ตอนที่24 ฝ่ายเดียวกัน
1/
ตอนที่24 ฝ่ายเดียวกัน
ชายาเจ้าเล่ห์ เจ้าอย่าหนี
(
)
已经是第一章了
ตอนที่24 ฝ่ายเดียวกัน
ตนที่24 ฝ่ายเดียวกัน กลางดึก เหว่ยเฉินบุกเข้าห้องนอนของเฉี่ยวเอ๋อ เฉี่ยวเอ๋อที่กำลังจะเข้านอนได้ยินประตูถูกชนก็ตกใจ เห็นฝีเท้าของคนกำลังเดินเข้ามาในห้อง นางตะลึงจนลืมทำความเคารพ แม้แต่รองเท้าก็ลืมใส่ จึงรีบคุกเข่าลง“องค์ชาย ดึกมากแล้วท่านทำไมถึงได้มาที่นี่อีก?” เมื่อเห็นเสื้อผ้าที่บาง ใบหน้าเล็กๆของเฉี่ยวเอ๋อ เหว่ยหมิงก็ถึงขั้นกลืนน้ำลายลงคอ รู้สึกเร้าร้อนในสมองพล่ามัวไปหมด เขาเดินโซซัดโซเซมาตรงหน้านาง “เงยหน้าขึ้นมาซิ” เฉี่ยวเอ๋อค่อยๆเงยหน้าขึ้นอย่างหวาดกลัว เห็นหน้าของเขาแดงกล่ำ นางก็ขมวดคิ้ว แล้วถามไปเบาๆว่า“องค์ชายทรงเมาหรอเพคะ?” ทันใดนั้น เหว่ยเฉินจับคางของนางเงยขึ้นมา แล้วพูดด้วยความเสน่หาว่า“ข้าไม่ได้เมา ก็แค่คิดถึงเจ้าก็เท่านั้น”พูดจบก็ใช้แรงดึงนางขึ้นมา กอดนางแรงๆ มือที่ร้อนระอุถูกกั้นไว้เพียงแค่เสื้อของนางเท่านั้น การกระทำของเขาทำให้เฉี่ยวเอ๋อรู้สึกตกใจ นางพยายามขัดขืน แต่เพราะห้องของเซี่ยวี่เสวียนอยู่ข้างๆ นางไม่กล้าร้องเสียงดังจนเกินไป“องค์ชายท่านทรงเมามากแล้ว บ่าวคือเฉี่ยวเอ๋อ ท่าน ทรงมองดูดีๆด้วย ห้องคุณหนูอยู่ข้างๆ องค์ชายทรงเข้าผิดห้องแล้ว องค์ชายปล่อยมือเถอะ” เหว่ยเฉินใช้มือจับไปที่คนที่พยายามดิ้นอยู่ แล้วใช้มืออีกข้างจับคางนางเงยขึ้นมา บังคับให้นางสบตากับเขา แล้วพูดว่า“ข้าไม่ได้เข้าผิดห้อง ข้ารู้ว่าเจ้าคือเฉี่ยวเอ๋อ หากว่าเจ้าเชื่อฟังข้า คืนนี้รับใช้ข้าให้ดี พรุ่งนี้ข้าจะให้เจ้าเป็นชายาของข้าอีกคน ต่อไปเจ้าก็จะไม่ต้องมาค่อยรองรับอารมณ์ของเซี่ยวี่เสวียนอีก” เมื่อได้ยินอย่างนั้น เฉี่ยวเอ๋อก็หยุดดิ้น นางหดตัวแล้วมองไปที่เหว่ยหมิงอย่างหวาดกลัว เมื่อเห็นนางไม่ดิ้นแล้ว เหว่ยเฉินก็ก้มหน้าแล้วกระซิบที่หูของนางว่า“แบบนี้สิถึงเรียกว่าเชื่อฟัง เจ้าต้องรู้เมื่อเข้ามาที่วังของข้าแล้วก็ถือเป็นผู้หญิงของข้าทั้งหมด อยู่ที่ข้าต้องการหรือเปล่าเท่านั้น เฉี่ยวเอ๋อเจ้าไม่เคยคิดจะเป็นหงส์เลยหรือยังไง?” เฉี่ยวเอ๋อถูกแหย่จนเบลอ มือเล็กๆของนางก็คล้อยไปจับเสื้อของเขาโดยไม่รู้ตัว เซี่ยวี่เสวียนก็นิสัยไม่ดีจริงๆ นางไม่เพียงชอบหาเรื่องคนอื่น หากวันไหนที่นางอารมณ์ไม่ดี ยิ่งถูกด่าถูกว่าถูกตีหนักขึ้น เมื่อคิดถึงจุดนี้ นางก็เริ่มหวั่นไหว “องค์ องค์ชาย แต่ แต่หากว่า หากว่าคุณหนูรู้เรื่องนี้เข้า บ่าว ...... เอ่อ ......”พูดยังไม่ทันจบ แต่เหว่ยเฉินเข้าใจความหมายที่นางต้องการจะสื่อ เรื่องที่นางเป็นห่วงเขากลับไม่ห่วงเลย เขาต้องการแค่นางสมยอมเท่านั้น เหว่ยเฉินเป็นเสือผู้หญิงมืออาชีพ เขาจูบเฉี่ยวเอ๋อแค่สองสามครั้งก็ทำให้นางแขนขาอ่อนยวบแล้ว หลังจากนั้น เหว่ยเฉินก็รู้สึกมีอารมณ์อย่างมาก ในสมองเหมือนถูกอะไรทุบเข้าอย่างแรง เขาอุ้มนางแล้วพาไปที่เตียง เฉี่ยวเอ๋อกัดปากเอาไว้ ไม่กล้าส่งเสียง แล้วก็เข้าสู่ห้วงของอารมณ์สวาท แต่นางก็ไม่ลืมว่าข้างห้องของนางคือห้องของเซี่ยวี่เสวียน การรับใช้คนเฉี่ยวเอ๋อทำจนเคยชินแล้ว จนกระทั่วร่างกายของคนสองคนประสานกัน เฉี่ยวเอ๋อถึงได้สติกลับมา ทำให้เริ่มรู้สึกหวาดกลัว นางยื่นมือไปหยุดเหว่ยเฉินเอาไว้ แล้วถามเพื่อยืนยันอีกครั้ง“คำพูดขององค์ชายเมื่อครู่ไม่ได้แค่ทำให้เฉี่ยวเอ๋อดีใจใช่ไหม?” ตอนนี้ในสมองของเหว่ยหมิงมันไม่ทำงานแล้ว เขาฟังอะไรไม่เข้าหูอีกแล้ว ยิ่งไม่ต้องถามถึงว่าจะตอบรับอะไรกับคำถามของนางอีก ครู่เดียวเท่านั้น เฉี่ยวเอ๋อก็รู้สึกเหมือนโลกจะถล่ม มือทั้งสองข้างของนางกำผ้าห่มไว้จนแน่น กัดปากจนจะฉีก ไม่กล้าส่งเสียงอะไรออกไป ห้องข้างๆ เพราะว่าเซี่ยวี่เสวียนตั้งครรภ์นางจึงนอนไม่ค่อยหลับอยู่แล้ว เมื่อได้ยินเสียงร้องแปลกๆ นางก็เลยลุกขึ้นมาเรียก“เฉี่ยวเอ๋อ?” เมื่อไม่ได้รับเสียงตอบรับ เซี่ยวี่เสวียนก็เรียกอีก“มีใครอยู่บ้าง”ก็ยังไม่มีใครตอบรับ ปกติแล้วนอกประตูห้องของเซี่ยวี่ซื่อนั้นมีคนเฝ้าอยู่ แต่เพราะเหว่ยเฉินเข้ามา ก็เลยสั่งให้พวกเขาออกไป แล้วก็ไม่มีใครเข้ามาอีกเลย เซี่ยวี่เสวียนรู้สึกสงสัยก็เลยลุกขึ้น แล้วเดินออกจากห้องไปก็เห็นห้องของเฉี่ยวเอ๋อยังมีไฟเปิดอยู่ นางแปลกใจจึงเดินเข้าไป แต่เมื่อเดินเข้าไปใกล้ประตูกลับได้ยินเสียงแปลกๆลอยออกมานอกห้อง เซี่ยวี่เสวียนขมวดคิ้ว ค่อยๆผลักประตูเข้าไป ภายในห้อง ภาพในห้องทำให้เซี่ยวี่เสวียนตกตะลึง เกือบจะเป็นลมล้มพับไปในทันที “คุณ คุณหนู”เฉี่ยวเอ๋อเห็นเซี่ยวี่เสวียนบุกเข้ามาในห้อง ก็ไม่ได้สนใจว่าตัวเองไม่ได้สวมใส่อะไร ตกใจรีบลุกขึ้น แต่คิดไม่ถึงว่าเหว่ยเฉินจะกดนางกลับลงไปอีก นางพยายามจะผลักเหว่ยเฉินออก แต่เหว่ยเฉินกลับกดมือของนางไว้ และหันไปมองเซี่ยวี่เสวียน แล้วตะคอกว่า“ออกไป” เซี่ยวี่เสวียนยืนมองจนสติหลุดไปแล้ว นางหันกลับไป ตัวของนางสั่นเทาไม่หยุด เมื่อออกนอกประตูห้องถึงกลับขาอ่อน นางนั่งอยู่กับพื้นแบบนั้นโดยไม่ได้ลุกขึ้นมา จนกระทั่งฟ้าสาง เสียงหายใจหอบในนั้นถึงค่อยๆหยุดลง นางดึงสติกลับมาแล้วก็เดินโซซัดโซเซ ไปทางประตูใหญ่ ...... “อะไรนะ เจ้าบอกว่าเซี่ยวี่เสวียนกลับมางั้นหรอ? มาตั้งแต่เช้ามืด?”เซี่ยอีอีเพิ่งตื่น ตงวี่ก็เอาข่าวมาเล่าให้ฟัง เพียงแต่ ข่าวคราวนี้มันไม่เหมือนกับที่นางคาดเอาไว้สักเท่าไหร่! “ใช่แล้วคุณหนู นางกลับมาตั้งแต่เช้ามืด ได้ยินว่าเดินกลับมาเองด้วยนะ เห็นบ่าวไพร่ในจวนซุบซิบกันว่า นางเข้าห้องฮูหยินรองไปก็เอาแต่ร้องไห้ ร้องอยู่นานไม่หยุดเลย!” เซี่ยอีอีส่ายหน้า แล้วบ่นว่า“เสียความรู้สึกจริงๆ กล้าขัดความสนุกของข้า ไม่รู้ว่าเขาไปใช้กับใครแล้ว” “คุณหนู ท่านหมายความว่าไง?” เซี่ยอีอีเงยหน้ามองนาง แล้วโบกมือ“ไม่มีอะไร จริงสิ ข้าจะออกไปข้างนอก เจ้าไปเอาหนีเยียน หลัวมาที ยังมีอีก วันนี้ห้ามเจ้าสองแสบออกนอกไปไหนแม้แต่ก้าวเดียว เจ้าอยู่บ้านดูพวกเขาให้ดี” “คุณหนูจะเอาหนีเยียนหลัวไปทำอะไร? หรือว่าจะออกไปรักษาใครหรอ?” หนีเยียนหลัวเป็นชุดที่เซี่ยอีอีทอเองกับมือ มีผืนเดียวในโลก นางจะใช้เฉพาะตอนที่ตัวเองเป็นเหมียวตู๋เซียนถึงจะใส่ แต่ตอนนี้นางอยู่เมืองหลวง ทำไมถึงมีคนไข้มาหาถึงที่นี่ล่ะ? “ใช่ออกไปรักษาคน มีการค้าใหญ่รายหนึ่งเข้ามา” “แต่ว่าคุณหนู ในเมืองหลวง คนมากหน้าหลายตา เกิดมีใครรู้ขึ้นมาจะทำยังไงล่ะ?” เซี่ยอีอีชอบว่าเด็กน้อยสองคนทำอะไรยังกับกินดีหมีมา แต่นางไม่เคยคิดบางเลยว่าพวกเขานั้นเหมือนใคร ในสายตาของตงวี่ หากจะว่ากล้าบ้าบิ่น ไม่ยอมคน ไม่มีใครสู้นางได้สักคน กว่าข่าวลือของนางในเมืองหลวงจะซาลงมาได้บ้าง นางกลับจะแต่งตัวเป็นเหมียวตู๋เซียนออกไปอีก เหมือนฆ่าตัวตายชัดๆ! เซี่ยอีอีลุกขึ้นแล้วเคาะไปที่หัวของตงวี่แล้วพูดว่า“เจ้าลืมไปแล้วหรอว่าข้าเป็นใคร? ถูกคนจับได้ แล้วยังไงล่ะ?” “เหลวไหล!” เสียงตะคอก ดังออกมาจากภายในห้อง เสียงที่ได้ยิน ทำให้เด็กน้อยสองคนที่เดินผ่านหน้าห้องถึงกลับหยุดเดินแล้วมองหน้ากัน ภายในห้อง เฉินซื่อโมโหจนเดินไปเดินมาในห้องหลายรอบ มองไปที่เซี่ยวี่เสวียนที่ร้องไห้จนตาบวม นางโกรธจนไม่รู้จะต้องพูดอะไรอีก“เจ้านี่มันทำให้ข้าโกรธจนอยากตายจริงๆ ทำไมเจ้าถึงได้ทำเรื่องแบบนี้ได้? ดีที่อ๋องหยงไม่ได้สืบต่อ หากเขาสืบจนรู้ เจ้าจะเอาชีวิตคนทั้งตระกูลเจ้ารู้ตัวหรือเปล่า!” เมื่อถูกนางเฉินซื่อตำหนิอย่างหนัก เซี่ยวี่เสวียนก็รู้สึกน้อยใจเข้าไปใหญ่“ท่านแม่ เรื่องนี้ไม่ใช่ความคิดของข้า องค์ชายสี่สั่งให้ข้าทำ อีกอย่าง เรื่องมันก็ยังไม่ถูกเปิดเผย วันนี้ที่ลูกเล่าเรื่องนี้ให้ท่านฟัง ไม่ใช่จะให้ท่านมาต่อว่าข้า ลูกอยากให้ท่านช่วย” เฉินซื่อสบัดมือ แล้วต่อว่าต่อไป“ช่วยหรอ ให้ช่วยอะไร? องค์ชายสี่พูดถูก เรื่องนี้เจ้าไม่ควรพูดถึงอีก” เมื่อได้ยินดังนั้น เซี่ยวี่เสวียนก็ลุกขึ้นยืน แล้วพูดว่า“ท่านแม่ ท่านจะบีบให้ลูกไปตายหรอ? องค์ชายสี่ถูกใจเซี่ยอีอี เขายังพูดเต็มปากว่าจะแต่งนางเข้าจวน เรื่องนี้เป็นเรื่องเดียวที่สามารถยืนยันได้ว่าเด็กสองคนนั้นเป็นลูกของอ๋องหยง หากข้าไม่พูด แล้วจะให้ข้าอยู่เฉยๆมององค์ชายสี่รับนางเซี่ยอีอีเป็นชายาอีกคนงั้นหรอ?” “เจ้ามันโง่ เซี่ยอีอีไม่ควรแต่งกับองค์ชายสี่ ยิ่งไม่ควรให้อ๋องหยงรู้ว่าเด็กสองคนนั้นเป็นลูกของเขา เรื่องในตอนนั้นไม่มีใครรู้เซี่ยอีอียังจำได้แค่ไหน หรือแม้แต่ตัวนางเองก็อาจจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพ่อของเด็กเป็นใคร ในเมื่อเป็นแบบนี้ เราจะเป็นสะพานให้นางทำไม? อ๋องหยงเป็นใคร เขาเหมือนราชสีห์ในร่างมนุษย์ หากเขารู้เรื่องนี้ขึ้นมา เขายอมรับลูกของเขาแล้วเขาจะไม่รับแม่ของเด็กหรอ? เมื่อถึงตอนนั้นพวกเขาสี่คนยอมรับซึ่งกันและกันแล้ว เรื่องที่ใส่ร้ายเขาเมื่อตอนนั้น เขาจะไม่ย้อนกลับมาคิดบัญชีกับตระกูลเซี่ยหรือไงกัน? วันๆเจ้าก็รู้แค่จะอิจฉาริษยาคนอื่น ชีวิตเจ้าเนี้ยไม่เอาแล้วหรือยังไงกัน?” คิดๆดูแล้วคำพูดของนางเฉินซื่อก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีเหตุผล เซี่ยวี่เสวียนกัดปากด้วยความลำบากใจ แล้วก็ร้องไห้อีก“แต่ว่านอกจากเปิดเผยเรื่องนี้แล้ว จะทำอะไรได้อีกล่ะ? องค์ชายสี่โกรธข้า ถึงขึ้นเอาเฉี่ยวเอ๋อมานอนด้วย หากลูกไม่ทำอะไรบ้าง ต่อไปคนที่ไปอยู่บนเตียงก็คงเป็นเซี่ยอีอี” เฉินซื่อถอนหายใจ เซี่ยวี่เสวียนตอนนี้ตั้งครรภ์ เรื่องแบบนี้จะให้นางแบกไว้คนเดียวไม่ได้ นางพยุงเซี่ยวี่เสวียนไปนั่งที่เตียง แล้วปลอบนางว่า“เรื่องนี้เจ้าก็ไม่ต้องกังวลจนเกินไป องค์ชายสี่พูดแบบนั้น อาจเป็นเพราะเจ้าไปยั่วโมโหเขา เขาคิดจะแต่งกับเซี่ยอีอี ก็ไม่ใช่ว่าบอกว่าจะแต่งก็ได้แต่งเลย พรุ่งนี้ข้าจะเข้าวัง ไประบายอารมณ์ให้พระสนมซูเฟยฟัง พระสนมซูเฟยไม่ชอบเซี่ยอีอีอยู่แล้ว อีกทั้งตอนนี้นางก็มีลูกติดมาด้วยสองคน เรื่องนี้ไม่เกิดขึ้นง่ายๆแน่นอน” ที่นอกประตู เซี่ยเฉินวี่กับเซี่ยวี่ซื่อได้ยินที่นางเฉินซื่อกับเซี่ยวี่เสวียนพูดทั้งหมด สีหน้าของเด็กน้อยทั้งสองกำลังตกอยู่ในห้วงของความคิด ชั่วครู่ เซี่ยวี่ซื่อก็กัดปากริมฝีปากแล้วมองไปที่เซี่ยเฉินวี่“ท่านพี่ ทำยังไงดี? เหมือนท่านอาคนนั้นจะเป็นท่านพ่อของเรา” สีหน้าของเซี่ยเฉินวี่นิ่งมาก เขาก้มหน้าคิดเล็กน้อย แล้วพูดว่า“เขารังแกเรา รังแกท่านแม่ เขาไม่คู่ควรจะเป็นพ่อของเรา เซี่ยวี่ซื่อ เรื่องนี้ห้ามบอกท่านแม่นะ เจ้าอย่าลืมนะ เจ้าเคยรับปากซูซิงเฟิงไว้ว่าจะช่วยให้เขาได้แต่งงานกับท่านแม่” เซี่ยวี่ซื่อก้มหน้า คิดอยู่นาน“แต่ว่า เขาเป็นท่านพ่อแท้ๆของเรานะ” “แล้วยังไงล่ะ? เจ้าเพิ่งจะเคยเจอเขาไม่กี่ครั้ง แล้วเขาก็ลงมือกับเราทุกครั้งที่เจอกัน เมื่อเทียบกับเขาแล้ว ข้าชอบซูซิงเฟิงมากกว่า ถ้าเจ้ากล้าหักหลัง ข้าจะเขียนจดหมายไปที่ตำหนักหลินหลางเก๋อทันที ดูสิว่าต่อไปซูซิงเฟิงจะเล่นกับเจ้าอีกไหม”เห็นเซี่ยวี่ซื่อลังเล เซี่ยเฉินวี่ก็เลยต้องใช้อุบาย เขาคิดว่าการคบหากับซูซิงเฟิง ดีกว่าพ่อแท้ๆในใจของนางแน่นอน เมื่อได้ยินดังนั้น เซี่ยวี่ซื่อก็รีบจับมือของเซี่ยเฉินวี่แล้วส่ายหัว“ไม่ได้ เจ้าห้ามบอกกงจื่อซูเด็ดขาด ข้ารับปากเจ้าก็ได้ ข้าไม่รับเขาเป็นพ่อ แล้วข้าก็จะไม่บอกท่านแม่ด้วย” เซี่ยเฉินวี่ไม่ค่อยเชื่อคำมั่นสัญญาของนางสักเท่าไหร่ เพื่อไม่ให้นางเปลี่ยนใจภายหลัง เขาเลยยื่นมือที่บาดเจ็บไปที่หน้าของนาง“เจ้าดูนี่ เพราะเขาถึงได้เป็นแบบนี้ เมื่อวานเราถูกท่านแม่ลงโทษ วันนี้ก็ออกไปไหนไม่ได้อีก เมื่อวานเจ้าเองก็พูดว่าจะแก้แค้นเขาให้ได้ หากเจ้ายอมรับเขาเป็นพ่อ ก็ไม่ต้องมาบอกว่าเป็นน้องสาวของข้าเซี่ยเฉินวี่อีก” เซี่ยวี่ซื่อเบะปาก แล้วพูดว่า“รู้แล้วน่า ข้าบอกแล้วไงว่าไม่รับ ข้าจะแก้แค้นเขาให้ได้ ......” ------------ จวนติ้งเหวียนโหว ที่หน้าประตูจวน ท่านหมอหลายต่อหลายชุดสลับสับเปลี่ยนกันเข้าๆออกๆ เซี่ยอีอีสวมชุดสีแดง ปิดหน้าด้วยผ้าบางๆ ยืนอยู่หน้าประตู ไม่นานนัก ก็มีชายหนุ่มคนหนึ่ง สวมชุดผ้าไหมวิ่งออกมา เขามองดูคนที่ยืนอยู่หน้าประตู สีหน้าดูตกใจ “ขออภัย ท่านคือเหมียวตู๋เซียนใช่ไหม?” เซี่ยอีอีมองตามเสียงไป เห็นใบหน้าที่สะอาดหล่อเหลา มองดูแล้วก็รู้ทันทีว่าไม่ใช่คนธรรมดา นางค่อยๆพูดขึ้นมาว่า“ถูกต้องข้าน้อยคือเหมียวตู๋เซียน คุณชายท่านนี้คงจะเป็นท่านหมิงหยวนซื่อจื่อ” จางฮวายพยักหน้า“ใช่แล้ว” ติ้งเหวียนโหวจางซื่อเหลียง เป็นพี่ชายแท้ๆของฮองเฮาองค์ปัจจุบัน ส่วนจางฮวายก็เป็นลูกชายแท้ๆของติ้งเหวียนโหว ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นหมิงหยวนซื่อจื่อทายาทของตระกูลตั้งแต่ยังเล็ก เขาร่อนเร่อยู่ข้างนอกหลายปี ตอนนี้กลับมาเมืองหลวงเพราะติ้งเหวียนโหวป่วยหนัก กลัวว่าเขาจะไม่ไหว ดังนั้นฮ่องเต้จึงทรงรับสั่งให้เขากลับมาดูแล “คิดว่าท่านหมิงหยวนซื่อจื่อคงได้ยินมาบ้างแล้ว ข้าน้อยรักษาทำเพื่อของสิ่งเดียว นั่นก็คือเงินทอง ข้ามาเมืองหลวงครั้งแรก ยังไม่มีที่พัก ดังนั้นข้าหวังว่าจะไม่มีใครรู้เรื่องที่ข้ามาเมืองหลวง เพื่อไม่ให้วุ่นวาย หวังว่าซื่อจื่อจะเข้าใจ” คนสวยที่คิดอะไรก็พูดอย่างนั้นแบบนี้ จางฮวายไม่ค่อยเจอ คำขอของนางไม่ใช่เรื่องยาก เหตุผลก็ฟังขึ้น เขาไม่มีเหตุผลที่จะไม่รับปาก“ตกลง คำขอของท่านหมอเทวดาข้ารับปาก เงินทองที่ท่านร้องขอมาก็จะให้ท่านไม่ขาดแม้แต่อีแปะเดียว ขอแค่ท่านรักษาอาการของท่านพ่อข้าหาย ข้าจะจ่ายเพิ่มให้ท่านด้วย” เซี่ยอีอีเงยหน้าเล็กน้อย ยิ้มแล้วพูดว่า“งั้นก็รบกวนซื่อจื่อด้วย” เซี่ยอีอียอมมารักษาให้ติ้งเหวียนโหว ก็เพราะว่านางได้ยินเซี่ยหวินเทียนพูดถึง ตอนที่แม่ของนางยังมีชีวิตอยู่ ฮองเฮาเป็นเพื่อนรักกับแม่ของนาง ติ้งเหวียนโหวเองก็เห็นแม่ของนางเสมือนน้องสาวแท้ๆคนหนึ่ง ตอนนี้ติ้งเหวียนโหวป่วยจนลุกจากเตียงไม่ได้ เซี่ยหวินเทียนเป็นห่วงมาก ดังนั้นก็เลยพูดเขาต่อหน้านางอยู่หลายครั้ง ถึงแม้วิญญาณของนางจะไม่ใช่เซี่ยอีอีตัวจริง แต่หลายปีที่ผ่านมา นางกลับอยู่ในร่างของเซี่ยอีอีและมีชีวิตมาถึงตอนนี้ ร่างกายเป็นสิ่งที่แม่ที่ไม่เคยเห็นหน้าท่านนี้มอบให้ ตอนนี้นางตอบแทนบุญคุณบ้างก็เป็นเรื่องที่สมควร แค่สองชั่วยามเท่านั้น ติ้งเหวียนโหวที่สลบมาหลายวันก็ค่อยๆลืมตาขึ้นมา แต่ร่างกายอ่อนเพลียมากจึงไม่มีแรงที่จะพูด ยิ่งไม่สามารถขยับได้ แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น ก็ทำให้คนในจวนติ้งเหวียนโหวดีใจจนทำอะไรไม่ถูก จางฮวายดีใจจนจับมือของเซี่ยอีอีเอาไว้ แล้วพูดด้วยความตื่นเต้นว่า“ท่านหมอ ท่านเป็นหมอเทวดาจริงๆด้วย ครึ่งเดือนที่ผ่านมาข้าเชิญหมอมามากมาย แต่ไม่มีใครรักษาได้เลย แต่ท่านมาแค่สองชั่วยาม ก็ทำให้ท่านพ่อของข้าฟื้นขึ้นมาได้” เซี่ยอีอียิ้ม แล้วพูดว่า“ซื่อจื่อชมเกินไปแล้ว ข้าน้อยก็แค่ใช้ความรู้ที่มีหากินเท่านั้น หากไม่มีความรู้จริงๆ คงไม่กล้าเรียกค่ารักษากับท่านถึงหมื่นตำลึงทองหรอกจริงไหม?” มือของเซี่ยอีอีที่ถูกจับเอาไว้ยังไม่เก็บกลับไป จางฮวายเหมือนจะรู้สึกตัวขึ้นมาว่าเขาตื่นเต้นมากเกินไปหน่อย เขาปล่อยมือด้วยความเขินอาย“เหอะเหอะ เอ่อ ขออภัย ข้าดีใจมากไปหน่อย จริงสิ เมื่อครู่ท่านหมอเทวดากล่าวว่าท่านเพิ่งมาถึงไม่มีที่พัก หากท่านไม่รังเกียจ ก็พักในจวนของข้าก็ได้ ท่านเห็นเป็นเช่นไหร่?”
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
ตอนที่24 ฝ่ายเดียวกัน
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A