ตอนที่22 หึงหวง
1/
ตอนที่22 หึงหวง
ชายาเจ้าเล่ห์ เจ้าอย่าหนี
(
)
已经是第一章了
ตอนที่22 หึงหวง
ตนที่22 หึงหวง เซี่ยเฉินวี่ซัดฝ่ามือพุ่งมา เหว่ยหมิงหงายมือรับฝ่ามือน้อยๆของเซี่ยเฉินวี่ พลังฝ่ามือของเซี่ยเฉินวี่ถูกซัดจนสลายไป เท้าสะดุด และถูกเหว่ยหมิงจับตัวไว้ เซี่ยเฉินวี่ไม่เคยแพ้จนเสียท่าหมดรูปขนาดนี้ เขาโกรธมากและหยิบมีดสั้นออกมาจากเอว ใช้มือจับไปที่สันคมของมีด เลือดสีดำที่ไหลออกมาทำให้คนที่ได้เห็นตกใจ เขาหันตัวซัดฝ่ามือไปที่หน้าของเหว่ยหมิง ...... “วี่เอ๋อ หยุดนะ”เซี่ยอีอีเห็นดังนั้นก็ตกใจ แล้วตะคอกด้วยน้ำเสียงที่ดุดัน เมื่อนางตะโกน ทุกอย่างหยุดเงียบไปชั่วขณะ ...... ชิงช้าโยกเบาๆ สายลมพัดผ่าน ฝ่ามือของเซี่ยเฉินวี่ห่างจากหน้าเหว่ยหมิงเพียงคืบเดียวเท่านั้น เลือดสีดำไหลหยดลงพื้นเป็นสายน้ำ เหว่ยหมิงค่อยหลบไปด้านข้าง เขามองไปยังใบหน้าของอีกคนหนึ่ง เซี่ยวี่ซื่อค่อยๆสัมผัสไปยังมือที่กำลังอุ้มนางอยู่ เพื่อให้เขาปล่อยนางลง หลังจากที่เหว่ยหมิงปล่อยนางลง นางก็หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาแล้วไปพันแผลที่มือของเซี่ยเฉินวี่ แล้วมองไปที่เซี่ยอีอีอย่างหวาดกลัว สีหน้าของเซี่ยอีอีดูโกรธมาก จ้องเซี่ยเฉินวี่ที่กำลังก้มหน้าอยู่ นางเดินเข้ามาใกล้เขา จ้องไปที่ตัวเด็กน้อย แล้วพูดน้ำเสียงเย็นยะเยือก“กลับห้องกับแม่เดี๋ยวนี้”พูดจบ ก็หันหลังไป เมื่อเห็นสามแม่ลูกจากไปแล้ว เหว่ยหมิงก็รู้สึกสงสัย แล้วก็ค่อยๆเดินตามไป ในห้อง เซี่ยอีอีค่อยๆทำแผลให้กับเซี่ยเฉินวี่อย่างระมัดระวัง สีหน้านิ่งๆ ไม่พูดอะไรเลย เซี่ยวี่ซื่อก็ยืนอยู่ข้างๆ ไม่กล้าแม้แต่จะเอ่ยปาก เซี่ยเฉินวี่ก้มหน้า ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมามองเซี่ยอีอี เหว่ยหมิงเดินมาถึงหน้าประตูก็หยุดเดิน เขาเคยมาที่นี่เมื่อห้าปีที่แล้ว แต่วันนี้เหมือนว่ามีหลายอย่างที่เปลี่ยนไป กลิ่นของกำยานยังไม่ได้เข้าไปในห้องก็มีกลิ่นลอยออกมาแล้ว ภายในห้องตกแต่งสวยงามกว่าเมื่อห้าปีที่แล้วอีก เหว่ยหมิงเดินเข้าห้องไป เห็นบนโต๊ะเต็มไปด้วยยาขวดเล็กๆ ซึ่งมันนำมาเพื่อทำแผลให้กับมือของเด็กน้อย ทำให้เขาสติล่องลอยไปชั่วขณะ ผ่านไปนานพอสมควร หลังจากที่เซี่ยอีอีทำแผลให้เซี่ยเฉินวี่เรียบร้อยแล้ว เสียงเรียบๆก็ดึงสติของเหว่ยหมิงกลับมา“เซี่ยเฉินวี่ คำพูดของแม่ เจ้าใส่ใจมันบ้างไหม?” เซี่ยเฉินวี่ก้มหน้าไม่พูดไม่จา ส่วนเซี่ยวี่ซื่อกลับน้ำตาไหลนองหน้า“ท่านแม่ ท่านอย่าโกรธเลยนะ” เซี่ยอีอีไม่ได้สนใจคำร้องขอของเซี่ยวี่ซื่อ แล้วพูดต่อไปอีกว่า“เจ้าเป็นใบ้หรือไง?” “ข้าขอโทษ ต่อไปข้าจะไม่ทำอีก”เซี่ยเฉินวี่พูดด้วยน้ำเสียงอู้อี้ “หากความสามารถของเจ้าจะต้องแลกมาด้วยการทำลายตัวเองแบบนี้ งั้นต่อไปเจ้าก็ไม่ต้องออกจากบ้านแม้แต่ก้าวเดียว แล้วก็ไม่ต้องไปบอกใครด้วยว่าเจ้าเป็นลูกชายของข้าเซี่ยอีอี กลับห้องไปสำนึกความผิดของตัวเองซะ หากข้าไม่อนุญาตห้ามออกจากห้องแม้แต่ก้าวเดียว” หลังจากถูกเซี่ยอีอีอตำหนิยกใหญ่ ปากของเซี่ยเฉินวี่ก็สั่นเล็กน้อย เขาหันหลังแล้วเดินไป เมื่อเดินผ่านหน้าของเหว่ยหมิง ก็เงยหน้ามาเขม็งเขาด้วยความโกรธ เซี่ยวี่ซื่อเช็ดน้ำตาบนใบหน้า แล้วพูดว่า“ซื่อเอ๋อจะไปสำนักผิดเป็นเพื่อนพี่ชาย ท่านแม่อย่าโกรธเลยนะ” เมื่อเห็นเซี่ยเฉินซื่อเศร้าบวกกับเซี่ยวี่ซื่อร้องไห้ เซี่ยอีอีก็รู้สึกเจ็บปวดใจ นางยื่นมือไปเช็ดน้ำตาบนใบหน้าของเซี่ยวี่ซื่อ แล้วก็ผงกหัว ให้นางตามเซี่ยเฉินวี่ไป เมื่อเห็นเด็กแสบสองคนไปแล้ว เซี่ยอีอีก็เงยหน้ามามองเหว่ยหมิง“ท่านอ๋องหยงมีเรื่องอะไรอีกงั้นหรอ?” คำว่า“อ๋องหยง”ของนาง เรียกซะจนเหว่ยหมิงรู้สึกยินดี เขายิ้มมุมปาก แล้วเดินมาที่โต๊ะแล้วมองไปยังนาง“เจ้าไม่ใช่ไม่รู้จักข้าหรอ? ข้าไม่เคยบอกเจ้าว่าข้าคืออ๋องหยง แล้วเจ้ารู้ได้ยังไงกัน?” เซี่ยอีอีเก็บสายตาคืนมา แล้วกลับมาจัดยาเข้ากล่อง“ใครต่อใครก็บอกว่าข้าเซี่ยอีอีคนนี้เป็นคนบ้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะมีคนที่โง่กว่าข้าซะอีก เมื่อครู่ท่านแทนตัวเองว่าเปิ่นหวังหลายต่อหลายครั้ง บวกกับอายุของท่าน คิดว่าคงไม่มีท่านอ๋องคนไหนอายุน้อยขนาดนี้แล้วมั้ง!” “เจ้าฉลาดมาก” “ขอบพระทัยที่ทรงชม”เซี่ยอีอีไม่มีท่าทีถ่อมตัว “ในเมื่อเจ้าฉลาดขนาดนี้ คิดว่าคงไม่ลืมเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อห้าปีก่อนง่ายๆหรอกจริงไหม” เซี่ยอีอีหยุดจัดยาในกล่องแล้วพูดว่า“ท่านอ๋องทรงไม่ทราบหรอว่าข้ารักษาอาการสติฟั่นเฟือนหายแล้วเมื่อสองสามปีที่ผ่านมา เรื่องเมื่อห้าปีก่อนข้าจะจำได้ยังไง” เมื่อพูดจบ ก็จัดยาต่อ ทันใดนั้น เหว่ยหมิงจับมือนางขึ้นมา แล้วขยับตัวเข้ามาใกล้ บีบให้นางสบตากับเขา จ้องไปที่ดวงตาที่ใสๆ เขายืนยันอย่างมั่นใจว่าผู้หญิงเมื่อห้าปีที่แล้วคือนางแน่นอน “สายตาของเจ้า น้ำเสียงของเจ้า เสื้อสีขาวของเจ้า เซี่ยอีอี บอกข้ามา เจ้าก็คือนางใช่ไหม” น้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความปลง ตลอดห้าปีที่ผ่านมาเขาคิดถึงผู้หญิงที่เขาไม่เคยเห็นหน้าคนนี้มาตลอด เขาเคยสังเกตผู้หญิงทุกคนที่เดินผ่านเขา แต่ก็ไม่มีใครที่คล้ายหรือเหมือนเลย มีเพียงนางเท่านั้น คำพูดของเหว่ยหมิงทำให้ให้เซี่ยอีอีรู้สึกแปลกใจ นางไม่เคยคิดว่าเขาจะจำนางได้ แต่นางก็ไม่ได้โง่ เขาบอกว่านางใช่ นางจำเป็นต้องยอมรับหรอ? ใครจะไปรู้ว่าถ้านางยอมรับแล้วจะไม่ถูกฉีกเป็นชิ้นๆ? เพราะในปีนั้นคนที่ถูกข่มเหงคือเขา! “เหอะเหอะ”เซี่ยอีอียิ้มอ่อนๆ ขัดบรรยากาศที่คลุมเครือไป นางยิ้มอย่างอ่อนโยน เงยหน้าขึ้น สายตาดูยั่วยวน ใช้มือวางไปที่หน้าอกของเขาเบาๆ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงยั่วยวนว่า“ชื่อเสียงของอีอีไม่ค่อยดีนัก แต่เห็นท่านอ๋องหยงเป็นแบบนี้ หรือว่าท่านสนใจในตัวข้า?” เหว่ยหมิงมองไปยังมือที่กำลังลูบไล้ไปตามตัวเขา แล้วก็มองหน้านาง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า“ถ้าข้าบอกว่าใช่เจ้าจะทำยังไง?” “ฮ่าฮ่าฮ่า .....”เมื่อได้ยินดังนั้น เซี่ยอีอีถึงกลับหัวเราะออกมา“ท่านอ๋องหยงไม่ได้กำลังล้อหม่อมฉันเล่นใช่ไหม? เราเพิ่งจะเคยเจอกันครั้งแรก อีกอย่างข้าเองก็มีลูกสองคนที่พ่อไม่ชัดเจนแล้ว ท่านบอกว่าท่านสนใจในตัวหม่อมฉัน ท่านอ๋องหยงไม่กลัวคนอื่นคำนินทากันหรอ?” สีหน้าท่าทางของเหว่ยหมิงไม่เปลี่ยน ยังคงมองไปที่ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มของนาง“พ่อไม่ชัดเจนงั้นหรอ? เด็กสองคนนั้นต้องมีพ่อแน่ๆ แต่เจ้ายอมให้คนภายนอกเข้าใจว่าพวกเขาเป็นเด็กที่มีพ่อไม่ชัดเจน แต่ก็ไม่ยอมบอกว่าพ่อของพวกเขาเป็นใคร มีเพียงเหตุผลเดียวเท่านั้น ไม่ใช่เพราะพ่อของพวกเขามาพบเจอใครไม่ได้ แต่เจ้าตั้งใจปกปิดสถานะของพ่อเด็กต่างหาก” จากอายุของพวกเขา เด็กสองคนนนี้ก็สมควรแล้วที่เขาจะสงสัย แต่ว่านางไม่ยอมรับว่านางคือผู้หญิงเมื่อห้าปีที่แล้ว เขาก็จนปัญญาที่จะยืนยันความคิดของเขา เพราะในปีนั้นมือของนางมีแต้มพรหมจรรย์อยู่จริงๆ แต่เขาไม่อาจทำใจยอมรับความจริงได้เอง เซี่ยอีอียิ้มอย่างมีเลศนัยแล้วพูดว่า“หม่อมฉันไม่ยอมรับก็ดี หรือจะตั้งใจปกปิดก็ช่าง มันก็เป็นเรื่องของหม่อมฉัน มันเกี่ยวอะไรกับท่านอ๋องด้วย? หากท่านอ๋องทรงชอบหม่อมฉันจริงๆ งั้นก็รบกวนท่านผูกมิตรกับเด็กแสบสองคนของหม่อมฉันก่อนดีไหม ถ้าเจอหน้ากันแล้วต้องแยกเขี้ยวใส่กันแบบนี้ทุกครั้ง อีอีเกรงว่าจะไม่อาจรับน้ำใจของท่านอ๋องได้” พูดมาตั้งนาน นางพาเขาวนอยู่ในอ่างอย่างนั้น ครึ่งค่อนวันไม่มีอะไรหลุดมาจากปากนางเลยแม้แต่น้อย เหว่ยหมิงยอมรับว่าตัวเองพูดสู้นางไม่ได้เลย ก็เลยไม่สาวความยืดกับนางอีก “วรยุทธ์ของเด็กๆดีมาก” เซี่ยอีอียิ้มเบาๆ“ชมเกินไปแล้ว” “เด็กผู้ชายนิสัยไม่ค่อยดีเท่าไหร่” เซี่ยอีอีเบะปาก แต่ไม่ได้พูดอะไร “เด็กผู้หญิงน่ารักมาก” หลังจากการรับมืออุบายต่างๆของลูกสาวนางแล้วยังชมว่านางน่ารักได้ เขาก็ถือว่าเป็นคนแรก เซี่ยอีอียังคงยิ้มเหมือนเดิมไม่พูดอะไร “พวกเขาอายุน้อยขนาดนี้ แต่ฝีมือไม่ด้อยไปกว่าผู้ใหญ่เลยนะ แต่ว่าข้ามีเรื่องสงสัย ไม่ทราบคุณหนูสี่จะชี้แนะได้หรือไม่?” เซี่ยอีอีขมวดคิ้วสงสัย“ชี้แนะคงไม่กล้า เชิญท่านอ๋องกล่าวมาได้” “พ่อไม่ชัดเจนกับลูกสวะต่างกันตรงไหน?” เมื่อได้ยินดังนั้น รอยยิ้มบนหน้าของเซี่ยอีอีก็หายไป สายตาเต็มไปด้วยความโกรธ นางผลักเว่ยหมิงออกไปอย่างแรง ลุกขึ้นจ้องไปที่เขาแล้วพูดว่า: “ได้ยินท่านพูดแบบนี้ ข้าก็รู้สึกว่ามันก็ไม่ต่าง อ๋องหยง ท่านมาอยู่ในห้องส่วนตัวของข้านานเกินไปแล้ว คนอื่นจะนินทาเอาได้ ท่านเชิญกลับเถอะ!” เซี่ยอีอีไม่ได้โกรธมากแบบนี้มานานมากแล้ว ในตอนนี้กลับอดกลั้นความโกรธเอาไว้ไม่ไหว ลูกสวะ เป็นคำที่ดีจริงๆ โดยเฉพาะที่ออกมาจากปากของเขา! เพื่อไม่ให้ตัวเองควบคุมอารณ์ไม่ได้ เซี่ยอีอีเลือกที่จะไม่อยู่ในห้องเดียวกับเขาดีกว่า เมื่อนางหันหลังจะไปกลับถูกเหว่ยหมิงจับเอาไว้ เขาใช้แรงดึง ทำให้นางเข้ามาอยู่ในอ้อมกอด แล้วใช้มือโอบกอดรัดตัวนางที่พยายามดิ้น “ปล่อย”มือรัดแน่นขึ้น เหว่ยหมิงไม่สนใจนางที่กำลังโกรธ แล้วพูดข้างๆหูของนางว่า“ข้าก็แค่ถามคำถามเท่านั้น ทำไมเจ้าต้องโกรธขนาดนี้ด้วย?” “เหว่ยหมิง ข้าขอเตือนเจ้าปล่อยข้าเดี๋ยวนี้ ไม่งั้น ......” ยังพูดไม่ทันจบ ตงวี่ก็วิ่งหน้าตาตื่นเข้ามา เห็นภาพบรรยากาศเช่นนั้นก็ตกใจ แต่นางหัวไว ถอยตัวออกมา ยืนอยู่หน้าประตู“คุณคุณคุณคุณ คุณ คุณหนู” ไม่ได้เห็นนางพูดจาไม่มีสติแบบนี้มาสี่ปีแล้ว คำว่าคุณหนูของนาง ทำให้เซี่ยอีอีรู้สึกปวดหัวขึ้นมา นางขยับตัว แต่ก็ไม่เห็นว่าเหว่ยหมิงจะมีท่าทางยอมปล่อยนางเลย นางหันกลับไปจ้องหน้าเขา แล้วกัดฟันพูดกับตงวี่ที่อยู่หน้าประตูว่า“เกิดอะไรขึ้น?” “องค์องค์องค์ องค์ชายสี่มาหาท่าน”ตงวี่ตกใจจนสติหลุดไปแล้ว ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าวันนี้มันวันอะไร อ๋องหยงอยู่ในห้อง องค์ชายสี่ก็มาอีก แถมยังมาในวันเดียวกันอีก เมื่อได้ยินว่าเหว่ยเฉินมา เซี่ยอีอีก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไรมากมาย นางคิดไว้อยู่แล้วว่าเหว่ยเฉินต้องมาอีก แต่คิดไม่ถึงว่าจะมาได้เวลาขนาดนี้ “เขามาทำไม?” เสียงที่เยือกเย็นดังอยู่บนหัวของเซี่ยอีอี เซี่ยอีอียิ้มมุมปาก แล้วยักไหล่“ใครจะรู้ว่าเขามาทำไมล่ะ!” เหว่ยหมิงมองไปยังเซี่ยอีอีที่คลายความโกรธลงแล้วอย่างกระทันหัน เขาขมวดคิ้วแล้วพูดว่า: “พวกเจ้าเจอกันแล้วหรอ?” “อืม สองวันก่อนได้พบกันครั้งหนึ่ง” คำพูดนี้ ทำให้เหว่ยหมิงรู้ทันทีว่าเขามาทำไม ก่อนหน้านี้เพราะว่านางสติไม่ดีหลบนางเหมือนกับนางเป็นโรคระบาด ตอนนี้นางหายดีแล้ว ด้วยนิสัยเจ้าชู้ของเหว่ยเฉิน จะปล่อยไปได้ยังไงกัน? “เจ้าคงไม่ได้ชอบเขาอยู่หรอกนะ?” เซี่ยอีอียิ้ม แล้วหันไปส่งรอยยิ้มที่มีเลศนัยให้เขา“ท่านเดาดูสิ” เดา? เขาไม่ได้มีอารมณ์มานั่งเดาหรอก! สายตาของเหว่ยหมิงดูอันตราย เขาปล่อยมือจากตัวนาง หันไปจับเอวของนางแทน“ข้ารับปากเจ้า วันหนึ่งข้าจะทำให้เจ้าพูดออกมาให้ได้ ข้าจะทำให้เจ้าสารภาพกับข้าทุกอย่าง”พูดจบ ก็ดึงเอวนางเข้ามาโอบเอาไว้ แล้วเดินออกจากห้องไปพร้อมกับนาง ขณะที่ทั้งสองเดินออกจากห้อง เหว่ยเฉินก็เข้ามาจากด้านนอกพอดี เห็นเหว่ยหมิงออกมาจากห้องนอนของเซี่ยอีอี รอยยิ้มบนหน้าของเหว่ยเฉินก็หายไป แล้วยิ่งเห็นมือของเขากำลังโอบเอวของนางอยู่ เขาก็โกรธจนกำหมัดแน่นๆ ครั้งที่แล้วเขาได้แค่ลูบมือนางเท่านั้น แต่เขากลับโอวเอวนางไว้ไม่ปล่อย มันมากเกินไปแล้ว! “องค์ชายสี่”เสียงเรียกที่อ่อนโยน เซี่ยอีอีดึงมือของเหว่ยหมิงออกแล้วเดินไปหาเหว่ยเฉิน เมื่อเห็นดังนั้น เหว่ยเฉินก็ฉีกยิ้มออกมา ส่วนเหว่ยหมิงก็ขมวดคิ้ว สำหรับเซี่ยอีอีแล้ว เหว่ยเฉินก็แค่ของเล่นในมือของนางเท่านั้น จะให้ความสำคัญไหมมันอยู่ที่นาง แต่กับเหว่ยหมิงนั้นไม่ใช่ จนถึงตอนนี้นางไม่เพียงไม่เจอจุดอ่อนของเขา แถมนางยังถูกเขาจับจุดได้ ดังนั้นหากเทียบสองพี่น้องนี้แล้ว นางไปแหย่คนที่มีโอกาสชนะมากกว่าดีกว่า เหว่ยเฉินมองไปยังเซี่ยอีอีที่อยู่ข้างๆเขา ยิ้มจนปากจะฉีก เงยหน้ามองไปที่เหว่ยหมิง“ลมอะไรพัดท่านพี่มาถึงที่นี่ได้?” เมื่อเห็นสีหน้าของเซี่ยอีอีเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มเอาใจใส่ เหว่ยหมิงก็รู้สึกโกรธมาก เขาหันไปมองเหว่ยเฉิน แล้วพูดด้วยความไม่พอใจว่า“เจ้าเองก็มาเหมือนกันไม่ใช่หรอ?” เหว่ยเฉินยิ้มดังๆ“คำพูดแบบนี้น้องชายอย่างข้าฟังแล้วไม่ค่อยเข้าใจนัก อีอีกับข้าเคยเป็นคู่หมายพระราชทานกันมา นางอยู่ต่างถิ่นมาหลายปี ตอนนี้กลับเมืองหลวงข้ามาเยี่ยมเยียนก็สมควรอยู่แล้ว แต่ว่าท่านพี่ ...... เหอะเหอะ ข้าคิดไม่ถึงเลยว่าท่านพี่กับอีอีจะมีความสัมพันธ์อันดีขนาดนี้ด้วย” เมื่อได้ยินดังนั้น เหว่ยหมิงก็ยิ้มแห้งๆ แล้วมองไปด้วยสายตาประชดประชัน “ข้าไม่รู้มาก่อนว่าเจ้าจะเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับมิตรภาพขนาดนี้ ข้าชื่นชมจริงๆ แต่ว่าเจ้าเหมือนจะลืมไปหรือเปล่าว่า งานแต่งงานของเจ้ากับตระกูลเซี่ยเจ้าแต่งจบไปแล้ว ตอนนี้คุณหนูสี่ของตระกูลเซี่ยก็เป็นเพียงน้องชายาของเจ้าเท่านั้น” คำพูดนี้เหมือนตบหน้าเหว่ยเฉินอย่างแรงๆ เซี่ยอีอีเองก็ยิ้มตอบรับ นางหันไปมองเหว่ยหมิง เหมือนกำลังชื่นชมเขาอยู่ “ท่านอ๋องทั้งสอง ในเมื่อพวกท่านต่างก็มาเยี่ยมอีอี งั้นก็เชิญไปนั่งที่เรือนด้านหน้าเถอะ อากาศร้อนเช่นนี้ เราไม่ควรมายืนคุยกันแบบนี้จริงไหม!” เหว่ยเฉินถูกเหว่ยหมิงประชดจนไม่เหลือหน้าเลย ข้อเสนอของเซี่ยอีอีทำให้เขาหาทางลงได้เจอ เขายิ้มด้วยสีหน้าเจื่อนๆ แล้วพูดว่า“จริงด้วย ที่นี่แดดแรงเกินไป เกิดอีอีตากแดดเป็นอะไรขึ้นมาจะแย่จริงไหม?” เซี่ยอีอียิ้มแบบมีเสน่ห์“องค์ชายสี่ทรงใส่ใจดีจริงๆเลย อีอีอิจฉาท่านพี่จริงๆ” รอยยิ้มบวกกับคำพูดของนาง ทิ่มแทงไปในใจของเหว่ยเฉิน เขาเดินขึ้นหน้าไปพยุงนางเบาๆ แล้วหันไปพูดว่า“เจ้านี่นะ ตอนนี้ข้าก็อยู่ตรงนี้แล้วไง จะอิจฉาทำไมกัน? ไปกันเถอะ เดินระวังด้วยนะ” เมื่อเห็นสองคนเดินออกไป เหว่ยหมิงก็ขมวดคิ้วเบาๆ เขาไม่เข้าใจผู้หญิงคนนี้เลย เมื่อครู่เขาประชดเหว่ยเฉิน นางก็เหมือนจะชอบใจ แต่นางกลับพูดจาอ่อนหวานท่าทางอ่อนโยนตอนที่อยู่ต่อหน้าเหว่ยเฉินมันเป็นเพราะอะไรกัน? “ท่านอ๋อง ท่านไม่ไปที่ลานหน้าหรอ?”เมื่อเห็นเหว่ยหมิงยืนเหม่อ ตงวี่จึงเรียก เหว่ยหมิงหันไปมองนาง แล้วถามว่า“คุณหนูของเจ้ารักษาโรคสติฟั่นเฟือนหายเมื่อไหร่?” ตงวี่ตอบอย่างใจเย็น“ทูลท่านอ๋อง เมื่อสามปีที่แล้ว” “สามปีที่แล้วงั้นหรอ?”สายตาสอบสวนมองไปที่ตงวี่ เขาไม่อยากจะเชื่อ แต่เห็นนางมีท่าทีนิ่งและใจเย็นก็ไม่มีอะไรจะพูดอีก “งั้น เด็กสองคนนั้นล่ะ? ท้องเมื่อไหร่?” “เอ่อ ......”เมื่อตงวี่เจอสถานการณ์ลำบาก ก็เห็นเซี่ยวี่ซื่อโผล่หน้าเล็กๆออกมา สีหน้าเต็มไปด้วยความโกรธหลบอยู่หลังเสา จ้องมายังเหว่ยหมิง โอกาสดีๆอย่างนี้หากไม่หนีตอนนี้ จะหนีตอนไหน? “คุณหนูน้อย ทำไมถึงมาอยู่ตรงนี้ล่ะ?”ตงวี่รีบวิ่งไป แล้วดึงตัวเซี่ยวี่ซื่อออกมาจากหลังเสา เซี่ยวี่ซื่อไม่ได้สนใจตงวี่ ดวงตากลมโตจ้องไปที่เหว่ยหมิงแบบไม่ละสายตา“ท่านทำให้พี่ชายข้าบาดเจ็บ ทำให้เขาต้องถูกทำโทษ ข้าไม่ชอบท่านอีกแล้ว คอยดู เราจะไม่ปล่อยท่านไปแน่ หึ!”เมื่อพูดจบ นางก็จากไป ตงวี่เห็นดังนั้น ก็รีบหันมา“เหอะเหอะ ต้องขอภัยท่านอ๋องด้วย คุณหนูน้อยของเราอารมณ์ไม่ค่อยดี” เมื่อเหว่ยหมิงได้ยินดังนั้น ก็ยิ้มเบาๆ“ก็แค่เด็กน่ะ ข้าไม่คิดมากหรอก”พูดจบแล้วก็เดินไป
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
ตอนที่22 หึงหวง
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A