ตอนที่25 เผลอทำร้ายคนไร้เดียวสา
1/
ตอนที่25 เผลอทำร้ายคนไร้เดียวสา
ชายาเจ้าเล่ห์ เจ้าอย่าหนี
(
)
已经是第一章了
ตอนที่25 เผลอทำร้ายคนไร้เดียวสา
ตนที่25 เผลอทำร้ายคนไร้เดียวสา “น้ำใจของซื่อจื่อข้าน้อยขอรับด้วยใจ เมื่อข้าน้อยตัดสินใจเข้ามายังเมืองหลวง ก็ต้องหาที่ที่เป็นเหมาะสมกับตัวข้า ในช่วงหลายวันนี้ ข้าจะมาตรวจอาการของท่านโหววันเว้นวัน ส่วนในวันที่ข้าไม่ได้มา ท่านให้หมอหลวงหรือหมอคนอื่นดูแลไปก่อนได้ อาการของท่านโหวไม่ได้หนักมาก แต่ว่าเพราะเรื้อรังมานาน ดังนั้น จะต้องใช้เวลาอีกสักสองสามวันถึงจะฟื้นตัวดีขึ้น ซื่อจื่อกับฮูหยินไม่ต้องกังวล” จางฮวายได้ยินดังนั้น ก็พยักหน้า แล้วก็หันไปมองบ่าวไพร่“ไปหยิบเงินที่เตรียมเอาไว้มาสิ” บ่าวไพร่วิ่งไปวิ่งมา แค่ชั่วครู่เท่านั้น จางฮวายก็หยิบตั๋วเงินปึกหนึ่งให้กับเซี่ยอีอี หลังจากเซี่ยอีอีรับมาแล้ว ก็ยิ้มเบาๆ“หมิงหยวนซื่อจื่อไม่กลัวว่าข้าได้เงินไปแล้วจะหนีไปงั้นหรอ? อาการของท่านโหวยังรักษาไม่หาย ท่านกลับให้เงินข้าก่อนแล้ว?” จางฮวายส่ายหน้ายังไม่ลังเล“ไม่กลัว ข้าเชื่อท่านหมอ เพียงแต่ว่า ข้ามีคำขอร้อง หวังว่าท่านจะยอมรับปาก” “เชิญซื่อจื่อกล่าวมาได้” จางฮวายจับศีรษะของตัวเอง เหมือนลำบากใจ“ก็คือว่า ข้าอยากจะเป็นเพื่อนกับท่านหมอ ต่อไปหากมีเวลา เราจะไปดื่มชาพูดคุย ฟังดนตรี ไม่รู้ว่าท่านหมอ ...... จะยินดีหรือไม่?” เห็นเขาเป็นแบบนี้ เซี่ยอีอีก็อดหัวเราะไม่ไหว หากไม่ใช่เพราะมีผ้าปิดหน้าเอาไว้ ใบหน้าที่มีรอยยิ้มก็คงถูกเห็นแน่ๆ“ขอบคุณท่านซื่อจื่อที่เอ็นดูข้า ข้ายินดีเป็นเพื่อนกับท่าน รอให้ท่านโหวหายดีแล้ว ข้าจะไปดื่มชาฟังเพลงกับท่าน” “จริงหรอ?”จางฮวายแทบไม่อยากจะเชื่อหูของตัวเองเลย นางเป็นถึงเหมียวตู๋เซียนที่มีชื่อเสียงในยุทธภพเลยนะ ในความเข้าใจของเขา นางเป็นคนเย็นชา แต่คิดไม่ถึงเลยว่า นางจะเป็นคนอ่อนโยน แล้วก็คุยกันง่ายขนาดนี้ เซี่ยอีอีพยักหน้า“อืม จริงสิ แต่ว่าตอนนี้ข้าต้องไปแล้ว ท่านซื่อจื่ออย่าลืมเรื่องที่รับปากข้าเอาไว้ด้วย ห้ามพูดเรื่องของข้ากับใครเด็ดขาด” “ท่านหมอโปรดวางใจ ข้าจางฮวายรับปากเพื่อนแล้วทำแน่นอน ท่านหมอเชิญ ข้าไปส่งท่าน” หลายวันต่อมา ในวังหลวง เหว่ยหมิงกับจางฮวายเดินออกมาพร้อมกัน เมื่อเห็นจางฮวายยิ้มด้วยท่าทีเซ่อซ่า เหว่ยหมิงถามด้วยความแปลกใจ“เจ้ายิ้มมาครึ่งวันแล้วนะ ยิ้มอะไรนักหนา? หลายวันมานี่ไม่ได้ยินเจ้าบ่นเรื่องท่านลุงแล้ว หรือว่าท่านลุงอาการดีขึ้นแล้วงั้นหรอ?” จางฮวายได้ยินดังนั้น ก็หุบยิ้ม“อืม อาการของท่านพ่อดีขึ้นมาก สองสามวันมานี่เริ่มพูดได้บ้างแล้ว” “เอ๋อ? หลายวันก่อนท่านลุงยังสลบไม่ฟื้นอยู่เลย วันนี้พูดได้แล้วงั้นหรอ? สำนักหมอหลวงมีหมอเก่งขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?” สำนักหมอหลวงมีคนเท่าไหร่ เหว่ยหมิงรู้ดีที่สุด ส่วนจางฮวายก็ไม่ได้คิดจะใช้คำพูดไม่มีชั้นเชิงแบบนี้มาหลอกเขา“เหอะเหอะ สำนักหมอหลวงมีคนเก่งขนาดนี้ที่ไหนกันล่ะ ข้าเชิญหมอมาจากที่อื่น” เหว่ยหมิงเหลือบไปมองเขา ปกติเขาเป็นคนพูดจาตรงไปตรงมา เขาไม่ชอบให้คนถามอะไรมากความ ดังนั้นมีอะไรเขาก็จะพูดไปตรงๆ แต่ว่าวันนี้เขากลับพูดจามีลับลมคมใน มันแปลกมาก แต่ในเมื่อเขาไม่อยากพูด เหว่ยหมิงก็ขี้เกียจจะไปถาม ก็แค่หมอคนหนึ่ง เขาก็ไม่ได้สนใจอะไรขนาดนั้น “เฮ้ หมิง เจ้าว่าบนโลกนี้จะมีผู้หญิง ที่ลึกลับแต่ก็น่าค้นหา อ่อนโยนแต่ก็ดูองอาจ ไม่เหมือนคุณหนูตระกูลใหญ่ แต่ก็ไม่ได้มีนิสัยป่าเถื่อนเหมือนชาวยุทธ เป็นคนแบบที่อธิบายไม่ถูก อยากจะค้นหา แต่กลับรู้สึกว่าไม่กล้า” เมื่อได้ยินจางฮวายพูดดังนั้น ในหัวของเหว่ยหมิงก็มีเงาของคนๆหนึ่งปรากฎขึ้นมา แถมยังเป็นใบหน้าที่ยโสด้วย จางฮวายเห็นเขาไม่พูดไม่จา ก็เลยสะกิดไปสองที “เฮ้ ถามเจ้าอยู่นะ คิดอะไรอยู่?” เหว่ยหมิงได้สติ แล้วก็ยิ้มเบาๆ“ก็น่าจะมีนะ จู่ๆเจ้าถามเรื่องนี้ทำไมกัน?” จางฮวายถูกเหว่ยหมิงมองจนตั่วสั่น เขาเลยยิ้มและพูดว่า“ฮ่าฮ่าฮ่า โถ่ ก็คุยไปเรื่อย ไม่มีอะไรหรอก!” เมื่อเห็นฝีเท้าที่เดินเร็วขึ้นเพื่อจะเว้นระยะกับตัวเขา เหว่ยหมิงหรี่ตาลง แล้วพูดแบบไม่เชื่อว่า: “นี่เป็นครั้งแรกที่เจ้าคุยกับข้าเรื่องผู้หญิง เจ้าแน่ใจนะว่าแค่คุยไปเรื่อย?” คุยไปคุยมา พวกเขาทั้งคู่ก็มาถึงหน้าปากประตูวังหลวง เมื่อได้ยินดังนั้น จางฮวายก็หยุดเดิน แล้วหันไปตอบว่า“ก็แค่คุยไปเรื่อยสิ หรือว่าจะให้คนโสดอย่างเจ้ามาช่วยข้าออกความเห็นหรือไงกันล่ะ?” เหว่ยหมิงค่อยๆเดินมา แล้วยิ้ม“ความเห็นคงไม่มี แต่ว่า ประสบการณ์ก็อาจจะมีก็ได้” เมื่อจางฮวายได้ยินดังนั้น ก็พูดด้วยน้ำเสียงเสียดสีว่า“โอ้โห เจ้าเนี้ยนะ มีประสบการณ์? อย่ามาโกหกข้าเลย ข้าจางฮวายหนุ่มเจ้าสำราญอันดับหนึ่งเลยนะ ผู้หญิงที่ข้าเคยสัมผัส เยอะกว่าเจ้ามากนัก เจ้ายังกล้ามาบอกข้าว่ามีประสบการณ์งั้นหรอ” เมื่อได้ยินเขาโม้จบ เหว่ยหมิงก็พยักหน้า“อืม หนุ่มเจ้าสำราญอันดับหนึ่ง ร้ายกาจมาก” จางฮวายไม่ใช่ว่าเพิ่งรู้จักเหว่ยหมิง พวกเขาโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก แค่เห็นคิ้วของเขาโก่งขึ้นมา เขาก็จะรู้ทันทีว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ เมื่อเห็นเขาแบบนี้แล้ว จางฮวายก็ตามเหว่ยหมิงไปด้วยความไม่พอใจ“เฮ้ข้าว่านะ เจ้าอย่าทำหน้าแบบนี้ได้ไหม ทำไมคำพูดของข้าเจ้าถึงไม่เชื่อ เอางี้ไหมเดี๋ยวข้าแนะนำให้เจ้ารู้จักสักสองคน เจ้าจะได้เชื่อข้าดีไหม!” จางฮวายตามไปวอแวเหว่ยหมิงฟังแบบไม่รู้จักเหนื่อย เหว่ยหมิงไม่ได้สนใจเขา ยิ้มเบาๆแค่นั้นแต่ไม่พูดอะไร ทันใดนั้นเอง ก็มีของสีเหลืองๆลอยมา เหว่ยหมิงรีบหลบ คิดไม่ถึงกลับไปโดนหัวของจางฮวาย จางฮวายถูกกระแทกจนเบลอ เขายืนโซเซอยู่นาน แล้วจับศีรษะดูว่ามีเลือดออกหรือไม่ สายตาโตขึ้นมาเป็นเท่าตัว เหว่ยหมิงก้มลงเก็บ‘อาวุธ’กระแทกใส่หัวของจางฮวาย แล้วก็ขมวดคิ้ว จางฮวายมองไปที่ของที่อยู่ในมือของเหว่ยหมิง แล้วตะโกนออกไปด้วยความโมโหว่า“กลางวันแสกๆ ใครขว้างทองมาเนี้ยหะ?” เซี่ยวี่ซื่อยืนหลบอยู่ที่มุมกำแพง เมื่อเห็นว่าขว้างไปโดนผิดคน ก็เตรียมที่จะหนี แต่ถูกเสียงตะโกนของจางฮวายทำให้ตกใจ นางรับปากเซี่ยเฉินวี่เอาไว้ว่าจะมาแก้แค้นให้ ดังนั้นวันนี้นางเลยตามเหว่ยหมิงมาถึงวังหลวงตั้งแต่เช้า แต่ว่าในวังหลวงมีการรักษาการณ์เข้มงวดมาก นางไม่กล้าเข้าไป ก็เลยนั่งรอเขาออกมา แต่เพราะว่ารอนานเกินไป เผลอหลับไปตั้งนาน แต่เหว่ยหมิงจู่ๆก็ออกมา นางตกใจไม่รู้จะต้องทำยังไง ก็เลยจับหาของบนตัวอยู่นาน เจอหน้าไม้ในตัว แต่ยังไงนั่นก็เป็นท่านพ่อแท้ๆ นางคิดว่าฆ่าเขาคงไม่เหมาะ ดังนั้นก็เลยหาของแข็งๆที่อยู่ในตัวแล้วขว้างไปแทน แต่ว่านางเพิ่งตื่นสมองยังเบลอๆอยู่ ทำให้ไม่ตรงเป้า ถึงขว้างไปโดนหัวของจางฮวายแทน เซี่ยวี่ซื่อคิดจะวิ่งหนีไป แต่พอวิ่งไปได้ไม่กี่ก้าว ก็เห็นเงามืดๆวาบมา เซี่ยวี่ซื่อตกใจ ร่างเล็กๆของนางก็เลยถอยพิงกำแพงไป แล้วก็มองเขาไปด้วยความหวาดระแวง “เจ้าเป็นคนขว้างหรอ?”เหว่ยหมิงยื่นทองคำก้อนไปที่หน้าของนาง แล้วถามด้วยเสียงที่เย็นชา ดวงตากลิ้งกลอกไปมาอยู่นาน เซี่นวี่ซื่อพูดอะไรไม่ออกสักคำ เพราะนางไม่รู้ว่าจะพูดอะไรกับพ่อแท้ๆของนาง “ไปขอโทษด้วย”เสียงของเหว่ยหมิงยังคงเย็นชาเหมือนเดิม เซี่ยวี่ซื่อก้มหน้าคิดฉวยโอกาสหนีไป แต่คิดไม่ถึงว่าเหว่ยหมิงจะจับกลับมาอีก ครั้งนี้ เหว่ยหมิงไม่ได้ปรึกษานางด้วยซ้ำ ก็จับคอเสื้อของนาง แล้วลากกลับมา เซี่ยวี่ซื่อพรางดิ้นแล้วก็ร้อง“ปล่อยข้า เจ้าเป็นคนไม่ดี ปล่อยข้า ปล่อย” เหว่ยหมิงเร่งฝีเท้าเร็วขึ้น ไม่ได้สนใจที่นางร้องตะโกน จนมาถึงหน้าจางฮวาย เขาปล่อยร่างเล็กๆของนางลง แล้วพูดเสียงเรียบๆว่า“เซี่ยวี่ซื่อ ขอโทษซะ” จางฮวายยืนมองเด็กน้อยที่ถูกจับมาด้วยความงง แล้วก็มองไปที่เหว่ยหมิงด้วยความไม่เข้าใจ กำลังคิดที่จะพูด ก็ได้ยินเสียงเซี่ยวี่ซื่อร้อง‘แง’ออกมา “ฮือฮือฮือ! ข้าขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายท่าน ข้าขว้างพลาด ข้าขอโทษ ฮือฮือฮือ!” จางฮวายมองไปที่ใบหน้าเล็กที่น่าสงสาร แทบจะไม่เชื่อสิ่งที่นางพูด เด็กตัวแค่นี้ นางจะมีแรงมากมายขนาดที่ทำให้หัวของเขาเลือดออกเลยงั้นหรอ! “เด็กน้อย เจ้าบอกว่า เจ้าเอาทองคำก้อนนี่ขว้างข้างั้นหรอ?” เซี่ยวี่ซื่อร้องไห้ไปพร้อมกับพยักหน้า พูดด้วยเสียงสะอื้นว่า“ข้าขอโทษ ข้าไม่ได้จะทำร้ายท่าน” จางฮวายก็ยังไม่อยากเชื่ออยู่ดี เขามองไปยังทองคำที่อยู่ในมือของเหว่ยหมิง แล้วถามอีกว่า “เจ้าเอาทองคำนี่มาจากไหนกัน? ไม่ใช่สิ เจ้าบอกว่า ...... เจ้าไม่ได้จะทำร้ายข้า เจ้าขว้างพลาด? งั้นคนที่เจ้าจะทำร้ายคือ ......” พูดแล้ว จางฮวายก็เงยหน้าไปมองเหว่ยหมิง เห็นสีหน้าของเขาเรียบเฉยแบบไม่มีความรู้สึกอะไร จางฮวายกลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่ไหว เขาชี้ไปที่เหว่ยหมิงแล้วก็หัวเราะร่าออกมา“ฮ่าฮ่าฮ่า เจ้าไม่ทำอะไรให้แม่นางน้อยคนนี้ไม่พอใจได้เนี้ย? นางเพิ่งจะอายุแค่นี้ กลับมาลอบทำร้ายเจ้า เจ้าคงไม่ได้ไปทำอะไรแม่ของนางหรอกใช่ไหม ไม่งั้นนางคงไม่มาแก้แค้นเจ้าแบบนี้!” “หมิงหยวนซื่อจื่อ ข้าว่าทองคำกระแทกหัวเจ้าจนบ้าไปแล้วแน่ๆ? ข้าจะให้คนไปส่งเจ้ากลับบ้านเองดีไหม?” จางฮวายหุบยิ้ม เขารู้ว่าทุกครั้งที่เหว่ยหมิงเรียกเขาว่าหมิงหยวนซื่อจื่อ นั่นหมายความว่าเขาไม่พอใจแล้ว แต่ว่ามันก็จริงอยู่ กลายเป็นเป้าโจมตีของเด็กน้อย เป็นใครก็คงไม่พอใจ? “เห้อ เจ้าสองคนมีอะไรก็ค่อยพูดค่อยจากันนะ อย่าลงไม้ลงมือกัน เอ่อ หมิง นางยังเด็กอยู่นะ เจ้าก็ยอมๆนางไปเถอะ อย่าทำอะไรวู่ว่ามล่ะ”พูดจบ จางฮวายก็ลูบไปที่ศีรษะของเซี่ยวี่ซื่อ “เอาล่ะ ไม่ต้องร้องไห้แล้วนะ ไม่เป็นไร หัวข้าก็แค่เลือดไหลออกมาแค่นั้น ต่อไปก็ดูให้ดีก่อน อย่าโยนไปโดนคนอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องอีกล่ะ รู้ไหม!” จางฮวายจากไปพร้อมด้วยสายตาที่โมโหของเหว่ยหมิง เซี่ยวี่ซื่อก้มหน้าประสานมือ ไม่กล้าขยับ ยิ่งไม่กล้าพูดอะไร ทันใดนั้นเอง ก้อนทองคำก็ยื่นมาที่หน้านของนาง นางมองตามไปที่มือใหญ่ๆ จ้องเหว่ยหมิงด้วยสายตาที่แดงกร่ำ “เก็บเงินให้ดีๆ คราวหลังก็อย่าโยนเล่นแบบนี้อีก” “ข้าไปได้หรือยัง?”เซี่ยวี่ซื่อหยิบเงินมา แล้วถาม “เจ้ามาคนเดียวหรอ?”นานขนาดนี้แล้ว แต่กลับไม่เห็นเงาของเด็กอีกคน ปกติแล้ว คิดว่าเขาน่าจะโผล่ออกมาแล้ว “ท่านเห็นข้ามาคนเดียวก็เลยคิดจะรังแกข้าใช่ไหม?”เซี่ยวี่ซื่อเบะปาก แล้วก็ร้องไห้อีกครั้ง เหว่ยหมิงได้ยินดังนั้น ก็ขมวดคิ้ว มองไปที่ใบหน้าที่อาบไปด้วยน้ำตา แล้วก็นั่งยองๆลงไปอุ้มนางขึ้นมา“ไม่ได้จะรังแกเจ้า แค่จะส่งเจ้ากลับบ้าน” เซี่ยวี่ซื่อสูดจมูก น้ำตาก็ไหลลงมาอีกครั้ง แต่คราวนี้นางไม่ได้น้อยใจ แต่กลับรู้สึกดีใจ ถึงแม้เซี่ยเฉินวี่จะขู่เอาไว้ว่า ห้ามนางรับเขาเป็นพ่อเด็ดขาด แต่อ้อมกอดของผู้เป็นพ่อแท้ๆกลับทำให้รู้สึกแตกต่าง นางยื่นมือออกไปแล้วโอบกอดไปที่คอของเหว่ยหมิง น้ำตาที่ไหลออกมาไม่หยุดไหลเปื้อนบ่าของเหว่ยหมิงไปหมด “ท่านอารีบส่งข้ากลับบ้านเถอะ ท่านแม่คงร้อนใจมากแล้ว” เสียงสะอึกสะอื้นแสดงให้เห็นว่ายังร้องไห้อยู่ เหว่ยหมิงคิดว่าเมื่อครู่เขาคงดุมากเกินไป ก็เลยจับหน้าของนางขึ้นมา“เอาล่ะ ไม่ต้องร้องไห้แล้วนะ ต่อไปห้ามก่อเรื่องอีกนะ เข้าใจไหม?” มือที่โอบกอดคอของเขาไว้รัดแน่นขึ้น หัวเล็กๆที่อยู่บนบ่าของเหว่ยหมิงขยับเล็กน้อย“อืม ซื่อเอ๋อจะไม่ดื้ออีก” บนรถม้า เซี่ยวี่ซื่อเผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ เหว่ยหมิงมองเด็กน้อยที่อยู่ในอ้อมกอดเขา แล้วค่อยๆปัดผมของนางออก เห็นนางหลับสนิท เหว่ยหมิงก็ยิ้มเบาๆ เขาหยิบพัดออกมาพัดคลายร้อนให้กับนาง เซี่ยวี่ซื่อหลับสบายมาก นางขยับตัวเล็กน้อย มือเล็กๆของนางจับไปที่เสื้อของเหว่ยหมิง แล้วละเมอออกมาว่า“ท่านพ่อ” เมื่อได้ยินดังนั้น มือที่พัดอยู่ก็หยุด คิ้วก็ขมวดขึ้น เขาก้มหน้าลงไปมองเด็กน้อยที่อยู่ในอ้อมกอดอีกครั้ง แล้วลูบหน้านางเบาๆ ถึงแม้เขาจะไม่สามารถมั่นใจว่าเขาเป็นพ่อของเด็กคนนี้ แต่เขากลับรู้สึกอยากจะปกป้องอยากจะสั่งสอนนางอยู่ตลอดเวลา “เจ้าเด็กแสบ เหมือนแม่ของนางจริงๆ ไม่สงบเลย” ............ ณ จวนติ้งเหวียนโหว จางฮวายจับหัวของตัวเองแล้วรีบร้อนเดินเข้ามา ทันใดนั้นเองก็ถูกขวางโดยคนที่สวมชุดแดง เขาเงยหน้าขึ้นมามอง แล้วขมวดคิ้ว“ท่านหมอจะกลับแล้วหรอ?” เซี่ยอีอีพยักหน้า“อืม ข้าได้ฝังเข็มให้ท่านโหวแล้ว กำลังจะกลับ” จางฮวายได้ยินดังนั้น ก็ถอนหายใจ“ถ้ารู้ก่อนข้าจะรีบกลับมา” เซี่ยอีอียิ้มเบาๆ แล้วเหลือบไปมองที่หน้าผากของเขา“หัวของท่านเป็นอะไร?” จางฮวายยื่นมือไปปิดหัวเอาไว้ ยิ้มแล้วพูดว่า“เหอะเหอะ ไม่เป็นไร ไม่ระวังโดนทองคำก้อนกระแทกเข้าน่ะ” “ทองคำ?”เซี่ยอีอีสงสัย “เห้อ ก็แค่เด็กคนหนึ่ง โยนทองเล่น ไม่ระวังมาโดนข้า ก็เลยบาดเจ็บนิดหน่อยไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวข้าไปหายามาทาก็ได้แล้ว”พูดจบก็นวดไปที่แผลอีกแล้ว ทำหน้าเหมือนจะเจ็บจริงๆอยู่ เซี่ยอีอียื่นมือไปดึงมือที่กำลังขยับออก แล้วมองไปที่แผลของเขาแล้วพูดว่า“แผลไม่เล็ก ท่านอย่าเพิ่งเคลื่อนไหว ข้ามียา เดี๋ยวข้าช่วยทาให้ ไม่คิดเงิน” ที่ทางเดินระเบียง เซี่ยอีอีกับจางฮวายนั่งหน้าตรงกัน จางฮวายมองใบหน้าที่มีผ้าบังไว้เหมือนอยู่ในภวังค์ ถึงแม้เขาจะเห็นแค่ตากับคิ้วของนาง แต่เขากลับรู้สึกว่า นางจะต้องเป็นสาวงามแน่นอน “ท่านหมอทำไมถึงต้องใช้ผ้าแดงปิดใบหน้าไว้ด้วย? ความงามเช่นนี้ถูกปกปิดไว้มันน่าเสียดายนะ” เซี่ยอีอีทายาต่อไม่ได้หยุด ยิ้มเบาๆแล้วพูดว่า“ซื่อจื่อไม่เคยเห็นหน้าข้า รู้ได้อย่างไรว่าข้านั้นงาม? ไม่แน่ ภายใต้ผ้าแดงนี้อาจจะเป็นคนขี้เหร่ก็ได้!” “เป็นไปไม่ได้หรอก”จางฮวายปฏิเสธอย่างมั่นใจ“ข้าเอาฐานะของข้าเป็นประกัน ท่านหมอไม่มีทางขี้เหร่แน่นอน” เซี่ยอีอีเห็นสีหน้าของเขาดูจริงจัง ก็ส่ายหน้าแบบจนปัญญา“ฐานะของท่านสูงส่งจะเอามาพนันกับความงามของข้าได้ยังไงกัน?” “ไม่หรอก ขอแค่ได้ชมความงามด้วยตาตัวเอง ข้ายอมทำทุกอย่าง” เซี่ยอีอีได้แค่ยิ้ม ไม่ได้พูดอะไรต่อ จัดการยาในกล่องแล้วพูดว่า“บาลแผลของซื่อจื่อไม่รุนแรง อีกสองสามวันก็หาย หากไม่มีอะไรแล้ว ข้าขอตัวก่อน” เซี่ยอีอีกำลังจะลุกขึ้น จางฮวายก็รีบดึงมือนางไว้“ท่านหมอจะไปแล้วหรอ? ท่านจะไม่ให้ข้าได้ชมโฉมของท่านจริงๆงั้นหรอ?” เซี่ยอีอีมองไปยังมือของจางฮวายที่ดึงนางไว้ จางฮวายรีบปล่อยมือแล้วอธิบาย“ขออภัย ข้าไม่ได้ตั้งใจ” “ไม่เป็นไร ซื่อจื่อฐานะสูงส่ง ข้าเป็นเพียงชาวบ้านธรรมดา ซื่อจื่อให้ความสำคัญถือเป็นเกียรติของข้า หน้าตาข้าธรรมดา ไม่เหมาะให้ระคายตาของซื่อจื่อหรอก น้ำใจของท่านข้าขอรับด้วยใจ บาดแผลของท่านต้องพักผ่อนให้มาก ข้าน้อยขอตัวก่อน” เซี่ยอีอีจากไป จางฮวายไม่ได้รั้งนางเอาไว้อีก เขารู้ดีว่าเขารั้งยังไงก็คงไม่อยู่ แต่ว่าหลังจากวันนั้น นางก็ไม่ได้มาที่นี่อีกเลย ......
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
ตอนที่25 เผลอทำร้ายคนไร้เดียวสา
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A