ตอนที่ 60 เพื่อนช่วยเจ้า   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 60 เพื่อนช่วยเจ้า
ต๭นที่ 60 เพื่อนช่วยเจ้า “ซื่อจื่อ ข้าอยากจะเข้าไปตามหาพวกเขา” หยางเฉียนหลิงไม่เข้าใจว่าทำไมถึงมีคนมายืนอยู่ตรงนี้มากขนาดนี้ แต่กลับไม่มีใครเข้าไปตามหา อีกครู่เดียวฟ้าก็จะมืดแล้ว หากไม่รีบตามหาพวกเขา พวกเขาจะต้องไม่ปลอดภัยแน่ๆ จางฮวายขมวดคิ้ว แล้วใช้แรงดึงนางเอาไว้ “ไปหาพวกเขาหรอ เจ้าเนี้ยนะ? เจ้าที่แม้แต่ขี่ม้าก็บาดเจ็บ เดินเข้าโดนสัตว์ป่าคาบไปเคี้ยวแล้วมั้ง เจ้าคิดจะไปตามหาคน หรือว่าจะเข้าไปเป็นอาหารของสัตว์พวกนั้นกันแน่?” พูดซะนางไร้ประโยชน์มาก หยางเฉียนหลิงรู้สึกไม่พอใจ แล้วก็พูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจว่า: “ไม่งั้นจะให้ทำยังไงล่ะ? หรือจะให้ทำเหมือนคนพวกนี้ที่ยืนเป็นเสาแล้วไม่ทำอะไรเลย? หากจะให้ยืนรอให้คนออกมาเอง งั้นก็ไปเรียกทุกคนมายืนดูเลยสิ” ความร้อนใจของหยางเฉียนหลิงทำให้นางไม่สามารถควบคุมอารมณ์และคำพูดของตัวเองได้ เสียงที่ดังและคำพูดของนางทำให้ทุกคนรู้สึกละอาย ถูกต้อง พวกเขาคนมากมายขนาดนี้ หากเข้าไปในเขาทั้งหมด ต่อให้เจอสัตว์ร้ายหรืออะไรก็ตาม ด้วยแรงของทุกคนก็อาจจะแค่บาดเจ็บแต่ไม่ตาย พวกเขาไม่ยอมเข้าไปนั่นหมายความว่ากลัวตาย ตอนนี้แม้แต่ผู้หญิงอ่อนแอคนหนึ่งยังกล้าที่จะทิ้งชีวิตเพื่อเข้าไปช่วยคน พวกเขาผู้ชายทั้งแท่งยังสู้ผู้หญิงอ่อนแอคนหนึ่งไม่ได้เลยหรอ? จางฮวายมองนางอยู่นาน แล้วพูดว่า: “ได้ ข้าจะเข้าไปตามหาพวกเขา เจ้ารออยู่ตรงนี้เฉยๆอย่าไปไหน” คำพูดของหยางเฉียนหลิงจี้ไปที่จางฮวาย แล้วก็ยังทำให้ตงหมิงกับเหล่าองครักษ์คิดขึ้นมาได้ ตงหมิงพาคนเดินมา แล้วมองไปที่จางฮวาย: “หมิงเหวียนซื่อจื่อ เราจะไปพร้อมท่าน” จางฮวายพยักหน้า แล้วหันหลังเดินไป หยางเฉียนหลิงดึงเข้าเอาไว้ นางยอมรับว่าเมื่อกี้นางวู่วามเกินไป ไม่ควรบอกให้จางฮวายขึ้นเขาไปตอนนี้นางรู้สึกเสียใจ แต่เห็นเขาตัดสินใจแล้ว หยางเฉียนหลิงก็รู้ทันทีว่าความเป็นห่วงกังวลมันไม่สบายใจมากกว่าความกลัวซะอีก “พาข้าไปด้วย ไม่งั้นข้าจะเป็นห่วง ข้าไม่อยากอยู่เป็นห่วงพวกเจ้าที่นี่คนเดียว” เมื่อได้ยินดังนั้น จางฮวายก็ขมวดคิ้ว จากนั้นก็เดินมาหานางยิ้มแล้วพูดว่า: “หากว่าข้าเป็นอะไรไปเจ้าจะต้องรับผิดชอบ เจ้าจะต้องเฝ้าดูแลข้าไปตลอดชีวิต” คำพูดนี้มันชัดมากว่าไม่อยากให้นางตามไปด้วย เขาดันมือของนางออก เห็นผ้าหันแผลมีเลือดเปื้อนอยู่ จางฮวายขมวดคิ้ว “เจ้ายังบาดเจ็บอยู่ บนเขาอันตราย ข้ารับประกันความปลอดภัยให้เจ้าไม่ได้ เจ้ารออยู่ที่นี่แหละดีแล้ว” “ไม่ ต่อให้ท่านจะไม่พาข้าไปด้วย รอพวกท่านไปกันแล้วข้าก็จะตามไปเอง หากท่านเป็นห่วงข้าจริง ก็พาข้าไปด้วยสิ ได้ไหม?” ไม่รู้ว่าการขู่แบบนี้จะได้ผลไหม แต่ว่าหยางเฉียนหลิงก็ยอมที่จะพนันดูสักครั้ง พนันว่าเขาจะสนใจคว่านางจะเป็นอะไรหรือเปล่า แต่ในขณะเดียวกันนางก็กลัวว่านางจะแค่คิดไปคนเดียว เห็นจางฮวายไม่พูดไม่จา สายตาอันอ้อนวอนก็แปรเปลี่ยนไปเป็นผิดหวัง มือที่จับชายเสื้อของเขาก็ค่อยผ่อนลง มือของนางยังไม่ทันพ้นไป มือใหญ่ๆที่อบอุ่นก็เข้ามาโอบอุ้มมือของนางเอาไว้ “ตามข้ามา อย่าห่างจากข้าแม้แต่ก้าวเดียว” เมื่อได้ยินดังนั้น หยางเฉียนหลิงก็อึ้งไป นางเงยหน้ามองจางฮวาย ไม่รู้เป็นเพราะดีใจที่เขารับปาก หรือว่าดีใจเพราะนางชนะพนันกับตัวเองเอาไว้ ตอนนี้นางมองไปที่หน้าของจางฮวายที่มีแต่ความจนปัญญาตอนนี้ ตงหมิงพาองครักษ์กว่าสิบคน บวกกับจางฮวายกับหยางเฉียนหลิง ก็ถือว่าสะดุดตาใครหลายคนมากแล้ส เห็นพวกเขาเดินขึ้นเขาไปทุกคนต่างหวาดกลัวแล้วก็กลายมาเป็นเรื่องซุบซิบกัน ทันใดนั้นเอง ฮ่องเฮาก็เริ่มสนใจผู้หญิงที่มีความกล้าแบบนั้นขึ้นมา “แม่นางคนนั้นลูกสาวบ้านไหนกัน? ทำไมข้าไม่เคยเห็นนางเลย ทำไมนางถึงได้ตามเราขึ้นเขามาด้วย?” หยูอี้ที่หยุงฮ่องเฮาอยู่ มองไปที่ผู้หญิงคนนั้น “พระนางลืมไปแล้วหรอเพคะ ท่านเคยพบนางมาก่อนแล้ว นางคือหญิงที่มีความสามารถอับดับหนึ่งในเมืองหลวง หลายวันก่อนท่านหญิงหยงเห๋อเข้าวังมาขอพระราชทานอนุญาตพาคนมาด้วยหนึ่งคน ก็คือแม่นางหลินผู้นี้แหละเพคะ” เมื่อได้ยินดังนั้น ฮ่องเฮาก็ตกใจ หลังจากนั้นก็เริ่มสงสัย “ในเมื่อมากับเด็กคนนั้น แล้วทำไมดูสนิทกับฮวายเอ๋อจังเลยล่ะ?” หยูอี้ได้ยินดังนั้นก็ยิ้มแล้วก็พูดว่า: “หมิงเหวียนซื่อจื่อเป็นพระสหายคนสนิทกับท่านอ๋อง ส่วนแม่นางหลินกับท่านหญิงก็รักกันเหมือนพี่น้อง เมื่อเป็นแบบนี้แล้ว พระนางยังไม่เข้าใจอีกหรอเพคะ?” ฮ่องเฮาพยักหน้า ยังไม่ต้องพูดถึงว่านางเป็นคนนิสัยยังไง แค่คำพูดของนางเมื่อกี้ บวกกับที่จะไปช่วยคนอื่นด้วยตัวคนเดียว แค่จุดนี้ก็คู่ควรแล้วก็เหมาะสมก็บจางฮวายแล้ว ดูจากท่าทางของจางฮวายเอง ก็ใช่ว่าจะไม่ใส่ใจแม่นางคนนั้น ทำให้เขาเป็นห่วงได้ ร้อยปีจะมีสักคน จางฮวายกับพวกกำลังจะเดินขึ้นเขาไป ทุกคนต่างมองมาที่เขา ทันใดนั้นเอง พวกเขาก็หยุดเดิน เสียงกระซิบกระซาบแสดงออกถึงความสงสัยของทุกคน ทันใดนั้นเอง หยางเฉียนหลิงก็ร้องตะโกนออกมาว่า “อีอี พวกเจ้าหลับมากันสักที” เว่ยหมิงกับเซี่ยอีอีเดินเคียงไหล่กันมา เด็กสองคนคนหนึ่งอุ้มคนหนึ่งจูง ดูเหมาะสมกันดี เมื่อเห็นดังนั้น มีคนดีใจ มีคนโกรธ มีคนชื่นชม และก็มีร้องไห้ จางชิงเอ๋อยืนอยู่ด้านหลังกลุ่มคน กัดฟันมองไปที่สองคนนั้น ก่อนหน้านี้นางกังวลความปลอดภัยของเว่ยหมิง แต่ตอนนี้นางกลับเกลียดจนอยากจะให้พวกเขาตายไปพร้อมกัน ไม่ต้องมาให้นางเห็นหน้าอีก ตงหมิงมองไปที่เด็กน้อยสองคนด้วยความตะลึง สัตว์ร้ายบนเขาผีสิงนี่ไม่ใช่เรื่องโกหก หลายชีวิตที่ต้องมาสังเวยที่นี่เป็นพยานได้ แต่ว่าเด็กสองคนนี้กลับเข้าออกสองครั้งโดยไม่เป็นอะไรเลย แทบไม่อยากจะเชื่อเลย หรือว่าพวกเขาจะตัวเล็กเกินไป พวกสัตว์ประหลาดนั่นไม่ทันได้สังเกตุเห็นงั้นหรอ? เมื่อเห็นเกือบร้อยคนมายืนล้อมกันอยู่ตรงนี้ เซี่ยอีอีมองเว่ยหมิงด้วยความแปลกใจ จากนั้นก็ถามว่า: “เกิดอะไรขึ้น? ทำไมมาอยู่ที่นี่กันหมด?” พอมองดูท้องฟ้าแล้ว พวกเขาขึ้นเขาไปราวหนึ่งชั่วโมง ตอนนี้ทุกคนมารวมกันอยู่ที่นี่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เว่ยหมิงไม่รู้สึกแปลกใจเลยสักนิด แต่ว่า ตงหมิงกับจางฮวายกำลังคิดจะทำอะไร? ที่ๆพวกเขายืนอยู่มันถือว่าเป็นพื้นที่ของเขาผีสิงนี่แล้วนะ พวกเขาคงไม่ได้มีความกล้าขนาดจะขึ้นเขาไปหรอกมั้ง! “พวกเจ้ากำลังจะทำอะไรกัน?” เว่ยหมิงอุ้มเซี่ยวี่เสวียนด้วยมือเดียว ซึ่งมันก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อความองอาจของเขา จางฮวายยิ้ม แล้วก็เปลี่ยนท่าที “ก็ไม่มีอะไร ก็แค่จะมาต้อนรับพวกเจ้าเท่านั้นแหละ” ต้อนรับ? คนพวกนี้เข้ามาในพื้นที่เขาผีสิงเพื่อต้อนรับพวกเขาหรอ? เว่ยหมิงไม่เชื่อ แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรมากมาย “อีอีเจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม ข้าตกใจหมดเลย” สำหรับผาเมฆแล้ว หยางเฉียนหลิงยังไงก็กลัวอยู่ดี นางเห็นเซี่ยอีอีเดินเข้ามาใกล้ ก็รีบดึงแขนนางออกจากพื้นที่เขาผีสิง “ข้าไม่เป็นไร” เซี่ยอีอียิ้มปลอบขวัญนาง จากนั้นก็มองไปที่เว่ยหมิง เห็นเขากำลังพูดอะไรก็ไม่รู้กับจางฮวาย อารมณ์ดีเชียว ส่วนเด็กน้อยที่เขากำลังอุ้มอยู่ ก็ยิ้มหน้าบานไม่หุบ นางเก็บสายตากลับมาแล้วถอนหายใจอย่างจนปัญญา ปกติเด็กคนนั้นพลังงานต่ำมาก แต่ตอนนี้ดูๆไปแล้ว น่าจะถูกซื้อตัวไปแล้วแน่ๆ เพียงแต่ว่าไม่รู้ว่านางจะทนได้นานแค่ไหน เซี่ยวี่ซื่อโอบคอของเว่ยหมิง ก็เห็นจางชิงเอ๋อสีหน้าโกรธแค้นจากที่ไกลๆ แต่ว่ายิ่งนางโกรธมากเท่าไหร่ เซี่ยวี่ซื่อก็ยิ่งได้ใจ ท่าทางของเขาหยิ่งผยองไม่มีทีท่าจะเก็บสีหน้านั้นกลับไป หน้าตาของนางเต็มไปด้วยการท้าทาย จนสุดท้ายอีกฝ่ายก็ยอมกลับไป นางถึงได้เก็บสีหน้าของนางกลับไป แล้วออกจากอ้อมกอดของเว่ยหมิง ในคืนนั้น แสงจันทร์สาดส่องสวยงาม ดวงดาวระยิบระยับ เซี่ยอีอีนั่งอยู่คนเดียวไม่ไกลจากกระโจมนัก นางกำลังดื่มสุราชมจันทร์อยู่ เมื่อดื่มเหล้าหมดแล้ว นางก็เริ่มเมาเล็กน้อย สายตาของนางมองออกว่านางกำลังเมา เมื่อนางลุกขึ้นมาตัวของนางก็เอนตัวไปด้านหลังชนถูกกับทหารนายหนึ่ง ในสมองมีใบหน้าของคนๆหนึ่งลอยโผล่ขึ้นมา ทำให้นางยิ้มไม่หุบ เมื่อนางลืมตาขึ้นมามองดู สายตาของนางมองเป็นสีม่วงอ่อน สายตาของนางดูสลับไปมาเหมือนจะไม่มีสติแล้ว พริบตาเดียว สายตาของนางก็กลับสู่ภาวะปกติ นางขมวดคิ้ว แล้วด่าเบาๆว่า “ปัญญาอ่อน” เมื่อพูดจบ ก็ลุกขึ้นมา แล้วหันตัวเดินไปทางกระโจม ....... “หลีกไป ไม่งั้นข้าจะฆ่าเจ้าซะ” เว่ยหมิงคิดไม่ถึงว่าชาตินี้จะถูกขังแบบนี้ถึงสองครั้ง เมื่อเห็นคนที่ไม่มีสติไปแล้วกำลังพยายมลวนลามเขา เขาเกลียดจนแทบจะฉีกนางออกเป็นชิ้นๆ บนตัวเขาร้อนดังไฟสุ่ม เขากลัวว่าตัวเองก็เป็นเหมือนเมื่อห้าปีที่แล้วอีก แล้วจะถูกผู้หญิงจับกดอีกครั้ง เว่ยหมิงกำลังคิดว่าเซี่ยวี่เสวียนอาจจะมีสติสมบูรณ์แบบเซี่ยอีอี แต่ว่าเมื่อเขาท่าทางของนางตอนที่กำลังถอดเสื้อผ้าของเขาถึงได้รู้ว่า เมื่อตอนนั้นเด็กสาวคนนั้นทำไมถึงได้คงสติแบบนั้นไว้ได้นะ เว่ยหมิงคิดอยากจะทะลวงจุดของตัวเอง แต่เขากลับเร็วไม่เท่ากับคนที่อยู่บนตัวเขา พริบตาเดียว ชุดของเขาก็ถูกถอดกระจัดกระจาย ทันใดนั้นเอง ม่านกระโจมก็เปิดออก ยังไม่ทันเห็นชัดเลยว่าคนที่เข้ามานั้นใคร ก็เห็นอะไรสีขาวผ่านหน้าไป เว่ยหมิงตกใจที่มีคนบุกเข้ามา กำลังจะเอ่ยปาก เซี่ยอีอีก็จ้องอย่างดุ ลาดเซี่ยวี่เสวียนออกมาแล้วสะบัดนางออกไป เซี่ยวี่เสวียนถูกผลักกระเด็นไปไกล ไปชนถูกตู้ ขอบนตู้หล่นลงมาระเนระนาดใส่นาง เห็นหน้าของเซี่ยวี่เสวียนเมาไม่ได้สติ เซี่ยอีอีก็รู้ว่านางถูกวางยา แต่ว่าในเวลานี้ความอดทนของนางถึงขีดจำกัดแล้ว นางเองก็ไม่อยากจะเล่นเกมวิ่งไล่จับกับพวกเขาอีกแล้ว เห็นเซี่ยวี่เสวียนไม่สนใจอะไรพยายามจะขึ้นไปบนตัวของเว่ยหมิง เซี่ยอีอีก็จ้องนางด้วยสายตาที่ราวกับเหยี่ยวกำลังจะกินเหยื่อ นางหันตัวไปแล้วถีบนาง จากนั้นก็นั่งลง ใช้ปิ่นปักผมของนาง แล้วทิ่มไปอย่างแรง จากนั้นก็ยกหน้านางขึ้นมา “อยากได้ผู้ชายมากใช่ไหม? ได้ ข้าจะให้เจ้าได้สมใจ” พูดจบ นางก็เดินไปฉีกผ้า เซี่ยอีอีฉีกผ้าจากชุดของนาง แล้วจับนางมัดเอาไว้ เซี่ยวี่เสวียนไม่สามารถขยับได้ ทำได้แค่มองไปที่เว่ยหมิง ในใจก็เอาแต่พูดอะไรก็ไม่รู้ เซี่ยอีอีหันตัวไปหาเว่ยหมิง สายตาของนางโกรธเหมือนจะจับเขากิน ความสนิทสนมของจางชิงเอ๋อก่อนหน้านี้ นางก็ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นแล้ว นางคิดว่านางเป็นผู้หญิงที่ไม่สนใจผู้ชายได้ แต่ว่าเมื่อนางเห็นเซี่ยวี่เสวียนกำลังลวนลามอยู่บนตัวของเขา นางถึงได้รู้ว่าความไม่สนใจของตัวนางก็มีขอบเขต นางยื่นนิ้วออกไป แล้วจี้ไปที่จุดชีพจรที่หน้าอกของเว่ยหมิงอย่างแรง เว่ยหมิงได้รับการคลายจุด แต่กลับหายใจแรง เขาไม่เคยคิดเลยว่านางจะมีแรงมากขนาดนี้ แรงเมื่อกี้หากเป็นคนธรรมดาทั่วไป คงตายไปแล้ว เซี่ยอีอีดึงคอเสื้อของเว่ยหมิงมา กัดฟันพูดว่า: “เจ้ารอข้าอยู่ที่นี่ หากเจ้ากล้าไปทำอะไรเหลวไหล ข้าจะจับเจ้าตอนซะ” เห็นเซี่ยอีอีลากเซี่ยวี่เสวียนเดินไปข้างนอก เว่ยหมิงก็พูดอย่างไม่สบายใจว่า “เจ้าจะไปไหน?” เซี่ยอีอีดึงมือของเซี่ยวี่เสวียน แล้วเปิดม่านอออก นางหันไปมองเว่ยหมิงเล็กน้อย แล้วพูดว่า “ไปจัดการทุกอย่างให้จบ” ภายในกระโจม ทหารกว่าสิบคนอยู่ในกระโจมเดียวกัน เพื่อไม่ให้ใครมารบกวน เซี่ยอีอีเลยเลือกกระโจมทหารที่อยู่ด้านนอกไกลออกไปหน่อย นางลากเซี่ยวี่เสวียนเดินมา แล้วก็โยนนางเข้าไปในกระโจม จู่ๆก็มีผู้หญิงถูกโยนในกระโจม เหล่าทหารก็ตกใจ ไม่ทันจะได้สงสัยอะไร ก็เห็นคนสวมชุดสีขาวเดินเข้ามา เซี่ยอีอีไม่พูดอะไรมากความ สะบัดมือออก ผลสีขาวก็ออกมาจากชายเสื้อของนาง พริบตาเดียว ทหารกว่าสิบคนนั้นก็เหมือนถูกวางยา คนเหล่านั้นต่างจ้องไปที่เซี่ยวี่เสวียน มือที่ถูกมัดก็ไม่ต้องรอให้เซี่ยอีอีไปปลด ก็ถูกชายเจ็บแปดคนรุมจนกระจัดกระจาย เซี่ยอีอียิ้มร้ายๆ แล้วพูดว่า: “ขอให้ดื่มด่ำให้เต็มที่นะ พี่สาวของข้า” เห็นเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นตรงหน้า แต่ในสายตาของเซี่ยอีอีกลับไม่มีความเห็นใจเลย นางหันตัวแล้วเดินกลับไป กลับเห็นเว่ยหมิงยืนจ้องนางอยู่ข้างหลัง เซี่ยอีอีตกใจหลบหน้าไม่ทัน ก็หันกลับไปมองบรรยากาศอีกด้าน แล้วพูดประชดว่า: “ทำไม อยากเข้าไปร่วมด้วยหรอ? เชิญเลย” เมื่อมองไปที่คนที่ยังโกรธไม่หาย เว่ยหมิงไม่รู้จริงๆว่าต้องพูดอะไร เขาไม่มีแรงจะอธิบายความโง่ของตัวเขาได้ เพราะตัวเขาเองก็รู้สึกตัวเองนั้นเกินเยี่ยมยา แต่ว่า ทำไมจู่ๆถึงกลายเป็นแบบนี้ ทหารนอกมีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์เต็มกำลัง นางใช้วิธีอะไรทำให้พวกเขาเป็นแบบนี้? หากว่าในเวลาปกติแล้ว สถานการณ์แบบนี้ทำให้เว่ยหมิงตกใจไม่ได้ แต่ในตอนนี้ ในร่างกายของเขายังมีฤทธิ์ยาอยู่ เขาเองก็ไม่สามารถอยู่ตรงนี้ได้นาน มือที่ร้อนรนจู่ๆก็จับไปที่แขนของเซี่ยอีอี เขากลืนน้ำลาย แล้วเอ่ยปากว่า “ไป” นางอยากรู้จริงๆว่าวิธีการใช้พลังภายในควบคุมพิษไว้ใครเป็นคนสอนเขา ครั้งที่แล้วนางเคยสอนเขาครั้งหนึ่ง ครั้งนี้เอาอีกแล้ว มันน่าฆ่าให้ตายนัก ............ อากาศหนาวเย็น อากาศริมน้ำยิ่งเย็นเข้าไปอีก ในแม่น้ำถูกแสงจันทร์ส่องมา ทันใดนั้นเองก็มีเสียงเหยียบน้ำ เห็นเงาของคนสองคนช่วยกันพยุงไป ยิ่งเดินยิ่งลึกไปเรื่อยๆ ในน้ำมันเย็นถึงกระดูก เว่ยหมิงที่สติหลุดไป ร่างกายร้อนผิดปกติ เซี่ยอีอีแบกเขาลงน้ำ “เว่ยหมิง เจ้ามีสติหน่อยได้ไหม” เซี่ยอีอีไม่ได้พกยาติดตัวดูเยอะ แต่ยังไงนางก็คิดไม่ถึงอยู่ดี ว่าตาบ้านี่จะถูกคนวางแผนวางยาอีก จะแก้ยาปลุกอารมณ์มีเพียงวิธีเดียวเท่านั้น ถึงแม้นางจะมียาที่พอจะแก้ได้ แต่ว่านางไม่ได้เอามันมาด้วย นางคงไม่มีทางรู้ล่วงหน้าหรอกนะว่าตาบ้านี่จะมาถูกวางยาอีกที่นี่? น้ำอันหนาวเหน็บใจแม่น้ำเข้าไปในเสื้อ เว่ยหมิงก็อยากจะมีสติ แต่เขาทำไม่ได้ อีกทั้งคนที่อยู่ข้างๆเขาตอนนี้เป็นนาง ทันใดนั้นเอง เว่ยหมิงก็ใช้มือผลักนางออกไป เซี่ยอีอีถอยหลังไปก้าวหนึ่ง เกือบจมน้ำ นางลุกขึ้นแล้วตะคออกไปว่า: “เจ้าบ้าไปแล้วหรือไง?” “เจ้าไปซะ!” เสียงถอนหายใจรุนแรงอย่างเห็นได้ชัด เซี่ยอีอีรู้ดีว่าทำไมเขาถึงหลักนางออก นางเดินเข้าไปหาอีกครั้ง ยังไม่ทันได้เดินถึง ก็เห็นเว่ยหมิงค่อยลดตัวเองลงไปอยู่ในน้ำ เห็นดังนั้น เซี่ยอีอีก็ตกใจ แล้วรีบเดินขึ้นหน้าไป ยื่นมือไปดึงเขาขึ้นมาจากน้ำ “เจ้าบ้าไปแล้วหรอ จะจมน้ำตายเอานะ” ขนาดมีเสื้อผ้ากั้นอยู่ เซี่ยอีอียังรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเขายังร้อนอยู่ สายตาของเขามันเริ่มไม่มีตสติ เซี่ยอีอีเองก็เริ่มกังวล ความอันตรายกำลังจะเข้ามา เซี่ยอีอีคิดอยากจะพยุงมือของเขา แต่เอวของนางก็ดันถูกเขาโอบเอาไว้ เห็นแขนยาวๆของเว่ยหมิงโอบมา นางก็รู้สึกว่าเอวของนางเหมือนจะถูกรัดจนขาด แล้วก็จูบไปที่ริมฝีปากของนางอย่างรุนแรง ทำให้นางหายใจไม่ออก ไม่ว่าเว่ยหมิงจะไม่มีสติแค่ไหน แต่ว่าเซี่ยอีอียังคงมีสติอยู่ เมื่อห้าปีก่อน นางไม่มีทางเลือก แต่ตอนนี้สถานการณ์ไม่เหมือนกัน นางสามารถทิ้งเขาเอาไว้แล้วไปได้เลย ไม่จำเป็นจะต้องทำแบบนี้? “อือ ...... เว่ยหมิง ......” เว่ยหมิงก็ไม่ได้ไม่มีสติเลย เขาทำแบบนี้เพราะต้องการให้นางรู้ว่ามันอันตราย เขาปล่อยนาง แล้วจับไปที่คางของนางอย่างไร้เรี่ยวแรง การออกแรงของเขามันทำให้ตัวเขาสั่น “เซี่ยอีอี ตอนนี้เจ้าเลือกที่จะไปก็ได้ หรือจะอยู่ที่นี่ช่วยข้าถอนพิษก็ได้” ได้ยินมาว่า ริมฝีปากที่ชาก็สั่น นางผลักเขาออก แล้วตะคอกว่า: “นี่มันทางเลือกอะไรกัน? เจ้าบ้าไปแล้วหรือไง!” เว่ยหมิงไม่มีแรงต่อไปอีกแล้ว เมื่อถูกนางผลักก็ล้มจมลงไปในน้ำ สภาพน้ำไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ เซี่ยอีอีได้สติคืนมา นางเดินไปด้านหน้า แล้วพยายามงมหาเขาในน้ำ “เว่ยหมิง ------ เว่ยหมิง ------” สุดท้ายนางก็ไม่เจอเว่ยหมิง ทันใดนั้นเอง มีมือๆหนึ่งโผล่ขึ้นมาจากน้ำ แล้วดึงแขนเล็กๆของเซี่ยอีอีเอาไว้ แล้วก็ลากนางลงน้ำไปด้วย เซี่ยอีอีพยายามดิ้น แต่เว่ยหมิงเหมือนจะไม่ให้โอกาสนางได้หนี ตอนนี้ในใจของเซี่ยอีอีคิดไว้สองวิธี หนึ่งคือจมน้ำตายกันไปเลยแบบนี้ สองดื่มด่ำแสงจันทร์ในน้ำกับเขาไป แต่ว่าไม่ว่าจะเลือกทางไหน นางก็ไม่อยากจะทำ ขณะที่นางกำลังคิดว่าตายไปกับแม่น้ำที่ไร้ชื่อนี้ ลมอุ่นๆลมหนึ่ง ก็เข้ามาในปาก ออกซิเจนที่หาได้ยาก เพื่อมีชีวิตรอด เซี่ยอีอีรัดเว่ยหมิงเอาไว้ ใช้ลิ้นแหย่เข้าไปในปากของเขาเพื่อมีชีวิตรอด การกระทำของเซี่ยอีอีทำให้เว่ยหมิงได้สติกลับมา เว่ยหมิงอุ้มเซี่ยอีอีขึ้นมาจากน้ำ แล้วเดินขึ้นฝั่งมา บนฝั่ง เซี่ยอีอีหายใจยกใหญ่ ขณะกำลังผ่อนคลายตัวเองที่ได้รับการช่วยเหลือ ทันใดนั้นเองตัวหนักๆของเขาก็มาทับอยู่บนตัวของนาง นางตกใจ แล้วก็คิดได้ว่าพอจะมีทางออกแล้ว “เว่ยหมิง เจ้าใจเย็นก่อนนะ ข้ามีวิธีช่วยเจ้าแล้ว” คำพูดของเซี่ยอีอีเว่ยหมิงไม่ได้ยินอีกแล้ว มือของเขากำลังพยายามถอดชุดของนางออก จนกระทั่งมีขวดเล็กๆขวดหนึ่งหลุดออกมาจากหน้าอกของนาง เว่ยหมิงถึงหยุด เมื่อเห็นดังนั้น เซี่ยอีอีก็เหมือนคิดอะไรออก เขาหยิบยาขวดนั้นออกมา แล้วดึงฝาออก กลิ่นหอมลอยมา จากนั้นคนก็สลบไป เห็นคนที่สลบล้มไป เซี่ยอีอีถึงได้เบาใจ นางใช้แรงผลักเขาออกไป แล้วลุกขึ้นมาเห็นหน้าของเขาแดงก่ำ สายตาก็มองลงไปด้านล่าง ...... ถึงแม้ว่านางไม่ได้อยากจะทำ แต่ว่าหากให้เลือกระหว่างตัวนางตายหรือตัวเขาตาย วิธีนี้น่าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด “ข้าไม่ได้คิดจะลวนลามหรือเอาเปรียบเจ้าหรอกนะ ข้าทำเพื่อช่วยเจ้า แค่เดี๋ยวเดียวเท่านั้นแหละ ฟื้นขึ้นมาก็อย่ามารังแกข้า” พูดจบ ปากแดงๆของนางก็ยิ้มร้ายๆ มือเล็กๆของนางก็ยื่นเข้าไปในชุดของเขาแล้วเลือนมือลงไปข้างล่าง …… 
已经是最新一章了
加载中