ตอนที่21 พ่อลูกรับมือกัน   1/    
已经是第一章了
ตอนที่21 พ่อลูกรับมือกัน
ต๭นที่21 พ่อลูกรับมือกัน เมื่อเห็นเงาเซี่ยอีอีที่อ่อนโยนจากไปแล้ว ในใจของเหว่ยเฉินรู้สึกอ่อนไหว มือที่ยื่นออกไปยังไม่เก็บกลับมาเลย ระหว่างที่กลับไปเซี่ยอีอีเดินอย่างเร็วรวด พลางเดินพลางใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดมือที่เหว่ยเฉินจับ “อี๋ ตงวี่ รีบไปเอาน้ำร้อนมาเร็ว ข้าจะอาบน้ำ เร็วเข้า” ตงวี่เห็นดังนั้นก็เร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น“รับทราบ บ่าวจะรีบไปต้มน้ำเดี๋ยวนี้” หมอกและละอองน้ำกระจายออกมา กลิ่นหอมลอยละล่อง ถังอาบน้ำทั้งสองข้างมีแขนพันอยู่ทั้งสองข้าง ปลายผมเปียกชื้น ราวกับภาพที่สวยงาม ด้านหนึ่ง ตงวี่ที่เติมน้ำอยู่ก็กลั้นหัวเราะไว้ไม่ไหว เซี่ยอีอีเงยหน้ามองนาง“ตั้งแต่เจ้ากลับมาก็หัวเราะไม่หยุด มันน่าขำนักหรือไง?” “ก็ใช่นะสิ เมื่อกี้คุณหนูไม่เห็นหน้าของคุณหนูรอง มันสนุกมากเลยนะ”เมื่อพูดถึงตรงนี้ ตงวี่ก็กลั้นขำไว้ไม่ไหวหัวเราะออกมาอีกครั้ง เซี่ยอีอียิ้มเบาๆ ก็ยื่นมือออกไปลูบผิวน้ำ “มันอะไรล่ะ หากว่านางรู้จักวางตัว ข้าก็คงไม่จำเป็นจะต้องไปพะว้าพะวังนาง แต่หากว่านางไม่รู้จักวางตัว เรื่องในวันนี้สำหรับนางแล้ว มันก็แค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น” เมื่อได้ยินดังนั้น ตงวี่เริ่มรู้สึกสนุกขึ้น“หรือว่าคุณหนูมีแผนอะไรอีกงั้นหรอ?” เซี่ยอีอีพยักหน้าแล้วก็ยิ้ม แล้วพูดว่า“คุณหนูของเจ้ามีแผนการน้อยนักหรือไง? ถามแบบนี้ เสียแรงติดตามกันมาตั้งนาน” ตงวี่บุ้ยปากอย่างไม่พอใจแล้วพูดว่า“ถึงจะเป็นอย่างนั้น แต่คุณหนูก็ไม่เคยบอกเลยว่าต่อไปท่านจะทำอะไร ทำให้บ่าวตื่นเต้นทุกครั้งเลยนะ” “มันก็ต้องให้ตื่นเต้นซะหน่อย ถ้าเจ้ารู้มันก่อนทุกเรื่อง มันจะแปลกใหม่ได้ยังไงล่ะ?” ตงวี่ได้ยินแล้วก็ยิ้ม“ก็จริง คุณหนูชอบทำให้คนอื่นแปลกใจ แต่เรื่องแปลกใจแบบนี้หากเทียบกับเรื่องที่ท่านตั้งครรภ์เมื่อห้าปีก่อนถือว่าเบามาก” คำพูดนี้ เซี่ยอีอีก็ถือว่าฟังแล้วผ่านๆไป ยิ้มแล้วก็ข้ามมันไป คิดถึงเมื่อตอนนั้นที่ตงวี่รู้ว่านางตั้งครรภ์ถึงกลับเป็นลมล้มพับไปเลยทันที ตอนนี้นึกๆดูแล้วก็รู้สึกขำนางไม่หาย “จริงสิ ซื่อเอ๋อกับวี่เอ๋อล่ะ? ไม่เห็นพวกเขานานแล้วนะ ไม่ใช่ว่าออกไปเล่นนอกจวนแล้วนะ!” “คิดว่าน่าจะออกไปเล่นนอกจวนแล้ว เมื่อกี้คุณชายหวินเทียนก็ตามหาพวกเขาอยู่ เหมือนว่าจะหาไม่เจอเลย” เซี่ยอีอีถอนหายใจเบาๆ“เจ้าเด็กแสบสองคนนี้ อยู่นิ่งๆสักวันไม่ได้เลย ตอนนี้ในเมืองหลวงมีตรงไหน ที่ไม่รู้จักพวกเขาบ้าง?” ตงวี่เบะปาก บ่นเบาๆ“น่าจะไม่มี” ............ ณ โรงงิ้ว โต๊ะแขกที่อยู่ใกล้กับเวทีการแสดงที่สุด มีเงาของเด็กน้อยตัวเล็กนั่งอยู่สองคน ซึ่งมันดึงดูดมากกว่างิ้วที่กำลังจะเล่นซะอีก ในเมืองหลวง เด็กน้อยที่สวมชุดสีม่วงและการกระทำเป็นเป้าสายตา นอกจากเด็กไม่มีพ่อของตระกูลเซี่ยแล้วจะมีใครอีกล่ะ? เนื่องจากการปรากฏตัวของเด็กสองคนนี้ โรงงิ้วก็กลายเป็นโรงนินทาไปซะงั้น ที่ชั้นสอง สายตาที่เย็นชามองมาที่เด็กน้อยสองคนอย่างสงสัย แต่เพราะหน้าของพวกเขาหันเข้าหาเวที ดังนั้นเขาจึงไม่เห็นหน้าของเด็กสองคนนั้น “ที่เจ้าพูดถึง คือเด็กสองคนนั้นใช่ไหม?”เสียงต่ำๆออกมาจากปากของคนที่มีสายตาเย็นชาที่สุด สายตาคู่นั้นไม่ได้ออกห่างจากเงาของเด็กสองคนนั้นเลย “น่าจะใช่ ช่วงนี้ไม่ว่าข้าน้อยจะไปที่ไหน ก็จะได่ยินเรื่องของเด็กไม่มีพ่อ เห็นท่าทางผยองแบบนั้น คิดว่าน่าจะเป็นพวกเขาแน่นอน” “ไม่มีพ่อ!”เหว่ยหมิงบ่นเสียงเบา ขมวดคิ้วขึ้นมา ที่ชั้นล่าง เสียงซุบซิบนินทาดังมาก แต่เซี่ยซื่อวี่กับเซี่ยเฉินวี่ก็ปล่อยผ่านเหมือนไม่ได้ยิน จนกระทั่งได้ยินคำว่า“ลูกสวะ”ทั้งสองคนมองหน้ากัน ทันใดนั้นเอง ฝาของถ้วยชาก็ลอยออกไปเข้าปากของคนที่พูด ทุกคนไม่ทันได้เตรียมใจ แล้วก็ได้ยินเสียงเพล้งดังขึ้น ฝาของถ้วยน้ำชาทำร้ายคนก่อน แล้วถึงตกลงไปที่พื้น คนๆนั้นถุยเอาฟันที่อาบเลือดออกมาสองซี่ เขาอุดปากที่เต็มไปด้วยเลือด ตะโกนร้องหาคนทำไปทั่วทุกทิศ“ใครที่อยากหาความตายมาตีข้า ออกมาเดี๋ยวนี้นะ” เมื่อพูดจบ เซี่ยวี่ซื่อกับเซี่ยเฉินวี่ก็กระโดดลงมาจากเก้าอี้ หันหลังไป แล้วก็มองไปที่คนที่ตะดกนอย่อย่างยโส เซี่ยวี่ซื่อยิ้มอย่างอ่อนหวาน แล้วมองไปที่เซี่ยเฉินวี่แล้วพูดว่า“ครั้งที่แล้วข้าทำแล้ว แต่เจ้าบอกว่าข้าทำสกปรก ครั้งนี้เจ้าทำล่ะกัน” เซี่ยเฉินวี่เหลือบไปด้านข้าง แล้วมองไปที่เซี่ยวี่ซื่อ พูดอย่างมั่นใจว่า“ข้าทำก็ได้ ต้องสะอาดกว่าเจ้าแน่นอน” ไม่มีใครเห็นชัดว่าเจ้าเงาเล็กๆอย่างนั้นมาที่หน้าคนๆนั้นได้อย่างไร ก็เหมือนแสงไฟวิ่งผ่านเร็ว เด็กน้อยได้มาอยู่บนโต๊ะแล้ว ในมือถือมีดสั้นซึ่งห่างจากปากของคนๆนั้นไม่ไกลมากนัก ทันใดนั้นเองก็มีเสียงดังขึ้น มีดสั้นในมือของเซี่ยเฉินวี่เหมือนถูกอะไรบ้างอย่างขวางเอาไว้ สีหน้าของเด็กน้อยย่นทันตา เงยหน้ามองไปยังคนชุดดำ เซี่ยเฉินวี่ยังไม่ทันได้เตรียมใจ ก็ถูกเหว่ยหมิงชิงเอามีดสั้นในมือไป “เจ้าอีกแล้ว!”เซี่ยเฉินวี่จ้องไปที่เหว่ยหมิงด้วยความโกรธ สายตาของทั้งคู่ปะทะกัน ก่อนหน้านี้เหว่ยหมิงแค่รู้สึกว่าเงาของทั้งคู่ดูคุ้นๆเท่านั้น แต่คิดไม่ออกว่าเคยเจอที่ไหน แต่ในตอนนี้เมื่อพวกเขาหันมา เขาก็ตกใจจริงๆ “อายุแค่นี้กล้าลงมือทำร้ายคนอื่น แม่เจ้าไม่สั่งสอนเจ้าหรือไง?” เซี่ยเฉินวี่มองเขาโดยไม่เกรงกลัว แถมยังจ้องกลับไปด้วยความโกรธ แล้วพูดว่า“หากว่าเจ้าถูกด่าว่าลูกสวะบ้าง เจ้าทนได้หรอ?” เมื่อได้ยินดังนั้น เหว่ยหมิงรู้สึกปวดใจ แล้วเหลือบไปมองชายที่เลือดกลบปากข้างๆ“เขาได้รับโทษของเขาแล้ว ไม่ใช่หรอ?” “หากนี่คือการลงโทษ งั้นข้าจะอยู่ต่อที่นี่ได้อย่างไร! เซี่ยวี่ซื่อ” ไม่รู้เมื่อไรเซี่ยวี่ซื่อก็ปีนขึ้นมาบนโต๊ะอีกครั้ง กินขนมดื่มชา ฟังเพลง เหมือนว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับนางเลย เมื่อได้ยินดังนั้น นางก็หันไป ในมือยังถือเกี๊ยวกุ้งอยู่ แล้วก็ส่งเสียงแบบไม่เต็มใจว่า “อ๊า?” “ห้าร้อยตำลึง”เห็นนางแบบนัน เซี่ยเฉินวี่ก็โกรธจนหน้าแดง แต่ก็บอกราคาไป เมื่อได้ยินดังนั้น เซี่ยวี่ซื่อก็ยิ้มมุมปาก วางเกี้ยวกุ้งในมือลง แล้วก็กระโดดลงมาจากเก้าอี้ นางมาถึงหน้าของเหว่ยหมิง ขมวดคิ้ว แล้วซัดเข็มพิษออกไปในชั่วพริบตา เหว่ยหมิงเห็นดังนั้น ขณะที่เขาเอี้ยวตัวหลบ เซี่ยเฉินวี่ก็ฉวยโอกาสพุ่งตัวไปยังชายที่ปากร้าย ตงหมิงเห็นดังนั้นก็คิดที่จะไปขวางเซี่ยเฉินวี่ เซี่ยวี่ซื่อซัดเข็มออกไปอีก คราวนี้ถูกจุดของตงหมิง หลังจากนั้น ก็พูดจาหวานๆออกไปว่า“ข้าชนะแล้ว” เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเด็กผู้หญิง เหว่ยหมิงก็ไม่กล้าลงมือ เขาอุ้มเด็กน้อยขึ้นมา แล้วพูดอย่างดุดาล“เจ้าทำอะไรเขา?” เซี่ยวี่ซื่อหอมแก้เหว่ยหมิง“ท่านอาหน้าตาดีจัง ซื่อเอ๋อชอบท่าน” เหว่ยหมิงถูกนางจู่โจมทำเอาไปไม่เป็น เขาจ้องไปที่หน้าของเด็กน้อยน่ารัก ไม่รู้ว่าควรยิ้มหรือร้องไห้ดี ในขณะที่เขากำลังงง ก็มีกลิ่นอายฝ่ามือสีดำพุ่งเข้ามาหา หลังจากนั้นก็เหมือนมีเงาราวกับผีเสื้อสีม่วงลอยมาจากด้านหลัง ขณะที่เหว่ยหมิงเอี้ยวตัวหลบ เด็กผู้หญิงในอ้อมกอดก็หายไปแล้ว “เซี่ยวี่ซื่อ หากเจ้ายังแกล้งยั่วผู้ชายอีก กลับไปข้าจะฟ้องท่านแม่”เซี่ยเฉินวี่ดึงเซี่ยวี่ซื่อมา แล้วก็พูดด้วยความไม่พอใจ เซี่ยวี่ซื่อเบะปาก ก้มหน้าลงอย่างน้อยใจ“ท่านพี่ใจร้าย ไม่คิดถึงอนาคตของน้องเลย” เซี่ยเฉินวี่ยกมือขึ้น ชี้ไปที่เหว่ยหมิง “เขาแก่ขนาดนั้น เจ้ากับเขาจะมีอนาคตร่วมกันได้ยังไง? อีกอย่างเขาตั้งตัวเป็นศัตรูกับเราตลอด ฉนั้นเจ้าแม้แต่จะคิดเลย ” เมื่อได้ยินบทสนทนาของเขาทั้งคู่ เหว่ยหมิงขมวดคิ้วหนักจนจะผูกติดกันอยู่แล้ว เขาคิดไม่ถึงเลยว่าเด็กเดี๋ยวนี้คุยกันเรื่องพวกนี้แล้ว มิน่าแม่ของเขาถึงได้รีบให้เขาแต่งงาน เพราะแม้แต่เด็กแสบสองคนนี้ก็เริ่มคิดถึงอนาคตของตัวเองแล้ว ภายในโรงงิ้ววุ่นวายไปหมด ส่วนเด็กน้อยสองคนก็ไม่ยอมลดราวาศอก เหว่ยหมิงหันไปมองชายคนที่ปากฉีก แต่กลับไม่ได้จะทำอะไร เพราะยังไงเรื่องนี้เริ่มจากตัวเขา คุมปากตัวเองไม่ได้เองถูกฉีกปากก็สมควรแล้ว แต่ว่าเด็กสองคนนี้ ...... เมื่อเหว่ยหมิงไปดูอีกที เด็กสองคนก็หายไปแล้ว เหลือทิ้งไว้แค่ยาขวดยาเล็กๆขวดหนึ่ง เหว่ยหมิงรับปากฮองเฮาว่าจะไปเยี่ยมเซี่ยอีอีที่บ้านตระกูลเซี่ย ขณะเดียวกันเขาเองก็สนใจในตัวของเด็กสองคนนั้นด้วย สองสามวันมานี้ เขานึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในบ้านตระกูลเซี่ยเมื่อห้าปีก่อนตลอดเวลา ผู้หญิงที่หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยเมื่อห้าปีก่อน มันค้างคาอยู่ในใจเขาตลอดเวลา “นายท่าน คุณหนูสี่ไม่อยู่ในห้อง บ่าวถามตงวี่มาแล้ว นางก็ไม่รู้เหมือนกันว่าคุณหนูไปไหน” เมื่อได้ยินสาวใช้มารายงาน เซี่ยเหวียนฉีก็รู้สึกลำบากใจ“เจ้าเด็กคนนี้ จะไปไหนมาไหนก็ไม่บอกสักคำ” “ไม่เป็นไร ในเมื่อนางไม่อยู่ ข้ารอก็ได้ ไต้เท้าเซี่ยไม่ต้องเกรงใจ ท่านไปทำงานของท่านเถอะ ข้าอยากไปเดินเล่น” เซี่ยเหวียนฉีพยักหน้า“ได้ ท่านอ๋องหยงตามสบายนะ” เหว่ยหมิงเดินเล่นอยู่ในจวนตระกูลเซี่ยคนเดียว ไม่ทันไรก็เดินมาถึงเรือนที่ถูก“ลอบทำร้าย” สีหน้าที่จริงจังมองไม่ออกเลยว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ แต่เท้ากลับเดินไปทางประตูห้องโดยไม่รู้ตัว ทันใดนั้นเอง เสียงขลุ่ยก็ดังขึ้นโดยไม่รู้ว่ามาจากไหน ขณะที่เหว่ยหมิงกำลังจะผลักประตูก็ชะงักไป แล้วถอยหลัง เขามองไปยังเสียงเพลงที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ยืนฟังอยู่พักใหญ่ แล้วก็เดินตามเสียงขลุ่ยนั้นไป อีกด้านของสวนดอกไม้ เสื้อสีขาวปลิวไสว ขลุ่ยหยกสีเขียวใสอยู่บนริมฝีปากของนาง ตำแหน่งที่เหว่ยหมิงยืนอยู่มองเห็นแค่ด้านข้างของนางเท่านั้น แต่ชุดสีขาวทำให้หัวใจของเขาผองโต เสียงขลุ่ยเป่าไปได้ครึ่งเดียวก็หยุดลง และตัดความคิดอันเคลิบเคลิ้มของเหว่ยหมิงลงไปด้วย “อ่า! น่าเบื่อจัง!” เซี่ยยอีอีพูดอย่างหงุดหงิด ไม่นานเท่าไหร่ นางก็ค่อยๆเงยหน้าขึ้นมา ขณะเดียวกัน มือที่ถือป้ายคำสั่งองครักษ์ก็ยกขึ้นมา “ของชิ้นนี้ ...... เป็นสมบัติอย่างดี แต่ว่าจะแลกเป็นเงินนี่คงลำบากสักหน่อย องครักษ์ ถุย เอามาทำไม? กบฏหรอ?” ทันใดนั้นเอง มือที่มีแรงมากก็มาจับที่ข้อมือนางไว้ แล้วก็ชิงเอาป้ายไปจากมือนางไป เซี่ยอีอีตกใจ วินาทีที่เงยหน้า สีหน้าที่ตกใจก็กลายมาเป็นดุดัน เมื่อทั้งสองสบสายตากัน เซี่ยอีอีตกใจว่าทำไมถึงเป็นเขามา ส่วนเหว่ยหมิงก็เหมือนได้พบกับสายตาที่ดูคุ้นเคย เซี่ยอีอีลุกขึ้นอย่างแรง แล้วสะบัดมือของเขาทิ้ง“เจ้าเป็นใคร บ้าหรือเปล่า? นั่นของของข้าเอาคืนมา?” เซี่ยอีอียื่นมือไปแย่ง แต่คิดไม่ถึงว่าจะถูกจับอีกครั้ง เหว่ยหมิงจับข้อมือของนางเอาไว้แล้วใช้แรงดึง ดวงตาที่เย็นชาหรีลงนิดๆ“คุณหนูสี่ของบ้านตระกูลเซี่ย? ดี พูดมาซิ ป้ายนี่เจ้าได้มาจากไหน?” เซี่ยอีอีพยายามดิ้นรน แต่มือของเขาเหมือนกับเหล็ก นางยื้ออยู่นาน เขาแทบจะไม่ได้ขยับเลย เขายอมให้ตัวเองเสียเปรียบ เซี่ยอีอีทิ้งการดิ้นรน มองเขาด้วยความโกรธแล้วพูดว่า“ไม่เกี่ยวอะไรกับเจ้า? มันเป็นของข้า คืนข้ามาเดี๋ยวนี้นะ” ได้ยินดังนั้น เหว่ยหมิงยิ้มอย่างเยือกเย็น“ของเจ้า? ป้ายคำสั่งองครักษ์หลวง แม้แต่เซี่ยหวินเทียนก็มีไม่ได้ เจ้าได้มายังไง?” เมื่อได้ยินดังนั้น เซี่ยอีอีเหมือนคิดอะไรได้ เซี่ยวี่ซื่อบอกแค่ว่าได้สมบัติมาชิ้นหนึ่ง วิธีของนางส่วนมากก็คือขโมยมา แต่นางไม่ได้บอกว่าได้มาจากใคร หรือว่า ...... คงไม่ซวยขนาดนั้นมั้ง เจ้าเด็กสองคนนั้นเจอเขาแล้วหรอ! เซี่ยอีอีเปลี่ยนท่าทีต่อต้านเป็นใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม แล้วเงยหน้าขึ้นไปอีกครั้ง ท่าทางดุดันเมื่อครู่ไม่หลงเหลืออยู่อีกแล้ว “คุณชายท่านนี้ ถึงแม้ข้าจะไม่รู้ว่าท่านเข้ามาในบ้านข้าได้อย่างไร แต่ยังไงข้าก็เป็นเจ้าบ้าน ท่านกักขังตัวข้าแบบนี้มันไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่นัก ป้ายนี่ข้าเก็บได้ หากท่านชอบก็เอาไปเถอะ โบราณว่า ชายหญิงไม่ควรใกล้ชิดกัน ชื่อเสียงของข้าก็แทบไม่เหลือยู่แล้ว หวังว่าคุณชายจะไว้หน้าบ้าง ให้ข้าได้อยู่ในเมืองหลวงสบายๆสักหลายวันหน่อย” เมื่อได้ยินน้ำเสียงที่เปลี่ยนไปของนาง ก็ยิ่งทำให้เหว่ยหมิงสงสัยเข้าไปใหญ่ แล้วบีบมือของนางแน่นขึ้น “เจ้าไม่ได้บ้าแต่แรก เจ้าแกล้งโง่ใช่ไหม?” เซี่ยอีอีไม่ตอบ นางกัดปาก ทำหน้าอ่อนแอ“ท่านทำข้าเจ็บ” เห็นนางเป็นแบบนี้ เหว่ยหมิงก็คลายมือนิดๆ“ตอบข้ามา คนเมื่อห้าปีก่อนคือเจ้าใช่ไหม?” สายตาที่ชาญฉลาดกวาดไปอย่างรวดเร็ว เซี่ยอีอียังคงทำตัวอ่อนแอ“อีอีไม่เข้าใจที่คุณชายพูด คุณชายอธิบายด้วย” “อธิบาย?”เหว่ยหมิงยิ้มเย็นชา มือโอวที่เอวนางไว้ แล้วใช้แรงกอดไว้แน่น“เจ้าแน่ใจว่าจะให้ข้าอธิบาย?” เซี่ยอีอีคิดไม่ถึงว่าเขาจะมาไม้นี้ รอยยิ้มบนใบหน้าแข็งเป็นหิน แล้วเงยหน้ามองเขาด้วยสายตาที่โกรธแค้น คิ้วขมวดติดกัน ความโกรธชัดเจน ยิ่งทำให้ความแค้นเมื่อห้าปีที่แล้วของเหว่ยหมิงเพิ่มเป็นทวีคูณ แขนที่โอบรัดแน่นมันเหมือนจะรัดเซี่ยอีอีให้ตาย ในขณะที่เซี่ยอีอีกำลังจะมอบชีวิตเล็กๆให้เขาไป ขลุ่ยก็ทิ่มไปที่ท้อง ทำให้เหว่ยหมิงเจ็บ จึงทำให้ทั้งสองออกห่างจากกัน เหว่ยหมิงขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจ เขาเดินขึ้นหน้ามาอีกครั้ง แต่คราวนี้เซี่ยอีอีไม่ยอมเขาอีกแล้ว เหว่ยหมิงคิดจะจับนางอีกครั้ง แต่ขลุ่ยในมือของนางกลับรู้หน้าที่ทุกครั้งที่เขาจะลงมือ และขวางเขาสำเร็จทุกครั้ง เหว่ยหมิงหมดความอดทน ไม่อยากจะต่อด้านกับนางอีก เพี่ย เสียงหนึ่ง เขาหักขลุ่ยไปซะแล้ว เขาจับคนที่กำลังคิดต่อสู้กับเขาเอาไว้ แล้วพูดอย่างเย็นชา“อย่ามาเล่นแมวจับหนูกับข้าอีก ข้าไม่มีความอดทนขนาดนั้น” จริงๆแล้วเซี่ยอีอีเจ็บจนขมวดคิ้ว แต่ในตอนนี้ นางกลับยิ้ม“ท่านไม่มีความอดทนเกี่ยวอะไรกับข้า? ไม่อยากเล่นท่านก็ไปซะสิ หากท่านไม่ไป ...... หึหึ!” เมื่อพูดจบ เหว่ยหมิงไม่ทันได้ตั้งตัว เงาเล็กๆสองเงาก็ลอบเข้ามาทำร้ายเหว่ยหมิง เหว่ยหมิงไม่ทันรับมือ จึงได้แต่ปล่อยมือเซี่ยอีอี เซี่ยอีอียิ้มด้วยความเจ้าเล่ห์ หันหลังกลับไปนั่งที่ชิงช้า ไม่สนใจสถานการณ์การต่อสู้ที่กำลังจะเริ่มขึ้น เก็บเศษขลุ่ยแล้วพูดว่า“ขลุ่ยเล่มนี้ของข้าราคาพันตำลึง ท่านจะต้องชดใช้ให้ข้า พรุ่งนี้ ท่านต้องเอามาคืนข้าหนึ่งเล่ม ไม่งั้นก็เอาเงินมา หากพรุ่งนี้ข้าไม่เห็นอะไรเลย ข้าจะไปแจ้งความ” เหว่ยหมิงเคยรับมือกับเด็กสองคนนี้ เขารู้ว่าเด็กสองคนนี้ไม่ธรรมดา เด็กสองคนนี้ในตอนนี้ไม่เหมือนตอนนั้น ลงมือโหดเหี้ยมกว่าเดิม เหว่ยหมิงไม่สามารถป้องกันอย่างเดียวโดยไม่รุก เมื่อได้ยินเซี่ยอีอีพูดดังนั้น เขาขมวดคิ้วแล้วมองนาง “ท่านอาสุดหล่อ ถึงแม้ซื่อเอ๋อจะชอบท่าน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าท่านจะรังแกท่านแม่ของข้าได้นะ ขอโทษด้วยนะ ซื่อเอ๋อชอบท่านต่อไปไม่ได้แล้ว”พูดจบ เซี่ยวี่ซื่อก็ซัดเข็มใส่เหว่ยหมิง ครั้งที่แล้วเห็นนางใช้เข็มซัดใส่ตงหมิง ดังนั้นครั้งนี้เหว่ยหมิงก็เลยมีการป้องกันไว้ก่อน เขากระโดดลอยตัวหลบเข็มพิษนั้น แล้วก็จับมือของเซี่ยวี่ซื่อเอาไว้ การรับมือเด็กสองคน เหว่ยหมิงแทบไม่ต้องออกแรงเยะ แต่เพราะว่าพวกเขาเป็นเด็ก เขาก็ไม่อยากลงมือรุนแรงนัก เมื่อมองไปยังเซี่ยอีอีที่อยู่บนชิงช้า เหว่ยหมิงก็พูดด้วยความโกรธว่า: “เจ้าเป็นแม่ภาษาอะไรกัน?” เซี่ยอีอีเท้าแตะพื้น แล้วหยุดแกว่งชิงช้า แล้วหันมาพูดว่า“ก็เป็นแบบนี้แหละ มีเวลาสนใจข้า ระวังข้างหน้าก่อนดีกว่าไหม!” 
已经是最新一章了
加载中