ตอนที่ 8 เจ็ดวันเจ็กคืน   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 8 เจ็ดวันเจ็กคืน
ต๭นที่ 8 เจ็ดวันเจ็กคืน “อีกทั้ง คำว่ารีดไถคงไม่เหมาะกับข้านะ ข้าไม่เคยบังคับใคร รวมไปถึงพวกเจ้าด้วย พวกเจ้าเชิญข้ามารักษาถอนพิษ ข้ารับเงิน ค่าตอบแทนก็สมเหตุสมผล แต่หากพวกเจ้าไม่ตกลง ข้าก็ไม่ได้บีบบังคับ ต่อให้เจ้าไปร้องทุกข์กับทางการจริง พวกเขาจะทำอะไรข้าได้?” เมื่อพูดมาแบบนี้ ตงหมิงก็ไม่มีอะไรจะเถียง เหว่ยหมิงกำลังจะเอ่ยปากขึ้นมาอีกครั้ง แต่กลับเห็นคนที่อยู่หลังมู่ลี่ค่อยยืนขึ้นมา “พิษของคุณชายข้าคงไม่อาจถอนให้ได้ เชิญท่านทั้งสองไปหาคนอื่นเถอะ!” เซี่ยอีอีหันหลังเตรียมที่จะเดินไป เหว่ยหมิงได้ยินดังนั้นก็พูดขึ้นมาว่า: “เดี๋ยวก่อนแม่นาง” เซี่ยอีอีหยุดเดิน แล้วหันกลับมา “มีเรื่องอะไรอีกงั้นหรอ?” “พิษของข้ายังคงต้องรบกวนท่านหมอเทวดารักษาถอนให้ ลูกน้องข้าไม่รู้เรื่องล่วงเกินท่านหมอไป ขอท่านหมอโปรดอภัยด้วย” เปลือกตาที่หนักปิดบังความเปล่งประกายในดวงตา ครู่หนึ่ง เซี่ยอีอีก็พูดเบาๆว่า: “พิษม่านถัว พิษจะเข้าสู่กระดูกไขสันหลังบริเวณหัวใจ เจ้าถูกพิษน่าจะประมาณครึ่งเดือนแล้ว แต่ตอนนี้เจ้ายังคงเคลื่อนไหวได้ ก็น่าจะเพราะเจ้าเดินลมปราณควบคุมพิษไว้ แต่เจ้ารู้รึเปล่าว่า ข้อห้ามของพิษม่านถัวก็คือการกดทับมันไว้ คนปกติหากถูกพิษชนิดนี้ หลังครุ้งเดือนจะเข้าสู่นิทราโดยไม่ฟื้น แต่จะยังมีชีวิตอยู่ได้อีกครึ่งปี แต่เจ้า เหลือชีวิตอีกแค่ไม่ถึงครึ่งเดือน” สีหน้าของเหว่ยหมิงยังคงเรียบเฉยไม่ได้มีอาการอะไรมากมาย แต่ตงหมิงกลับมองเหว่ยหมิงด้วยความตกใจ “สิ่งที่ท่านหมอต้องการแค่เงินทองเท่านั้น เงินทองเป็นของนอกกาย ข้าจ่ายได้ แล้วท่านหมอยังต้องการสิ่งอื่นอีกหรือไม่?” เหว่ยหมิงมองคนที่จนตอนนี้ก็ยังไม่หันกลับมา คำพูดของเขาเหมือนกับตัดสินใจแน่นอนว่านางจะให้การรักษา เซี่ยอีอีตั้งใจจะโขกสับเขาอยู่แล้ว ในเมื่อเอาเงินมาให้ถึงบ้าน มีเหตุผลอะไรที่จะไม่รับไว้ล่ะจริงไหม? “เดินลมปราณคลายจุดที่สกัดพิษไว้ เรื่องอื่นๆ ข้าจะจัดการเอง” เมื่อได้ยินดังนั้น พริบตาเดียวเหว่ยหมิงก็เดินลมปราณขึ้นมา พิษในร่างกายกระจายตัวอย่างรวดเร็ว ทำให้เขาสลบไป เห็นอย่างนั้น ตงหมิงถึงกับผงะไป เข้ารีบพยุงเหว่ยหมิงที่กำลังเซอยู่ “นายท่าน นายท่าน” เซี่ยอีอีเดินออกมาจากมู่ลี่ ยืนมองเหว่ยหมิงที่กำลังเซจนจพไม่ไหวที่อยู่ตงหมิง พริบตาเดียว ตงหมิงก็หันไปมองเซี่ยอีอีด้วยความโกรธ “ทำไมถึงเป็นแบบนี้ล่ะ?” เซี่ยอีอีเหลือบไปมองเขา “เพราะว่าข้าหลอกเขา” “เจ้าว่าไงนะ? เรามาให้เจ้ารักษา แต่เจ้ากลับโกหกงั้นหรอ?” เซี่ยอีอียังคงไม่สนใจตงหมิง แล้วเดินไปนั่งยองๆข้างๆเหว่ยหมิง แล้วพูดว่า: “ก็ต้องโกหกสิ ไม่โกหกเขาจะสลบไปได้ยังไงล่ะ?” ไม่สลบ นางจะขับพิษให้เขายังไง? นางหันไปมองตงหมิงที่มือเท้าแข็งทือเป็นตอไม้ แล้วมองด้วยสายตารังเกียจ พูดด้วยน้ำเสียงที่ดุและรำคาญว่า: “แข็งเป็นสากอยู่นั่นทำไม? ข้าไม่ต้องการหุ่นแกะสลัก จะช่วยข้าหามเขาเข้าไป หรือจะไปเอาเงินมา อย่าทำตัวเป็นตอไม้นั่งอยู่อย่างนั้น” ตงหมิงโกรธมาก แต่ก็กลัวคำที่นางบอกเมื่อครู่ว่าเหว่ยหมิงจะอยู่ได้อีกแค่ครึ่งเดือน ไม่ว่านางจะพูดจริงหรือไม่ เขาก็ไม่กล้าเอาชีวิตของเจ้านายไปเสี่ยง ดูเซี่ยอีอีลากเหว่ยหมิงเข้าไปด้านในเหมือนลากหมูตาย ตงหมิงก็เหลือบมองไปด้วยสายตาแค้นเคือง ก็เลยพยุงเหว่ยหมิงที่สลบอยู่ขึ้นมา แล้วเดินตามเซี่ยอีอีเข้าไปด้านใน พริบตาเดียวผ่านไปเจ็ดวัน เหว่ยหมิงยังคงไม่ฟื้น ส่วนเซี่ยอีอีก็ดูแลเขาตลอดเจ็ดวัน จนกระทั่งกลางวันของวันที่แปด เซี่ยอีอีเดินออกมาด้วยความเหนื่อยล้า เดินโซเซเพราะนอนน้อยอย่างเห็นได้ชัด ตอนนี้ตงหมิงก็ไม่ว่านางเป็นนักต้มตุ๋นอีกแล้ว “คืนนี้เขาน่าจะฟื้น เจ้าไปเตรียมอาหารมาให้เขาหน่อย เอาที่อ่อนๆนะ ตรงนี้มียาสองเม็ด ให้กินวันละเม็ด พิษของเขาก็จะถูกขับออกจนหมด ฟื้นมาแล้วก็อย่าเพิ่งให้เดินหรือขยับมาก สองวันที่เหลือข้าก็จะไม่มาแล้วนะ ให้เขาพักผ่อนให้มากๆ หลังจากสองวันไปแล้วข้าจะมาขับพิษครั้งสุดท้ายให้เขาอีกครั้ง” เซี่ยอีอีแทบไม่มีแรงพูดแล้ว พูดจาอุบอิบเยอะแยะไปหมด ไม่รู้ว่าตงหมิงจะเข้าใจมากน้อยแค่ไหน แต่นางเหนื่อยจนไม่ไหวแล้วจริงๆ ไม่สนใจด้วยว่าตงหมิงจะเข้าใจไหม แล้วก็ลากสังขารที่ไร้เรี่ยวแรงออกไป มองนางเดินจากไปแล้ว ตงหมิงรู้สึกชื่นชมนางมาก หลายวันมานี้นางไม่ได้พักเลย แม้แต่ข้าวปลาอาหารก็ไม่ได้กินเต็มที่ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องนอน เมื่อมองไปขวดสีขาวที่อยู่ในมือ ตงหมิงรู้สึกว่าราคาหนึ่งหมื่นตำลึงทองที่นางเรียกนั้นไม่แพงเลย ............ หลังจากนั้นสองวัน เสียงหัวเราะสนุกสนานดังจนคนที่นอนมาสองวันเต็มๆนั้นตื่นขึ้น เซี่ยอีอีลืมตาขึ้นมาด้วยความเกียจคร้าน เห็นคนสามคนนั่งหัวเราะด้วยความสนุกสนานอยู่ แล้วก็ถอนหายใจด้วยความจนใจ “พวกเจ้าไม่มีที่จะไปเล่นแล้วหรือไงกัน? ทำไมจะต้องวิ่งมาที่ห้องของข้าด้วย? ยังมีเจ้าอีกคน ซูซิงเฟิง นี่มันห้องนอนของข้านะ อย่าเข้าออกตามใจแบบนี้ได้ไหม?” พูดยังไม่ทันขาดคำ เจ้าเด็กน้อยสองคนก็มาถึงที่เตียง เซี่ยวี่ซื่อออกแรงปีนขึ้นมาบนเตียง แล้วก็เอาตัวมาติดหนึบกับเซี่ยอีอี “คุณแม่ตื่นแล้วหรอ? คุณแม่หลับไปนานเลย” ซูซิงเฟิงสวมเสื้อผ้าในชุดสีขาว ผมยาวสยายถึงเอว ใบหน้าสะอาดสะอ้านถึงแม้จะไม่ได้ดีที่สุด แต่ความสง่าความอ่อนโยนก็ถือว่าหาได้ยาก คุณชายที่คล่องแคล่ว ฉับไวราวกับเซียน ฉายากงจื่อซูของเขา มันได้มาแบบนี้แหละ ซูซิงเฟิงลุกขึ้นแล้วเดินตรงมา สายตาที่เปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มเยิ้มกว่าก่อนหน้านี้ซะอีก เขานั่งอยู่ปลายเตียง อุ้มเซี่ยเฉินวี่เอาไว้บนขาของตัวเอง “เจ้ายังกล้าพูดแบบนี้อีก ข้ามาตั้งหลายวันแล้ว หลายวันก่อนไม่เห็นเจ้า กว่าเจ้าจะกลับมาได้ กลับหลับไปซะอีก ถ้ารู้ว่ามาแล้วจะเป็นแบบนี้ข้าไม่มาซะดีกว่า” เมื่อเห็นเซี่ยเฉินวี่นั่งนิ่งๆอยู่บนตักของซูซิงเฟิง เซี่ยอีอีก็ถอนหายใจ เจ้าเด็กคนนี้ไม่ชอบให้ใครแตะเนื้อต้องตัว แต่กลับสนิทชิดเชื้อกับซูซิงเฟิงซะอย่างนั้น นางยิ้มแล้วพูดว่า: “เจ้าจะมาของเจ้าเอง ข้าไม่ได้บอกนิว่าข้าจะมีเวลาอยู่เป็นเพื่อนเจ้า อีกอย่าง ในจดหมาย เจ้าเองก็บอกเองว่าจะมาเยี่ยมเด็กน้อยสองคนไม่ใช่หรอ มีพวกเขาอยู่เป็นเพื่อนเจ้า ยังจะพูดมากทำไมอีก” ซูซิงเฟิงยิ้มกว้างๆ แล้วย้ายเจ้าเด็กน้อยสองคนที่เป็นอุปสรรคออกไป เอาหน้ามาใกล้ๆเซี่ยอีอี แล้วพูดเสียงแบบหยอกเย้าว่า: “ข้ามาหาใคร เจ้าไม่รู้จริงๆหรอ? พวกเขาสองคนอยู่เป็นเพื่อนข้าหลายวันแล้ว ต่อจากนี้ข้าจะให้เจ้าอยู่เป็นเพื่อนข้าแทน” คำว่า ‘ปากกับใจไม่ตรงกัน’ คำนี้เหมาะกับซูซิงเฟิงมาก ในยุทธภพต่างบอกว่าเขาเป็นคุณชายผู้อ่อนโยน แต่มีแต่เซี่ยอีอีคนเดียวรู้ว่าตัวจริงของเขาไม่ใช่อย่างนั้น ถ้าแข่งความอ่อนโยนต่อหน้าผู้คน คงไม่มีใครชนะเขาได้ แต่ถ้าแข่งหน้าด้านลับหลังผุ้คน ยิ่งไม่มีใครเอาชนะเขาได้อีก แรกเริ่มนางก็คิดว่าเขาคงเป็นคุณชายผู้อ่อนโยน แต่ภายหลังนางถึงได้รู้ว่า เขามันก็คือหมาป่าเจ้าเล่ห์ดีๆนี่เอง! “สงสัยคงจะต้องทำให้เจ้าผิดหวังซะละ สองสามวันนี้ข้ายังมีเรื่องต้องทำ อยู่เป็นเพื่อนเจ้าไม่ได้หรอก” พูดแล้ว เซี่ยอีอีอยากจะลุกขึ้นก็เลยใช้มือผลักเขาออกไป ใครจะคิด มือกลับถูกบีบเอาไว้ สายตาของซูซิงเฟิงมีแต่ความสงสัย “ใครกัน ที่ทำให้เจ้ายอมทิ้งข้า?” หลายปีมานี้ ทุกครั้งที่เขามา เซี่ยอีอีก็จะทิ้งเรื่องทุกอย่างที่ทำอยู่มาอยู่เป็นเพื่อนเขากับลูก แต่ครั้งนี้ เมื่อเขามาถึงบ้านตระกูลเซี่ยแล้วไม่พบนาง เขาก็สงสัยบ้างแล้ว แถมนางยังไม่กลับบ้านมาตั้งหลายวัน คิดว่าน่าจะมีลับลมคมใน เซี่ยอีอีมองไปมือที่ถูกเขาบีบ แล้วพูดว่า: “ก็แค่คนป่วยคนหนึ่ง ถูกพิษร้ายแรงมาก ต้องใช้สมาธิเยอะ เห็นแก่เงิน ข้าไม่มีเหตุผลที่จะไม่ช่วย” คำพูดนี้ที่ฝืนใจคล้อยตาม ซูซิงเฟิงไม่ได้เชื่อสนิทใจ “ไม่กลับบ้านหลายวันเพราะเงิน เจ้าคิดว่าข้าจะเชื่อหรอ?”
已经是最新一章了
加载中