทรมานแบบนี้อีก” สำหรับเหว่ยหมิง ฮองเฮาไม่มีวิธีจริงๆ ทุกครั้งที่ต่อว่าเขา เขาจะไม่หือไม่อือ แต่หลังจากนั้นก็จะดื้อดึงจะทำ ฮองเฮาเปลี่ยนประเด็น พูดไปโดยไม่พอใจ“เจ้านี่นะ น่าจะแต่งงานได้แล้วนะ ถึงจะปราบๆเจ้าได้บ้าง” คำพูดแบบนี้ ฮองเฮาจะพูดทุกครั้งที่เจอหน้าเขา ส่วนเหว่ยหมิงก็จะเลือกฟังแต่ไม่ตอบ เมื่อไหร่ที่นางพูดจนเหนื่อยแล้ว ก็จะไม่พูดอีก “เจ้าเด็กคนนี้ อย่ามาแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินตอนพูดเรื่องนี้นะ เจ้าดูเหว่ยเฉิน อ่อนกว่าเจ้าปีเดียว แต่ตอนนี้มีชายาเยอะจนเปิดตำหนักใหม่ออกวังไปแล้ว แต่เจ้ากลับ ชายาสักคนก็ไม่มี” เมื่อเหว่ยหมิงได้ยินดังนั้นก็ยังคงไม่พูดอะไร ยกถ้วยน้ำชาขึ้นมาดื่ม แล้วก็ยิ้มเบาๆ ฮองเฮาถอนหายใจยาวๆ“ถ้ารู้ว่าเจ้าจะเป็นแบบนี้ ตอนนั้นน่าจะให้อดีตฮ่องเต้เปลี่ยนจากพระราชทานงานแต่งให้เหว่ยเฉินมาเป็นเจ้าแทน ถึงแม้เจ้าเด็กคนนั้นจะสติไม่ดี แต่ยังไงก็สามารถมีทายาทสืบสกุลได้ก็พอ จะได้คลายความเป็นห่วงของข้าในหลายปีนี้ไปได้” ได้ยินดังนั้น เหว่ยหมิงเริ่มขมวดคิ้ว แล้วก็เงยหน้ามองไปที่ฮองเฮา“เสด็จแม่คำพูดของท่าน ลูกไม่ค่อยเข้าใจ เสด็จแม่บอกว่าคนบ้าบ้านตระกูลเซี่ยงั้นหรอ?” “เจ้าเด็กคนนี้ บ้าบออะไรกัน เด็กคนนั้นแค่สติไม่ค่อยดีนิดหน่อย แต่ก็ไม่ถึงกลับบ้า”ฮองเฮามองไปที่เหว่ยหมิงด้วยความไม่พอใจ เหว่ยหมิงยิ้มเหยียดหยาม แล้วยกน้ำชาขึ้นมาดื่ม“นางจะเป็นบ้าหรือสติไม่ดี แล้วมันเกี่ยวอะไรกับลูกด้วย?”
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
ตอนที่19 ฉีกปากนาง
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A