ตอนที่20 ได้ใจของเขา   1/    
已经是第一章了
ตอนที่20 ได้ใจของเขา
๕อนที่20 ได้ใจของเขา สายตาของฮองเฮาดูเศร้าหมองลง รอยยิ้มแฝงไปด้วยความขมขื่น“ตอนนั้น อดีตฮ่องเต้ทรงรักและโปรดปรานท่านหญิงหนิงซินมาก หลังจากที่หนิงซินแต่งเข้าตระกูลเซี่ยไปแล้ว สามปีก็ได้ลูกชายมาหนึ่งคน ต่อมานางก็ตั้งครรภ์อีก อดีตฮ่องเต้ทรงมั่นใจมากว่าครรภ์นี้จะต้องเป็นลูกสาวแน่นอน อดีตฮ่องเต้เห็นข้ากับหนิงซินสนิทสนมกัน จึงได้หมายมั่นพระทัยยกเด็กในครรภ์ของท่านหญิงหนิงซินให้เป็นชายาของเจ้า แต่ต่อมา วันที่หนิงซินคลอดลูกกลับตรงกับวันเกิดของเหว่ยเฉิน อดีตฮ่องเต้ทรงคิดว่ามันคือพรหมลิขิต ก็เลยเปลี่ยนให้เหว่ยเฉินเป็นคู่หมายของเด็กคนนั้นแทน ใครจะคิด เด็กคนนั้นกลับสติไม่ดีแต่กำเนิด หลังจากนั้นหนิงซินก็ป่วยตายในหลายปีต่อมา เด็กคนนี้กลับไม่มีใครคอยดูแล แถมยังถูกตระกูลเซี่ยส่งไปไกลบ้านกว่าพันลี้อีก” “เสด็จแม่ จริงๆครั้งนี้ที่ลูกไปที่เมืองหวินเฉิงไม่อาจทำภารกิจที่ท่านมอบหมายให้สำเร็จได้ ไม่ได้พบกับคุณหนูเซี่ย แต่ได้ยินมาว่านางกลับมายังเมืองหลวงแล้ว คิดว่าน่าจะมาถึงในวันสองวันนี้!” เหว่ยหมิงเคยได้ยินเรื่องของท่านหญิงหนิงซิน แล้วก็รู้ว่าแม่ของตนเองเป็นเพื่อนสนิทกับท่านหญิงหนิงซิน ก่อนที่เขาจะไปเมืองหวินเฉิงฮองเฮาได้สั่งให้เขาไปเยี่ยมเซี่ยอีอี แต่ตอนที่เขาไปตามหาที่บ้านตระกูลเซี่ย คนก็ไม่อยู่แล้ว ในเมื่อไม่ได้เจอ เขาก็เลยไม่อยากพูดถึง แต่ฮองเฮาดูเป็นห่วงมาก เขาก็เลยคิดว่าพูดไปคงดีกว่า เมื่อได้ยินดังนั้นฮองเฮาก็ยิ้ม แล้วพูดว่า“เด็กคนนั้นกลับมาเมืองหลวงหลายวันแล้ว ดูท่าในเมืองหลวงคงมีเจ้าคนเดียวที่ไม่รู้เรื่อง ในเมื่อเจ้าก็กลับมาแล้ว ถ้ามีเวลาไปเยี่ยมนางที่จวนตระกูลเซี่ยแทนแม่ทีนะ ช่วงนี้ข่าวของเด็กคนนั้นมีเยอะมาก แม่ไม่รู้ว่าควรเชื่ออันไหนดี” “เสด็จแม่อยากพบนาง หาวันว่างเรียกนางเข้าเฝ้าก็ได้แล้ว ทำไมจะต้องให้ลูกไปด้วยตัวเองด้วยพะยะคะ?”คำพูดของฮองเฮาดูแปลกๆ คนสติไม่ดีคนหนึ่งกลับมาเมืองหลวงทำไมทุกคนถึงได้รับรู้? ตระกูลเซี่ยถึงแม้จะเป็นตระกูลใหญ่ แต่ก็ไม่ถึงขนาดประกาศให้ทุกคนรับรู้ว่าคนบ้าสติไม่ดีกลับมาแล้วหรอก! “อีกสองสามวันจะมีงานเลี้ยงรับฤดูร้อน ถึงเวลานั้นแม่ก็จะเรียกนางเข้าวัง แต่ก่อนจะถึงวันนั้นแม่อยากให้เจ้าไปช่วยแม่ดูหน่อยได้ไหม?” เหว่ยหมิงขมวดคิ้ว รู้สึกว่าแม่ของตัวเองกำลังวางแผนอะไรอยู่แน่ๆ ครู่หนึ่ง เขาพยักหน้าเบาๆ“พะยะคะ ลูกไปก็ได้” หลังจากเหว่ยหมิงกลับไป นางกำนัลที่รับใช้ฮองเฮาก็ยิ้ม แล้วถามด้วยความประหลาดใจว่า“ฮองเฮาเพคะ หม่อมฉันไม่เข้าใจ ทำไมพระนางถึงได้อยากให้ท่านอ๋องไปพบกับคุณหนูเซี่ยนัก ได้ยินมาว่าคุณหนูเซี่ยไม่บ้าแล้ว แต่กลับมีเด็กกลับมาด้วยสองคน เป็นแบบนี้แล้ว ฮองเฮาทำไมยังอยากให้พวกเขาได้ลงเอยกันล่ะเพคะ?” เมื่อฮองเฮาได้ยินดังนั้นก็ยิ้ม“พ่อตายหรือไม่มีใครเดาได้ว่าพ่อเป็นใคร ในเมื่อเป็นแบบนั้นแล้ว ก็รอให้พวกเขาได้พบกันก่อนค่อยว่ากัน อีอีเด็กคนนั้นจริงๆก็ควรจะเป็นสะไภ้ของข้าอยู่แล้ว วันนี้ข้าลงทุนเป็นแม่สื่อให้ มันไม่ถูกต้องหรือไง?” คำพูดแบบนี้ นางกำนัลยิ่งฟังยิ่งไม่เข้าใจ แต่เห็นท่าทางของฮองเฮาดูมีความสุข นางก็ยิ้มตามโดยไม่พูดอะไรอีก ณ ตระกูลเซี่ย ตั้งแต่เซี่ยวี่ซื่อฉีกปากของอู๋มามา คนในจวนก็ไม่มีใครกล้านินทาหรือพูดอะไรไม่ดีอีก กลัวว่าหากทำอะไรให้สองแสบไม่พอใจขึ้นมา จะมีจุดจบแบบอู๋มามา เซี่ยอีอียังคงมีสีหน้าท่าทางเย็นชาไร้ความรู้สึกเช่นเดิม คนที่เคยถูกนางลงโทษ ก็ถูกนางโบยจนขาหักแล้วไล่ออกจากจวนไป ในวันนั้นเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดโหยหวนตลอดเวลา ความโหดร้ายมันยังคงตราตึงอยู่ในสายตา จำนวนครั้งที่เซี่ยวี่เสวียนกลับมาก็น้อยลง เฉินซื่อรู้สึกเสียใจที่ตอนนั้นเป็นคนเสนอให้เอาตัวซวยคนนี้กลับมา ในจวนตระกูลเซี่ยต่างหวาดผวา มีเพียงเซี่ยอีอีสามแม่ลูกเท่านั้นที่อยู่อย่างสบายอกสบายใจ “คุณหนู องค์ชายสี่เสด็จมา” ใต้ต้นไม้ เซี่ยอีอีกำลังต้มชา เมื่อได้ยินดังนั้น นางก็ลืมตาขึ้นมามองตงวี่ด้วยความขี้เกยียจ“เขามา ...... ข้าต้องไปรับเขาหรอ?” ตงวี่ดึงมุมปาก ใบหน้ามียิ้มแบบเลวร้ายแล้วพูดว่า“คุณหนูไม่จำเป็นต้องไปต้อนรับอยู่แล้ว แต่ว่าท่านสามารถยั่วยุเขาสักหน่อย เมื่อตอนนั้นเขารังเกียจท่านแค่ไหน คุณหนูไม่คิดจะแก้แค้นบ้างหรอ?” เซี่ยอีอีจ้องไปที่นางอยู่นาน ทันใดนั้นเอง ก็หัวเราะออกมา “คิดไม่ถึงเลยว่า ตงวี่ของเราจะเจ้าคิดเจ้าแค้นขนาดนี้” ตงวี่ฉีกยิ้มแล้วพูดว่า“เหอะเหอะ ก็เรียนกับท่านนั่นแหละ!” เซี่ยอีอีลุกขึ้นนั่ง พยักหน้า“อืม มีศิษย์สั่งสอนได้! ไปเถอะ ในเมื่อเขาก็มาแล้ว ข้าก็ต้องไปเจอหน้าเขาสักหน่อย” ห้องโถงด้านหน้า เหว่ยเฉินกำลังพูดคุยกับเฉินซื่อ เซี่ยวี่เสวียนมองไปที่ประตูด้วยความไม่ค่อยสงบ ข่าวที่เซี่ยอีอีกลับเมืองหลวงมาปิดไม่ได้นานจริงๆ แต่ว่านางคิดไม่ถึงเลยว่า เหว่ยเฉินได้ข่าวแล้วจะตั้งใจมาดูให้เห็นกับตาตัวเอง ผู้หญิงสวมชุดขาวเดินเข้ามา เซี่ยอีอีที่เปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มก็ปะทะกับเซี่ยวี่เสวียน สายตามีเลศนัยปรากฎบนหน้าของนาง ตัวของเซี่ยวี่เสวียนเริ่มสั่น สีขาวดูเรียบง่าย ดูสดใสสบายตา เมื่อเดินเข้ามาก็ส่งสายตาให้กับเหว่นเฉินเล็กน้อย คิ้วและใบหน้าที่สดสวยงาม รอยยิ้มที่ผยองนั้น ทำให้เหว่ยเฉินหวั่นไหว แทบจะหยุดหายใจไป เซี่ยอีอียิ้มมุมปากเล็กน้อย พับมือวางไว้ใกล้ๆเอว แล้วย่อตัวลงคำนับด้วยความเขินอาย“อีอีถวายพระพรองค์ชายสี่” ท่าทางการทำความเคารพ ที่อ่อนช้อยนี้ ทำให้เหว่ยเฉินต้องรีบเข้าไปพยุง“ไม่ต้องมากพิธี” เหว่ยเฉินพยุงมือของนางอยู่นาน เซี่ยอีอีเห็นดังนั้นก็ยิ้ม โดยไม่ได้เลี่ยงหรือปฏิเสธ นางลุกยืนตัวตรง ค่อยๆเยหน้าขึ้นมา สายตาที่สะอาด ดูเหมือนเขินอาย ยังเหมือนมีความหวังอยู่ในนั้น เหว่ยเฉินตกอยู่ใน‘กับดัก’ของนางจนไม่สามารถออกมาได้ เฉินซื่อขมวดคิ้ว แต่กลับไม่กล้าพูดอะไร เซี่ยวี่เสวียนในใจรู้สึกไม่พอใจมาก นางก็เลยลุกขึ้นมา แล้วดึงเหว่ยเฉินที่กำลังพยุงมือของเซี่ยอีอีกลับไป แล้วผลักเซี่ยอีอีอย่างแรง เซี่ยอีอีสะดุด ยังดีที่ด้านหลังมีตงวี่พยุงเอาไว้ ท่าทางที่ตกใจและอ่อนแอแบบนี้มันดูน่าสงสารจริงๆ “เจ้าคิดจะทำอะไร?”เหว่ยเฉินหันไปมองเซี่ยวี่เสวียนแล้วก็ต่อว่า เซี่วี่เสวียนจ้องไปที่เซี่ยอีอีแล้วพูดด้วยความโกรธว่า“องค์ชายดูไม่ออกหรอว่านางจิ้งจอกนี่กำลังยั่วยวนท่านอยู่? เป็นแค่ผู้หญิงที่ถูดทอดทิ้งและเสียความบริสทธิ์เท่านั้น ยังไม่รู้จักเจียมตัวอีก” เมื่อได้ยินดังนั้น เซี่ยอีอีก็ใช้ผ้าเช็ดหน้ามาปิดปาก ยิ้มแล้วพูดเบาๆว่า“ท่านพี่พูดแบบนี้ก็น่าแปลก คนที่ยั่วยวนองค์ชายเป็นปีศาจจิ้งจอกงั้นหรอ? หรือว่า เมื่อตอนนั้นผู้หญิงที่เสียบริสุทิ์ก่อนแล้วถูกยกย่อง จะกลายเป็นหญิงสาวเรียบร้อยงั้นหรอ?” “เจ้า......” เสียงคำดูถูกเหยียดหยามทำให้เซี่ยวี่เสวียนเสียหน้า แต่กลับไม่รู้จะตอบโต้ยังไง เซี่ยอีอียิ้มกว้าง แล้วก็รีบพูดต่อว่า“ตอนนั้นท่านพี่แย่งคนในใจของข้าไป แล้วยังไล่ข้าออกจากเมืองหลวง ข้าไม่เคยต่อว่าอะไรสักคำ แถมยังยินดีกับท่านที่ท่านตั้งครรภ์ด้วย เมื่อครู่องค์ชายก็แค่พยุงข้าตามมารยาทเท่านั้น ทำไม แค่นี้ท่านพี่ก็ทนไม่ได้ซะแล้วหรอ? งั้นข้าขอถามหน่อย แล้วความเจ็บปวดเสียใจของข้าในตอนนั้น ใครจะมาชดเชยให้ข้าล่ะ?”เมื่อพูดจบ นางก็ยิ้มแล้วมองไปที่เหว่ยเฉิน เหว่ยเฉินตื่นเต้น สายตาไม่อาจละไปจากนางได้ ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมคนข้างนอกถึงได้บอกว่านางคือนางฟ้า เขาไม่รู้เลยว่าคนสติไม่ดีที่เขารังเกียจมากในตอนนั้น วันนี้จะเป็นคนที่ยั่วยวนมีเสน่ห์ได้ขนาดนี้ ต่อให้การกระทำของนางจะถูกเรียกว่าเป็นปีศาจแต่จะให้ผ่านเลยไปไม่ได้ เห็นนางมองมาที่ตัวเองนานขนาดนี้ เหว่ยเฉินมั่นใจมากว่าเซี่ยอีอียังคงมีใจให้กับเขาแน่นอน ในใจก็รู้สึกมีความสุขขึ้นมา เขาผลักมือเซี่ยวี่ซื่อออก แล้วยื่นมือไปพยุงเซี่ยอีอีอีกครั้ง“มาเถอะอีอี เรามานั่งคุยกัน” เซี่ยอีอีไม่ได้ปฏิเสธ แต่ก็ไม่ได้นั่งตามที่เขาบอก แต่มองไปที่เซี่ยวี่เสวียน แล้วพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า“อีอีไม่ได้พบองค์ชายสี่ตั้งหลายปี ในใจคิดถึงตลอดเวลา กว่าพวกท่านจะได้กลับมา จริงๆอีอีไม่ควรจะมารบกวน แต่ว่า แต่ว่าอีอีทนไม่ไหวจริงๆ ......” เมื่อพูดไปได้ครึ่งหนึ่ง เซี่ยอีอีก็ก้มหน้าทำตาละห้อย“อีอีเสียกิริยาไป ขอองค์ชายทรงอภัยด้วย อีอีเห็นว่าท่านพี่ไม่ค่อยพอใจที่อีอีอยู่ที่นี่ด้วย ถ้าอย่างนั้น อีอีก็จะไม่อยู่รบกวนอีก” เมื่อพูดจบ ไม่ได้รอให้เหว่ยเฉินเอ่ยปากรั้ง นางก็จากไปพร้อมกับน้ำตา 
已经是最新一章了
加载中