ตอนที่23 ต้องได้นาง
1/
ตอนที่23 ต้องได้นาง
ชายาเจ้าเล่ห์ เจ้าอย่าหนี
(
)
已经是第一章了
ตอนที่23 ต้องได้นาง
๕อนที่23 ต้องได้นาง เฝ้าสุสาน? ใครบอกให้นางไป? ในห้องรับแขก เฉินซื่อได้ยินว่าทั้งอ๋องหยงกับองค์ชายสี่ต่างเสด็จมา นางในฐานะฮูหยินของจวนก็ต้องออกมาต้อนรับ ยิ่งองค์ชายสี่เสด็จมาที่นี่คนเดียว ในตอนนี้ นางยิ่งต้องช่วยลูกสาวจับตาดูให้ดี “วันนี้ทำไมอ๋องหยงถึงได้มีเวลามาเยี่ยมเด็กคนนี้ได้ล่ะ? ตั้งแต่เด็กคนนี้กลับมาเมืองหลวง ก็สร้างปัญหาไม่หยุด ตอนนี้ยังรบกวนท่านอ๋องเสด็จมาเองถึงจวนอีก ข้าในฐานะแม่รู้สึกไม่ค่อยสบายใจเลย”สีหน้าของเฉินซื่อเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มประจบ แต่รอยยิ้มแบบนั้นมันไม่จริงใจ ใครเห็นก็คลื่นไส้ แต่ถึงแม้เฉินซื่อจะหน้าด้านแค่ไหน เซี่ยอีอีก็ไม่ฉีกหน้านางต่อหน้าคนอื่นหรอก ไม่ใช่เพราะหวาดกลัวนาง แต่เพื่อรักษาหน้าของตัวเองเอาไว้ คำพูดเสแสร้งของเฉินซื่อเหว่ยหมิงไม่ใช่จะฟังไม่ออก แต่ในเมื่อเจ้าตัวยังไม่พูดอะไรเลย เขาเองก็ไม่มีเหตุผลต้องออกหน้า“เสด็จแม่ไม่ได้พบคุณหนูสี่มานานหลายปี คิดถึงและเป็นห่วงอยู่ตลอดเวลา นางได้ยินมาว่าคุณหนูสี่กลับมาเมืองหลวงแล้ว ก็เลยสั่งให้ข้ามาเยี่ยมนางแทนท่าน” เมื่อได้ยินว่าฮองเฮาคิดถึง เฉินซื่อก็ยิ้มลึกเข้าไปอีก“เด็กคนนี้ไร้ความสามารถ มิบังอาจให้ฮองเฮาต้องทรงเป็นห่วง ฮองเฮาทรงอยากพบเด็กคนนี้ ไม่เห็นต้องลำบากท่านอ๋องต้องมาเองเลย ให้คนมาแจ้ง หม่อมฉันให้นางเข้าวังไปพบเฝ้าก็ได้ ให้เกียรติมากขนาดนี้พวกหม่อมฉันจะรับไหวได้อย่างไร” “หึ!”ความอดทนมีขีดจำกัด นางทนไม่ไหวเลยสบถออกมา นางยิ่งพูดยิ่งน่าหมั้นไส้ เสียงนี้ก็เหมือนเซี่ยอีอีเตือนสตินาง เมื่อเห็นเจ้าตัวส่งเสียง เหว่ยหมิงก็เลยยิ้มมุมปาก แล้วพูดว่า“เมื่อก่อนเสด็จแม่กับท่านหญิงหนิงซินแม่ของคุณหนูสี่เป็นเพื่อนรักกัน ตอนนี้เสด็จแม่ทรงคิดถึง ก็เป็นเรื่องปกติ เสด็จแม่ก็แค่ให้ข้ามาเยี่ยมเท่านั้น ฮูหยินรองไม่ต้องคิดมากหรอก!” จริงๆเฉินซื่ออยากจะใช้หน้าของเซี่ยอีอียกระดับฐานะของตัวนางเอง แต่คิดไม่ถึงเลยว่าอ๋องหยงจะพูดอะไรที่ไม่ไว้หน้ากันบ้างเลย นางบอกว่าเซี่ยอีอีเป็นลูกสาวของตัวเอง เขากลับพูดถึงท่านหญิงหนิงซินขึ้นมาทันที อีกทั้งยังเรียกนางว่า‘ฮูหยินรอง’เต็มปากเต็มคำอีก เซี่ยอีอียิ้มแบบไม่หมกเม็ด แต่นางก้มหน้าเอาไว้ ทำให้คนอื่นไม่เห็นสีหน้าท่าทางที่แท้จริงของนาง เฉินซื่อถึงกลับปากสั่น หลังจากนั้นก็พูดอะไรไม่ออกอีก เซี่ยเหวียนฉีรู้สึกเสียหน้า“เอ่อ ท่านอ๋องหยง อีกสองสามวันอีอีก็จะต้องไปเฝ้าสุสานที่วัดฝูติ่ง ไปคราวนี้ก็น่าจะหลายปี ในเมื่อฮองเฮาทรงคิดถึงนาง ถ้างั้นพรุ่งนี้กระหม่อมจะพานางเข้าวังไปถวายพระพรฮองเฮาดีเอง” เมื่อพูดจบ ไม่ต้องรอให้เซี่ยอีอีเอ่ยปากปฏฏิเสธเอง เหว่ยเฉินก็ลุกขึ้น แล้วพูดเสียงดังว่า“เฝ้าสุสาน? ใครให้นางไป? ตระกูลเซี่ยมีลูกสาวตั้งหลายคน ทำไมจะต้องเป็นนางด้วย?” เหว่ยเฉินตะคอกออกมาแบบนี้ ทำให้เซี่ยเหวียนฉีกับเฉินซื่อตกใจ“เอ่อ ...... นอกจากอีอีก็ไม่มีคนอื่นอีกแล้ว ฉีซินแต่งไปไกลถึงฮั่นโจว วี่เสวียนก็ตั้งครรภ์ ชิงหลันก็กำลังจะแต่งงานในอีกครึ่งเดือน ดังนั้น ......” เมื่อได้ยินเซี่ยเหวียนฉีพูดดังนั้น เหว่ยหมิงก็ขมวดคิ้วแล้วมองไปที่เซี่ยอีอี แต่นางกลับกำลังมองมาที่เขาเช่นกัน สายตาของนางเป็นประกาย แล้วยิ้มเบาๆ มันดึงดูด และมีเสน่ห์มาก “ดังนั้นอะไร? ผู้อาวุโสในบ้านถึงแก่กรรม เป็นผู้น้อยแต่กลับคิดแต่จะแต่งงานในตอนนี้ พวกเจ้าคิดอะไรกันอยู่?”เหว่ยเฉินไม่พอใจเอามากๆ ถ่านไฟเก่าของเขากับเซี่ยอีอีเพิ่งจะเริ่มร้อน พวกเขากลับจะส่งนางไปเฝ้าสุสาน เขาจะยอมได้ยังไงกัน? “องค์ชายสี่ นี่ท่าน ......”เฉินซื่อได้ยินดังนั้น ก็ตกใจจนเริ่มกังวล ลูกสาวนางเพิ่งจะตั้งครรภ์ แต่ท่าทีของเขานั้น กลับเหมือนว่าถูกใจเซี่ยอีอีซะอย่างนั้น ละครฉากใหม่กำลังสนุก หากเซี่ยอีอีไม่พูดอะไรอีก ละครอาจจะมาถึงตอนจบก็ได้ นางดึงแขนเสื้อของเหว่ยเฉิน แล้วพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า“องค์ชายสี่อย่าทรงกริ้วไปเลย พี่สามไม่ใช่ไม่กตัญญู ที่นางต้องแต่งงานในตอนนี้นางอาจจะไม่มีทางเลือก องค์ชายสี่ก็ทรงเคยแต่งงาน ท่านเองก็น่าจะเข้าใจดีไม่ใช่หรอ?” วันที่นางกลับมาวันแรก นางก็สังเกตเห็นแล้วว่าเซี่ยชิงหลันกำลังตั้งครรภ์ นางก็คิดอยู่ ท่านยายตาย ทำไมเฉินซื่อถึงได้จัดงานแต่งงานนี้ขึ้น ท่านพ่อไม่มีทางยอมแน่ๆ นอกเสียจากว่ามันไม่ปกติ ดังนั้นพวกเขาถึงได้รีบร้อนแบบนี้ คำพูดของเซี่ยอีอีถือว่าชัดเจน อย่างน้อยเหว่ยเฉินก็เข้าใจ เพียงแต่ว่าเมื่อเขาเข้าใจแล้ว ก็พูดอะไรไม่ออกอีก ในตอนนี้เอง จู่ๆเหว่ยหมิงก็เอ่ยปากพูด“ไต้เท้าเซี่ย เรื่องเฝ้าสุสานเกรงว่าอาจจะต้องเลื่อนออกไปก่อน งานเลี้ยงฤดูร้อนในต้นเดือนหน้า เสด็จแม่บอกว่านางจะเชิญคุณหนูสี่ไปร่วมงานด้วยตัวเอง ดังนั้นเรื่องเฝ้าสุสาน รอหลังงานเลี้ยงค่อยว่ากันเถอะนะ!” ฮองเฮาเชิญเอง เซี่ยเหวียนฉีไม่มีทางปฏิเสธ แต่เฉินซื่อได้ยินดังนั้นก็ไม่ค่อยพอใจ ในสายตาของนาง ลูกสาวสามคนของนางยังไงก็ดีกว่าเจ้าเด็กปัญญาอ่อนนี่ แต่นางกลับมีคนมากมายคอยปกป้อง เฉินซื่อโกรธมาก ก็เลยเอ่ยปากพูดขึ้นมาอีก นางแกล้งทำเป็นลังเลใจแล้วพูดว่า: “เรื่องงานเลี้ยงฤดูร้อน เกรงว่า ...... เกรงว่านางคงจะไปไม่ได้ ไม่ทราบท่านอ๋องหยงได้ยินบ้างหรือไม่ อีอีของเราพฤติกรรมน่าเอือมระอา พาเด็กสองคนที่เป็นลูก ......” คำพูดที่เหลือนางไม่กล้าพูดต่อ เฉินซื่อนึกถึงตอนที่อู๋มามาถูกฉีกปาก นางก็กลัวจนน้ำลายไหล “เอิ่ม พา พาเด็กที่พ่อไม่ชัดเจนกลับมาด้วย” “แล้ว?”น้ำเสียงของเหว่ยหมิงเย็นชากว่าเดิม ถึงแม้เขาจะบอกไม่ได้เต็มปากว่าเด็กสองคนนั้นเกี่ยวข้องกับเขาไหม แต่ทำไมไม่รู้ เขาไม่ชอบคำเหล่านั้นที่ออกมาจากปากของคนอื่น “ดัง ดังนั้น วันนั้นคงไม่ดีถ้าจะต้องพาเด็กสองคนนั้นไปด้วย!” ในวังหลวงเป็นยังไง เซี่ยอีอีไม่รู้จริงๆ นางไม่ได้สนใจ แต่เฉินซื่อยิ่งหาทางขัดขวาง เข้าวังครั้งนี้ยังไงนางก็จะต้องไปให้ได้ นางกำลังคิดจะบอกว่าเด็กสองคนให้ตงวี่อยู่ดูแลในจวนได้ แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเหว่ยหมิงจะเอ่ยปากก่อนนาง“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ? วันนั้นนางพาเด็กสองคนนั้นเข้าวังไปพร้อมกันได้ ในส่วนของเสด็จแม่เดี๋ยวข้าจะไปบอกนางเอง ฮูหยินรอง ตอนนี้คงไม่มีอะไรที่ไม่เหมาะแล้วใช่ไหม?” เมื่อพูดกันมาขนาดนี้แล้ว จะมีอะไรไม่เหมาะอีกล่ะ ฮองเฮาเชิญเซี่ยอีอีแต่แรกอยู่แล้ว ตอนนี้ก็แค่เพิ่มเด็กสองคนเข้าไป ฮองเฮาไม่มีทางคัดค้านอยู่แล้ว เห็นเฉินซื่อไม่พูดอะไรอีก เซี่ยอีอีก็ยิ้มเบาๆ เสียงหัวเราะก็ไม่ได้เบา และหัวเราะแบบไม่ปกปิดอีกด้วย “อ๋องหยงทรงถามผิดคนหรือเปล่า ในเมื่อฮองเฮาทรงเชิญข้า เหมาะสมหรือไม่ข้าเป็นคนตัดสินใจถึงจะถูก คนอื่นจะมาตัดสินใจแทนข้าได้ยังไงกัน” คำพูดที่หยิ่งยโสแบบนี้เหว่ยหมิงกลับฟังแล้วสบายใจ เขายิ้มมุมปาก แล้วพูดว่า“อ๋อ? ถ้าเช่นนั้น แม่นางเห็นว่าอย่างไร?” เซี่ยอีอีลุกขึ้นยืนอย่างนอบน้อม ค่อยๆทำความเคารพ“ในเมื่อฮองเฮาทรงเมตตา อีอีจะปฏิเสธได้อย่างไร รบกวนท่านอ๋องช่วยกราบทูลฮองเฮาให้ด้วยว่า ในวันนั้น อีอีจะเข้าวังไปถวายพระพรแน่นอน” เซี่ยวี่เสวียนรู้ว่าเหว่ยเฉินไปหาเซี่ยอีอี โกรธจนขว้างปาถ้วยชา เซี่ยวี่เสวียนนางคิดว่ากว่านางจะมาถึงตรงนี้ได้นางผ่านอะไรมาเยอะมาก ไม่ว่ายังไงนางก็จะไม่ยอมให้เซี่ยอีอีกลับมาแย่งทุกสิ่งไปจากนางเด็ดขาด “คุณหนูอย่าโกรธไปเลย ระวังสุขภาพด้วย องค์ชายแค่ผ่านไปทางจวนตระกูลเซี่ยเฉยๆ ก็เลยแวะเข้าไปเยี่ยม ตอนนี้คุณหนูสี่ก็มีลูกแล้วสองคน องค์ชายคงไม่คิดอะไรกับนางแล้วมั้ง? คุณหนูอย่าคิดมากเลย ตอนนี้ร่างกายของท่านสำคัญที่สุด” เซี่วี่เสวียนใช้แรงดึงผ้าเช็ดหน้า กัดปากแล้วพูดว่า“เจ้าพูดถูก องค์ชายแค่รู้สึกว่ามันแปลกใหม่ก็เลยหลงมัวเมาไปชั่วขณะเท่านั้น นังชั้นต่ำอย่างเซี่ยอีอี ไม่เจอหลายปีปีกกล้าขาแข็งขึ้นเยอะ พาเด็กสวะกลับด้วยสองคนยังยั่วนวยองค์ชายสี่ได้ หน้าด้านจริงๆ” “ดังนั้น คุณหนูก็อย่าโกรธเลยนะ ท่านคิดดูนะ ในท้องของท่านมีเลือดเนื้อเชื้อไขแท้ๆของท่านอ๋องอยู่ ยังไงองค์ชายก็ต้องห่วงเด็กในท้องของท่านอยู่แล้ว ท่านก็แค่ไปเยี่ยมดูที่ตระกูลเซี่ยเฉยๆ อีกอย่างฮูหยินก็อยู่ ไม่มีทางเกิดเรื่องแน่นอน ท่านวางใจเถอะ” เมื่อพูดจบ เหว่ยเฉินก็เดินเข้ามาจากหน้าประตู เซี่ยวี่เสวียนไม่ทันได้เก็บสีหน้าท่าทาง อีกทั้งเขาก็เดินเข้ามากะทันหันทำให้ตกใจ นางรีบลุกขึ้นมาทำความเคารพ“องค์ชาย” เหว่ยเฉินเดินเข้ามาแล้วไม่ได้พยุงนางขึ้นมา แต่กลับเดินไปนั่งด้วยความเหน็ดเหนื่อย เขาขยับคางเล็กน้อยให้เฉี่ยวเอ๋อ“ยังไม่พยุงคุณหนูของเจ้าขึ้นมาอีกหรึ” เฉี่ยวเอ๋อพยุงเซี่ยวี่เสวียนลุกขึ้น เซี่ยวี่เสวียนค่อยๆเดินมานั่งที่ข้างเตียง แล้วค่อยๆนวดเท้าให้เขา“องค์ชายเสด็จไปไหนมาหรอเพคะ ทำไมถึงเพิ่งกลับมา?” เหว่ยเฉินมองไปยังเฉี่ยวเอ๋อที่กำลังเก็บเศษแก้วบนพื้น แล้วเงยหน้ามองไปที่เซี่ยวี่เสวียน“ไปบ้านตระกูลเซี่ยมา ไปเยี่ยมอีอี” เมื่อได้ยินดังนั้น เซี่ยวี่เสวียนก็เผลอออกแรงมือหนักขึ้น เหว่ยเฉินยื่นมือไปจับคางของนาง แล้วพูดว่า“ทำไม ไม่พอใจงั้นหรอ?” เซี่ยวี่เสวียนรีบส่ายหน้าแล้วยิ้ม“องค์ชายทรงตรัสออะไรอย่างนั้น อีอีไม่ได้กลับมาตั้งหลายปี นานๆได้กลับมาที องค์ชายไปเยี่ยมก็สมควรแล้ว แต่ว่า ......” “แต่ว่าอะไร?” เซี่ยวี่เสวียนกัดริมฝีปากเล็กน้อย แล้วก็ไล่เฉี่ยวเอ๋อออกไป“ไม่ทราบว่าองค์ชายวันนี้ได้เจอลูกของน้องสาวหม่อมฉันหรือไม่เพคะ?” เหว่ยเฉินเก็บมือไป แล้วเอนตัวลงไปที่เตียงอีกครั้ง“ไม่เจอ เด็กสองคนนั้นทำไมหรอ?” เซี่ยวี่ซื่อได้ยินดังนั้น ก็ขมวดคิ้ว“องค์ชายคงยังไม่ทราบ เสวียนเอ๋อเคยพบเด็กสองคนนั้นแล้ว ครั้งแรกที่เจอก็รู้สึกว่าเด็กสองคนนั้นหน้าเหมือนกับท่านอ๋องหยงมาก องค์ชายยังทรงจำเรื่องเมื่อห้าปีที่แล้วได้หรือไม่เพคะ หม่อมฉันสงสัยว่าเด็กสองคนนั้นน่าจะเป็นลูกของอ๋องหยง ......” “พอได้แล้ว”เซี่ยวี่เสวียนยังไม่ทันพูดจบ ก็ถูกเหว่ยเฉินพูดแทรกขึ้นมาอย่างเย็นชา “เคยบอกเจ้าแล้วใช่ไหม อย่าพูดถึงเรื่องเมื่อห้าปีก่อนอีก เจ้านี่มันไม่มีสมองเลยหรือยังไง?” เมื่อเห็นเหว่ยเฉินโมโห เซี่ยวี่เสวียนก็รีบอธิบาย“องค์ชาย เสวียนเอ๋อจำที่ท่านพูดได้แน่นอน แต่ว่าเด็กสองคนนั้นเหมือน ........” เหว่ยเฉินลุกขึ้นมานั่ง แล้วมองไปที่เซี่ยวี่เสวียนอย่างไม่พอใจ“เจ้าบอกว่าเด็กสองคนนั้นเป็นลูกของเหว่ยหมิง แล้วแต้มพรหมจรรย์ที่แขนของเซี่ยอีอีในตอนนั้นเจ้าจะอธิบายว่ายังไง? หรือว่าคนที่เสียพรหมจรรย์ไปแล้ว ยังสามารถรักษาแต้มนั้นไว้ได้งั้นหรอ? หากเป็นเช่นนั้นจริงๆ ในตอนนั้นเจ้าจะขายหน้าต่อหน้าคนอื่นแบบนั้นได้ยังไง?” เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา เซี่ยวี่เสวียนก็รู้สึกน้อยใจ ในตอนนั้นเรื่องที่นางเสียความบริสุทธิ์ไปแล้วถูกแพร่ออกไปได้ยังไงไม่รู้ ส่วนเหว่ยเฉินหวาดกลัว ก็เลยต้องรอเซี่ยอีอีออกจากเมืองไปแล้วหนึ่งปีถึงยอมมาสู่ขอนาง ในตอนนี้นางก็รู้สึกโกรธมาอยู่แล้ว ยังพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาอีก ยิ่งทำให้รู้สึกน้อยใจ “หากองค์ชายไม่เชื่ออจะไปดูด้วยตัวเองก็ได้ เด็กสองคนนั้นหน้าตาเหมือนอ๋องหยงจริงๆ ที่องค์ชายจะไม่เชื่อหม่อมฉัน ก็แค่หลงไหลในเหน่ส์ของเซี่ยอีอีไปแล้ว กลัวเด็กยอมรับพ่อของเขาแล้วท่านก็จะเสียโอกาสไป” เหว่ยเฉินได้ยินดังนั้นโมโหยกใหญ่ เขาจับคางของเซี่ยวี่เสวียน ใช้แรงบีบ เหมือนจะบีบให้นางแตกสลายไป“ถูกต้อง ข้าถูกใจเซี่ยอีอี ข้าจะบอกเจ้าเอาไว้ เซี่ยอีอีต้องเป็นของข้า เจ้าจะดีใจก็ดี ไม่มีความสุขก็ช่าง ข้าไม่สนใจว่านั่นจะเป็นลูกของใคร ต่อให้เป็นลูกของเหว่ยหมิงจริงงข้าก็ไม่สนใจ”พูดจบ มือที่บีบคางของนางอยู่ก็สะบัดออกไปอย่างแรง แล้วเหว่ยเฉินก็จากไป เซี่ยวี่เสวียนร้องไห้ฝุบตัวลงอยู่บนเตียง นางลูบท้องตัวเองอย่างระวังแล้วค่อยๆลุกขึ้น สายตาที่นองไปด้วยน้ำตานอกจากความเสียใจก็มีเพียงความไม่พอใจที่หลงเหลืออยู่ “เซี่ยอีอี ห้าปีที่แล้วข้าทำให้เจ้าไม่ได้แต่งกับเขา ตอนนี้ข้าก็จะไม่ยอมให้เจ้าเหยียบเข้ามาที่นี่เด็ดขาด” “คุณหนู ตั้งแต่อ๋องหยงกับองค์ชายสี่กลับไปแล้วท่านก็ยิ้มไม่หยุดเลย ท่านยิ้มอะไร?”ใต้ต้นไม้ ตงวี่ต้มชาไปด้วยพร้อมทั้งมองไปที่เซี่ยอีอีที่เอาแต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ปกตินางเอนตัวนานขนาดนี้ต้องหลับไปแล้ว แต่วันนี้เอาแต่ยิ้มไม่หยุด เมื่อได้ยินดังนั้น เซี่ยอีอีก็หุบยิ้ม นางลืมตาขึ้นมามองตงวี่ สายตาดูได้ใจมาก“คราวนี้คงมีคนบ้านแตกแน่ๆ เจ้าว่าข้าควรยิ้มไหมล่ะ?” “บ้านแตก?”ตงวี่ฟังไม่ค่อยเข้าใจ “ใช่ บ้านแตก”เซี่ยอีอีรู้ดีมาตลอดว่าในจวนตระกูลเซี่ยนอกจากเฉินซื่อแล้ว ก็ยังมีหูตาของเซี่ยวี่เสวียนอีก เหว่ยเฉินมาอยู่นี่ตั้งนาน คิดว่าเซี่ยวี่เสวียนก็น่าจะรู้แล้ว ตอนนี้ หากบ้านไม่แตกก็ไม่รู้ว่าเขาจะหนีไปได้ยังไง? อีกอย่าง ...... “เหอะเหอะ”แค่คิดเซี่ยอีอีก็รู้สึกสนุกแล้ว นางยืดตัวขึ้น“ช่างเถอะ วันนี้ไม่นอนแล้วดีกว่า จริงสิ วี่เอ๋อกับซื่อเอ๋อล่ะเป็นยังไงบ้าง ยังอยู่ในห้องไหม?” ตงวี่เบะปาก แล้วบ่นว่า“ในที่สุดคุณหนูก็นึกถึงพวกเขาซะที คุณชายน้อยยืนหันหน้าพิงกำแพงมาหนึ่งชั่วยามแล้ว น้ำสักหยดก็ไม่ได้กิน คุณหนู ปล่อยพวกเขาไปเถอะนะ!” เมื่อได้ยินแบบนั้นแล้ว ถึงแม้เซี่ยอีอีจะรู้สึกเจ็บปวดใจแต่ก็ยังคงหน้านิ่งไม่เปลี่ยนแปลง “ลงโทษก็คือลงโทษ จะปล่อยไปง่ายๆได้ยังไงกัน? เด็กๆไม่สนใจคำพูดของข้า กล้าแอบใช้เลือดของตัวเอง ต่อหน้าข้ายังกล้าทำเรื่องเหลวไหลพันนี้อีก หากไม่อยู่กับข้า ใครจะมาดูแลเขาอีกล่ะ?” ตงวี่รู้ว่าเรื่องนี้ร้ายแรงมาก จึงไม่กล้าขอร้องแทนเด็กๆอีก“ตั้งหลายปีแล้ว แม้แต่คุณหนูก็รักษาโรคของคุณชายน้อยไม่ได้ เขาก็แค่เด็กคนหนึ่ง ต้องมารับความทรมานแบบนี้ เห็นแล้วก็อนาถใจจริงๆ” เซี่ยอีอีถอนหายใจยาวๆ“เจ้ายังเจ็บปวดใจ แล้วข้าที่เป็นแม่ของเขาล่ะจะเจ็บปวดใจมากกว่าเจ้าแค่ไหนกัน? หลายปีมานี้ข้าไม่เคยหยุดที่จะหาวิธีมารักษาเขาเลย แต่กลับคิดอะไรไม่ออก จนถึงตอนนี้ก็ยังหาวิธีให้เขาเป็นเหมือนเด็กธรรมดาทั่วไปไม่ได้เลย” เมื่อได้ยินดังนั้น ตงวี่ขมวดคิ้ว“บนโลกนี้ถ้าแม้แต่ท่านก็ยังรักษาคุณชายน้อยไม่ได้ บ่าวว่าก็คงไม่มีใครจะรักษาคุณชายน้อยได้แล้วล่ะ” เสียงน้ำเดือดดังขึ้น ทำลายบรรยยากาศอันเงียบสงบลง เมื่อเห็นตงวี่ทำหน้าหมดหวัง เซี่ยอีอีก็ยิ้มอย่างจนปัญญา“ช่างเถอะ มันก็ไม่ถึงกับคอขาดบาดตาย เจ้าจะทำหน้าอย่างนั้นทำไม? เขาก็แค่ต่างกับเด็กทั่วไปนิดหน่อย ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร อีกอย่างต่อให้เกิดอะไรขึ้นกับเขา ก็ยังมีแม่อย่างข้าอยู่ ยังไงข้าก็จะทำให้เขาอยู่จนแต่งงานมีลูกไปก่อน” ตงวี่มองไปที่เซี่ยอีอีแล้วก็บ่น“คุณหนูใจกว้างจริงๆ ลูกชายตัวเองป่วย มีแม่คนไหนพูดแบบท่านบ้าง?” เซี่ยอีอียักไหล่ แล้วเอียงตัวไปบนเปลเก้าอี้อีกครั้ง“ข้าไม่ได้ใจกว้าง แค่ความคิดก้าวหน้า หากตอนที่คลอดวี่เอ๋อออกมานั้นข้าก้เอาเป็นเอาตาย พวกเราสามคนจะรอดมาถึงวันนี้หรอ? บนโลกใบนี้มีเรื่องมากมายไม่ใช่ว่าเจ้ารีบร้อนไปแล้วจะสามารถแก้ปัญหาได้ ในเมื่อรีบร้อนไปก็แก้ปัญหาไม่ได้ แล้วจะเครียดไปทำไมกัน? เอาล่ะ เลิกคิดเรื่องนี้ดีกว่า เจ้าไปที่ครัวแล้วสั่งให้คนทำของชอบของเจ้าแสบสองคนนั่นที นี่ก็บ่ายแล้ว ถ้ายังไม่หาอะไรให้กิน ซื่อเอ๋อจะร้องไห้เอา”
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
ตอนที่23 ต้องได้นาง
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A