ตอนที่ 27 หักปีก
1/
ตอนที่ 27 หักปีก
ชายาเจ้าเล่ห์ เจ้าอย่าหนี
(
)
已经是第一章了
ตอนที่ 27 หักปีก
ตนที่27 หักปีก นางไม่ได้คิดว่าจะปกปิดเรื่องนี้ไปตลอดชีวิต เพียงแต่ว่านางเชื่อในวาทศิลป์ของตัวเอง เรื่องนี้มีคนรู้เพียงสี่คนเท่านั้น ตอนนี้เหว่ยเฉินปฏิบัติต่อนางเช่นนี้ คิดว่าคงไม่พูด เซี่ยวี่เสวียนถูกขู่ ก็น่าจะไม่พูดเช่นกัน ตอนนี้มีเพียงเหว่ยหมิงเท่านั้นที่นางกังวล แต่ถ้านางหัวเด็ดตีนขาดไม่ยอมรับซะอย่าง ท่านอ๋องผู้เย็นชาเลือดเย็นอย่างเขาจะทำอะไรได้? ส่วนคนอื่นๆ ต่อให้มองออก ก็คงไม่กล้าเดาสุ่ม เพราะเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับอ๋องหยง ต่อให้คนพวกนั้นไม่ไว้หน้านาง แต่ก็จะต้องหวาดกลัวชื่อของอ๋องหยงอยู่แล้ว แต่ว่านางลืมไปหนึ่งคน นั่นก็คือพี่ชายของนางเอง พี่ชายของนางไม่ได้โง่ เรื่องแบบนี้เขาจะดูไม่ออกได้ยังไง? อีกอย่างเขายังเป็นคนเดียวที่ดูออกแล้วก็วิ่งเข้ามาถามนางเลย “ในเมื่อท่านพี่ก็มองออกแล้ว อีอีก็ไม่มีอะไรจะต้องปิดอีก ถูกแล้ว ซื่อเอ๋อกับวี่เอ๋อเป็นลูกของเหว่ยหมิง เพียงแต่ว่า เรื่องนี้ไม่มีใครรู้ รวมถึงตัวเขาด้วย” เซี่ยหวินเทียนขมวดคิ้วหนักมาก เขายกมือเตรียมที่จะทุบลงไปบนโต๊ะ เพียงแต่มือยังไม่ทันลงถึงโต๊ะเซี่ยอีอีก็เอามือไปรองเอาไว้ เมื่อเห็นดังนั้น เซี่ยหวินเทียนก็ตกตะลึงอีกครั้ง เขานำทัพมานานหลายปี มือเท้าไวมาก ผู้หญิงตัวเล็กๆอย่างนางสามารถเอามือมารองมือของเขาไว้ เขาคิดไม่ถึงเอามากๆ เมื่อเห็นเซี่ยหวินเทียนถูกนางทำให้ตกใจอีกครั้ง เซี่ยอีอีก็ยิ้ม“ท่านพี่อย่าโกรธไปเลย ซื่อเอ๋อยังนอนหลับอยู่ ข้ารู้ว่าพี่คงไม่เชื่อในสิ่งที่ข้าพูด แต่ว่า เหว่ยหมิงเขาไม่รู้จริงๆ ท่านจำเรื่องก่อนที่ข้าจากเมืองหลวงไปได้ไหม?” เซี่ยอีอีเล่าเรื่องในตอนนั้นทั้งหมดให้เซี่ยหวินเทียนฟังอย่างละเอียด และบอกกับเขาอีกว่านางหายอาการสติไม่ดีในตอนนั้น เมื่อฟังเรื่องทุกอย่างแล้ว เซี่ยหวินเทียนไม่เพียงโกรธไม่หาย มิหน่ำซ้ำยังโกรธมากขึ้นกว่าเดิมอีก พร้อมทั้งตั้งใจจะไปคิดบัญชีกับเซี่ยวี่เสวียนและเหว่ยเฉินอีกด้วย เซี่ยอีอีเห็นดังนั้น ยิ้มแล้วพูดแหย่ไปว่า“ใครบอกให้ท่านพี่ไม่อยู่ตอนนั้นเล่า หากท่านพี่อยู่ ข้าคงไม่ปล่อยพวกเขาไปง่ายๆแบบนั้นหรอกจริงไหม? ตอนนั้นการทำให้เรื่องที่เซี่ยวี่เสวียนไม่บริสุทธิ์แพร่ออกไป เป็นเรื่องเดียวที่ข้าสามารถทำได้ในตอนนั้น ครั้งนั้นมีเพียงตงวี่ที่ชอบร้องไห้เพียงคนเดียว ที่สามารถช่วยข้าได้” ขณะที่เซี่ยหวินเทียนกำลังโกรธ ก็เห็นเซี่ยอีอีที่ไม่โกรธไม่โมโห ก็ไม่เข้าใจ“อีอีเจ้าไม่โกรธเลยหรอ? พวกเขาสองคนทำร้ายเจ้าจนเสียหาย แต่ทำไมหลายปีที่ผ่านมาเจ้าถึงไม่บอกให้ข้ารู้ล่ะ? พอคิดว่าพวกเขาทำเรื่องเลวทรามทำร้ายเจ้าข้าก็ไม่พอใจ ข้าอยากจะไปฉีกร่างของพวกเขาซะเดี๋ยวนี้” เซี่ยอีอีค่อยๆตบไปที่หมัดของเซี่ยหวินเทียน แล้วปลอบเขาว่า“ช่างเถอะ อย่าโกรธไปเลย ตอนนี้ข้าก็สบายดี อีกอย่างเพราะเรื่องนี้ทำให้ข้าได้เจ้าสองแสบมาเป็นแก้วตาดวงใจของข้าด้วย หากไม่ใช่เพราะเจ้าเด็กสองคนนี่ หลายปีมานี้ข้าคงเบื่อแย่เลย!” คำพูดทั้งหมดของนางเซี่ยหวินเทียนถือว่าเป็นคำที่นางเอามาปลอบใจตัวเอง ผู้หญิงคนหนึ่งที่ยังไม่แต่งงานแต่กลับมีลูกเป็นเรื่องที่ใหญ่มาก นางอยู่ที่เมืองหวินเฉิงคนเดียว เขาเองก็ไม่กล้าคิดว่านางจะเจอความไม่ยุติธรรมมามากแค่ไหน เขาเจ็บปวดใจจนต้องกุมมือนางไว้ แต่กลับรู้สึกผิดจนไม่กล้าพูดอะไรเลย เมื่อความรู้สึกของเซี่ยหวินเทียนเริ่มดีขึ้น เขาก็มองไปที่เซี่ยอีอีแล้วถามว่า“เจ้าบอกว่า อ๋องหยงไม่รู้ว่าคนในวันนั้นคือเจ้า แต่ว่าตอนนี้เขากลับมาหาเจ้าเนี้ยนะ?” เซี่ยอีอียักไหล่ ทำหน้าแบบไม่สนใจ“ใครจะรู้ล่ะ ตอนนั้นข้าพูดกับเขาไปไม่กี่คำ หลังจากนั้นเขาก็ตามหาข้าทั่วจวน ข้าเองก็จำไม่ได้แล้วว่าตอนนั้นข้าพูดอะไรไปบ้าง แต่ตอนนี้เมื่อไรที่เขาเจอข้าเขาก็จะต้องเข้ามาวอแวด้วย ถามว่าข้าคือคนในวันนั้นใช่ไหม” เซี่ยหวินเทียนเป็นห่วงจนถอนหายใจ คิดๆแล้วก็พูดขึ้นมาว่า“จริงๆแล้วอ๋องหยงก็เป็นคนนิสัยดีนะ ถึงแม้เขาจะเย็นชาไปหน่อย แต่ก็ดีกว่าเจ้าเหว่นยเฉินมาก อีกอย่างเขาเองก็เป็นพ่อแท้ๆของเด็กสองคนนั้น หากเจ้ายินดี พี่ไป ......” “เฮ้เฮ้เฮ้ ท่านพี่ท่านหยุดเลย ที่ข้าเล่าเรื่องนี้ให้ท่านฟังไม่ใช่จะให้ท่านมาเป็นพ่อสื่อให้นะ แต่เพราะท่านถามข้าถึงได้บอก ข้าเลี้ยงลูกคนเดียวก็ดีอยู่แล้ว ท่านอย่าหาเรื่องให้ข้าเลย ข้าไม่ได้สนใจเหว่ยหมิงเลยสักนิด อีกอย่างแล้วท่านจะรู้ได้อย่างไรว่าเขาจะรับทั้งเด็กและผู้ใหญ่ด้วย เกิดเขาจะเอาแต่เด็ก ถึงเวลานั้นข้าไม่รู้จะไปร้องไห้ที่ไหนเลยนะ” ฟังจากสิ่งที่เซี่ยหวินเทียนสื่อออกมา ราวกับว่าจะเอานางใส่พานถวายไปที่วังอ๋องหยงซะเดี๋ยวนั้นเลย เซี่ยอีอีตกใจเลยพูดอะไรไม่รู้ออกมาเป็นชุด เรื่องแบบนี้ล้อเล่นไม่ได้นะ นางอยากจะหนีแต่ก็กลัวหนีไม่พ้น แต่เขากลับอยากจะส่งนางไปซะอย่างนั้น เซี่ยหวินเทียนได้ยินดังนั้น รู้สึกว่าคำพูดของนางก็มีเหตุผล หลายปีมานี้อ๋องหยงไม่แต่งงานเลย ใครจะรู้ว่าเขาจะรับน้องสาวของเขาเพียงเพราะเด็กๆล่ะ? อีกอย่าง ต่อให้เขาฝืนใจรับจริง ท่าทางเย็นชาของเขา เกิดน้องสาวเข้าไปลำบากจะทำยังไง? “อีอี จริงๆเจ้าลองไปรู้จักใกล้ชิดกับอ๋องหยงก่อนก็ได้นิ ถึงแม้ท่าทางของเขาจะเย็นชา แต่ยังน้อยเขาก็ไม่เจ้าชู้ ที่สำคัญที่สุดเขาก็เป็นพ่อแท้ๆของเด็กๆ ต่อไปเจ้าก็ต้องแต่งงาน ไม่ว่ายังไง เมื่อเทียบกับคนอื่นแล้วอ๋องหยงก็เหมาะสมที่สุดไม่ใช่หรือไง?” เซี่ยอีอียิ้มแห้งๆ ไม่ได้พูดอะไร เหมาะสมหรอ เหมาะสมอะไรกัน เจ้าบ้านั่นแปลกประหลาดแบบนั้น นางไม่ได้อยากจะไปสนใจด้วยซ้ำ หวังแค่ว่า พี่ชายของนางจะไม่พูดเรื่องนี้ออกไปก็พพอ อย่าปากรั่วแล้วกัน! เซี่ยวี่เสวียนอยู่ที่จวนตระกูลเซี่ยสองวันไม่ได้กลับไป คนในจวนเริ่มซุบซิบนินทากัน เซี่ยอีอีก็ได้ยินมาอย่างครบถ้วน คิดว่า ‘มารยา’ ที่นางใช้ไปครั้งที่แล้วจะเสียเปล่า คิดไม่ถึงมันจะกลายมาเป็นประโยชน์ทางอื่น “คุณหนู องค์ชายสี่เสด็จมา ตอนนี้อยู่โถงด้านน้า เหมือนจะมีอะไรสนุกๆให้ดูอีกแล้ว” เซี่ยอีอีใจจดใจจ่ออยู่กับหนังสือที่อยู่ในมือ ถามด้วยความไม่ใส่ใจ“เขามารับคนหรอ?” “ใช่ มารับคน” ได้ยินตงวี่พูดอย่างตื่นเต้น เซี่ยอีอีก็เงยหน้ามามองนาง“เขามารับคน เจ้าตื่นเต้นทำไม?” ตงวี่จับปาก แล้วยกคางอย่างได้ใจ“เห็นคนเลวๆสองคนไม่มีความสุข บ่าวดีใจมาก” เซี่ยอีอียิ้มโดยไม่พูดอะไร ส่ายหัวแล้วก็มองกลับมาที่หนังสือที่อ่าน“ไม่ควรแสดงท่าทางดีใจหรือโกรธบนใบหน้า ซื่อเอ๋อกับวี่เอ๋อยังรู้เลย เมื่อไรเจ้าจะเรียนรู้ซะที?” ตงวี่ได้ยินดังนั้นก็เก็บคางกลับไป“คุณหนู ก็บ่าวทำไม่ได้นี่นา โดยเฉพาะตอนเห็นคนเลวๆ พวกเขาทำให้คุณหนูต้องเป็นแบบนี้ บ่าวไม่อยากเห็นพวกเขามีความสุข” หลายปีมานี้ เซี่ยอีอีทำให้ตงวี่กลายเป็นคนตรงๆมีอะไรพูดอะไร พูดแบบน่าเกียจหน่อยก็คือหัวดื้อ ใครก็ตามที่มีความแค้นกับนาง นางก็จะแค้นไปตลอดชีวิต หลักการเดียวกัน ใครมีบุญคุณกับนาง นางก็จะตอบแทนชั่วชีวิต เมื่อเห็นนางเป็นแบบนี้ เซี่ยอีอีก็ปิดหนังสือในมือ แล้วลุกขึ้นพูดว่า“ไปเถอะ ในเมื่อเจ้าไม่อยากเห็นพวกเขามีความสุข งั้นเราก็ไปเติมเชื้อเพลิงกัน หากไฟของเฉี่ยวเอ๋อมอดไปแล้ว ต่อไปจะมีเรื่องสนุกให้ดูอีกได้ยังไง?” ตงวี่ที่กำลังหน้าบูดหน้าเบี้ยว ก็หน้าบานขึ้นทันควัน“อืม เราไปกันเดี๋ยวนี้เลย” ณ โถงด้านหน้า เหว่ยเฉินมารับคน เซี่ยวี่เสวียนปั้นหน้าโมโห ในใจของนางเฉินซื่อไม่พอใจเหว่ยเฉินอยู่มาก แต่กลับไม่กล้าที่จะปั้นหน้าไม่พอใจกับองค์ชาย แต่หากจะให้นางทำเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย นางก็ทำไม่ได้ “องค์ชายสี่ เสวียนเอ๋อก็มีอะไรที่ไม่ดีอยู่บ้าง แต่ยังไงเฉี่ยวเอ๋อก็เป็นบ่าวรับใช้ติดตามที่ไปจากจวนของเรา องค์ชายสี่ทำแบบนี้ มันเหมือนหยามหน้าเราชัดๆ” เมื่อสิ้นเสียงลง เซี่ยอีอีก็เดินเข้ามาพร้อมกับตงวี่ “ท่านแม่พูดแบบนี้คนอื่นจะคิดว่าลูกสาวตระกูลเซี่ยเป็นผู้หญิงใจแคบนะ ถึงจะเป็นบ้านขุนนางธรรมดาทั่วไป ผู้ชายมีเมียสามสี่คนถือเป็นเรื่องปกติ นี่เป็นถึงองค์ชาย ท่านแม่เองก็พูดว่าเฉี่ยวเอ๋อเป็นบ่าวติดตาม ในเมื่อติดตามไปยังจวนองค์ชายสี่แล้ว ก็ถือเป็นคนขององค์ชายสี่เช่นกัน องค์ชายสี่มีเมตตา ก็ถือเป็นเกียรติของตระกูลเซี่ยเรา ไม่งั้นสาวใช้อย่างนางจะเข้าตาขององค์ชายสี่ได้อย่างไรกัน?” ตั้งแต่เซี่ยอีอีเดินเข้ามา นางเฉินซื่อก็คิดไว้แล้วว่าคงไม่มีอะไรดีออกมาจากปากแน่ๆ เมื่อได้ยินดังนั้น ก็เป็นอย่างที่คิด แต่ว่าวิธีการพูดของนางก็ทำให้พวกเขาพูดอะไรไม่ออก เฉินซื่อกัดฟัน เซี่ยวี่เสวียนก็ยังไม่หายโกรธ เมื่อเห็นเซี่ยอีอีก็คิดถึงที่เหว่ยเฉินบอกกับนางว่าจะแต่งกับเซี่ยอีอี ขณะกำลังคิดอยู่ ก็เห็นร่างของคนๆหนึ่งเข้ามาใกล้ “อีอี เจ้านี่เข้าอกเข้าใจคนอื่นจริงๆเลยนะ” จริงๆเหว่ยเฉินก็ไม่คิดจะให้เซี่ยวี่เสวียนกลับไป เขากลัวแค่ว่าตระกูลเซี่ยจะทำให้กลายเป็นเรื่องใหญ่ แล้วจะทำให้เซี่ยอีอีเกิดภาพจำที่ไม่ดี เมื่อได้ยินความใจกว้างของเซี่ยอีอีแบบนี้แล้ว เขาเองก็เบาใจไม่น้อย เซี่ยอีอียิ้มแบบยั่วยวน แล้วพูดว่า“องค์ชายชมเกินไปแล้ว ข้าก็แค่พูดความจริง ไม่สมควรได้รับคำชมจากท่านเลย หวังว่าองค์ชายจะเห็นแก่ท่านพี่ที่กำลังตั้งครรภ์ อย่าโกรธเคืองที่นางไม่กลับจวนหลายวัน ยังมีเฉี่ยวเอ๋อ อยู่ที่จวนนางก็ถือว่าเป็นคนเฉลียวฉลาด ถึงแม้จะมีฐานะต่ำต้อย แต่ในเมื่อองค์ชายทรงเมตตานางแล้ว หวังว่าจะดีกับนาง ยังไงซะนางก็เป็นคนของตระกูลเซี่ย” เห็นนางเข้าอกเข้าใจแบบนี้ เหว่ยเฉินก็รู้สึกยินดีมาก เขาค่อยๆจับมือนางขึ้นมา“อีอี คำว่าองค์ชายมันดูห่างเหินเกินไป ถ้าไงเจ้าเรียกข้าว่าพี่เฉินเหมือนตอนเด็กๆ ดีไหม?” รอยยิ้มบนใบหน้ามีความเสียดสีแวบไป นางรีบเก็บมือกลับมาอย่างรวดเร็ว เล็บค่อยๆลูบผ่านฝ่ามือของเขา ทำให้เหว่ยเฉินหวั่นไหวมากๆ เซี่ยีอีอเงยหน้ามามองเบาๆ มองเขาด้วยความเขินอาย“พี่เฉิน” ท่าทางยั่วยวนทำให้เหว่ยเฉินหลงอยู่ในภวังค์ ตงวี่ก็ฉลาด ยืนหัวเราะอยู่ด้านหลัง เมื่อเห็นสองคนกำลังกระเซ้าเย้าแหย่กัน เซี่ยวี่เสวียนก็ทนไม่ไหว จึงลากเหว่ยเฉินมาข้างๆ นางโกรธมาก แต่กลับกลัวว่าเขาจะรำคาญ นางจึงระบายอารมณ์ทั้งหมดลงบนเสื้อของเหว่ยเฉิน แล้วจับมันจนแน่น“องค์ชายสี่มารับข้ากลับไม่ใช่หรอ? เราไปกันเถอะ ข้าจะกลับไปพร้อมท่าน” น้ำเสียงของเซี่ยวี่เสวียนถึงแม้จะไม่ได้แข็ง แต่เมื่อเทียบกับเซี่ยอีอี ก็ถือว่าห่างไกลมากเลยทีเดียว เหว่ยเฉินขมวดคิ้วเบาๆแล้วมองไปที่เซี่ยวี่เสวียน จริงๆก็ไม่ได้อยากจะสนใจ แต่เมื่อคิดถึงลูกที่อยู่ในท้อง เขาก็เลยต้องอดกลั้นไว้“ในเมื่ออยากจะกลับขนาดนี้ ทำไมจะต้องรอให้ข้ามารับด้วย? เจ้ามีเกียรติมากนัก” คำพูดแบบเย็นชาของเหว่ยเฉิน กำลังประชดประชันเซี่ยวี่เสวียนอยู่อย่างแน่นอน เขาไม่ได้สนใจสีหน้าที่ไม่มีแม้แต่เลือดฟาดของนางเลย แล้วหันไปมองเซี่ยอีอี“อีอี วันนี้ข้าต้องกลับไปก่อน ไว้วันหลังค่อยมาเยี่ยมเจ้าใหม่นะ” เซี่ยอีอียิ้มรับ ไม่ได้พูดอะไรมาก แค่พยักหน้าเบาๆเท่านั้น หลังจากที่เหว่ยเฉินกับเซี่ยวี่เสวียนกลับไปแล้ว ตงวี่ก็ตามออกไป ภายในห้องโถงเหลือเพียงเซี่ยอีอีกับนางเฉินซื่อสองคนเท่านั้น ขณะที่เซี่ยอีอีกำลังจะออกไป นางเฉินซื่อก็ลุกขึ้น แล้วตะโกนให้นางหยุด“เซี่ยอีอี อย่าคิดว่าข้าไม่รู้นะว่าเจ้าคิดจะทำอะไร เจ้าอย่าลืมนะว่า ตัวเจ้ายังมีเด็กอีกสองคนอยู่ หากเจ้าริอาจทำลายชีวิตของเสวียนเอ๋อแล้วก็ อย่าหาว่าข้าไม่ไว้หน้าเจ้า” เมื่อได้ยินดังนั้น เซี่ยอีอีก็ยิ้ม แล้วหันกลับไป รอยยิ้มที่นุ่มนวลแปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มที่เจ้าเล่ห์“ไว้หน้า? ท่านเคยให้ของแบบนั้นกับข้าตั้งแต่เมื่อไรกัน? แต่ว่าข้าก็ขอเตือนท่านสักอย่าง ข้าเซี่ยอีอีทำอะไรไม่เคยทำเพราะถูกใครข่มขู่ หากท่านไม่อยากให้ชีวิตของลูกสาวท่านต้องพังทลาย งั้นข้าขอให้ท่านอยู่ในที่ๆของท่านซะ หากท่านกล้าซื้อตัวบ่าวไพร่เพื่อมาวางยาพันนั้นอีกล่ะก็ ข้ารับรองได้เลยว่าคนที่จะถูกพิษจะกลายเป็นลูกสาวของท่านแน่นอน” พูดจบ ก็เก็บสายตาเจ้าเล่ห์กลับไป แล้วค่อยๆเดิน สะบัดชายผ้า ออกไปด้วยความได้ใจ เมื่อเห็นเงาของเซี่ยอีอีเดินไกลออกไป นางเฉินซื่อโกรธจนตัวสั่น นางยอมรับว่าเคยวางยาพิษให้เด็กสองคนนั้นจริงแต่คราวนั้นนางก็ทำอะไรวู่ว่ามเกินไป แต่มันก็ผ่านมาระยะหนึ่งแล้ว นางเองก็โบยขาบ่าวไพร่พวกนั้นและไล่ออกจากจวนไปแล้ว หลังจากนั้นก็ไม่มีใครพูดถึงเรื่องนี้อีก นางคิดว่านางไม่รู้อะไร คิดไม่ถึงเลยว่า นางจะมั่นใจในตัวคนที่บงการได้ขนาดนี้ นางเฉินซื่อกัดฟัด พยุงตัวเองไปนั่งที่เก้าอี้“เซี่ยอีอี เจ้ากล้าเป็นศัตรูกับข้างั้นหรอ ข้าจะให้เจ้าจ่ายค่าตอบแทนอย่างสาสม!” ในห้อง เซี่ยอีอีนั่งอยู่ในถังอาบน้ำ นางใช้สบู่ดอกกุหลาบที่ทำเองถูไปที่ซอกนิ้วในทุกๆอนูอย่างละเอียด ตงวี่ยืนนวดไหล่เบาๆให้อยู่ข้างๆ เห็นนางไม่ยอมวางสบู่ลงสักที ก็เลยพูดขึ้นว่า“มือของคุณหนูสะอาดหมดจรดแล้ว ไม่ต้องล้างอีกแล้วล่ะ” เมื่อได้ยินดังนั้น เซี่ยอีอีก็เลยวางสบู่ลง แต่ก็ยังคงล้างอีก“เจ้าไม่เข้าใจหรอก หากว่าไปสัมผัสของทั่วไปล้างๆธรรมดาก็พอ แต่หากไปสัมผัสของสกปรกมา มันเปื้อนไปถึงกระดูกเลยนะ” “คุณหนู ท่านหมายถึงองค์ชายสี่เป็นของสกปรกใช่ไหม?”ตงวี่กลั้นขำเอาไว้ ตั้งใจถามนาง เมื่อได้ยินนางตั้งใจถามแบบนี้ เซี่ยอีอีก็เลยเหลือบไปมองนาง“เจ้าว่าไงล่ะ?” ตงวี่ยิ้มเบาๆ แล้วก็นวดไหล่ให้นางต่อ“คุณหนู ถึงแม้บ่าวจะไม่เข้าใจว่าทำไมท่านถึงต้องทนความสะอิดสะเอียนปฏิบัติต่อองค์ชายสี่แบบนั้น แต่บ่าวก็พอรู้บ้าง แต่บ่าวไม่เข้าใจ ทำไมท่านถึงต้องช่วยเฉี่ยวเอ๋อด้วย ตอนที่เรายังไม่ไปจากจวน เฉี่ยวเอ๋อกับคุณหนูรองทำร้ายท่านมากเลยนะ ตอนนี้กลับให้นางได้ฐานะที่สูงขึ้น งั้นคุณหนูรองไม่กลายเป็นเสือติดปีกหรอกหรอ?” เหมือนเสือติดปีก? เซี่ยอีอียิ้มแล้วส่ายหน้า“กลัวแต่ว่าเซี่ยวี่เสวียนจะไม่รู้ประโยชน์ของปีกอันนี้น่ะสิ นางเห็นข้าเป็นศัตรู ตอนนี้ข้ากลับพูดแบบนี้ออกไป คิดว่านางจะเพิ่มไฟแค้นให้นางมากกว่า ด้วยนิสัยของนาง ตอนนี้คงไม่ได้คิดว่าเฉี่ยวเอ๋อจะเป็นกำลังเพิ่มอำนาจให้นาง แต่จะรู้สึกว่าเฉี่ยวเอ๋อหักหลังนาง เมื่อเป็นแบบนี้ เสืออย่างนางติดปีกหรือว่าหักปีล่ะ?” เมื่อได้ยินดังนั้น ตงวี่จึงเข้าใจ นางยิ้มไม่หยุด“จริงด้วย ทำไมบ่าวถึงคิดไม่ถึง คุณหนูรองขี้อิจฉา คงไม่ยอมให้เฉี่ยวเอ๋อแน่ๆ ไม่แน่นายบ่าวคู่นี้อาจจะแตกหักเลยก็ได้ ฮ่าฮ่า น่าสนุกจริงๆเลย” เห็นนางหัวเราะจนจะบ้า เซี่ยอีอีก็หัวเราะเช่นกัน“เอาล่ะ น้ำของข้าเย็นหมดแล้ว เจ้ายังจะยืนสนุกอยู่นี่อีก สองสามวันนี้เจ้าก็จับตาดูให้ดี ไม่แน่อาจจะมีเรื่องน่าสนุกกว่านี้ก็ได้!” ..............
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
ตอนที่ 27 หักปีก
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A